*นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจินตนาการ
ชื่อบุคคลและสถานที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสมมติขึ้น
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงใด ๆ ในประวัติศาสตร์
เช้าวันหนึ่งปลายฤดูใบไม้ร่วง เมเบล แม็คคลีนกำลังสางผมให้นายหญิงของหล่อนตามปกติ ปลายนิ้วเรียวบรรจงตวัดเกี่ยวปอยผม แล้วถักไขว้เป็นเปียยาวอย่างคล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ ระหว่างนั้นสาวใช้วัยสิบแปดปีก็นึกรำพึงขึ้นในใจว่าหล่อนชอบเส้นผมสีทองอร่ามแบบนี้ นุ่มลื่นแบบนี้ และต้องแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเงางามแบบนี้ยิ่งนัก
โรซาลายน์ เซซิล หรือ 'เลดี้โรส' น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมงดงามที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมา
คิดแล้วก็ได้แต่ลอบทอดถอนใจ เพราะเส้นผมของเมเบลเป็นสีแดง ...แดงเหมือนกับใบเมเปิลที่ใกล้จะร่วงหล่นทับถมลงบนพื้นดินเต็มที หรือที่ร้ายยิ่งกว่านั้น มีหลายคนเยอะหยันว่าเส้นผมของหล่อนเป็นสีแดงคล้ายเปลวไฟ ...เปลวไฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเร่าร้อน รุนแรง และแสดงออกถึงความปรารถนาทางกามารมณ์อย่างไม่ปิดบัง ไม่รู้จักอิ่มจักพอ
เมเบลรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายนัก หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์นั้น และไม่ได้ต้องการเกิดมามีผมสีแบบนี้เสียหน่อย แต่ทว่าจนใจที่ตนเองมิอาจเลือกสรร เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งปฏิเสธสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ได้
ตอนเด็ก ๆ เมเบลมักโดนเพื่อนปากร้ายซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ล้อเลียนเรื่องสีผมอยู่เสมอ หล่อนร้องไห้ โต้เถียง ทะเลาะตบตี และพยายามต่อต้านทุกวิถีทางเท่าที่เด็กกำพร้าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถทำได้ แต่ก็ไร้ผล มีอยู่ช่วงหนึ่งหล่อนเคยหลบหนีไปซ่อนตัวในโรงนาร้างเพียงลำพัง เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะ และเผชิญหน้ากับถ้อยคำถากถางของผู้คนรอบข้าง
ท่ามกลางความมืด หนาวเหน็บ และโดดเดี่ยวเดียวดาย เด็กหญิงตัวน้อยคุกเข่าลงบนพื้นที่ปูรองด้วยฟางแห้ง แล้วประสานมือหลับตา พร่ำสวดภาวนาคืนแล้วคืนเล่า ขอให้สีแดงน่าเกลียดบนศีรษะจงหายไป... จงหายไป... และถ้าหากมันจะเปลี่ยนเป็นสีทอง สีน้ำตาล สีดำ หรือแม้แต่สีขาว หล่อนก็ยินดีทั้งสิ้น
ทว่าเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ได้ถูกสงวนสิทธิ์ให้เกิดขึ้นกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ หรืออัศวินผู้แบกรับชะตากรรมของแผ่นดินเท่านั้น มิได้มีไว้สำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต่ำต้อยอย่างหล่อนจะวิงวอนร้องขอได้ดั่งใจ
ไม่ช้า แม่บ้านตระกูลเซซิลก็ตามหาเมเบลจนพบ หล่อนถูกนำตัวกลับมาลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี ทำงานหนัก กักบริเวณ และบังคับให้สาบานว่า จะไม่หลบหนีไปไหนอีก เมเบลยอมทำตามทุกอย่าง เพราะ 'ทาสติดที่ดิน' อย่างหล่อนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจำต้องเชื่อฟังแลนด์ลอร์ดไปจนชั่วชีวิต ระบอบการปกครองแบบศักดินาถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละฝืน
หลังจากวันนั้น จำเนียรกาลก็ผ่านไปหลายปีดีดัก กว่าเมเบลจะเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น และทำใจยอมรับ 'ปมด้อย' ของตนเองได้ในที่สุด หล่อนเลิกฟังในสิ่งที่ไม่อยากฟัง และแก้ปัญหาง่าย ๆ ด้วยการหาผ้ามาคลุมศีรษะ ปิดบังสีผมจากสายตาของผู้คนเหล่านั้นแทน ซึ่งมันก็ช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะมันไม่อาจเปลี่ยนแปลงอคติที่ฝังอยู่ในใจหล่อนได้อยู่ดี...