5 ด้วยสัญญามั่น... ฉันจะตามหาเธอ
หลายวันมานี้ ฉันมีความสุขกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่มาก
ฉันพยายามรักษารูปแบบเดิมไว้ให้มากที่สุด แค่ต่อเติมบางส่วนเพื่อความปลอดภัยและอยู่สบาย ข้าวของที่มีอยู่บนโต๊ะไม้ ฉันเก็บรวบรวมใส่ลังใบใหญ่มีฝาปิดอย่างดีไว้มุมห้อง เตรียมจะเอาไปคืนเจ้าของ พร้อมกับหีบไม้เก่าๆ ที่หนักอึ้งใบหนึ่งซึ่งฉันเพิ่งพบมันวางอยู่ใต้โต๊ะ หน้าตาที่เหมือนหีบมหาสมบัติโจรสลัดที่เพิ่งงมขึ้นมาจากเรือจมใต้ทะเลของมันทำให้ฉันแอบสงสัยว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่ก็ไม่ได้เปิดออกดู เพราะว่าฉันเป็นคนดีมีมารยาท ไม่รื้อข้าวของคนอื่น ซะเมื่อไหร่ล่ะ ฉันอยากเปิดดูใจจะขาด แต่มันถูกล๊อคกุญแจไว้ต่างหาก แล้วมันก็เลยถูกลืมทิ้งไว้อยู่ตรงนั้นอีกนาน
ฉันตัดสินใจไม่แตะกระพ้อมข้าวใบใหญ่ใบนั้น ถ้าเจ้าของไม่มาทวงคืนล่ะก็... ฉันคงยึดเป็นสมบัติของฉันซะเลย เพราะชอบรูปทรงและความเก่าแก่แลดูมีความหมายของมัน เลยทิ้งไว้ตรงกลางบ้านให้ทำหน้าที่แบ่งกั้นห้องออกเป็นสามส่วนคือ โถงนั่งเล่นที่อยู่ติดกับทางเข้า ที่นอนด้านใน กับส่วนแต่งตัวซึ่งติดกับห้องน้ำที่ต่อเติมใหม่
ที่ฉันขาดไม่ได้คือเตียง และต้องเป็นเตียงใหญ่ๆ ด้วย เพราะฉันนอนคนเดียวบนเตียงกว้างๆ มาตั้งแต่เด็กจนชินซะแล้ว คนเคยนอนฟูกนุ่มๆ จะให้นอนพื้นไม้กระดานแข็งๆ ก็คงไม่ไหว แต่ฉันหาเตียงที่เข้ากับบ้านหลังนี้เท่าไหร่ก็หาไม่ได้สักที ฉันก็เลยตัดสินใจซื้อไม้มาต่อเอง เป็นแท่นสูงจากพื้นแค่สิบห้าเซนติเมตร แล้วซื้อฟูกขนาดเตียงคู่แบบคิงไซส์วางลงไป คลุมผ้าปูเตียงและผ้าห่มสีงาช้างมีลายเส้นเล็กๆ บางๆ ที่ฉันปักเอง แขวนมุ้งแบบกระโจมสีขาวไว้กับคานบนเพดาน แค่นี้ก็ได้ห้องนอนสวยหรูสุดแสนโรแมนติกแล้ว
ต้องขอบคุณตาทัพพ์กับพี่:-)ที่มาช่วยฉันทำฝันให้เป็นจริง นอกจากช่วยล้อมรั้วไม้ไผ่ ปลูกต้นไม้กั้นอณาบริเวณและขนข้าวของให้ ยังช่วยฉันต่อเติมห้องน้ำด้วย...
