 |

ห้องพักรับรองที่หมอชัชชัยให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจัดให้สองสาวมีเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งต่ออินเตอร์เนต ไว้ให้ผู้เข้าพักได้ใช้งาน พันพรอาบน้ำเสร็จก่อนระหว่างที่รอปานเนตรอาบน้ำจะได้เข้านอนพร้อมกัน หญิงสาวก็นั่งเปิด เนตเล่นดูโน่นดูนี่ฆ่าเวลา
แล้วอยู่ๆ ความคิดแวบหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว จึงพิมพ์ข้อความลงในช่องค้นหาของกูเกิ้ล เมื่อกดค้น ลีสต์มาก มายก็แสดงขึ้นในเวบเพจ เธอเลือกที่เป็นภาษาไทย เมื่อใช้เมาส์คลิกเปิดหน้าเวบ ภาพดาราหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา คนหนึ่งก็เปิดโชว์ขึ้นมาเป็นแกลอรี่
อืม.. ก็หล่อทุกมุมดีอยู่หรอกนะ นั่นสิสาวๆในเวบถึงได้คลั่งกันเกรียว ไม่มีเว้นแม้แต่เพื่อนฉัน เฮ้ย.. ยัยเนตรเอ้ย..รักใครไม่รักดันไปหลงรักดาราหนุ่มฮ่องกง ว่าแต่สมัยนี้มันต้องเกาหลีสิ ไม่อินเทรนด์ซะเลยเพื่อนเรา...
เธอเลือกกดลิ้งค์ข่าวคราวของเขามาอ่าน พลางพึมพำกับตัวเอง
แปลกนะ..แสดงเป็นพระเอกแค่เรื่องเดียวเอง นอกนั้นก็รับจ๊อบถ่ายแบบนานๆที ปีหนึ่งแค่สองสามครั้ง แล้วทำไมยัยเนตรบอกว่าเขายุ่ง มันยุ่งอะไรกันนักกันหนาหว่า ไม่เห็นมีผลงานอะไรออกมาเลย แต่ก็นะ..แฟนคลับยังตาม กันตรึมไม่เลิก
เอ.. อันนี้เขาเขียนว่าไรหว่า เจเจพระเอกหนุ่มผู้มีโลกส่วนตัวอันลึกลับ กลายเป็นเสน่ห์ที่แฟนคลับต่าง สนใจค้นหาว่าที่แท้เขาเป็นใครกันแน่ บ้างก็ลือกันว่าเขาทำงานให้กับองค์กรลับจึงไม่ค่อยได้เปิดเผยตัวต่อโลกภายนอก บ้างก็ลือกันว่าเขามีแบ็คใหญ่คอยหนุน ทำให้ข่าวที่เขาไม่ประสงค์จะเปิดเผยมักถูกกวาดเก็บเรียบ ไม่ว่าจะบนแผง หนังสือหรือในอินเตอร์เนต..ว้าว มันลึกลับขนาดนี้เชียว ?
พันพรกะพริบตาพลางนึกทบทวน จำได้ว่าเธอรู้จักพระเอกหนุ่มเจเจครั้งแรกเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2552 ตอนนั้นปานเนตรเอาหนังจีนกำลังภายในที่เขาแสดงมาอวดให้เธอดู หญิงสาวยอมรับว่าพระเอกคนนี้ หน้าตาหล่อเหลาบุคลิกดูองอาจงามสง่าสะดุดตาดี เพียงแต่เธอเป็นแฟนหนังเกาหลีไม่ใช่หนังจีน โดยเฉพาะพวก จีนกำลังภายในเธอดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ในตอนนั้นจึงดูเป็นเพื่อนปานเนตรไปงั้นๆ
แต่ต่อมาพันพรก็เริ่มสังเกตพบอาการแปลกๆของปานเนตร แม้ผ่านไปเป็นปีแต่อีกฝ่ายก็ยังเห่อพระเอก คนนี้ไม่เลิก ดีวีดีหนังที่เขาแสดงไว้ชุดนั้นถูกเพื่อนรักของเธอเอามาเปิดดูซ้ำไปซ้ำมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบเที่ยว ภาพเกือบ ทุกภาพของเขาที่มีอยู่ในอินเตอร์เนตไม่ว่าจะเป็นภาพจากในหนังที่แสดงหรือจากที่ถ่ายแบบ ก็ล้วนถูกปานเนตรตาม ค้นหาดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์จนเพียบ
นี่ถ้าไม่ใช่เป็นเพื่อนสนิทกัน เธอก็คงไม่มีทางรู้ความลับนี้ของปานเนตรเป็นแน่
ซึ่งพอรู้อีกฝ่ายก็อาการเป็นหนักเสียแล้ว !
