Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทางสายกรรม ติดต่อทีมงาน

ทางสายกรรม
มนตราสิริ

สายสมรหรือที่ใครๆ เรียกว่าป้าหมอน มีอาชีพเป็นแม่บ้านในสำนักงานแห่งหนึ่ง เป็นสาวใหญ่วัยดึกอายุได้ 50 ปีเต็มแล้ว วันเกิดครบรอบ 50 เพิ่งผ่านไปได้ 2 วันแต่ก็ไม่ได้เป็นวันพิเศษ สำหรับนางหรือใคร นางก็ยังตื่นแต่เช้าเดินทางไปทำงานในอาชีพแม่บ้าน ตกเย็นก็หาสำรับกับข้าวกลับบ้านเหมือนอย่างปกติ
ตีห้าเป็นเวลาเดียวที่สายสมรลืมตาขึ้นทุกเช้า ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงครึ่งก็จะถึงบริษัทที่นางทำงานอยู่
เช้านี้แตกต่างไปจากเช้าอื่นๆ เพราะเป็นวันเสาร์ เป็นวันที่ทางบริษัทอนุญาตให้พนักงานทุกคนเข้างานสายได้ถึง 9 โมง จากปกติสายสมรต้องเข้างาน 7โมงเช้า ซ้ำวันเสาร์รถก็ไม่ติดสายสมรจึงมีเวลาจัดการธุระที่บ้านให้เรียบร้อยก่อน
เสาร์นี้ก็แตกต่างไปจากเสาร์อื่นๆ เพราะญาติที่ต่างจังหวัดเดินทางมาเยี่ยมถึงกรุงเทพ จากเสาร์ที่เคยนอนตื่นสายๆ ตื่นขึ้นมาปัดกวาดเช็ดถูบ้านก่อนเดินทางไปทำงาน เสาร์นี้นางต้องตื่นเช้าเช่นทุกวัน เพราะนอกจากปัดกวาดเช็ดถูแล้วนางต้องเตรียมอาหารไว้ให้แขกด้วย
แขกมาเยี่ยมบ้านนางก็รู้สึกดีใจอยู่บ้าง แต่ลึกๆใจจริงแล้วนางไม่อยากให้ใครมารู้ความเป็นไปในครอบครัวของนางนัก
“พี่ๆ” สายสมรเขย่าร่างของสามีที่ยังนอนหลับอุตุบนเตียง
“พี่”
“อะไรหนักหนา วันนี้วันเสาร์ เอ็งจะรีบปลุกข้าให้ตื่นขึ้นมาทำไม” สามีงึมงำอย่างรำคาญเต็มที
“ตื่นหน่อยเถอะพี่ วันนี้น้องสาวฉันมาเยี่ยมจำไม่ได้เหรอ”
สามีถอนหายใจหงุดหงิด “ก็ได้ ก็ได้ ผัดกับข้าวกับปลาเตรียมไว้แล้วหรือยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้ว ฉันไปทำงานล่ะนะ”
“ไปแล้วใครจะดูแลแขก หยุดงานสักวันไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้เขาก็จะกลับกันแล้ว”
“ไม่ได้หรอกพี่ ไม่จำเป็นจริงๆ ฉันไม่อยากขาดงาน แล้วอีกอย่างวันนี้นายเขามีแขกสำคัญมาพบที่บริษัทด้วย”
“ขาดงานวันเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”
“วันนี้ขาดไม่ได้จริงๆ นะจ๊ะ แล้วพี่ก็อยู่ทั้งคน”
“เอา เอา ดูแลให้ก็ได้ อย่างนี้ทุกทีสิน่า” ผู้เป็นสามีบ่นงึมงำก่อนเดินเข้าห้องน้ำ
ปลุกสามีเรียบร้อยสายสมรก็คว้ากระเป๋าที่เตรียมไว้เดินลงบันใดไปชั้นล่าง พบน้องสาวพร้อมกับสามี และลูกชายของนางที่ตื่นกันทุกคนแล้ว นั่งอยู่ที่ห้องโถง
“ตื่นแล้วเหรอ หิวกันหรือยัง ม้า มาหิวก็กินข้าวกินปลาก่อนเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ยังไม่หิวเลยพี่ ไว้รอกินพร้อมกัน แล้วนี่พี่จะไปทำงานแล้วเหรอ”
