Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ศึกแม่มดมหัศจรรย์ บทที่ 17 เผชิญหน้า ติดต่อทีมงาน

บทที่ 16 เอล์ฟฝ่ายมืดนัคเคลและทัลฟาร์
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10354596/W10354596.html

<17>

เผชิญหน้า

อิคิดน่านั่งอย่างสง่าอยู่บนบัลลังค์ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงขนาดมหึมาของนาง รอบๆกายของนางมารร้ายนั้นรายล้อมไปด้วยดวงไฟแห่งวิญญาณของมนุษย์ เอลฟ์และชนชาวเหนือที่นางได้ไล่ล่ามา ในมือของอิคิดน่าถือลูกแก้วที่กักขังดวงวิญญาณของเฟรย์แม่ของเฟลมไว้ภายใน นางกลิ้งลูกแก้วนั้นไปมาอยู่บนมือของนางก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ประตูวังที่ถูกกระแทกให้เปิดออก เฟลมในชุดเกราะอ่อนสีน้ำเงินเข้มก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ในมือของเขามีคมเขี้ยวแห่งสกอลล์ที่ดูเหมือนจะเพิ่มความยาวและเปล่งประกายสีเงินเรืองรองเพราะพลังอมตะของดาฟเน่ ในขณะที่มืออีกข้างของเขาถือโล่สีเงินดุนลายอันเป็นหัวใจที่กล้าหาญและเสียสละของเอิร์ธ อิคิดน่ามองดูเด็กชายด้วยสายตาหยิ่งผยองก่อนจะพูดขึ้น

“เก่งมากที่บุกเข้ามาถึงวังนี่ได้ เจ้าเด็กโอหัง” นางมองดูอาวุธในมือของเฟลมและเหยียดยิ้ม “คิดว่าอาวุธเด็กๆพวกนั้นจะทำอะไรข้าได้หรือ”

“คำพูดกับแววตาของเจ้านั้นเป็นปฏิปักษ์กันเองนะ อิคิดน่า” เฟลมพูดพลางก้าวเข้าไปหานางอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว   อิคิดน่าเลิกคิ้วสูง

“งั้นรึ มันแตกต่างกันยังไง”

“คำพูดของเจ้าเต็มไปด้วยความยะโสแต่ดวงตาของเจ้ากำลังฉายแววแห่งหวาดกลัว”

รอยยิ้มของอิคิดน่าจางหายไปในทันที นางหยุดการเล่นลูกแก้วในมือของนางก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“คิดเข้าข้างตัวเองได้ดี เจ้าเด็กน้อย” นางมองดูเฟลมด้วยสายตาที่ดุดัน “ข้าหรือจะกลัวเจ้า”

“หรือไม่จริง” เฟลมย้อนถาม “บางทีตอนนี้ตัวของเจ้าอาจกำลังสั่นอยู่ก็ได้”

“ช่างปากกล้านัก!” อิคิดน่าตวาดเสียงก้อง เหล่าบริวารอันเป็นภูตผีร้ายอันแสนจะน่าเกลียดค่อยๆปรากฏกายออกมาตามหลืบมุมของห้องและยืนรายล้อมรอบเฟลม

“ธนูฟ้าไม่มีทางผ่านเวทย์ที่ปกป้องปราสาทนี่ลงมาได้ เจ้าไม่มีผู้ช่วยแล้วเจ้าเด็กโอหัง”

อิคิดน่าเยาะก่อนจะดีดนิ้วของนางเหล่าบริวารกรูกันเข้าใส่เฟลมทันที เด็กชายกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนจะชูโล่ของเขาขึ้น ลำแสงสีขาวที่มองคล้ายธนูจำนวนมากพุ่งออกมาจากโล่นั้นวิ่งทะลุผ่านร่างของเหล่าผีร้ายทุกตัว บริวารของอิคิดน่าต่างพากันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและหวาดกลัวก่อนจะล้มกลิ้งลงไป เฟลมมองดูอิคิดน่าที่ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

“แกมีเวทย์เพลิงด้วนหรือ”

