บทที่1
จุดเริ่มต้น
ปี พ.ศ. 2540
ในที่สุดผมก็ได้เรียนในมหาวิทยาลัย เพราะผมได้จดหมายประกาศผลสอบเอ็นทรานจากทางรัฐ และผมแอบส่องมันกับแสงไฟแล้ว มีข้อความอยู่ภายในถึง 4 บรรทัด แต่ที่ดีใจกว่าคงจะเป็นแม่และพ่อเพราะผมไม่เคยที่จะอ่านหนังสือให้พ่อและได้เห็นเพราะก่อนนอนทุกคืนใน 3 เดือนผมเอาข้อสอบเก่าๆย้อนหลังของการสอบเอ็น และทำความเข้าใจจากการคำตอบที่เขามาเฉลย
ที่โรงเรียนมัธยมปลายผมได้พบคนๆนึงที่เป็นคนที่บอกรักคนแรกแต่การบอกรักไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นักเพราะการบอกรักก็ผ่านโทรศัพท์แถมพูดเพราะไม่มีทางที่จะทำให้เขามาสนใจผมอีกแล้วเพราะทำยังไงเขาก็ไปสนในเพื่อนที่ดูดีกว่าผมและเจ้าชู้
จนมีครั้งหนึ่งในช่วง ม.5 ทำตัวแย่ๆจีบเขาไปทั่วเพราะ เพื่อนของคนที่เราชอบมาบอกกับเราว่าเขาไม่ชอบเราเพราะดีเกินไปเลยแย่ซะ ปรับตัวได้อีกทีก็ก่อนขึ้น ม.6 แต่ก็ทำให้เราเลือกที่จะหนีไปไกลจากที่ๆอยู่ โดยเลือกที่จะไปอยู่เชียงใหม่หนีไปจากบรรยกาศกรุงเทพที่อยู่มันมาแต่เด็ก
ในที่สุดก็คงจะได้ไปเพราะเลือกไปซะ 3 อันดับเพราะสมัยนั้นเลือกได้4อันดับเลือกให้อยู่ในกรุงเทพก่อนอันดับสุดท้ายเพราะอยากรู้ว่ามีโอกาสสุดท้ายที่จะได้เจอกับเขาหรือไม่พอเปิดซองจดหมายออกมาสรุปผมได้อันดับสุดท้ายคือรังสีเทคนิคมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พอเปิดซองแม่ก็ร้องไห้เพราะดีใจที่ลูกเอ็นติด
หลังจากนั้น 2-3 วันเพื่อนๆที่เที่ยวกันก็มารวมแล้วถามว่าใครสอบติดอะไรบ้างสรุป 8 คนมีผมติดคนเดียวเพื่อนก็บอกให้ไปตรวจสอบผลเอ็นใหม่เพราะอาจผิดอันดับได้เพราะเพื่อนๆอยากให้ติดอันดับก่อนหน้าที่เป็นอันดับเดียวที่เลือกในกรุงเทพเพื่อนๆจะได้มีเวลาเจอกัน
แต่ก็ไม่ทำเพราะว่าถ้าไม่ติดซักที่เลยอาจจะกลายเป็นไม่ได้เลย
แม้ใจหนึ่งก็อยากแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าจะได้อิสระซักทีเพราะที่บ้านเป็นเชื้อสายจีนการออกจากบ้านเป็นเรื่องลำบากมากเพราะผู้ใหญ่ในบ้านจะคอยทุกครั้งไป
ก่อนจะไปสอบสัมภาษณ์ แม่ก็บอกให้ไปสละสิทธิซะเพราะจะให้อยู่ในกรุงเทพไม่ให้อยู่ไกลบ้าน
แต่ไม่ว่าใครจะว่าไงก็ตัดสินใจแล้วจริงๆที่จะทำอย่างนี้ ส่วนคนที่ชอบก็โทรหาทุกวันศุกร์และคาดว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทำให้เขามาสนใจเราซักที
