Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อวัยวะสำคัญ ติดต่อทีมงาน

ลึกลงไปในร่างกายของมนุษย์ ณ ที่ซึ่งมืดมิดไร้แสงตะวัน ณ ที่นั้นเต็มไปด้วยอวัยวะต่างๆที่เบียดเสียดกันอยู่ภายใน แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่าอวัยวะภายในของคนเรา แต่ละชิ้นล้วนมีชีวิตและมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง หนำซ้ำพวกมันยังทำงาน อยู่ร่วม หรือแม้แต่...ทะเลาะกัน !?!

“ฉันคือหัวใจ อวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย ในโลก รึแม้แต่ในจักรวาล!”

เสียงหัวใจตะโกนก้องไปทั่วร่างกาย พร้อมเสียงสนับสนุนจากอวัยวะภายในอื่นๆว่า “ใช่แล้วๆ” ไม่ขาดปาก

“เฮ้ย ไม่จริง ใครว่าหัวใจสำคัญที่สุด” เสียงๆหนึ่งดังก้องขึ้นมาจากเบื้องบน หัวใจหันซ้ายแลขวา แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น

“ใครวะ ใครบังอาจมาบอกว่าหัวใจไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญที่สุด” หัวใจตะโกนก้อง

“ฉันเอง สมอง!” เสียงสมองตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ

“แล้วทำไมถึงมาว่าหัวใจไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญที่สุดฮึ ไอ้สมอง”

หัวใจแผดเสียงใส่ พร้อมด้วยพลพรรคอวัยวะอันประกอบไปด้วยปอด ตับ และไตก็ตะโกนเชียร์ปาวๆว่า “ใช่แล้ว ทำไมล่ะ ทำไมๆๆๆ”

“ฉันจะบอกให้ว่าทำไม” สมองตอบ “ที่ฉันบอกว่าหัวใจไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญที่สุด ก็เพราะว่า ความจริงแล้วสมองต่างหากสำคัญที่สุด เข้าใจไหมล่ะ ไอ้หัวใจ ฉันต่างหากที่สำคัญกว่าแก”

“ไม่จริง!” หัวใจเค้นเสียงออกมาอย่างรับไม่ได้ แถมปฏิเสธต่ออีกว่า “ไม่จริง หัวใจสำคัญกว่าสมอง”

“สมองต่างหาก” สมองค้านเสียงแข็ง

“หัวใจต่างหาก” หัวใจตะเบ็งแข่ง

“สมองโว้ย”

“หัวใจโว้ย”

“สมอง” สมองตะโกน “เพราะถ้ามีสมองแต่ไม่มีหัวใจ ก็ยังผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ ถ้ามีแต่หัวใจไม่มีสมอง จะผ่าตัดเปลี่ยนสมองได้ยังไงล่ะ ไอ้โง่ เพราะฉะนั้น สมองสำคัญที่สุด”

ได้ฟังสมองพูดดังนั้น ปอด ตับและไต ต่างพากันโห่ร้องกันยกใหญ่ว่า

“สมองๆ สมองสำคัญที่สุด”

“หัวใจ!”

หัวใจกระแทกเสียงและด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุด หัวใจก็รำพึงขึ้นมาว่า ‘ดีละ ฉันจะให้พวกแกรู้เสียบ้างว่าถ้าไม่มีหัวใจ พวกแกจะเป็นยังไง’
คิดแล้วกล้ามเนื้อหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอมาตลอดก็กระตุกดัง ‘ตุ้บ’ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนิ่งสงบไปตลอดกาล

เมื่อหัวใจหยุดเต้น เลือดจึงไม่หมุนเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย นั่นทำให้สมองเริ่มขาดออกซิเจน แต่สมองก็ยังหวังว่าจะมีผู้มาผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้ ทว่าเวลาผ่านไปหลายนาทีแต่ก็ยังไม่มีใครมาปลูกถ่ายหัวใจให้ และในภาวะที่สมองรู้สึกเบลอเต็มที่ มันได้แต่เพียงสำลักถ้อยคำออกมาว่า

“เออ! กูไม่เกิดเป็นหัวใจบ้างก็แล้วไป”

จากนั้นสมองก็หยุดทำงานและทุกอย่างดับวูบลง

ในชาติใหม่ สมองกลับชาติมาเกิดเป็นหัวใจสมดังที่ได้เคยกล่าวเอาไว้ก่อนจะหยุดทำงานในอดีตชาติ ทว่าสิ่งที่มันไม่รู้คือไอ้เจ้าหัวใจในชาติที่แล้วได้กลับมาเกิดเป็นสมอง จนกระทั่งวันหนึ่งมันได้ยินสมองในชาตินี้กล่าวขึ้นมาว่า