“จะไปแล้ว วันนี้ไปเช้าหน่อย”
“จะรีบไปไหนตั้งแต่มายังไม่ได้คุยกันเลย คุยกันก่อนสิพี่หมอน”
“ไม่ได้จริงๆ วันนี้ต้องไปแต่เช้า บริษัทจะมีแขกคนสำคัญมากัน”
“ถ้าพี่ว่าอย่างนั้นก็ตามใจเถอะ งั้นฉันขอเดินไปส่งพี่ที่ปากซอยนะ จะได้คุยกันประสาพี่ๆ น้องๆ” สายสุนีย์บอกก่อนลุกขึ้นเดินนำหน้าพี่สาวออกไปหน้าบ้าน สวมร้องเท้ายืนรออยู่ที่นอกรั้ว
สายสมรไม่รู้จะขัดยังไงจึงตามใจน้องสาว นางกับน้องสาวไม่ได้คุยกันตามประสาพี่ๆ น้องๆ นานแล้ว จะมีคุยกันบ้างทางโทรศัพท์ทางไกลแต่ที่ไหนจะเหมือนคุยตัวต่อตัวแบบนี้
ออกจากบ้านสายสมรทอดฝีเท้าให้ช้าลงกว่าเคย รอน้องสาวเดินเคียงข้างไป ทั้งคู่อายุห่างกันแค่ 3 ปี ใบหน้ามีเค้าความงามเหมือนกัน แต่พี่สาวกลับมีรอยเหี่ยวย่นราวกับอายุต่างกันสัก 10 ปี ขณะที่น้องสาวยังสวยพริ้งใบหน้าตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสวยงาม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าดูดีสมวัย
“พี่หมอนยังหาเลี้ยงครอบครัวงกๆ เป็นหลักอยู่คนเดียวใช่ไหม” น้องสาวเอ่ยขึ้นขณะที่เดินไปด้วยกันได้สักครู่
สายสมรถอนใจยาวก่อนพยักหน้ารับกับน้องสาว
“พี่สิทธิ์สามีพี่ล่ะ นั่งๆ นอนๆ ไม่เห็นทำอะไร” น้องสาวถามประสาคนตรง
“รับจ้างทั่วไป ก็เคยบอกให้ลองไปขับรถรับจ้างดู ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดี หาเงินช่วยกันอีกแรง บอกแล้วบอกอีกก็ไม่ไป บอกว่าเป็นคนขี้ร้อนขับรถยู่กลางถนนนานๆ ไม่ไหว”
“โห...พี่มันจะสำอางไปหน่อยแล้วมั้ง ลำบากก็ต้องทน ดูอย่างสามีฉันสิ” สายสุนีย์พูดขึ้นอย่างมีน้ำโห เป็นเดือดเป็นแค้นแทนพี่สาวร่วมสายเลือด
“พี่พูดไปหลายครั้งแล้ว ไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำยังไง พี่ก็ไม่ชอบใจแต่จะให้เลิกกันคงเป็นไปไม่ได้ ลูกเต้าก็มี บ้านช่องก็ผ่อนส่งอยู่ด้วยกัน ตัดกันไม่ขาดหรอก”
“ผ่อนส่งด้วยกันที่ไหน ก็พี่ไม่ใช่เหรอทำงานผ่อนส่งอยู่คนเดียว แต่เอาเถอะอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยพูดแล้วเสียอารมณ์” น้องสาวว่า
สายสุนีย์กับสายสมรสองพี่น้องเป็นคนจังหวัดทางภาคเหนือ และมีการศึกษาไม่สูงนัก ทั้งคู่มีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สายสมรหนีงานรับจ้างทำไร่ไถนาอยู่บ้านนอกมาต่อสู้ดิ้นรนในเมืองใหญ่แต่ชีวิตไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด ยังต้องทำงานระดับล่างใช้แรงงานจนเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่เหมือนเดิม ในขณะที่สายสุนีย์แม้ไม่ได้ดิ้นรนเข้ามาเมืองหลวงแต่ชีวิตกลับสุขสบายได้สามีดีทำไร่ ทำนา ค้าขายหาเลี้ยงนางและลูกๆ ให้ไม่ต้องลำบากตรากตรำอะไร ซ้ำพอแก่ตัวมายังมีตำแหน่งคุณนายผู้ใหญ่บ้านพ่วงเข้ามาให้มีหน้ามีตาขึ้นไปอีก