“นี่คือธนูไฟต่างหาก” เด็กชายตอบ “มันมาจากหัวใจที่แกร่งกล้าของเอิร์ธ หัวใจที่หนักแน่นและมั่นคงราวกับแผ่นดิน”

เฟลมตวัดดาบไปด้านหลังโดยไม่ต้องเหลียวกลับไปมองดู เปลวสีฟ้าสว่างวาบเป็นสาย มันตัดร่างผีร้ายขาดเป็นสองท่อนกระจายเกลื่อน

“คมเขี้ยวแห่งสกอลล์ที่เร็วราวสายลมและคมกริบจนตัดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า” เขาพูดขณะที่ย่างเท้าก้าวเข้าไปหาอิคิดน่าทีละน้อย นางลุกขึ้นและกางกรงเล็บออก

“ข้าเบื่อสิ่งที่เจ้าพล่ามเต็มทน” นางกล่าว “จงตายอย่างเดียวกับแม่ของเจ้าเถิด เฟลม”

ประกายแสงสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกมาจากกรงเล็บของนาง มันวิ่งเข้าหาเฟลมอย่างรวดเร็ว แสงเจิดจ้าสีเขียวสว่างวาบขึ้นมันเป็นแสงสีเดียวกับอัญมณีของดาฟเน่ มันแผ่ขยายตัวออกล้อมรอบร่างของเฟลมไว้ราวกับปกป้อง เขายิ้มเมื่อเห็นสายฟ้าของอิคิดน่าระเบิดหายไปทันทีที่มากระทบแสงสีเขียวนั้น

“โล่แห่งมิตรภาพของดาฟเน่” เขาพูดเมื่อเห็นสีหน้าที่ฉายแววแปลกใจของอิคิดน่า “มันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ทรงพลังยิ่งกว่าพลังของเจ้ามาก อิคิดน่า”

“งั้นมาดูสิว่าโล่ของเจ้าจะปกป้องพลังของข้าได้นานแค่ไหน” อิคิดน่าพูดพร้อมกับกางแขนของนางออก ไอเย็นจำนวนมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากกายของนาง หมอกอันเกิดจากไอเย็นนั้นเริ่มปกคลุมรอบๆตัวของเฟลมหนาขึ้นจนมองแทบไม่เห็นร่างของเขา อิคิดน่ายิ้มอย่างพอใจ

“จงแข็งตายและกลายเป็นเครื่องประดับวังของข้าเถอะ เจ้าเด็กโอหัง”

นางพูดและเดินเข้าไปหาเฟลมอย่างช้าๆด้วยความมั่นใจแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเปลวไฟสีส้มแดงสว่างเรืองรองขึ้นท่ามกลางไอหมอกที่หนาทึบ มันระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว อิคิดน่าถอยหลังออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างของเด็กชายนั้นเปล่งประกายดั่งเปลวเพลิง

“ชื่อของข้าคือเฟลม เปลวเพลิงอันร้อนแรงที่จะเผาผลาญมารร้ายอย่างเจ้าให้มอดไหม้สูญสลายไปจากโลกนี้ตลอดกาล” เขาชี้ปลายดาบไปที่อิคิดน่าที่เริ่มถอยหนีอย่างหวาดกลัว

“คำทำนายนั่นกำลังจะกลายเป็นความจริงหรือนี่” นางพร่ำพูดก่อนจะเลื่อนไปยังบัลลังค์ของนาง อิคิดน่าคว้าลูกแก้ววิญญาณของแม่เฟลมมาถือไว้ในมือและมองดูเขาอย่างผู้มีชัย

“หากขืนเจ้าก้าวเข้ามาใกล้ข้าอีกก้าวเดียว วิญญาณแม่ของเจ้าก็จะสูญสลายไปจนตลอดกาล”

กรงเล็บที่กุมรอบลูกแก้วนั้นบีบแน่น เฟลมมองดูลูกแก้ววิญญาณในมือของอิคิดน่า เขาขบกรามแน่นด้วยความโกรธ

“ปล่อยแม่ข้าเดี๋ยวนี้”

อิคิดน่าหัวเราะเสียงก้องพร้อมกับพูดเยาะเย้ย

“ปล่อยหรือ น่าขำ ข้าจะทำลายลูกแก้วนี่แล้วค่อยลงมือกระชากวิญญาณของเจ้า”

