ตอนที่ 8 ร่ำลายุคแห่งพราย และไอยราปรากฏ
"พญาไอยรา.." เด็กสาวปรีดาสั่นระริก หล่อนเบิกตากว้างมองออกไป เช่นเดียวกันที่อีกฝ่ายปรากฏตัวชัดขึ้น
"แปร้น..." เสียงทักทายดังตอบ พื้นดินสะเทือนเป็นจังหวะ ๆ พญาช้างเผือกขาวสว่างงดงามด้วยแสงของทวิพฤกษาสีเงิน ร่างกายใหญ่โตมโหราฬสูงประมาณคนเจ็ดคนยืนต่อกัน มีอาภรณ์เป็นพู่จักสานคลุมเหนือศีรษะและแผ่นหลัง ข้อเข่าทั้งสี่มีอุบะไหมสีมรกตและดอกไม้ประดับ เพียงไม่นานก็ก้าวมาหยุดยืนหน้าเด็กสาว ดาวตาวับวาวเหมือนลูกแก้วจ้องลงมาอย่างฉงนใจ
"นางเป็นใคร" หลังจากมองสักพัก พญาช้างก็หันไปมองพระแม่ธรณี
"นางคือผู้ที่มาเพื่อตามหาเจ้า"
"ตามหาข้าเพื่ออะไรกัน?" พญาช้างผู้ทรงปัญญาเป็นอันดับต้น ๆ ในเหล่าภูตศักดิ์สิทธิ์ก้มมองเด็กสาวด้วยความรู้สึกสงสัย ยิ่งเห็นรัศมีสีเขียวเจิดจรัสที่แผ่ไพศาลออกมาจากฝ่ามือของหล่อนด้วยแล้ว หัวใจของผู้พิทักษ์ป่ารู้สึกเต้นผิดปกติ แต่ก็ยังไม่เชื่อใจนัก "ข้าไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อเจ้า"
"ก็ เอ่อ..พญาเต่า ให้แก้วมาตามหาท่าน เพื่อขอเจตภูตจากท่านมาช่วยป้องกันภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกอนาคต" ว่านแก้วอธิบาย หล่อนเองก็แปลกใจเหมือนกัน เพราะตามที่แสงดาวหรือคนอื่น ๆ เล่า ภูตศักดิ์สิทธิ์จะรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว หล่อนใคร่ครวญอย่างพินิจจึงเอะใจคิดได้ว่ายุคที่หล่อนมานี้มันเป็นยุคที่ไกลที่สุด อาจก่อนที่ภูตศักดิ์สิทธิ์จะเกิดกันครบด้วยซ้ำ พอนึกได้ข้อนี้ก็ถึงกับอึ้งว่าจะอธิบายให้พญาสัตว์ที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเข้าใจได้อย่างไร หล่อนเรียบเรียงคำพูดในใจ
"พญาช้างคะ ช่วยแบ่งพลัง เอ่อ เจตภูตให้แก้วหน่อยเถอะค่ะ แก้วต้องเอาไปช่วยโลกอนาคต" เด็กสาวคิดแต่ไม่ได้พูด กระนั้นพญาช้างก็เงยหน้าขึ้นเหมือนวิเคราะห์ความคิดเด็กสาว ก่อนก้มลงมองอีกครั้ง ม่านตาขยายขึ้น ขณะที่ว่านแก้วยังคงนิ่งใช้ความคิดอยู่เช่นเคย หล่อนคิดว่าในบรรดาภูตศักดิ์สิทธิ์ พญาเต่าน่าจะเกิดก่อนใครเพื่อน
"แก้วมาที่นี่ได้ก็ด้วยไข่มุกนี่แหละ" หล่อนชูสร้อยไข่มุกพร้อมอมยิ้ม "ดวงจิตของพญาเต่าค่ะ"
"หืม?" พญาช้างกระดิกหู ส่ายศีรษะก้มมองให้ชัด ประกายสายตาที่เคยเคลือบแคลงลดลง เขายิ้มน้อย ๆ "แต่มันจะเป็นของพญาเต่าจริงหรือไม่..ก็ไม่รู้"
"จริงสิคะ!" เด็กสาวเอ่ย มองใบหน้าเบื้องบนที่ยังคงสั่นไปมาแลไม่มั่นใจ หล่อนจึงคิดว่าถ้าแสดงอำนาจของไข่มุกกาลเวลาให้ประจักษ์ บางทีพญาช้างอาจยอมเชื่อก็ได้ แต่การไข่มุกเวลามีอำนาจในการเดินทางข้ามมิติ ซึ่งมันอาจจะไม่มีประโยชน์เพราะพญาช้างก็ไม่ได้เห็นว่าหล่อนไปโผล่มิติอื่นด้วยเสียหน่อย ดังนั้นน่าจะแสดงอย่างอื่นให้เห็นมากกว่า แล้วไข่มุกเวลามีประโยชน์อะไรอย่างอื่นบ้างเล่า?