พันพรแทบไม่อยากจะเชื่อจริงๆเลยว่า สาวสวยที่สำรวมเรียบร้อยมุ่งมั่นแต่เรื่องเรียนและเรื่องงานอย่าง ปานเนตรจะเป็นไปได้ขนาดนี้ ทั้งๆรอบตัวเธอที่มีหนุ่มๆมาสนใจตามจีบมากมาย แต่เธอกลับไม่สนใจใครเลย นอกจาก พระเอกหนุ่มคนนี้
พันพรว่าเธอก็บ้าแล้วนะ..แต่ยัยเนตรดูจะบ้ายิ่งกว่าเธออีก
ยิ่งช่วงหลังพอปานเนตรรู้ว่าเธอรู้ จึงกล้าที่จะเปิดเผยความในใจที่มีต่อพระเอกหนุ่มคนนั้นกับเธอมากขึ้น คงเพราะอีกฝ่ายไม่รู้จะไปบ่นเปรยระบายให้ใครฟัง แรกๆพันพรก็นึกว่าปานเนตรพูดเล่นแบบไหลตามน้ำเหมือนทุกครั้ง เวลาเธอแซว แต่หลังๆนี่เธอชักรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว
ปานเนตรดูจะหลงรักเขาเข้าจริงๆ ไม่ได้แค่เป็นการ คลั่งดารา แบบคนอื่นทั่วๆไป
ยิ่งหลังปีใหม่มานี้ปานเนตรดูเศร้าๆ บางครั้งก็บ่นเปรยว่าติดต่อเขาไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเพื่อนชักจะหมกมุ่น เกินไปแล้ว ดังนั้นจึงชวนอีกฝ่ายมาเที่ยวเผื่อจะได้ลืมๆไปบ้าง
ว่าแต่เฮอะ..อุตส่าห์หนีเรื่องดาราหนุ่มฮ่องกงมาพักร้อน.. แต่ดั๊นมาเจอหนุ่มฮ่องกงอีกถึงสองคนเข้า กลางทาง ยัยเนตรเอ้ย..หรือว่าชีวิตแกจะหนีไอ้ที่เป็นฮ่องกงฮ่องกงไม่พ้นเสียแล้ว
ชิ.. ทำไมไม่มีเกาหลีมั่งว้า คุณพันพรจะได้ร่วมแจมมั่ง !
ไม่เห็นมีแบบวอนบินหลงบ้างสักคน มีแต่ยุงบินว่อนไปหมด..เฮ้อ !
พร.. ดูอะไรอยู่เหรอ ?
ปานเนตรอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาทางด้านหลังตอนไหนไม่ทันรู้ตัว คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ถึงกับ สะดุ้ง รีบกดเม้าส์คลิกปิดเวบเพจที่เปิดอยู่ แต่เม้าส์ดันค้างปิดไม่ทัน ภาพใบหน้าดาราหนุ่มเจเจคนนั้นเปิดยิ้มอยู่เต็มจอ ดวงตาเรียวมีประกายของเขาทำให้หญิงสาวที่กำลังเช็ดผมอยู่ถึงกับนิ่งค้างราวกับต้องมนต์สะกด
พันพรสะบัดเม้าส์ไปมาพอมันหายค้างแล้วก็รีบปิดหน้านั้นเสีย ก่อนจะหันไปยิ้มพูดแก้เก้อ
แหะๆ ฉันแค่ลองเสิร์ชดูข่าวของเขาน่ะ เผื่อมีข่าวหรือรูปอะไรใหม่ๆมาบ้าง
ปานเนตรไม่พูดอะไร เดินไปนั่งปลายเตียงแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดผมต่อ
พันพรจึงปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกไปนั่งใกล้ๆ
เนตร..เธออย่าโกรธฉันนะ..
เรื่องอะไร ?
คือ.. ฉันยิ่งอ่านเรื่องของดาราคนนั้น แล้วฉันว่า..เขาดูลึกลับจนน่ากลัวนะ
เธอกลัวอะไรหรือ ?
