Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มนตรา...พฤกษาลัย บทที่ 1 (ครึ่งแรก) ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1


“ก็เพราะเราไม่เคยเห็นค่าของพวกเขาเลย แต่เมื่อถึงวันที่ต้องสูญเสียพวกเขาไป เราถึงจะรู้สึกสำนึกผิด”


เอมีร์ เดล โซเลย์

ราชาแห่งลูมินารี


 

ทางเดินเล็กๆ สายนั้นซอกซอนคดเคี้ยวตัดไปภายใต้ไม้ใหญ่ร่มครึ้ม ลึกเข้าไปเป็นลำดับในสถานที่ที่ชาวเฮสติอาเรียกขานกันว่าป่าแห่งความชั่วร้าย ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นเบียดกันในที่นั้นแผ่กิ่งก้านสาขาไปจนแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพื้นดิน ทั่วทั้งป่าเงียบเชียบ ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยหรือเดินผ่าน แต่น่าแปลกที่ทางเดินสายนั้นกลับเกลี้ยงเกลา แม้แต่ต้นหญ้าเล็กๆ หรือใบไม้สักใบก็ไม่มีให้เห็น ราวกับมีคนคอยดูแลอยู่เป็นประจำ


บุรุษสองคนสาวเท้าตามกันไปอย่างไม่เร่งร้อน ไม่สนใจความสงัดเงียบอันลึกลับของบรรยากาศโดยรอบ คนที่เดินอยู่ข้างหน้าสวมเสื้อคลุมสีดำตัวยาวกรอมเท้าที่สามารถปกปิดเครื่องแต่งกายภายในได้หมด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรูปร่างกำยำ ผ้าผืนใหญ่ที่พันรอบศีรษะ ทั้งยังตวัดชายผ้าปิดใบหน้าไว้ครึ่งๆ ทำให้มองเห็นหน้าได้ไม่ถนัดนัก ดาบยาวในฝักเงินที่ห้อยอยู่ข้างตัวแกว่งกระทบขาทุกจังหวะที่ก้าวเดิน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกให้รู้ว่าคนๆ นี้น่าจะเป็นพวก ‘อัศวิน’ หรือนักรบผู้ปกป้องผองภัยทั้งปวง


ส่วนอีกคนหนึ่งที่เดินตามมาข้างหลังสวมเสื้อคลุมตัวยาวกรอมเท้าเช่นกัน และยังมีฮู้ดคลุมศีรษะ ซึ่งทำให้ใบหน้าส่วนหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เงาผ้า แต่สร้อยเงินเส้นยาวที่มีสัญลักษณ์ดาวหกแฉกอยู่ในวงกลมที่คล้องคออยู่นั้น แสดงลักษณะของพวกเมจ หรือผู้ใช้เวทย์ เขาก้าวขึ้นไปยืนเคียงคนข้างๆ ทันทีที่ทางเดินเล็กสายนั้นมาสิ้นสุดลงในระหว่างต้นไม้ใหญ่คู่หนึ่ง ป่ารอบด้านดูลึกลับและไม่น่าไว้ใจ ราวกับว่ามีหมอกแห่งความชั่วร้ายลอยอ้อยอิ่งอยู่ในทุกอณูบรรยากาศ


นัยน์ตาแวววามสองคู่ภายใต้เงาผ้าคลุมแลกราดไปรอบด้าน ก่อนคนที่มีสัญลักษณ์ของนักเวทย์จะกระซิบกับเพื่อนข้างๆ เบาๆ


“เลือดสังเวย”


อัศวินกระชากดาบออกมาจากฝัก อัญมณีตรงด้ามดาบเรืองแสงก่อนดาบทั้งเล่มจะเปลี่ยนเป็นมีดสั้นสีเงิน เขากรีดคมของมันลงไปบนท่อนแขนของตัวเอง เรียกโลหิตให้หลั่งลงพื้นดินทีละหยด เพียงไม่นานก็มีเสียง คล้ายจะเป็นเสียงกระซิบแผ่วของความเงียบจากป่ารอบด้าน ใบไม้ทั้งหลายเคลื่อนไหวน้อยๆ กระทบกันไปมาฟังซู่ซ่าประหนึ่งเป็นการลอบเจรจาในหมู่ภูต


ทางเดินปรากฏขึ้นในฉับพลัน ทอดยาวจากระหว่างต้นไม้ใหญ่ทั้งสองตรงไปในความมืดข้างหน้าราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด


บุรุษทั้งสองสบตากันเพียงนิดเดียวแล้วผู้เป็นอัศวินก็เริ่มออกเดินนำไปอีกครั้ง


ไม่ต้องพูดกันทั้งสองก็รับรู้ได้ว่าเส้นทางต่อจากนี้ไปมีอันตรายบางอย่างรออยู่... วงเวทย์บนอกของคนตามหลังเปล่งแสงสว่างเรืองรองแล้วมันก็กลายรูปเป็นคทาขนาดเล็กที่ส่วนยอดเป็นลูกแก้วกลมใส เขากุมมันไว้ในมือทั้งสองข้างและหลับตาลง


