บทที่ 9 : ศึกชิงนาง
ทฤษฏีโลกกลมถูกจัดฉากขึ้นอีกหลายครั้งหลายคราอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครสงสัย คิมหันต์ใช้ช่วงเวลาที่สินีนาฏไปเพ้นท์ผนังแกลอรี่ให้ พาฝ่ายหญิงออกไปทานอาหารและดูนั่นนู่นนี่โดยใช้ข้ออ้างสุดสมเหตุสมผล คือต้องการคนช่วยตกแต่ง
“ถ้าใช้แจกันเรียบๆ แบบดีกว่าเหรอครับ”
“ค่ะ เท่าที่นิเคยเห็นก็เป็นแบบนี้นะคะ เพราะสถานที่ไม่ควรเด่นกว่าสิ่งที่จัดแสดง ไม่อย่างงั้นจะถูกดึงความสนใจเสียหมด แต่ถ้าคุณคิมต้องการทำให้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครก็คงต้องคิดให้รอบคอบหน่อย เพราะถ้าใส่ลูกเล่นอะไรมากไป มันจะผิดเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอให้คนดู” ออกความเห็นแล้วเจ้าตัวก็หยิบนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้บางคนต้องมองตามด้วยความสนใจ
หลายครั้งที่เขาใช้ความแนบเนียนโดยอ้างเหตุผลจากการทำงาน พาสินีนาฏไปยังสถานที่ๆ รู้ว่าเวธกาจะผ่านมาเจอ ความได้เปรียบของคิมหันต์อยู่ตรงที่เขารู้จักเวธกามากกว่าที่อีกฝ่ายจะรู้จักเขา ส่วนคิรากรนั้นแม้จะต่างฝ่ายรู้เท่าทัน แต่ความกล้าที่จะใช้กลโกงนั้นคิมหันต์เป็นต่อ!
สินีนาฏในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว แขนสั้นถูกพันขึ้นอย่างทะมัดทะแมง ร่างบางลุกขึ้นยืนนั่งอย่างไม่กังวลด้วยกางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้าซีดเข้ารูป ฝ่ามือนุ่มกุมแปรงทาสีตวัดไปมากับฝาผนังอย่างเพลิดเพลินเพราะเจ้าของแกลอรี่ใจดีช่วยเปิดเพลงจังหวะเบาๆ สร้างอารมณ์สุนทรีย์ คิมหันต์มองภาพนั้นอย่างอดยิ้มตามไม่ได้ การแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ของสินีนาฏในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อให้คล่องแคล่วกับงานนั้นทำให้เจ้าหล่อนดูเป็นธรรมชาติ น่ารัก ซ้ำยังดูอ่อนกว่าวัยตั้งเยอะแยะ
การถูกสะกดสายตาอย่างที่คิมหันต์เคยเป็น ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนี้ ต่างกันมาก แทบจะเรียกได้ว่าคนละอย่าง เขาเห็นผู้หญิงสวยๆ มาเยอะ สวยชนิดที่ไม่อยากจะละสายตาก็มี แต่ก็แค่รู้สึกว่าสวย ‘น่าจับต้อง’ หากหาได้รู้สึกว่า ‘น่ามอง’ ขนาดนี้
สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงที่ถูกปรุงแต่งให้เลิศเลอราวกับนกยูงรำแพน ไม่สามารถสะกดสายตาเขาได้นานเท่านกกระจิบที่เกาะกิ่งไม้อยู่ตามธรรมชาติ มองได้เรื่อยๆ มองจนเพลิน เพลินเสียจนเขาไม่ได้สังเกตว่ามีร่างสูงคุ้นตาในชุดสูทสีเทามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านานกว่านาทีแล้ว
“จะจ้องจนเขาจืดเลยไหม” คำถามแบบไม่ต้องการคำตอบจากคิรากร เรียกคนตกอยู่ในภวังค์ให้สะดุ้งหันกลับมา
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” คิมหันต์สำลักขำขณะมองหน้าพี่ชายด้วยรู้สึกงงนิดๆ
“สักสามชั่วโมงเห็นจะได้” อีกฝ่ายตอบกวน ชวนเจ้าของแกลอรี่อดเยาะกลับไม่ได้
“พักนี้ พี่คีย์แวะมาที่นี่บ่อยนะ ว่างมากเลยเหรอ”
“มีธุระแถวนี้ เลยแวะมาดู...”