“ชีวิตพี่มันมีกรรมจะให้ทำยังไงได้” สายสมรพูดอย่างปลงๆ
สายสุนีย์ได้แต่ส่ายหน้าอึดอัดขัดใจจะเข้าไปก้าวก่ายยิ่งกว่านี้ก็ไม่สะดวกใจนัก
เดินออกมาได้ถึงกลางซอยแม่ค้าขายข้าวแกงราคาถูกร่างท้วมส่งยิ้มมาให้แต่ไกล พร้อมร้องทักขึ้น
“ป้าหมอนวันนี้กินอะไรดีจ๊ะ”
“วันนี้ไม่เอา ห่อข้าวมาจากบ้านแล้ว” สายสมรร้องตอบ
“แล้วนี่ใคร พี่น้องกันหรือเปล่าหน้าเหมือนกันเชียว”
“น้องสาวฉันเองจ้ะ มาจากต่างจังหวัด มาเยี่ยม”
“แหมมีน้องสาวสวยเชียวนะ” แม่ค้าชม
สายสมรได้แต่ยิ้มรับ
เจ็ดโมงเช้าไม่เช้าตรู่มากแต่เนื่องจากเป็นวันเสาร์ ถนนภายในซอยคนจึงไม่พลุกพล่านนัก คล้อยหลังจากแม่ค้าสายสุนีย์ก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“แล้วลูกชายพี่ล่ะ เห็นพักก่อนบอกว่าได้งานแล้ว เงินดีหรือเปล่า”
“ฟังว่าพอเลี้ยงตัวเองได้ อาศัยว่าขยัน ขับรถรับจ้างทนร้อนทนฝุ่น แต่แหมอันตราย”สายสมรเกริ่นนำ
“แล้ว...”
“ทำได้สักสี่ห้าเดือนพ่อก็ให้ลาออก บอกให้หางานดีๆ ทำไปเลย เลยว่างงานอยู่”
“งานแบบไหนล่ะงานดีๆ ที่ว่า”
“เห็นเขาดูๆ อยู่กับพ่อ พี่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาชอบงานอะไร”
“เลือกงานนักก็ไม่ดี มีงานอะไรพอทำได้ก็ทำๆ ไปก่อน” น้องสาวสอนเหมือนเป็นพี่
สายสมรได้แต่พยักหน้า ที่จริงนางไม่กล้ามีปากมีเสียงอะไรกับพ่อลูกคู่นี้ ไม่พูดเรื่องนี้ต่อไปให้เสียเวลา เพราะถ้าซักต่อไปอีกหน่อยน้องสาวก็จะรู้ว่าลูกชายวัย 25 ปีของนางไม่เป็นโล้เป็นพายทำงานที่ไหนไม่เกิน 3 เดือนซ้ำตกงานโต๋เต๋อยู่บ้านกว่า 2 ปีแล้ว
“แล้วน้องฟ้าล่ะ ตอนนี้อยู่ชั้นไหนแล้ว” พูดถึงลูกสาวคนเล็กสายสมรก็ยิ้มออกมาได้
“น้องฟ้าเป็นเด็กเรียนดี ปีนี้อยู่ปอหก ปีหน้าก็ขึ้นมอหนึ่งแล้ว เต้นรำเก่งครูที่โรงเรียนพาออกงานเรื่อย ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว เคยเขียนจดหมายส่งรูปไปให้ดูนั่นไง”
“เรียนมอหนึ่งที่กรุงเทพค่าใช้จ่ายสูงไหมพี่”
คำถามของน้องสาวทำให้ใบหน้ายิ้มแย้มของพี่เจื่อนไป
“เรียนโรงเรียนวัดไม่สูงอะไรมาก” สายสมรอ้อมแอ้มตอบก่อนจะลำบากใจไปกว่านี้ก็พอดีเดินถึงป้ายรถเมล์
“เอ้อ...แล้วแป้งล่ะเห็นว่าแต่งงานไปแล้วกลับมาช่วยทางบ้านบ้างไหม” สายสุนีย์ถามหาลูกอีกคนของพี่สาว
