Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กุหลาบมายา ตอนที่ 1 ติดต่อทีมงาน

*นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจินตนาการ
ชื่อบุคคลและสถานที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสมมติขึ้น
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงใด ๆ ในประวัติศาสตร์


เช้าวันหนึ่งปลายฤดูใบไม้ร่วง เมเบล แม็คคลีนกำลังสางผมให้นายหญิงของหล่อนตามปกติ ปลายนิ้วเรียวบรรจงตวัดเกี่ยวปอยผม แล้วถักไขว้เป็นเปียยาวอย่างคล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ ระหว่างนั้นสาวใช้วัยสิบแปดปีก็นึกรำพึงขึ้นในใจว่าหล่อนชอบเส้นผมสีทองอร่ามแบบนี้ นุ่มลื่นแบบนี้ และต้องแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเงางามแบบนี้ยิ่งนัก

โรซาลายน์ เซซิล หรือ 'เลดี้โรส' น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมงดงามที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมา

คิดแล้วก็ได้แต่ลอบทอดถอนใจ เพราะเส้นผมของเมเบลเป็นสีแดง ...แดงเหมือนกับใบเมเปิลที่ใกล้จะร่วงหล่นทับถมลงบนพื้นดินเต็มที หรือที่ร้ายยิ่งกว่านั้น มีหลายคนเยอะหยันว่าเส้นผมของหล่อนเป็นสีแดงคล้ายเปลวไฟ ...เปลวไฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเร่าร้อน รุนแรง และแสดงออกถึงความปรารถนาทางกามารมณ์อย่างไม่ปิดบัง ไม่รู้จักอิ่มจักพอ

เมเบลรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายนัก หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์นั้น และไม่ได้ต้องการเกิดมามีผมสีแบบนี้เสียหน่อย แต่ทว่าจนใจที่ตนเองมิอาจเลือกสรร เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งปฏิเสธสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ได้

ตอนเด็ก ๆ เมเบลมักโดนเพื่อนปากร้ายซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ล้อเลียนเรื่องสีผมอยู่เสมอ หล่อนร้องไห้ โต้เถียง ทะเลาะตบตี และพยายามต่อต้านทุกวิถีทางเท่าที่เด็กกำพร้าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถทำได้ แต่ก็ไร้ผล มีอยู่ช่วงหนึ่งหล่อนเคยหลบหนีไปซ่อนตัวในโรงนาร้างเพียงลำพัง เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะ และเผชิญหน้ากับถ้อยคำถากถางของผู้คนรอบข้าง

ท่ามกลางความมืด หนาวเหน็บ และโดดเดี่ยวเดียวดาย เด็กหญิงตัวน้อยคุกเข่าลงบนพื้นที่ปูรองด้วยฟางแห้ง แล้วประสานมือหลับตา พร่ำสวดภาวนาคืนแล้วคืนเล่า ขอให้สีแดงน่าเกลียดบนศีรษะจงหายไป... จงหายไป... และถ้าหากมันจะเปลี่ยนเป็นสีทอง สีน้ำตาล สีดำ หรือแม้แต่สีขาว หล่อนก็ยินดีทั้งสิ้น

ทว่าเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ได้ถูกสงวนสิทธิ์ให้เกิดขึ้นกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ หรืออัศวินผู้แบกรับชะตากรรมของแผ่นดินเท่านั้น มิได้มีไว้สำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต่ำต้อยอย่างหล่อนจะวิงวอนร้องขอได้ดั่งใจ

ไม่ช้า แม่บ้านตระกูลเซซิลก็ตามหาเมเบลจนพบ หล่อนถูกนำตัวกลับมาลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี ทำงานหนัก กักบริเวณ และบังคับให้สาบานว่า จะไม่หลบหนีไปไหนอีก เมเบลยอมทำตามทุกอย่าง เพราะ 'ทาสติดที่ดิน' อย่างหล่อนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจำต้องเชื่อฟังแลนด์ลอร์ดไปจนชั่วชีวิต ระบอบการปกครองแบบศักดินาถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละฝืน

หลังจากวันนั้น จำเนียรกาลก็ผ่านไปหลายปีดีดัก กว่าเมเบลจะเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น และทำใจยอมรับ 'ปมด้อย' ของตนเองได้ในที่สุด หล่อนเลิกฟังในสิ่งที่ไม่อยากฟัง และแก้ปัญหาง่าย ๆ ด้วยการหาผ้ามาคลุมศีรษะ ปิดบังสีผมจากสายตาของผู้คนเหล่านั้นแทน ซึ่งมันก็ช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะมันไม่อาจเปลี่ยนแปลงอคติที่ฝังอยู่ในใจหล่อนได้อยู่ดี...