เฟลมกระชับดาบในมือแน่น เขาก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น

“หากทำเช่นนั้นจริงข้าเองก็จะไม่ไว้ชีวิตของเจ้าเช่นเดียวกัน” เขาหมุนดาบในมือ “วางลูกแก้ววิญญาณของแม่ข้าลงเดี๋ยวนี้นางแม่มด”

กิริยาและท่าทางของเด็กชายทำให้อิคิดน่าถึงกับยืนอึ้ง นางเม้มปากแน่นเมื่อพบว่าเฟลมได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าและชี้ปลายดาบของเขาไปที่ลำคอของนาง

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามาออกคำสั่งกับข้าแบบนี้” อิคิดน่ากล่าวเสียงกร้าวขณะจ้องเฟลมเขม็งก่อนจะยื่นลูกแก้ววิญญาณของเฟรย์ไปข้างหน้า

“เอาสิ ฟันข้าเลย ฟันข้าให้ขาดสองท่อนตามที่เจ้าตั้งใจ แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนนะว่าเมื่อใดที่เจ้าทำลายข้าลง ทุกๆดวงวิญญาณที่ถูกขังอยู่ในลูกแก้วนี้จะไม่มีวันได้หลุดออกมาจากที่จองจำไปจนตลอดกาล”

เฟลมชะงักทันที เขามองดูลูกแก้วที่มีเปลวไฟสีทองสุกสว่างตรงหน้าด้วยความหวั่นวิตก
อิคิดน่าเหยียดยิ้มเยาะก่อนจะพูดต่อ

“ปากก็พูดว่ายินดีที่จะเสียสละ แต่พอเอาเข้าจริงแกก็เป็นห่วงพวกพ้องและตัวเองเหมือนคนอื่นเช่นกัน”

“อย่างที่ข้าพูด” เฟลมตอบเสียงเรียบ “ถ้ากำจัดเจ้าให้สูญสิ้นไปจากโลกนี้ได้ ข้ายินดีที่จะตายไปพร้อมกับแม่ของข้า”

เฟลมเงื้อดาบขึ้นและตวัดฟันลงมาทันที อิคิดน่ารีบยกลูกแก้ววิญญาณของเฟรย์ขึ้นบังหน้าเพื่อขวางคมดาบ ทันใดนั้นเองก็บังเกิดแสงสีทองเจิดจ้าสว่างวาบขึ้น มันครอบคลุมลูกแก้วนั้นไว้ราวกับปกป้อง อิคิดน่าพลิกตัวหลบคมดาบของเฟลมขณะที่ปล่อยลูกแก้วในมือ เด็กชายคว้าลูกแก้วนั้นอย่างว่องไวในขณะที่นางแม่มดร้ายไปยืนอยู่หน้าบัลลังก์ นางจ้องเฟลมด้วยใบหน้าที่โกรธจัด

“แก!” นางหอบหายใจด้วยแรงโทสะ “ไม่เคยมีมนุษย์คนใดกล้าทำกับข้าเช่นนี้”

“คนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ แต่สำหรับเจ้า มันคือครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน อิคิดน่า”

เฟลมพูดอย่างเคร่งขรึมขณะวางลูกแก้ววิญญาณของเฟรย์ลงบนโล่ของเอิร์ธอย่างระมัดระวังมันงอเข้าหากันราวกับกำลังปกป้องลูกแก้วดวงนั้นมิให้ได้รับอันตรายจากภายนอก เฟลมยิ้มและหันมาหาอิคิดน่าอีกครั้ง นางคำรามต่ำๆในลำคอ

“คิดว่าจะกำจัดข้าได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ”

“ยากหรือง่ายข้าก็จะทำ”

เฟลมตอบพลางขยับเข้าไปหาอิคิดน่า นางอ้าปากพ่นน้ำแข็งที่คมกริบราวกับใบมีดออกมา มันพุ่งเข้าใส่เฟลมอย่างรวดเร็ว แม้จะใช้ดาบปัดออกแต่ก็มีน้ำแข็งบางส่วนหลุดรอดพ้นการป้องกัน มันบาดแขนของเขาเป็นแผลฉกรรจ์หลายรอบแต่เฟลมกัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ อิคิดน่ามองด้วยความแค้น