“เป็นฝั่งเป็นฝาไปก็ดีแล้ว หมดห่วงไปคน ไม่ได้หวังให้เขามาช่วยอะไร”
“พี่ก็เป็นอย่างนี้ ผัวกับลูกเลยได้ใจใหญ่”
“แน่ะรถมาแล้ว” สายสมรยิ้มดีใจ “พี่ไปละนะ” รถเมล์จอดเทียบนางก็ก้าวขึ้นบนรถหลุดพ้นจากคำถามที่ทำให้อึดอัดขัดใจทั้งปวง

ขึ้นรถมาได้สายสมรก็ทอดถอนใจในชะตาชีวิต เมื่อไหร่ไม่ทราบที่นางยอมรับสภาพเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวโดยลำพัง นี่น้องสาวยังไม่รู้ว่าสามีและลูกอยู่บ้านทำตัวเหมือนเจ้านาย นอกจากจะไม่มีงานทำแล้วยังไม่เคยหยิบจับงานบ้านช่วยเหลือนางอีกด้วย ทิ้งให้เป็นภาระของสายสมรที่เมื่อกลับจากที่ทำงานแล้วยังต้องกลับมาทำงานบ้านอีก
วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดงานของคนส่วนใหญ่ ถนนจึงโล่ง รถราก็ไม่ติด รวมถึงคนบนรถเมล์ก็พลอยน้อยตามไปด้วย จึงมีที่ว่างให้ได้นั่งหย่อนใจไปตลอดทาง ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา ลูกชายมีงานทำพ้นจากอกแม่สักทีคงดีไม่น้อย
สายสมรถึงบริษัทเก้าโมงตรงพอดีทั้งที่ตั้งใจจะมาก่อนเวลา ทำความสะอาดห้องนายก่อนแขกจะมาถึง แต่ไม่ทันเสียแล้ว กลายเป็นลำไยแม่บ้านอีกคนหนึ่งทำหน้าที่แทนนาง
“มาสายนะวันนี้เอ็ง หมอน” ลำไยทักขึ้นเมื่อเห็นสายสมรเดินไปหลังครัว ลำไยเป็นหญิงแก่ร่างบาง คนจังหวัดน่าน เป็นแม่บ้านชั้นเดียวกับนาง
“แขกมาหรือยังพี่”
“ยังนี่ แต่ข้าทำความสะอาดห้องนายให้แล้วเหลือแต่ตามโต๊ะพนักงาน”
“ขอเก็บของก่อน ทีหลังฉันทำเองนะพี่”

สายสมรเก็บของเรียบร้อยก็มาเช็ดๆ ถูๆ ตามโต๊ะ พร้อมๆ กับที่พนักงานเริ่มทยอยเข้างานมาเรื่อยๆ หนึ่งชั่วโมงให้หลังสายสมรก็จัดการงานเช็ดถูจนเรียบร้อย เหลือแค่งานบริการพนักงาน บริการแขกที่จะทยอยกันใช้งานมาเรื่อยๆ ช่วงนี้จึงเป็นเหมือนช่วงพักยก นางกับลำไยมีเวลานั่งหาหนังสือพิมพ์มาอ่านติดตามข่าวสารบ้านเมือง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นลำไยยังนั่งเฉยสายตายังเลื่อนไหลไปกับตัวอักษรบนกระดาษ สายสมรถอนหายใจเบื่อหน่าย ก่อนพยุงตัวลุกขึ้นก้าวเดินไปที่โทรศัพท์อย่างเชื่องช้า คาดเดาว่าคงเป็นคนในสำนักงานโทรเข้ามาสั่งน้ำให้แขก
“สวัสดีค่ะ” นางส่งเสียงทักทายออกไป
“หมอนเหรอ เอ็งรับสายก็ดีแล้ว” สิทธิ์ตะหวาดเสียงดังมาตามสาย “เมื่อกี้น้องสาวเอ็งพูดกับข้า ว่าจะให้ลูกมาเรียนที่นี้ ให้กินอยู่เสียที่บ้านเรา”
“อ๋อเรื่องนี้เอง”
“ก็เรื่องนี้นะสิ ไม่ได้นะ เอ็งจะยอมให้ลูกเขามากินอยู่กับเราฟรีๆ ไม่ได้”
“พี่อย่าเสียงดังสิ น้องสาวฉันอยู่นั่นหรือเปล่า”