พอมาถึงเชียงใหม่ก็มาเจอเมืองที่น่าอยู่และอากาศดีมากกว่าที่เขาบอกกันและผมก็ไม่ได้คาดคิดว่าการมาต่างที่ครั้งนี้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับผมคือได้พบกับคนที่ผมรักมากป็นครั้งแรกและเข้าใจว่าอะไรแน่คือความรักในการเดินทางมาครั้งนี้
การสอบสัมภาษณ์ทำในห้องที่แปลงมาจากห้องเรียนของทางคณะคือสอบกันในห้องนั้นแทบทั้งคณะและมีช่องสำหรับแต่ละเมเจอร์ในการสัมภาษณ์แล้วผมก็ได้ขึ้นไปในห้องสัมภาษณ์ เจอกับคนมานั่งรอแถวสอบสัมภาษณ์กันอยู่จึงไปนั่งรอต่อแถวเพื่อเข้าสอบสัมภาษณ์ในตอนนั้นก็มีผู้หญิงทอมๆคนหนึ่งในชุดนักศึกษากับผู้หญิงดูลูกครึ่งจีนนั่งอยู่
จะบอกว่ารู้สึกแปลกกับน้องที่ออกแนวลูกครึ่งจีนคนนั้น(ใส่ชุดสตรีวิทย์2)
ไงหวัดดีเราชื้อต้องนะเราย้ายมาจากคณะอื่นเอ็นใหม่ติดเมเจอร์นี้ คนที่ออกทอมๆพูดออกมา
ก็ชื่อแต้ครับผมตอบกลับไปด้วยความรู้สึกขำๆ
เพราะตอนนั้นเครียดอยู่ว่าจะได้เข้าเรียนไหม
แล้วเธอหละ ต้องหันไปถามอีกฟากกับสาวหมวย
ชื่อทิพย์ค่ะดูเหมือนกังวลกว่าผมอีกแต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อมีคนชวนคุย
ไม่ต้องคิดมากกันหรอกเดียวก็จะได้เป็นเพื่อนกันแล้วอีกตั้ง4ปีต้องพูดออกมา
ได้งั้นก็ดีดิเพราะจะได้อิสระตั้ง 4 ปีแต่จะสัมภาษณ์ผ่านไหมเนี่ยผมคิดในใจ
เขาคงไม่ใจร้ายไม่ให้เข้าเรียนหรอกต้องพูดต่อทำให้บรรยากาศในช่วงนั้นคลายลงเยอะ
ก็จริงนะทิพย์ดูสบายใจขึ้นหลังจากได้ยินต้องพูด
นายพีระพันธ์ กรรมการสอบเรียกชื่อผม
ไปขึ้นเขียงก่อนละผมบอกกับทั้ง2คน
ผมสอบสัมภาษณ์กับกรรมการผู้หญิงท่านหนึ่งผมยาวรูปร่างท้วมหน่อย
สวัสดีครับผมพีระพันธ์ครับ ผมบอกกับกรมการคุมสอบ
สวัสดีค่ะครูชื่ออาจารย์อุทุมาวันนี้จะมาสอบสัมภาษณ์กรรมการตอบมา
อย่าไปเครียดมากเพราะยังไงทางมหาลัยก็รับเธอเข้าเรียนอยู่แล้วที่สอบคราวนี้เพราะอยากรู้ความสามารถในการที่จะมาเรียนในมหาลัยนี้หรือเปล่าอ.อุทุมาพูดต่อ
ก่อนอื่นขอถามก่อนว่าทำไมถึงมาเรียนที่นี่อ.ถาม
ตอบดีไหมว่าอยากมาลองอยู่ไกลบ้านและหนีจากใครบางคนมาทุกคนก็คงพอรู้ว่าใครจะโง่พอที่จะตอบแบบนั้น
คือผมว่ามหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่น่าอยู่มากและได้ยินมานานแล้วและตั้งอยู่ใน จ.เชียงใหม่ที่น่าอยู่จริงๆ
ผมไม่ได้โกหกนะแค่เอาสาระสำคัญบางด้านมาตอบ
แล้วรู้เรื่องเกี่ยวกับรังสีเทคนิคว่ายังไง
ก็เคยได้ยินจากทางข่าวโทรทัศน์แล้วหลังจากนั้นสัพเพเหระร่วม 10 นาที
งั้นเอาเป็นว่ายินดีด้วยที่ได้เข้าเรียนที่นี่นะขอให้ได้เจอกันอีกวันเปิดเทอมอ.อุทุมากล่าวปิดท้าย