เนตรอ่ะ..ฉันรู้นะว่าเธอคิดยังไงกับเขา นี่พูดในฐานะเพื่อนสนิท ฉันห่วงเธอนะ เขาเป็นดารา..มิหนำ ซ้ำยังเป็นดาราต่างประเทศ เขาอยู่ไกลจากเธอลิบลับ จริงอยู่ที่พี่ชายกับพี่สะไภ้เธออยู่ฮ่องกง เธอก็ไปเที่ยวที่นั่นออกบ่อยๆ แต่ว่า...เฮ้อ...ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ฉันไม่อยากให้เธอหมกมุ่นเรื่องเขา เขา..เป็นเหมือนอะไรที่ไม่มีตัวตน มันเหมือนคน ในฝัน...
คนฟังยิ้ม เช็ดผมพลางตอบเสียงเรียบเรื่อย
เขาไม่ใช่คนในฝันนะ เขามีตัวตนจริงๆ
ฉันรู้..ฉันก็แค่เปรียบเทียบให้เธอฟัง ฉันห่วงเธอและเสียดายเธอนะ ผู้หญิงสาวสวย บ้านก็ฐานะดี มิหนำซ้ำยังมีดีกรีเป็นหมออย่างเธอ น่าจะได้เจอกับชายหนุ่มดีๆ จะว่าไปหมอเคนก็ดีนะ...
พอเถอะพร..ผมแห้งแล้ว เราเข้านอนกันเถอะ..
เนตร...
ปานเนตรเลิกผ้าห่มล้มตัวลงจะนอน พอเห็นเพื่อนยังนั่งนิ่งหน้ามุ่ยอยู่ จึงขยับตัวเข้าไปเอื้อมมือพันพรมา กุมไว้แล้วบีบเบาๆพลางยิ้ม
พร ขอบใจมากนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจเป็นห่วงฉัน ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ได้บอกเธอไปทั้งหมด ทำให้ เธอเอามาจับโน่นผสมนี่ คิดมากจนวุ่นวาย..
หา.. นี่ฉันรู้แค่บางส่วน เธอยังเป็นมากกว่านี้อีกหรือ ?
ความจริง..คบเป็นพี่ชายน้องสาวกันมาตั้งนานมันก็ราบรื่นดี ฉันไม่ควรไปริคิดอยากเปลี่ยนความสัมพันธ์ ไปเป็นอย่างอื่นเลย บางที..เขาอาจจะเห็นฉันเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งจริงๆก็ได้นะ..
เธอพูดอะไรหรือเนตร ฉันงงไปหมดแล้ว ?
พันพรยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เธอชักเริ่มเครียดขึ้นมาอีกแล้วซี อีกฝ่ายดูพูดไปตาลอยๆเหมือน คนเพ้อยังไงยังงั้น ปานเนตรทำเสียงหึหึในลำคอเหมือนกำลังหัวเราะ หันไปเอื้อมมือปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอน
เงียบอยู่ในความมืดชั่วขณะพันพรก็ได้ยินเธอพูดเบาๆ
โลกอาจจะรู้จักเขาว่าเป็นดารา ที่เพิ่งโด่งดังขึ้นเมื่อสองปีก่อน แต่สำหรับฉัน..เขาเป็นพี่ชายที่ฉันรู้จักมานาน นับสิบกว่าปีแล้ว..
หา..
แล้วพันพรก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งผ้าห่ม นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะก้มลงถาม
นี่..เธอรู้จักเขามานานแล้วหรือ ?
อืม..เขาเป็นน้องชายคนเล็กของพี่สะใภ้ฉันเอง อายุแก่กว่าฉันประมาณสี่ปีครึ่ง ฉันได้รู้จักเขาครั้งแรก ในงานแต่งของพี่ชายฉันกับพี่สะใภ้ ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าพี่ชายฉันมากเลย แต่กับเด็กผู้หญิงอย่างฉัน เขากลับสุภาพ และอ่อนโยนมาก..
อย่างนี้นี่เองหรือ ?