“ถอนใจทำไมหรือเบลล่า” เลดี้โรซาลายน์เอ่ยถาม เพราะมองเห็นเงาของสาวใช้สะท้อนอยู่บนบานกระจกเบื้องหน้า “มีใครรังแกเธออีกหรือ”

“เปล่าค่ะ” เมเบลตอบเสียงแผ่ว พลางดึงริบบิ้นสีขาวเส้นหนึ่งมาผูกปลายหางเปียให้นายสาว เป็นอันว่าเสร็จขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งตัว

เลดี้โรซาลายน์ไม่ได้ซักไซ้อะไรมากไปกว่านั้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าสาวใช้คนสนิทมักปฏิเสธแบบนี้เสียจนเคยชิน และต่อให้หล่อนถูกรังแก หรือมีเรื่องคับแค้นใจใด ๆ อยู่จริง เมเบลก็ได้แต่เก็บเรื่องราวเอาไว้ในใจคนเดียว ไม่เคยปริปากบอกเล่าความรู้สึกส่วนตัวให้ใครฟังมาก่อน

โรซาลายน์เรียกสิ่งนั้นว่า 'กำแพง' ...ซึ่งไม่แปลก ถ้าหากผู้คนในยุคสมัยนี้จะพยายามสร้างกำแพงของตนขึ้น เพื่อตัดขาดจากกระแสบีบคั้นบางอย่างที่มองไม่เห็น

โรซาลายน์เองก็กำลังมี 'กำแพง' อันแข็งแกร่งอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจเช่นกัน...

ร่างเพรียวระหงลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นชายกระโปรงพอง บานเป็นสุ่ม ยาวละพื้น หากตัวเสื้อท่อนบนกลับรัดติ้ว เน้นสัดส่วนทรวดทรวงองค์เอวแห่งความเป็นอิตถีสตรีเพศชัดเจน ความงามของเลดี้ตระกูลเซซิลเปรียบดังกุหลาบแรกแย้ม นาม 'โรซาลายน์' นี้จึงนับว่าตั้งได้ถูกโฉลกยิ่งนัก กลายเป็นทั้งชื่อและฉายาของหล่อนไปโดยปริยาย

โรซาลายน์ เซซิล ...กุหลาบขาวแห่งบริตานี่ !

เมเบลถอยห่างออกมาสองสามก้าว พลางมองดูนายสาวของตนด้วยสายตาชื่นชม รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ารูปไข่ของหล่อน เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์จริงใจ และปัดเปล่าความหม่นหมองที่ซุกซ่อนอยู่ในใจให้จางหายไปได้ในชั่วพริบตา

“เลดี้สวยขึ้นทุกวัน ยิ่งใกล้วันงานพิธีก็ยิ่งสวยนะคะ”

แต่ทว่าดูเหมือนวาจาชื่นชมของเมเบลจะไม่สามารถทะลุผ่าน 'กำแพง' ของเลดี้โรซาลายน์เข้าไปได้ เพราะสีหน้าของหล่อนยังคงเรียบเฉย มิหนำซ้ำแววตาที่ดูสดใสเมื่อครู่ ยังคลับคล้ายจะหม่นลงนิดหนึ่งด้วย ถ้าหากนั่นมิใช่สิ่งที่เมเบลคิดไปเอง

“อย่าพูดถึงงานพิธีให้ฉันได้ยินอีก” โรซาลายน์บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอควรจะรู้ว่าฉันไม่อยากได้ยินมัน เหมือนกับที่เธอไม่อยากให้ใครมองเห็นผมสีแดงเพลิงนั่น”

รอยยิ้มของเมเบลหายไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับตอนที่ปรากฏขึ้น หล่อนรีบก้มศีรษะซึ่งคลุมผ้าเหมือนแม่ชีลงต่ำ แล้วพึมพำคำว่าขอโทษ

“ช่างเถอะ” นายสาวบอกอย่างไม่ถือสา “ฉันเองก็หงุดหงิดไปหน่อย ไม่ได้คิดจะพูดกับเธอแบบนี้หรอกนะ เออนี่... เบลล่า อีกประเดี๋ยวฉันจะออกไปที่วิหาร เธอช่วยไปบอกเกลนให้เตรียมรถม้าทีสิ”

“ค่ะ” เมเบลรับคำ แล้วค่อย ๆ ถอยออกจากห้องไป โดยมิได้เงยหน้าขึ้นสบตานายสาวคนสวยอีกเลยแม้แต่แวบเดียว

แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 20:53:14

แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 19:20:54

จากคุณ : Friday Story
เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 19:15:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com