“ข้าคืออิคิดน่า และข้าไม่มีวันตาย”

นางมารร้ายตะโกนก้อง กระแสลมที่ปั่นป่วนรุนแรงพัดมาจากด้านนอกของปราสาท เฟลมยกมือขึ้นปิดใบหน้าของเขาท่ามกลางเสียงหัวเราะของแม่มดร้ายซึ่งในตอนนี้กำลังร่ายมนตร์ด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว ร่างของอิคิดน่ายืดยาวออกอย่างเชื่องช้า ดวงหน้าที่ซีดขาวแปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของสัตว์ร้าย เสื้อคลุมที่สะบัดไหวแผ่ออกกลายเป็นแผ่นปีกหนังที่อยู่กลางหลัง ลำตัวค่อยๆปริพองออก เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากปากที่ปกคลุมไปด้วยเขี้ยวที่แหลมคม เฟลมมองดูมังกรตรงหน้าด้วยความรู้สึกสังเวช

“ร่างที่แท้จริงของเจ้าช่างน่าทุเรศสิ้นดี”

เขาพูดเยาะ สัตว์ร้ายร้องคำรามก่อนจะพ่นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้าใส่เฟลม เขากลิ้งตัวหลบทันที ก้อนน้ำแข็งหนาจับตรงบริเวณที่เปลวไฟกระทบ อิคิดน่าคำราม

“เจ้าจะหลบไปได้อีกซักเท่าไร่กัน ไม่นานเรี่ยวแรงของเจ้าก็จะหมดไป”

“แรงข้ายังมีอีกมาก”

เฟลมตอบพลางวิ่งหลบหางของนางมารร้ายที่สะบัดฟาดเข้าใส่ อิคิดน่าส่ายหัวไปมาอย่างกราดเกรี้ยวและเริ่มกางกรงเล็บออกไขว่คว้าร่างที่วิ่งอย่างว่องไวของเฟลม เขาหมุนตัวหลบและกระโดดขึ้นไปยืนบนบัลลังก์จากนั้นจึงฉวยโอกาสที่นางแม่มดร้ายเผลอไต่ขึ้นไปยืนบนหลังของนางอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงร้องอย่างแค้นเคืองของอิคิดน่า

“ถึงเวลาตายของแกแล้ว” เฟลมพูดพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น “ลาก่อนอิคิดน่า”

คมดาบชำแรกผิวหนังที่หยาบหนาของมังกรร้ายลงไปจนมิดด้าม อิคิดน่าส่งเสียงร้องโหยหวนและสะบัดเฟลมให้ตกจากหลังของนาง ร่างมังกรร้ายคลายร่างหดเล็กลงและกลับคืนสภาพเดิม นางแม่มดร้ายถอยกรูดไปจนติดกำแพงมือทั้งสองข้างพยายามไขว่คว้าไปด้านหลังเพื่อดึงดาบออกจากแผ่นหลังของนางแต่ไม่สำเร็จ เลือดสีดำสนิทหลั่งทะลักออกมาราวกับน้ำไหล อิคิดน่าสำลักไอออกมาเป็นเลือด

“ข้าไม่แพ้” นางพูดเสียงขาดเป็นห้วง “ข้าจะไม่มีวันตายตามคำทำนายของพวกชาวเหนือนั่น”

เฟลมเดินไปที่นางและมองดูอย่างสมเพช ร่างที่เคยสวยงามน่าสะพรึงค่อยๆเหี่ยวย่นลงทีละน้อย ผมสีดำสนิทแปรเปลี่ยนไปเป็นสีขาวโพลนทั้งศีรษะ อิคิดน่าพิงกำแพงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงพลางร่ายเวทย์ไม่หยุดปาก เลือดสีดำของนางนั้นเดือดพล่านและเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต มันพุ่งเข้าหาเฟลมทันทีที่เด็กชายเดินเข้าไปใกล้ แต่เฟลมซึ่งระมัดระวังตัวอยู่แล้วเบี่ยงตัวหลบ เลือดมรณะจึงไปกระทบกับเสาหินและกัดกร่อนมันจนหลอมละลาย