ตอนเด็กๆพอปิดเทอมฉันจะมักไปพักกับพี่ชายและพี่สะใภ้ ทำให้ได้เจอเขาบ่อยๆ เพราะเขาเป็นน้องชาย ที่ติดพี่สาวมากเลย เขาเป็นคนที่น่ารัก อัธยาศัยดี ฉันยังรู้มาว่า เขาเป็นนักเรียนที่ฮอตมากในโรงเรียนอีกด้วย จนกระทั่งเขา เรียนจบมัธยมปลาย ทางบ้านก็ส่งเขาไปเรียนต่อที่อเมริกา หลังจากนั้นเวลาฉันไปพักที่บ้านพี่สะใภ้ก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน..เขากลับมาฮ่องกงเพื่อเป็นพระเอกรับเชิญรับเล่นหนังซีรี่ย์พิเศษเรื่องหนึ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ ยี่สิบปีของสถานีโทรทัศน์พ่อของเขา พวกเราถึงได้มีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง เพราะเหตุนี้ฉันจึงปลื้มหนังเรื่องนั้นของเขามาก..
สถานีโทรทัศน์พ่อของเขา ?
อืม..พ่อของเขาเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งหนึ่งของฮ่องกง บ้านของเขายังทำธุรกิจเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ เขามารับเล่นหนังเนื่องในโอกาสพิเศษ เพราะไม่อยากให้ใครหาว่าเขาใช้เส้นสายจนได้บทเด่นมาเล่น ดังนั้น จึงปกปิดความเป็นมาของตัวเอง โดยใช้ชื่อย่อในการแสดงว่า เจเจ เจตัวแรกคือแจ็คกี้ที่เป็นชื่อในภาษาอังกฤษของเขา ส่วนเจ ตัวหลังคือ เจิ้ง ซึ่งเป็นแซ่ของเขา ส่วนชื่อจริงๆของเขาคือ เจิ้งอี้เซิน เขามักชอบให้ฉันเรียกเขาว่า พี่เซิน..
อย่างนี้นี่เองหรือ ?
อื้ม..ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่เฟรนด์ลี่กับทุกคนมากๆ แต่เขาก็มีโลกส่วนตัวสูง พี่สะใภ้เล่าให้ฉันฟังว่า ตอนที่เขาเรียนจบมัธยมปลาย พอดีกับเกิดเรื่องขึ้นที่โรงเรียนของเขา พี่เซินเสียเพื่อนที่รักมากไปในเหตุการณ์นั้นถึง สองคน ทำให้เขาเสียใจมาก จึงตัดสินใจไปเรียนเมืองนอกแล้วก็ไม่ยอมกลับฮ่องกงอีกเลย จนกระทั่งแม่ของเขาต้อง ใช้อุบายเรื่องดึงเขามาเล่นหนังซีรี่ย์พิเศษของสถานีโทรทัศน์ นั่นแหล่ะ เขาถึงได้ยอมกลับบ้าน แต่เขา ก็ไปๆมาๆนะ ไม่ได้อยู่ฮ่องกงตลอด เพราะเหตุนี้เรื่องของเขา จึงดูลึกลับ..เพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยโลกส่วนตัวของเขากับใคร..
อย่างนี้นี่เองหรือ ?
ดูเหมือนว่าเวลานี้พันพร จะพูดเป็นอยู่แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเสียแล้ว
คราวนี้..เธอคงสบายใจได้แล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่ได้เป็นโรคจิต คลั่งดาราจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นแบบนั้น สักหน่อย ฉันแค่อยากติดตามข่าวของเขา พี่ชายของฉันคนนั้นเท่านั้น ..
แล้ว.. ที่เธอดูเหมือนไม่สบายใจ เพราะอะไรหรือ ?
คือ..เรื่องก็มีอยู่ว่า หลังจากที่เราได้พบกันอีกครั้ง และรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆกัน ฉันกับเขาก็ดูเหมือน จะสนิทกันอีกครั้ง ส่วนใหญ่เราติดต่อผ่านทางอินเตอร์เนต ไม่ก็โทรศัพท์ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง พี่สะใภ้ก็รู้เรื่องนี้...
อา..พวกเธอโดนขัดขวางการติดต่อกันเหรอ ?
พันพรนึกถึงในละคร ที่หนุ่มสาวสองคนมักโดนคนในครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกีดกัน
มิคาด ปานเนตรกลับส่ายหน้า
ใครบอก... พี่สะใภ้รักเอ็นดูฉันมาก พอรู้ว่าน้องชายเขาติดต่ออยู่กับฉัน ก็ดีใจใหญ่ รีบสนับสนุน พวกเราสองคน แบบประมาณว่า..อยากให้เราเป็นแฟนกันจริงๆ คอยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พวกเราหลายครั้ง จนฉัน เริ่มรู้สึกเอนเอียงตามเสียงยุ แต่ท่าทางพี่เซินคงไม่ค่อยชอบใจให้เป็นอย่างนั้น เขาจึงพยายามตีห่างออกจากฉัน
ว้า...