ยุ้งข้าวหลังนี้แต่เดิมไม่มีไฟฟ้าค่ะ ตอนแรกฉันกะว่าจะลองอยู่บ้านแบบจุดตะเกียงดู น่าจะได้บรรยากาศดีนะ แต่สุดท้าย ฉันก็ต่อไฟฟ้าเข้ามาจนได้... ก็ฉันน่ะ นอนห้องแอร์มาจนเคยตัว ไม่มีแอร์แล้วฉันนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา เกาแกรกๆ สามสี่ทีก็ทนไม่ได้ ต้องเดินกลับไปเคาะประตูก๊อกๆ ขอนอนที่บ้านตาทัพพีเหมือนเดิม
พอแอร์เย็น น้ำไหล ไฟสว่าง ฉันก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านน้อยหลังนี้อย่างเป็นทางการ
ด้วยเดชหลอดตะเกียบที่ทำให้สว่างไสวไปทั้งบ้าน ฉันก็เพิ่งได้สังเกตุเห็นว่า ที่ผนังไม้รอบๆ ห้อง มีลายเส้นดินสอเขียนเป็นรูปวาดซ่อนอยู่บนพื้นผิวสีเข้มของไม้เต็มไปหมด และเมื่อตั้งใจดูดีๆ ก็จะพบว่า รูปวาดพวกนี้เรียงเป็นเรื่องเป็นราวอย่างกับภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพระแก้วเลย เพียงแต่ภาพบนผนังบ้านฉันไม่ใช่เรื่องรามเกียรติ์ แต่เป็นเรื่องของข้าว
มีตัวอักษรเขียนกำกับไว้ใต้ภาพด้วยค่ะ ตอนแรกฉันก็งงๆ นึกว่าสูตรการทำอาหาร แต่พออ่านไปๆ ถึงได้รู้ว่ามันคือสูตรผสมปุ๋ยแบบต่างๆ ... พอไปดูผนังอีกด้าน ก็มีรูปแมลงเป็นร้อยๆ ชนิด... ส่วนอีกด้านเป็นรูปเมล็ดข้าวและต้นข้าวมากมายนับไม่ถ้วน
ถ้าให้ฉันเดา ฉันคิดว่าภาพพวกนี้คงไม่ใช่อะไรที่มีมาแต่โบราณ น่าจะเป็นลุงสิบเจ้าของยุ้งคนก่อนหน้าฉันนั่นแหละ เขียนเอาไว้ คล้ายๆ จะเป็นบันทึกสิ่งที่เขาศึกษา เพราะทุกๆ รูปมีตัวหนังสือยิบๆๆ อธิบายที่มาที่ไปอย่างละเอียด...
ฉันยิ่งอ่าน ก็ยิ่งแปลกใจ คนอะไรพิลึกกึกกือ (สมเป็นไอด้อลอีตานำทัพพ์จริงๆ) แทนที่จะเอาไปเขียนเป็นหนังสือหรือไม่ก็ทำบล๊อคในเน็ท ลุงแกดันทำตัวไฮโซโลเทค มาเขียนจิตรกรรมฝาผนัง?
หรือไม่ก็ คนวาดคงภูมิใจที่ฝีไม้ลายมือดี มีพรสวรรค์ ลายเส้นอย่างนี้ ศิลปินยังอาย ทำได้ยังไง แค่เส้นดินสอบนผนังไม้ แต่วาดแมลงเหมือนจะบินออกมาได้ ...ต้นข้าวก็เหมือนจะเติบโตได้ ...แล้วก็นั่น...
ดอกข้าว...
ดอกข้าวเหรอ? ฉันกินข้าวมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้นข้าวมีดอกกะเค้าด้วย
ฉันไม่เคยเห็นดอกข้าวของจริง ไม่รู้ว่าสวยแค่ไหน แต่ดอกข้าวที่ฉันเห็นเป็นลายเส้นบนผนังตรงหน้าฉันตอนนี้ ช่างสวยเหลือเกิน...
หลายวันผ่านไป... ฉันรอวิญญาณนักรบหนุ่มคนนั้นปรากฎตัวอย่างใจจดจ่อ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จนกระทั่งคืนหนึ่ง... ขณะกำลังเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีชายหญิงกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ข้างๆ หมอนที่ฉันนอน...
แน่ใจรึ?
ก็ไม่ร้อย
จะไหวรึ?
ก็ต้องลอง
อืม... ข้างหมอนที่ฉันนอน? ใครกำลังมาคุยอะไรอยู่ตรงนี้ ในตอนนี้ ในเมื่อบ้านหลังนี้มีฉันอยู่คนเดียว!?
หรือว่าจะเป็นเขาคนนั้นที่ฉันรอคอยกลับมาแล้ว?
แต่... ทำไมมีสองคน? หรือว่า... ไม่นะ หวังว่าคงไม่ใช่เงาดำสองเงาที่รุมทำร้ายเขาคนนั้น...
เมื่อความคิดนี้วูบผ่านเข้ามาในสมอง ฉันก็รู้สึกสยองจนขนลุกชี้ชันไปทั้งตัว เย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า พร้อมกันนั้นก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที แล้วพบว่ามีเงาดำสองเงากำลังนั่งก้มหน้าโน้มตัวลงมาจ้องฉันอยู่!
กรี๊ด~~~!!! ฉันอยากกรีดร้องให้ดังที่สุด เพื่อระบายความกลัวจับขั้วหัวใจในตอนนี้ออกมา แต่ทว่า ไม่มีเสียงใดๆ เปล่งออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากเสียงกึกๆ ของฟันในปากที่กระทบกันไม่หยุด
ฮือ... อยากจะลุกขึ้นไปเปิดไฟให้สว่างโร่ แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ฉันนอนตัวแข็งค้างอยู่อย่างงั้นนานแค่ไหน ได้แต่ฟังทั้งสองเถียงกัน
มันจะผิดกฎของกาลเวลารึเปล่า?