“ทำไมมันถึงได้ตายยากนัก” เฟลมพูดพลางกระชับดาบในมือ อิคิดน่าหัวเราะกระหึ่มในลำคอ

“เจ้าไม่มีวันสังหารข้าได้หรอกเฟลม”

นางยืดตัวขึ้นเล็กน้อยและถ่มน้ำลายออกมาพร้อมกับเตรียมร่ายเวทย์อีกครั้งแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงกระพือปีกดังมาจากด้านประตูทางเข้า เฟลมหันไปมองและเบิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่ามันคือนกฮูกของอธีน่าต่างจากอิคิดน่าที่กำลังเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นนกฮูกตัวนั้นกำลังบินวนอยู่เหนือลูกแก้ววิญญาณสีทองอร่ามดวงหนึ่งที่ตั้งรวมอยู่กับลูกแก้วดวงอื่นๆพร้อมกับส่งเสียงร้องระรัว กิริยาและท่าทางของมันทำให้เฟลมต้องมองอย่างสนใจ

“เจ้ากำลังบอกอะไรข้า” เด็กชายพูดพลางจ้องลูกแก้วดวงนั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงยิ้มและร้องออกมา “ข้าเข้าใจแล้ว”

เขาเดินไปยังที่วางลูกแก้วนั้นพร้อมกับหยิบออกมาพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้วเมื่อปลายนิ้วสัมผัสถึงไอเย็นแผ่กระจายออกมาจากลูกแก้วดวงนั้น เฟลมยิ้ม

“เล่นถอดวิญญาณรวมไว้กับคนอื่นแบบนี้ ต่อให้ข้าแทงเจ้าสักร้อยครั้งก็คงไม่อาจปลิดชีวิตของได้”

อิคิดนากำมือแน่น นางมองดูเฟลมด้วยสายตาที่เคียดแค้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงคำราม

“หากเจ้าฆ่าข้า วิญญาณของแม่เจ้าก็จะอยู่ในลูกแก้วนั่นไปตลอดกาล”

“แต่ข้าคิดว่าไม่”

เฟลมตอบพร้อมกับชูลูกแก้วที่บรรจุดวงวิญญาณของอิคิดน่าในมือขึ้น นกฮูกของอธีน่าส่งเสียงร้องพร้อมกับกระพือปีกพุ่งเข้าใส่ลูกแก้วดวงนั้นจนแตกกระจาย มันบินสูงขึ้นไปในอากาศโดยมีดวงวิญญาณของนางแม่มดร้ายกำลังดิ้นไปมาในจงอยปากจากนั้นมันจึงกลืนดวงวิญญาณของอิคิดน่าเข้าไปในลำคอ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างที่เหี่ยวย่นของนางแม่มดร้ายที่ยืนอยู่ด้านล่างพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าไปมาในอากาศก่อนจะล้มลงและดิ้นทุรนทุรายจนสิ้นใจ ร่างของนางสลายกลายเป็นผุยผงไปอย่างรวดเร็ว เฟลมมองและถอนใจอย่างโล่งอก

“ข้าทำได้แล้วสกอลล์ เอิร์ธ ดาฟเน่ ข้ากำจัดอิคิดน่าได้แล้ว” เขาพูดเบาๆด้วยความยินดีก่อนจะเดินไปหยิบลูกแก้วที่บรรจุวิญญาณแม่ของเขามากอดไว้

“ข้ามารับแม่แล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”

เฟลมหยิบดาบของสกอลล์และโล่ของเอิร์ธก่อนจะเดินออกจากปราสาท ทันทีที่เขาก้าวพ้นประตู เด็กชายก็ต้องพบกับความประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นคนสองคนกำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า

“เอิร์ธ! ดาฟเน่!” เฟลมร้องเรียกชื่อเพื่อนทั้งสองอย่างไม่เชื่อสายตา เขาวิ่งไปหาพวกเขาและบีบไหล่ของทั้งคู่แรงๆด้วยความรู้สึกดีใจอย่างที่สุด

“พวกเจ้า ยังไม่ตาย!”