“ฉันคือสมอง อวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย ในโลกนี้...หรือแม้แต่...ในจักรวาล”

และปอด ตับ ม้าม ตลอดจนอวัยวะอื่นๆในร่างกายก็ส่งเสียงสนับสนุนว่า “ใช่แล้วๆ” กันเซ็งแซ่ไปหมด หัวใจในชาตินี้ฟังแล้วทนไม่ไหว ร้องตะโกนออกไปว่า

“ไม่จริงโว้ย ใครว่าสมองสำคัญที่สุด หัวใจโว้ยสำคัญที่สุด”

“หัวใจจะไปสำคัญกว่าสมองได้ยังไง สมองต่างหากสำคัญที่สุด” สมองในชาตินี้ค้านเสียงแข็ง และปอด ตับ ม้ามก็ส่งเสียงอื้ออึงอย่าเห็นดีเห็นงามด้วยว่า “นั่นซิๆ”

“หัวใจสำคัญกว่าสมองโว้ย ถ้าหัวใจวายกะทันหัน หาหัวใจมาเปลี่ยนไม่ทัน ยังไงสมองก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน” หัวใจในชาตินี้ชี้แจง

“สมองตาย หัวใจก็ตายโว้ย ไม่เชื่อจะทำให้ดู”

สิ้นเสียง สมองในชาตินี้ก็ปิดระบบการทำงานของเปลือกสมองเสียดื้อๆ หัวใจเห็นดังนั้นจึงตะเบ็งเสียงออกมาว่า

“เฮ้ย! กูไม่ยอมตายเว้ย”

พูดจบ หัวใจก็พยายามบีบตัวให้เต้นแรงขึ้นๆเพื่อที่จะดันให้เลือดเข้าไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายรวมทั้งหัวใจเองด้วย

“เป็นไงล่ะสมองตาย หัวใจไม่ตายโว้ย เป็นได้อย่างมากก็แค่เจ้าชายนิทรา ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องฟังเสียงสมองอย่างแกพล่าม”

หัวใจพูดพลางหัวเราะพลางอย่างขบขัน เรียกว่าได้ทีขี่แพะไล่กันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่หัวใจไม่รู้คือสมองเพียงแต่ปิดระบบของเปลือกสมองเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ปิดระบบของแกนสมอง ฉะนั้นสมองจึงยังไม่ตายจริงๆ แถมยังได้ยินทุกถ้อยคำของหัวใจและพลพรรคปอด ตับ ม้ามที่พากันส่งเสียงสรรเสริญหัวใจว่า

“หัวใจสำคัญที่สุด ไชโยๆๆๆ หัวใจสำคัญที่สุดในจักรวาล!”

สมองได้ฟังอย่างนั้นก็น้อยเนื้อต่ำใจ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการปิดระบบการทำงานของแกนสมอง และแกนสมองนี่ก็เป็นส่วนที่ควบคุมระบบหายใจและการทำงานของหัวใจ พอแกนสมองหยุดทำงาน หัวใจก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองเต้นช้าลงๆทุกที ตอนนี้แม้นหัวใจจะระโหยโรยแรงอย่างที่สุด แต่ยังอุตส่าห์เปล่งเสียงแผ่วเบาออกมาว่า

“ไม่ ฉันไม่ยอมตาย”

ยังไม่ทันสิ้นคำพูดของหัวใจ ปอดกลับหยุดทำงานไปดื้อๆ เพราะระบบหายใจเป็นระบบหนึ่งที่ถูกสั่งการโดยแกนสมอง เมื่อปอดไม่ทำงานแล้วปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้หัวใจจะพยายามสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งตัวหัวใจเอง มันก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะเลือดเหล่านั้นไม่มีออกซิเจนเสียแล้ว

ในที่สุดหัวใจที่ขาดออกซิเจนและกำลังจะตายจึงทำได้แค่เค้นถ้อยคำออกมาว่า

“สมอง! ชาติหน้าฉันต้องเกิดเป็น...ส...ม...อ...”

ยังไม่ทันพูดได้จนจบคำ หัวใจก็ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น

เมื่อลืมตาขึ้นมาในภพใหม่ หัวใจในชาติที่แล้วซึ่งก็คือสมองในปฐมชาติ ได้กลับมาเกิดเป็นสมองอีกครั้ง ด้วยความหยิ่งลำพองสมองจึงเปล่งเสียงออกมาว่า

“ฉันคือสมอง อวัยวะที่สำคัญที่สุดในจักรวาล แค่เพียงฉันหยุดทำงาน อวัยวะทุกอย่างก็ต้องตายกันหมด ไม้เว้นแม้แต่...หัวใจ!”