“ไม่อยู่ ถ้าอยู่แล้วจะทำไม ข้าจะเสียงดัง ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบหรอก”
สายสมรถอนหายใจ โล่งอกไปเปราะหนึ่งกลัวว่าน้องสาวจะได้ยินสิ่งที่สิทธิ์สามีพูด
“เอาเปรียบเราที่ไหนละพี่ ใจเย็นๆ ก่อน แฟนเขาว่าจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้”
“หา ว่าอะไรนะ”
“จ่ายค่าเลี้ยงดู”
“แล้วไป” สามีตอบกลับมาเสียงอ่อน อารมณ์โมโหดูจะสงบลงทันที “ถ้าอย่างนี้ก็พอช่วยเหลือกันได้ ไม่ใช่มาอยู่มากินที่บ้านเราฟรีๆ”
สายสมรถอนหายใจโล่งอก การโกหกเป็นการทำผิดศีลข้อ 3 ก็จริง แต่บางครั้งถ้าการโกหกช่วยแก้ปัญหาได้มันก็จำเป็น
สายสมรวางสายโทรศัพท์ลงก็พอดีกับก้อยพนักงานบริษัทคนหนึ่งเปิดประตูห้องครัวเข้ามาบอก
“ ป้าหมอน ป้าไย นายเรียกพบค่ะ” เรียบร้อยก็พลุบหายไป ลำไยวางมือจากหนังสือพิมพ์เดินตามสายสมรออกไปพบนาย
“เมื่อเช้าใครเข้ามาทำความสะอาดในห้องนาย” พิมพาสาวใหญ่เลขานายเอ่ยปากขึ้นก่อน เมื่อสายสมรและลำไยไปหยุดยืนหน้าห้อง มีนายยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า
“ป้าเอง มีอะไรหรือคะคุณพิมพ์” ป้าลำไยเอ่ยขึ้น
“พระทองคำในห้องนาย คุณสมโภชน์เพิ่งเอามาให้เมื่อวานนี้หายไป”
“ป้าเปล่านะ พระเพอะอะไรป้าไม่เห็นทั้งนั้น”
“แล้วแกล่ะหมอน” นายผู้ชายเจ้าของบริษัท เป็นชายสูงอายุมาดอาเสี่ยถามขึ้นบ้าง
“ฉันก็เปล่า เมื่อเช้าฉันเอาแจกันดอกไม้ไปวางเดี๋ยวเดียวก็ออกมา ป้าลำไยก็อยู่”
“เอาละไม่ต้องเถียงกัน” นายผู้ชายตัดสิน “เอ็งสองคนอยู่ตรงนี้ ให้อ้อ กับน้อย ไปค้นหลังบ้าน ดูให้ทั่วนะ กระเป๋าทุกใบ ตามซอกตามมุมค้นให้ละเอียดถ้าเจอพระเอามาให้นาย”
คำสั่งนายออกไปแล้วทุกคนเงียบกริบปล่อยให้การค้นหาเป็นหน้าที่ของอ้อกับน้อย สักพักทั้งคู่ก็ออกมา ส่ายหน้า พร้อมกับที่อ้อบอกนายว่า
“ไม่เห็นพระทองสักองค์เลยค่ะ”
“หาทั่วแล้วหรือ”
“ค่ะ”
“ต้องเป็นพวกเอ็งคนใดคนหนึ่งในสองคนนี่แหละ คนอื่นยังไม่มีใครเข้าไปในห้องเลย”
“ฉันไม่ได้เอาไปจริงๆ นะนาย ให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้” ลำไยร้อนตัวเพราะเป็นนางเองที่เข้าไปความสะอาดในห้องนายตอนเช้า
“ยังมาปากแข็งอีก จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วไป จับได้เมื่อไหร่ข้าไม่เลี้ยงไว้หรอก” นายชี้หน้า พูดจบก็เดินเข้าห้องไป
พนักงานทุกคนหันมามองลำไยเป็นตาเดียวกัน ภายในห้องเงียบสนิท ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ลำไยน้ำตาเอ่อก่อนไหลย้อยลงมาอาบแก้มด้วยรู้ว่าทุกคนภายในห้องต่างสรุปแล้วว่าคนขโมยต้องเป็นนาง