“เวทย์ที่สาปพวกเราสลายไปทันทีที่เจ้าสังหารอิคิดน่า” เอิร์ธอธิบายและหันไปทางดาฟเน่ นางส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนกลับมา

“พวกเราไม่ได้ถูกสังหาร แต่ถูกคำสาปต่างหาก เฟลม” นางกล่าว เฟลมยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะทำท่าราวกับนึกขึ้นได้ เขามองผ่านเพื่อนทั้งสองไปด้านหลังและกวาดตามองไปโดยรอบอย่างคาดหวัง เอลฟ์สาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ

“สกอลล์ไม่ได้โดนคำสาปเหมือนพวกเรา” ดาฟเน่พูด “เขาจะไม่กลับมาเหมือนกับเราสองคนหรอกเฟลม”

สีหน้าของเฟลมเศร้าลงทันที เขาก้มศีรษะลงพร้อมกับพึมพำ

“อย่างงั้นหรือ”

เอิร์ธมองเพื่อนอย่างเข้าใจและบีบไหล่ของเขาเบาๆเป็นการปลอบใจพร้อมกับพูด

“เจ้าเก่งมากเฟลมที่สามารถต่อสู้กับอิคิดน่าเพียงลำพังตัวคนเดียวจนชนะ”

“ข้าไม่ได้สู้เพียงลำพัง” เฟลมแย้ง “ข้ามีเจ้า ดาฟเน่และสกอลล์อยู่เคียงข้างตลอดเวลา”

เอิร์ธยิ้มให้กับคำพูดของเฟลม เขายื่นมือออกไปรับโล่ซึ่งตอนนี้คืนสภาพกลายเป็นกระบอกบรรจุธนูดังเดิมมาคล้องไว้ด้านหลัง ดาฟเน่มองเพื่อนทั้งสองพร้อมกับยิ้ม

“ข้าเคยได้ยินมาว่าพวกมนุษย์น่ะล้วนแล้วแต่หยาบคาย ไม่ซื่อสัตย์และเห็นแก่ตัว ข้าเชื่อเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งได้พบกับพวกเจ้า ต่อจากนี้ไปข้าจะนำเรื่องราวความกล้าของพวกเจ้าไปเล่าให้ชาวเอลฟ์ทั้งหลายได้รับรู้ เพื่อที่ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเราจะได้มองพวกมนุษย์กันใหม่”

เฟลมมองดาฟเน่ด้วยสายตาที่ซาบซึ้งก่อนจะส่งอัญมณีคืนให้กับนาง ดาฟเน่รับมันมาและประดับไว้บนเครื่องประดับที่หน้าผากของนางดังเดิม ทั้งสามคนยืนมองดูแสงอาทิตย์กำลังสาดลำแสงส่องผ่านกลุ่มเมฆสีเทาที่ค่อยๆสลายไป พายุหิมะที่พัดกระหน่ำอยู่เกือบตลอดเวลานั้นเริ่มสงบลง ความอบอุ่นแผ่ขยายไปจนทั่ว เงาพร่าเลือนของนางฟ้าปีกสีดำปรากฏขึ้นและเลื่อนหายเข้าไปในภายในปราสาทของอิคิดน่า ไม่นานนักเด็กทั้งสามก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้คนจำนวนมากดังออกมา เหล่าดวงวิญญาณที่ถูกกักขังนั้นได้รับการปลดปล่อยโดยนางฟ้าดำวัลคีรีที่ใช้ปลายหอกของนางแตะไปบนลูกแก้วทุกดวง ดาฟเน่จึงพูดขึ้น

“วิญญาณเหล่านี้จะได้รับการปลดปล่อยและกลับคืนไปสู่สรวงสวรรค์”

“แล้วแม่ของข้าล่ะ” เฟลมถามขณะมองนางฟ้าปีกดำนางหนึ่งซึ่งกำลังก้าวเข้ามาใกล้ นางมองลูกแก้วในมือของเฟลมก่อนจะตอบ

“เฟรย์มารดาของเจ้านั้นยังไม่ถึงเวลาตาย จงรีบนำดวงวิญญาณของนางกลับไปยังร่างโดยเร็วที่สุด”