“ใช่แล้วๆๆๆ” ปอด ตับ ม้าม พากันเห็นด้วย

“ไม่จริงโว้ย หัวใจต่างหากสำคัญที่สุด”

แว่วเสียงอันแสนจะคุ้นเคยดังขึ้นมาจากช่องอกด้านซ้าย ทำเอาสมองหนาววาบเพราะจำได้ดีว่าเป็นเสียงของอริเก่า เจ้าหัวใจในปฐมชาติ สมองในชาติที่แล้ว...นี่มัน...กลับมาเกิดเป็นหัวใจอีกครั้ง !

“สมองสำคัญที่สุดโว้ย” สมองเค้นเสียงตอบโต้อย่างไม่ยอมลดราวาศอก

“หัวใจโว้ย”

“สมองโว้ย”

“หัวใจ”

“สมอง”

“เฮ้ย! พอกันซะที” เสียงแปลกประหลาดที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนดังกึกก้องขึ้น ทำเอาทั้งหัวใจทั้งสมองเงียบกริบไปตามๆกัน และแม้นว่าอวัยวะทุกชิ้นจะกำลังฉงนว่ามันเป็นเสียงของใคร เสียงนั้นก็ตะเบ็งขึ้นอีกว่า

“พอได้แล้ว ไอ้หัวใจแกก็เคยเกิดเป็นสมอง ไอ้สมองแกก็เคยเกิดเป็นหัวใจ พวกแกจะเถียงว่าใครดีเด่ไปกว่ากันให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ พวกแกทะเลาะกันมากี่ชาติแล้ว เคยอยู่รอดกันสักชาติไหม สมองตายหัวใจก็ตาย หัวใจตายสมองก็ตาย แถมกูต้องมาตายด้วย ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วยกันทำให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรือไงวะ กูเทศน์มาตั้งยาว เข้าใจบ้างไหม หา?”

“ขะ...เข้าใจจ้า” ทั้งสมองและหัวใจละล่ำละลักออกมาพร้อมๆกัน

“งั้นสัญญากันซะว่าจะเลิกทะเลาะกัน” เสียงนั้นยังตะคอกไม่หยุด

“จะ...จ้า ได้จ้า”

สิ่งที่เสียงประหลาดนั้นพูดออกมาทำให้ทั้งสมองและหัวใจได้คิด ทะเลาะกันไปรังแต่จะมีผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นสมองและหัวใจจึงสัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกต่อไป

ถึงแม้นเรื่องราวต่างๆจะลงเอยกันได้ด้วยดีแล้ว แต่สมองก็ยังมีความสงสัยใคร่รู้อยู่ จึงตัดสินใจถามผู้มีพระคุณต่อร่างกายไปว่า

“ขะ...ขอถามสักนิดเถอะจ้า คุณพี่ที่ออกมาให้สติเราคือใครกันเหรอจ๊ะ”

“กูไส้ติ่งโว้ย เป็นไส้ติ่งมาสามชาติแล้ว ขอกูแก่ตายกับเขาสักชาติเหอะ อย่าให้กูมาตายเพราะความงี่เง่าของพวกเอ็งสองตัวเลย”

สิ้นเสียงของอวัยวะชิ้นนั้น ปอด ตับ ม้ามก็กรีดร้องโห่หอนกันขึ้นมาว่า

“ไชโย ไส้ติ่งสำคัญที่สุด เย้ๆๆๆๆ”

“พวกเอ็งก็ด้วย ไอ้พวกลูกขุนพลอยพยัก ถ้าพวกเอ็งไม่เอาแต่ ‘เย้ๆ ใช่แล้วๆ’ ข้าคงไม่ตายก่อนเวลาถึงสองชาติ พวกเอ็งเงียบไปเลยนะ ได้ยินเสียงพวกเอ็งอีกเมื่อไหร่ พ่อจะแตกกระเด็นขึ้นไปแปะบนหัวให้ดู”

ไส้ติ่งอวัยวะที่มีพระคุณต่อร่างกายร่ายยาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่อวัยวะภายในทุกชิ้นจะเงียบเสียงลง และไม่ว่าจะแก่ตายแล้วเกิดใหม่กันอีกกี่ภพกี่ชาติ อวัยวะภายในก็รักใคร่ปรองดองกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญพวกมันยึดถือคำสั่งของไส้ติ่งอย่างเคร่งครัด นั่นทำให้ไม่มีใคร ได้ยินเสียงต่อล้อต่อเถียงของอวัยวะภายในอีกเลย

จากคุณ : โกมุท
เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:04:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com