ไม่ผิด ไม่ผิด... รัฐธรรมนูญสวรรค์ฉบับเก่าเค้าไม่ให้มนุษย์ย้อนเวลา แต่กฎหมายใหม่ เค้าเอาทฤษฎีแฟนตั้มใส่เข้าไป เลยอนุญาตให้มีไทม์แมชชีนได้ เพราะเวลาไม่เดินเป็นเส้นตรงแล้ว
แฟนใครนะ?
แฟนตั้มฟิสิกส์ไง
เค้าเรียกแควนตั้มย่ะ
จะบ้าเร๊อะ ผีที่ไหนมานั่งคุยเรื่องแฟนตั้มฟิสิกส์อยู่ข้างหมอนฉัน?
ฟังไปฟังมาชักหายกลัว (ก็บทสนทนาฟังดูไม่เหมือนผีคุยกันเลยนี่นา) ฉันเลยกล้าที่จะลุกขึ้นมาเปิดไฟ... เป็นไงเป็นกัน!
แช๊ะ~! ...สว่างโร่
ในหนังสยองขวัญปกติ... จอมักจะดำๆ ทั้งเรื่อง ฉากภายในบ้านต้องมืดสลัว เปิดไฟไม่เคยเกิน 2 แรงเทียนเหมือนโลกนี้ไม่มีหลอดตะเกียบใช้ ฉันก็เลยนึกภาพไม่ออกว่า ถ้าเปิดไฟสว่างอล่างฉ่างขนาดนี้แล้วผียังไม่ยอมไป มันจะเป็นยังไง จนกว่าจะได้เจอของจริง!...
ฉันได้แต่ขยี้ตาแล้วมองภาพตรงหน้าซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
อ้าว ตื่นซะแระ ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงเลสีขาวทั้งตัวที่กำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนเตียงที่ฉันนอนร้องทักขึ้น
ไม่ใช่เขาคนนั้นที่ฉันรอคอย แต่เป็นชายหนุ่มอีกคนที่... อ่า... ต้องใช้คำว่า รูปงาม
รูปงามที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิต หล่อแบบโลกตะลึง ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ เปี่ยมเสน่ห์จนฉันแทบจะหยุดหายใจ ...ฟืดฟาดๆๆๆๆ (เนี่ยอ่ะนะหยุดหายใจ?) หน้าตาของเขา...ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนไทยหรือสัญชาติอะไร ไม่ใช่ทั้งฝรั่ง แขก จีน หรือแอฟริกัน เหมือนเป็นลูกผสมที่เอาแต่ลักษณะเด่นของทุกเผ่าพันธุ์มารวมกันไว้ในคนคนเดียว บอกใครเค้าจะเชื่อล่ะคะ ว่าบนที่นอนของแองจี้จะมีหนุ่มคุณภาพคับหัวใจขนาดนี้ เขาเป็นใครมาจากไหนกันนี่?
ตอนนี้อาการหวาดกลัวของฉันหายเป็นปลิดทิ้งแล้วค่ะ
เป็นเพราะท่านนั่นแหละ ส่งเสียงดัง ดูสิ...ตื่นเลย เสียงกังวาลใสของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ข้างๆ เขาปลุกฉันตื่นจากฝันหวาน (อะโด่... นึกว่าหนุ่มหล่อหลงมาคนเดียว เซ็งเป็ด!)
เธอคนนี้ก็เป็นหญิงสาวที่สวยสุดใจขาดดิ้น รูปร่างแน่งน้อย ทีท่าอ่อนช้อย งดงามราวกับนางสวรรค์
ใช่แล้ว... สวยเหมือนนางฟ้าจริงๆ ด้วย สวยเหมือนไม่ใช่คน แต่ก็ไม่น่าจะใช่ผีนะ ฉันว่าต้องไม่ใช่ผีแน่ๆ รัศมีเจิดจรัสขนาดนี้
เอาไงดี? หนุ่ม (โคตะระ) หล่อหันไปถามสาว (โคตะระ) สวย
เอาไงดีล่ะ ต้องชะแว๊บหายตัวมั๊ย?
ไม่ทันแล้ว เธอเห็นพวกเราแล้วนี่ จัดการตามแผนเลยดีกว่า
อ๊ะ...แผน? แผนอะไร? นี่พวกเขาคิดจะทำอะไรกับฉัน??? แต่...ก่อนที่จะไปคำถามนั้น ฉันควรจะรู้เสียก่อนว่า...
เอ่อ... พวก... พวกคุณเป็นใครคะ? ฉันตัดสินใจถามโพล่งออกไป แล้วคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ฉันแทบเป็นลม
เธอเคยได้ยินชื่อพระแม่โพสพมั๊ย? หญิงสาวแสนสวยผู้นั้นถามกลับ
ฉันพยักหน้า เพราะรู้ว่าพระแม่โพสพคือเทพีแห่งข้าว
นั่นแหละ เราเอง
เราคือแม่โพสพ!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มี.ค. 54 11:18:46
|
|
|
|