ลมและหมอกก่อตัวหมุนวนอยู่ภายในลูกแก้วนั้น วินาทีต่อมา เมื่อชายนักเวทย์ลืมตาขึ้น รอบตัวคนทั้งสองก็มีลมและหมอกบางสีเงินพัดวนอยู่โดยรอบเป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยใดๆ ที่อาจจู่โจมเข้าเล่นงานในยามพลั้งเผลอ สายลมส่วนหนึ่งพัดพลิ้วแผ่วไปสู่รอยแผลที่เพิ่งหลั่งเลือดสังเวยออกมา และเพียงแตะผ่าน โลหิตที่หยาดหยดลงมาก็จางหายไปพร้อมกับผิวเนื้อที่กลับมาสมานกันดังเดิม


ฝีเท้าของคนข้างหน้าชะงักนิดหนึ่งแล้วก็ก้าวเดินต่อไป หากเพียงแค่นั้นผู้ที่เดินตามมาตลอดก็รู้แล้วว่าเพื่อนของเขากำลังจะกล่าวอะไร เขายิ้มออกมานิดหนึ่งและเดินตามต่อไป


เท้าสองคู่ย่ำลึกเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปไกลเท่าใด แสงสว่างในป่าก็ยิ่งลดลงจนแทบมองไม่เห็นรอบข้าง หากคนทั้งสองก็ยังมุ่งหน้าต่อไป อาศัยแสงสลัวจากหมอกของเขตคุ้มกายเป็นเครื่องส่องทาง หลายครั้งที่เขตอาคมนั้นหดเข้ามาคล้ายถูกอำนาจบางอย่างบีบรุก แต่เมื่อชายนักเวทตั้งสติใช้พลังต่อต้าน อำนาจบีบคั้นก็หายไป แต่ชั่วพักเดียวก็ถูกรุกรานใหม่ จนในที่สุด เมื่อถูกรบกวนหลายครา เจ้าของมนตราจึงต้องกุมคทาเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อรักษาระดับพลังเวทย์ให้มั่นคงพอที่จะทำให้เกราะลมยังคงอยู่


ความรู้สึกเหมือนต้องต่อสู้กับอำนาจบางอย่างที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และการที่ต้องตั้งสมาธิมั่นตลอดเวลาทำให้ร่างกายเริ่มล้า ลมหายใจก็เริ่มติดขัดเพราะความเหน็ดเหนื่อย คนข้างหน้าเห็นท่าไม่ดีจึงกระชากดาบออกมาจากฝักอีกครั้งหลังจากเก็บมันไปแล้ว คราวนี้เขาไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างอาวุธอีก แต่อากัปกิริยาที่กระชับส่วนด้ามมั่นแสดงถึงความพร้อมที่จะต่อสู้กับผองภัยทั้งปวงเพื่อปกป้องเพื่อนข้างหลังไว้หากเขตอาคมหายไป


แต่ก็ไม่ภัยใดๆ มากล้ำกรายพวกเขาอีก ครู่ใหญ่ต่อมา คนทั้งสองก็บรรลุถึงที่หมาย...


อย่างตื่นตะลึง... เบื้องหน้า กลางลานที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่สูงเยี่ยมทะยานฟ้า ลัดดาวัลย์นางหนึ่งหยัดยืนทอดกิ่งเลื้อยลดอย่างงดงาม ผิวสีน้ำตาลเข้มเห็นรำไรผ่านใบสีเขียวที่ปกคลุม ทั้งบริเวณราวกับจะสว่างเรืองรองด้วยรัศมีสีทองที่เปล่งประกายออกมา เบื้องบนปกคลุมด้วยเถาวัลย์และใบไม้ที่ทอดเกี่ยวกันเป็นหลังคา กันแดดแรงกล้าจะแผดเผาความงามให้สลายไป เบื้องล่างปกคลุมด้วยผืนหญ้าเขียวขจีขับความงามของลดาวัลย์นั้นให้โดดเด่นยิ่งขึ้น


กลิ่นอายแห่งความปลอดภัยและความรื่นรมย์ที่ลอยล่องอยู่ทั่วทุกอณูบรรยากาศทำให้คนทั้งสองวางใจ ดาบสีเงินถูกเก็บเข้าฝัก เช่นเดียวกับสายลมปนหมอกที่พัดรอบกายก็จางหายไป


คนทั้งคู่ก้าวเท้าเข้าไปหาความงดงามเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอยราวต้องมนตร์ ไม่ได้สังเกตเลยว่าทันทีที่ก้าวเข้าไปในลานนั้น ทางสายเล็กก็เลือนหายไปในเงามืดของต้นไม้ใหญ่เหมือนกับว่าไม่เคยมีมาก่อน


จากคุณ : เพชรรุ้งพราย
เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:25:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com