เห็นเพื่อนร่วมงานสะอื้นไห้สายสมรจึงโอบไหล่ลำไยเดินกลับไปหลังบ้าน ความสนิทสนมทำให้นางรู้ดีที่สุดว่าไม่มีทางที่คนจริง กล้าได้กล้าเสีย มีน้ำใจ ซ้ำยังเป็นคนธรรมะธรรมโมอย่างลำไยจะเป็นคนขโมยพระในห้องนายไป แต่นางก็เป็นเพียงแม่บ้านตัวเล็ก เสียงของนางก็เป็นเสียงเล็กๆ ยืนยันกับใครไปใครเขาจะเชื่อ ก็ได้แต่ปลอบประโลมกันไปตามที่ทำได้ ยืนยันความคิดและความเข้าใจส่วนตัวหนักแน่น เท่านั้นก็ดูเหมือนลำไยจะพอใจในระดับหนึ่ง เงียบเสียงร้อง หยุดน้ำตาลงได้ สายสมรจึงขอปลีกตัวไปทำงานอื่น
‘ขัดห้องน้ำ’ งานน่าอัปยศอดสู แต่เมื่อเป็นงานในหน้าที่ ต้องก้มหน้าก้มตาทำ ทำจนชินกับความน่ารังเกียจ เคยชินกับความสกปรก จนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย
สายสมรเริ่มด้วยการใส่ถุงมือกันเปื้อน เทน้ำยาราดพื้น เทน้ำยาบนโถชักโครก ให้ฤทธิ์ของน้ำยากัดไปพลางขณะที่นางใช้ใยสังเคราะห์ขัดไปตามอ่างล้างหน้าและพื้นที่โดยรอบ จากนั้นก็ใช้แปลงด้ามยาวขัดตามพื้นห้องน้ำ ขัดตามชักโครกปิดท้ายด้วยการเทน้ำราดสิ่งสรกปกทุกอย่างบนพื้นให้ไหลไปตามท่อ หลังงานเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างห้องน้ำก็สะอาดเอี่ยม สายสมรนำอุปกรณ์ไปเก็บในห้องเก็บของ ใช้มือถอดถุงมือยางออก
ก่อนกลับบ้านนางเข้าไปสำรวจในห้องน้ำอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ห้องน้ำยังปลอดคน สายสมรดึงประตูห้องหนึ่งให้ปิดลง ทำธุระส่วนตัวที่คั่งค้างตั้งแต่ตอนเช้า
นางยกฝาอ้างเก็บน้ำเหนือชักโครกเปิดขึ้น
ทนอดใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป เอื้อมมือสั่นเทานิดๆ จุ่มลงไปในน้ำ ควานหาบางอย่าง ก่อนดึงมือขึ้นมา ปรากฏพระองค์เล็กสีทองแวววาวอยู่ในอุ้งมือ นางเพ่งพิศอย่างหลงใหล พระเครื่องจำลองรูปพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่สวยที่สุดในเมืองไทย ถ้านางมีเงินอีกสักนิดนางจะเก็บเอาไว้ชื่นชมเสียเอง แต่น่าเสียดายตอนนี้เงินกำลังขาดมือ พระเครื่องคงต้องถูกขายไปในไม่ช้า
สายสมรถอนหายใจหน่อยๆ การลักทรัพย์เป็นการทำผิดศีลข้อที่ 1 ก็จริงแต่บางครั้งถ้าการลักทรัพย์ช่วยแก้ปัญหาได้มันก็จำเป็น…
25 ธันวาคม 2550

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 22:19:16

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 22:15:11

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 22:03:21

จากคุณ : nantee2
เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 21:10:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com