“เราจะไปกันยังไง” เอิร์ธถาม “ตอนมาน่ะพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากเทพีอธีนาที่ช่วยย่นระยะทางให้ ข้าไม่คิดว่าพระนางจะมีเวลามาช่วยพวกเราอีกครั้งเป็นแน่”

ทันทีที่พูดจบก็มีเสียงร้องอย่างคึกคะนองของม้าดังมาจากท้องฟ้า เสียงกระพือปีกที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้เด็กทั้งสามเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน พวกเขาต่างอ้าปากค้างด้วยความตระหนกเมื่อเห็นม้ามีปีกสีขาวสะอาดกำลังบินอยู่เหนือศีรษะ ดาฟเน่ยิ้มกว้างก่อนจะพูดขึ้น

“เพกาซัส อาชาแห่งสรวงสวรรค์”

ม้าสีขาวพ่วงพีกางปีกอันกว้างใหญ่ค่อยๆร่อนลงมายืนอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้าพวกของเฟลม เขามองม้ามีปีกด้วยความตื่นเต้นขณะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“จงขี่ม้านั่นกลับคืนสู่บ้านเกิดของพวกเจ้า เร่งทำเวลาหากปรารถนาจะให้มารดาของเจ้ามีชีวิตอยู่ เฟลม”

“ขอบคุณท่านมาก เทพีอธีนา” เฟลมร้องตอบขึ้นไปก่อนจะหันมาทางเพื่อนทั้งสอง

“พวกเราไปกันเถอะ”

เฟลมให้ดาฟเน่ขึ้นไปนั่งบนหลังของเพกาซัสก่อน ตามด้วยเอิร์ธและตัวของเขาปีนขึ้นไปนั่งเป็นคนสุดท้าย เพกาซัสเคาะกีบหน้าสองสามครั้งก่อนจะคลี่ปีกของมันกางออกและโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที เมื่อผ่านบริเวณที่เพื่อนรักของเขานอนอยู่ เฟลมก้มหน้าลงมามองดูต้นไม้สีเงินที่กำลังเปล่งประกายล้อแสงอาทิตย์อยู่เบื้องล่าง เขากล่าวออกมาเบาๆ

“ลาก่อนสกอลล์ ขอให้เจ้านอนหลับอย่างสงบเถิด”

เอิร์ธและดาฟเน่ก้มหัวให้กับต้นไม้อันเป็นสุสานของสกอลล์ก่อนเพกาซัสจะกระพือปีกบินห่างออกไป

*/*/*/*/*

ตอนหน้าก็จะเป็นบทอวสานของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ เนื่องจากมูนนี่เขียนนิยายเรื่องนี้ให้ออกมาในแบบวรรณกรรมเยาวชนเลยไม่มีฉากเลือดสาดรุนแรงมากนัก การต่อสู้เลยไม่ห้ำหั่นกันถึงพริกถึงขิงเหมือนเรื่องอื่นๆค่ะ

ตอบคำถามค่า ^O^

ติดตามจนจบแน่ๆค่ะ
เรื่องพ่อนาซี เอ้ย นาร์ซิลซัสหลงเงานี้
ตอนมนอานตำนานเทพเจ้ากรีก รู้สึกอย่างเดียวว่า
เฮีย นาร์ฯ วายมั๊ก ฮี่ๆๆ
จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan)
- คิดเหมือนกันเลยค่า นึกภาพพี่แกออกแนวหนุ่มหน้าสวยมากกว่าหล่อล่ำ

อา ตกลงตายเดี้ยงหมดทุกคน
หรือว่าพอภารกิจสำเร็จก็จะได้เจอกันใหม่อ่า
จากคุณ : scottie  
- คำตอบอยู่ในบทนี้แล้วนะคะ ^^

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ค่า

พูดถึงหนุ่มหน้าสวย มูนนี่เคยวาดไว้เหมือนกัน ไม่มีชื่อหรอกค่ะเพราะตอนนั้นนึกอยากจะวาดหนุ่มสวยกับดอกไม้ขึ้นมา

 
 

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 09:58:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com