ว่านแก้วก้มมองสร้อยไข่มุกของตัวเอง เช่นเดียวกับพญาช้างและพระแม่ธรณี แต่นอกจากนี้ เบื้องหลังโคนต้นสนใหญ่ยักษ์ที่ห่างออกไปไม่ไกลนักยังมีคู่สายตาแสดงความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
"ของวิเศษของพญาเต่า มีอำนาจในเรื่องของเวลา" เด็กสาวขบคิด "แล้วจะทำอะไรอย่างอื่นได้อีกบ้างล่ะ" ขณะพินิจพิจารณาก็บังเอิญมองถัดจากไข่มุกลงไปยังพื้น หล่อนเห็นเมล็ดพืชกลม ๆ หล่นเกลื่อนอยู่จึงยิ้มออก เป็นรอยยิ้มที่แสดงความคิดสร้างสรรค์เชิงท้าทายออกมา "เราน่าจะลองอธิษฐานให้อำนาจแห่งเวลาแสดงผลกับเมล็ดพืช.. น่าจะได้ผลสินะ"
"แม้จะมั่วเดาสุ่ม แต่ว่า..." เด็กสาวคิดถึงพลังจิตที่ร่ำเรียนมา "อำนาจแห่งการอธิษฐาน เราต้องเชื่อมั่นสิ"
"ตกลงเจ้าจะยืนยันอย่างไร" พญาช้างส่ายงวง
"แก้วจะลองแสดงอำนาจของเวลาให้ดูค่ะ... ฮึ๊บ!" ว่านแก้วไม่รีรอ นั่งยองลงแล้วเอามือกอบเมล็ดพันธุ์นั้นขึ้นมาพนมมือพร้อมกับกำไข่มุก
"โอมเพี้ยง.. ด้วยอำนาจแห่งพญาเต่าติกะ ผู้ดูแลเวลา ได้โปรดแสดงให้เห็นว่าเมล็ดพันธุ์นี้เมื่อผ่านกาลเวลาไปแล้วจะเป็นอย่างไรด้วยเถิด"
"..."
"วิ๊ง ๆ ๆ" ว่าแล้วเด็กสาวก็แบมือออก พระแม่ธรณีเพ่งมองลุ้น พญาช้างยกขาหน้าหมายจะก้าวถอย ทว่าก็ยกเก้อ เพราะปรากฏว่าไม่มีอะไรใด ๆ เกิดขึ้นกับเมล็ดสีน้ำตาลที่อยู่ในฝ่ามือของว่านแก้วเลย
"อ่าว อะไรกันเนี่ย.." เด็กสาวระทึกเก้อ รู้สึกร้อนใจ หล่อนอธิษฐานใหม่ แต่ก็ไม่มีอะไรปรากฏขึ้น ได้แต่กลืนน้ำลายเงยมองพญาช้างและหัวเราะไม่ออก "เอ่อ...พญาไอยรา..ขา..." เสียงหล่อนออดอ้อน "เชื่อแก้วเถอะนะคะ"
"จะให้เชื่ออะไรเล่า การที่เจ้าขอให้เราแยกเจตภูตให้ นั่นคือขอให้เราแบ่งกำลังของเราไป โดยที่เจ้าไม่มีอะไรมาให้เราเชื่อถือเลย" ว่าพลางพญาช้างก็กระทืบเท้า "กลับไป!"
"ว๊าย..!" ว่านแก้วสะดุ้งตกใจกระโดดถอยห่าง พื้นที่สะเทือนทำให้หล่อนเข่าอ่อนคุกเข่านั่งลง ลนหันไปทางพระแม่ธรณีใช้สายตาเว้าวอน
"ใจเย็น ๆ" เสียงเมตตารีบเอ่ย "นางเป็นอาคันตุกะของเรา"
"งั้นข้ากลับป่าดีกว่า ก่อนจะเหยียบเด็กตาย" พญาช้างเอ่ย ก้าวถอยหลัง "จริง ๆ นางมีดวงจิตของข้าในกายอยู่แล้ว แต่กลับดูไม่เหมาะสมเลย" พญาช้างพึมพำ แท้จริงแล้วด้วยปัญญามากล้นก็พอรู้อยู่แล้วว่าว่านแก้วคือผู้ชักจูงของตน และมาที่นี่ด้วยเหตุผลใด
ส่วนว่านแก้วเห็นพญาช้างก้าวถอยไปเช่นนั้นก็น้ำตาซึมร้องไห้ มือหมดแรงจนเมล็ดพืชหล่นลงพื้น
"ช่วยแก้วด้วยเถอะค่ะ แก้วได้ใช้เวลาชีวิตของอาจารย์มา อย่าให้แก้วต้องมาเก้อเลย" เด็กสาวร้องไห้สะอื้นเสียใจมาก ภารกิจที่คิดว่าง่ายแล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จ น้ำตาร่วงเผาะลงพื้น
พญาช้างหันกลับมามอง...ก่อนหันกลับไปและมุ่งหน้าเดินกลับป่า
"พญาไอยรา...ฮือ กลับมาเถอะค่ะ" ว่านแก้วคร่ำครวญ น้ำใสจากดวงตาหยดแว่นแล้วตกลงสู่เมล็ดพันธุ์นั้น
"พญาไอยรา...ฮือ อาจารย์ขา ว่านแก้วขอโทษ แก้วสงสารอาจารย์เหลือเกินที่มีลูกศิษย์ไม่เอาไหนแบบนี้ "แก้วไม่เอาไหนเลย อ่อนแอและล้มเหลว ทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้ไม่สำเร็จ ฮือ ๆ" หล่อนร้องไห้พรั่งพรู "แก้วขอโทษ ฮือ ๆ"
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 15:49:37
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 15:48:22
จากคุณ |
:
X RoBiN
|
เขียนเมื่อ |
:
26 มี.ค. 54 15:47:25
|
|
|
|