ครั้งสุดท้ายที่โทรคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราขัดแย้งกันนิดหน่อบ ก็มีปากเสียงกันกลายๆนั่นแหล่ะ แบบว่าอยากลองใจเขาด้วย ว่าคิดอย่างไรกับฉัน แต่นึกไม่ถึงว่า...หลังจากนั้น เขาก็เงียบไป ไม่ยอมติดต่อกลับมาอีกเลย
แล้วเธอ..เคยลองโทรไปง้อเขารึยัง ?
ไม่ล่ะ ทุกทีเวลาเถียงกัน ฉันต้องเป็นฝ่ายง้อเขาทุกที แต่คราวนี้ฉันอยากจะลองดูว่า เขาจะง้อฉัน บ้างไหม จะว่าไป..เงียบไปสักพักแบบนี้ก็ดี ฉันจะได้มีเวลากลับมาตั้งหลักและทบทวนตัวเอง ว่าเขามีน้ำหนักในใจ สำหรับฉันมากแค่ไหน ...
เธอ...อย่าบอกนะ ว่าเธอจะตัดใจจากเขา ?
ปานเนตรเงียบไปพักใหญ่ จนพันพรเข้าใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว เนิ่นนานค่อยมีเสียงเบาๆตอบมา จากร่างใต้ผ้าห่มที่นอนคะแคงหันหลังให้นั้น
ใจคนเราถ้ามันตัดได้ขาด เหมือนเอามีดหั่นให้ออกจากกันได้ก็คงจะดีนะ แต่นั่นแหล่ะ..เรื่องบางเรื่อง ก็คงต้องใช้เวลา ที่จะทำให้ความรู้สึกต่างๆมันเจือจางลง คืนนี้ฉันเล่าให้เธอฟัง เพราะพรุ่งนี้ฉันตั้งใจว่าจะลืมเรื่อง เหล่านี้ทั้งหมด ..ตื่นขึ้นมาเช้าพรุ่งนี้ เธอก็ได้โปรดลืมมันไปพร้อมกับฉันด้วยเถอะนะ...
...............................................................
 .
=== โปรดติดตามในกระทู้ต่อไป ===
คำขอบคุณ
- ขอบคุณทุกกิฟต์จากกระทู้ที่แล้วนะคะ :: Psycho man, kdunagin, wor_lek
- ขอบคุณทุกคอมเม้นค์ รวมไปถึงนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ ^_^
ตอบคอมเม้นต์ค่ะ
คุณ : มนต้นไม้ :: แตกเยอะมั้ยคะ ? อุ๊ย มามา เดี๋ยวจะส่งคุณหมอกั๋วไปช่วยเย็บให้ 5555
คุณ : Psycho man :: แหะๆ รู้สึกบรรยากาศเปลี่ยนจริงๆล่ะค่ะ บนยานมันดาร์คๆ ยังไงก็ไม่รู้ อย่าว่าแต่คนอ่านเลย กระทั่งคนเขียนก็บิ้วด์อารมณ์อยู่นาน กว่าจะต่อติดได้ กลัวคนอ่านต่อไม่ติดเหมือนกัน ^^''
คุณ : กุลธิดา :: เอ๋ ?? 6 ฟุต 3 นิ้วเนี่ยมัน 187.5 ซม. ไม่ใช่เหรอคะ แฟนสูงมากนี่เอง ลูกสาวถึงสวย อิอิ หุ่นนางแบบเลยนะคะ ^_^
คุณ : แก้วกังไส :: แหะๆ ใช่ค่ะ อันนั้นเป็นเวอร์ชั่นก่อน ก่อนรีไรท์ภาค 1 ตีพิมพ์ด้วยซ้ำ แต่พอมาเวอร์ชั่นใหม่ ก็เปลี่ยนคนแล้วน่ะค่ะ แบบว่าคนเขียนเปลี่ยนใจ 5555555
คุณ : scottie :: วิ่งตามมาเร็วๆค่า ฮิฮิ
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 08:39:06
จากคุณ |
:
ธีตภากร
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มี.ค. 54 02:47:26
|
|
|
|
 |