ขอบคุณครับผมกล่าวลาด้วยความดีใจจึงรับเอกสารแล้วลงไปข้างล่างเลย
ข้างล่างตรงทางออกมีพวกรุ่นพี่กำลังตั้งโต๊ะกันอยู่
น้องๆคนนั้นหนะ
พี่ที่อยู่ในกลุ่มเรียกผมไป
เอ้อน้องเป็นคนที่ไหนคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นมา
กรุงเทพฯครับผมตอบไปอย่างงง
ดีเลยคือพวกพี่เปิดโต๊ะรับสมัครน้องที่จะมารับน้องทางรถไฟโดยพวกพี่จะไปรับกันที่สถานีหัวลำโพง
น่าสนนะเพราะขนาดมากับพ่อวันนี้แกยังให้มาคนเดียวเลยมากันเมื่อวานตอนเช้ามาส่งเสร็จก็ไปดอยสุเทพกันหมดมาคราวหน้ามีหวังโดนปล่อยเดี่ยวเหมือนเดิมแน่ตู
ก็น่าสนนะพี่แล้วต้องทำไงบ้าง
ง่ายๆค่าตั๋ว40บาทแล้วก็มาเจอกันที่หัวลำโพง
โอเคพี่ผมยื่นเงินให้ไปพร้อมกับรับตั๋วมา
เป็นกระดาษแผ่นเล็กๆไม่แน่ใจวันที่แต่ที่จำได้น่าจะ16เมษายน
แล้วตอนนี้จะต้องไปทำอะไรต่อพี่
ก็ตอนนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวเขาจะไปจองหอพักกันที่ศาลาอ่างแก้วหน้ามหาวิทยาลัย
โอเคครับ พอได้ยินอย่างนั้นผมก็เดินออกมาเพราะจะรีบโทรไปบอกพ่อว่าสอบได้แล้วเพราะดีใจมาก แต่พอโทรหาพ่อก็ไม่ติด
ในตอนนั้นพ่อผมคงยังไม่ลงจากดอยมั้งก็คิดว่าเอาไงดีหวาศาลาอ่างแก้วไปไงเลยออกมาข้างหน้าคณะเจอรถสองแถวแดงผ่านมาคนเชียงใหม่เรียกกันว่ารถแดงจึงถามคนขับว่าสายไหนไปศาลาอ่างแก้วที่เขาจองหอ
คนขับก็บอกให้ขึ้นเลยคนขับก็ขับเข้าไปทางหน้ามหาลัยตอนนั้นผมรู้สึกว่ามหาลัยกว้างมากเพราะขับจากที่ผมโบกก็ไกลพอดู
จนไปถึงศาลาหน้ามหาวิทยาลัยมีคนอยู่กันเยอะมาก พอเดินเข้าไปก็มีพี่ที่อยู่ข้างในมาถามและแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการจองหอพี่แต่ละหอ
เพิ่งมารู้อีกทีที่หลังว่าจริงๆถ้ารออีกซักพักตรงชั้นล่างของบริเวณที่สอบสัมภาษณ์จะมีพี่ๆพามาส่งกันอยู่แล้ว
จองหอเสร็จก็ลองโทรหาพ่ออีกครั้งหาตู้โทรศัพท์เจอละหลังจากติดต่อพ่อได้พ่อก็บอกให้ไปรอที่โรงแรมเลยและเชคเอาท์เอาของมารอข้างล่าง
แล้วผมก็เอาของลงมารอด้านล่างตามคำสั่งพ่อและเดินทางกลับกรุงเทพกับพ่อในสายวันนั้นเลย
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:24:09
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:22:17
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:14:12
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:08:34
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 19:07:37