“แวะมาดู?” หรือจับผิดเขากันแน่... คิมหันต์คิด
“นายใช้งานคุณนิหนักไปรึเปล่า สี่วันแล้วยังวาดไม่ได้ครึ่งผนังเลย” คิรากรติงอย่างแฝงเลศนัย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้องชายตนเองลากสินีนาฏพาไปไหนต่อไหนมาบ้าง ทั้งที่เห็นกับตาและที่เวธกาเห็น ล้วนเข้าถึงหูเขาทั้งนั้น “คุณนิเธอมาที่นี่ในฐานะจิตกร ไม่ใช่เลขาส่วนตัวที่นายคิดจะลากเธอไปไหนมาไหนด้วยข้ออ้างแบบนั้น”
“อืม... ก็ถูกของพี่คีย์ ผมกำลังคิดอยู่ทีเดียวว่าจะให้เธอมาอยู่ในฐานะไหน ถึงจะพาไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีใครข้องใจ” เจ้าของแกลอรี่สบตาคนชอบข้องใจอย่างไม่คิดปิดบังก่อนจะหันไปทางจิตกรสาวที่ยังเพลิดเพลินกับการวาดผนังจนไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงผู้มาใหม่ และแม้คิมหันต์จะตั้งใจพูดให้คิรากรคิด หากแต่สายตาที่เขามองไปด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจกำลังทำให้คนเป็นพี่ชายต้องจ้องมองน้องรักอย่างค้นหา “เอาเถอะน่าพี่คีย์... ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย คุณนิเขาออกจะน่ารักขนาดนั้น...”
ทีท่าแบบนั้นทำให้คิรากรยิ่งข้องใจ... บางทีสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ คงต้องคิดใหม่... ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่มองแง่มุมไหนก็ไม่มีอะไรสู้เวธกาได้อย่างสินีนาฏ อาจเป็นคนที่ทำให้คิมหันต์ตกหลุมรักถึงขั้นตัดสินใจทิ้งผู้หญิงคนสำคัญของก็เป็นได้!
คิมหันต์ละสายตาจากร่างบางมาส่งรอยยิ้มให้คิรากร แต่ยังไม่ทันได้พูดว่ากระไร จิตกรสาวชั่วคราวก็หันมาส่งเสียงทักทายแล้ววางเครื่องไม้เครื่องมือลง
“อ้าว คุณคีย์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย นิไม่ยักเห็น” สินีนาฏยิ้มกว้าง แม้ว่าสองสามวันมานี้คิรากรจะมาบ่อย ทว่าก็มาช่วงสายๆ หรือต้นๆ บ่าย ไม่ใช่เวลาเย็นย่ำแบบนี้ เหตุที่ยิ้มก็เพราะอดคาดหวังไม่ได้ว่า อาจจะมีสารถีชื่อคิรากร ศรัณย์รัชต์ อาสาพาไปส่ง แม้ว่าจะเป็นคอนโดของ ปติญญาไม่ใช่อพาร์ทเม้นต์ที่ตนอาศัยอยู่จริงก็ตาม
“เพิ่งมาถึงเองครับ” คิรากรว่าพลางเดินไปหาสินีนาฏและหยุดยืนดูผลงานที่พอจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นบ้าง
“ห้ามตินะคะ ไม่งั้นนิคงใจแป้ว วาดต่อไม่ไหว” หญิงสาวเอ่ยแซวเมื่อเห็นเจ้าของร่างสูงเอาสองมือล้วงกระเป๋าแล้วมองมันอย่างตั้งใจ คนถูกแซวแย้มรอยยิ้มพร้อมหันมาสบตา
“ผมติงานแบบนี้ไม่เป็นหรอกครับ ไม่ค่อยมีหัวทางด้านภาพวาดสักเท่าไหร่ แต่เอาจากที่เห็นตอนนี้ ดูดีครับ” คิรากรชม
“ฟังคุณคีย์พูดอย่างนี้นิค่อยสบายใจขึ้นหน่อยค่ะ ยังกลัวอยู่ว่าน้องชายคุณอาจจะคิดผิดที่เลือกผลงานของนิมาพรีเซ้นต์ผนังกลางทางเข้าแบบนี้”
“อย่ากังวลไปเลยครับ ทุกสิ่งที่รายนี้สนใจ แปลว่าต้องมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่…” คิรากรหันไปมองสินีนาฏที่กำลังยิ้มอย่างโล่งใจ ใช่... ทุกสิ่งที่คิมหันต์สนใจ ย่อมมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่ และเขาก็ต้องรู้ให้ได้!
“ยังไงผมก็ต้องผ่านไปทางนั้นอยู่ดี ให้ผมไปส่งนะครับ” ถ้อยคำนั้นของคิรากรทำเอาคิมหันต์ถึงกับตื่นตะลึง พี่ชายเขากำลังคิดจะทำอะไร!
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
23 มี.ค. 54 17:36:43
|
|
|
|