7 ปั้นเมฆ
หลังจากนอนพักทั้งวันจนหายเหนื่อย ฉันก็เริ่มงานต่อทันที ขยันจริงจี๊งช้าน
ไม่ค่ะ... ฉันไม่ได้โดดลงกระพ้อมไทม์แมชชีนใส่ชุดกระบือน้อยเหมือนคืนก่อน แต่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เคาะแป้นคีย์บอร์ดเสริชข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแทน
ปั้นเมฆ คือ พิธีกรรมก่อนการเพาะปลูกในภาคกลาง ระหว่างเดือน 6 ถึงเดือน 8 บ้างก็ทำร่วมกับพิธีแห่นางแมวเพื่อขอฝน เป็นการขุดดินเหนียวมาปั้นเป็นอวัยวะเพศชายหญิงให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือเป็นรูปชายหญิงกำลังเสพสังวาสกัน นำไปวางไว้ตรงทางสามแพร่ง ตรงกลางนา หรือแห่ไปรอบๆ เพื่อให้เทวดาโกรธและอับอาย ปล่อยน้ำฝนลงมาละลายรูปปั้นดินนั้น
อ๊าย... มิน่าล่ะ สองคนนั้นถึงมุดเข้ากระท่อมไปช่วยกัน ปั้นเมฆของจริง ไม่ต้องพึ่งดินเหนียว เหอๆ ฉันอยากรีบกลับไปดูจังว่า มันจะได้ผลรึเปล่า ป่านนี้อาจจะน้ำท่วมแล้วก็ได้ 555
ปั้นเมฆเป็นพิธีทางพิรุณศาสตร์ที่มีมาแต่สมัยดึกดำบรรพ์บนแผ่นดินสุวรรณภูมิ มีหลักฐานพบตุ๊กตาปั้นเมฆอายุกว่าสองพันปีที่บ้านโคกไม้เดน ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
ฉันเห็นรูปตุ๊กตาโบราณเป็นชายเปลือยทำท่าเหมือนกบแล้วนั่งทำท่าเขินอายอยู่หน้าจอคอมพ์ ทั้งๆ ที่ฉันเคยปั้นรูปหนุ่มเปลือยได้ A มาแล้ว (อาจารย์มาเฉลยภายหลังว่าให้เกรดตามขนาด หุหุ)... ต้องเป็นเพราะฉันดันนึกถึงสองคนนั้นน่ะสิ เฮ่อ...บังเอิญได้รับเกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีกรรมปั้นเมฆแบบไม่ใช้ดิน
นอกจากนั้น ฉันก็ยังได้ข้อมูลดีๆ มาอีกเพียบ บางคนอาจจะบอกว่ามันก็แค่เรื่องการทำนาทั่วๆ ไป ใครๆ ก็รู้ แต่ฉัน...บัณฑิตใหม่จากรั้วมหาลัยใจกลางกทม. ไม่รู้มาก่อนนี่นา อย่างเช่น...
ที่เจ๊จิ๋มพูดถึง ข้าวนาสวน ฉันก็เพิ่งรู้ว่า ข้าว...ถ้าแบ่งตามวิธีการทำนา จะแบ่งได้ 3 ชนิดคือ 1.ข้าวไร่...ปลูกในที่ดอน ไม่ต้องใช้น้ำท่วมขังบนที่ดิน 2.ข้าวนาสวน...ข้าวพันธุ์ดีที่สุด ต้องการน้ำท่วมขังไม่เกินหนึ่งเมตร ส่วนมากเป็นนาดำ (อันนี้ฉันรู้ค่ะว่า คือนาที่หว่านเพาะต้นกล้าแล้วค่อยเอาไปปักดำลงในนา) นาในประเทศไทยโดยมากเป็นข้าวนาสวน และ 3.ข้าวนาเมือง...ปลูกในพื้นที่ราบลุ่มที่น้ำท่วมมากกว่าหนึ่งเมตร ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง บางทีเรียกว่า ข้าวลอย ข้าวฟางลอย หรือข้าวขึ้นน้ำ (แต่ก่อนฉันรู้จักแต่ข้าว (หุง) ขึ้นหม้อ) เพราะเป็นพันธุ์ที่มีลำต้นยาว และทอดออกไปแตกแขนงตามข้อและออกรากตามข้อได้ โตเร็วสามารถสูงพ้นน้ำท่วมได้ ใช้วิธีหว่านในการปลูก
มิน่า เจ๊จิ๋มถึงชื่นชมปู่ของนายคนนั้นนักหนา ชาวนาในสมัยโบราณที่แหวกประเพณีเอาข้าวนาสวนมาปลูกด้วยวิธีหว่านเป็นคนแรกแล้วได้ผลดีจนชาวบ้านทำตามนี่นับว่ากล้าหาญชาญชัยจริงๆ
มีอีกเรื่องที่ฉันไม่ยักรู้มาก่อน
พระแม่โพสพเป็นเทพธิดา ร่างงาม แต่งกายด้วยผ้าผ่อนแพรพรรณสมัยโบราณห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าจีบชายกรอมลงมาถึงปลายหน้าแข้ง ทรงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ตระการตา ไว้ผมยาวสลวยประบ่า มีกระจังกรอบหน้าคล้ายมงกุฎ และจอนหูงอนชดช้อย มือข้างหนึ่งชูรวงข้าว ส่วนอีกข้างถือถุงโภคทรัพย์เต็มถุง ประทับนั่งพับเพียบเรียบร้อยแบบแพนงเชิงอย่างไทยโบราณ
ฉันนึกถึงแฟชั่นชุดกระโปรงแสกสีเขียวอ่อนผ้าชีฟองพริ้วสวยของเทวีแห่งข้าวตัวจริงเสียงจริงที่ฉันเคยพบมาแล้วได้แต่ยิ้ม
...พระแม่โพสพเป็นหญิงขวัญอ่อนง่าย ขี้อาย ต้องทำพิธีเรียกขวัญเสมอ
ขวัญอ่อนเหรอ? ไม่มั๊ง พระแม่โพสพที่ฉันเคยเห็นคือเวิร์คกิ้งวูแมนที่ชาญฉลาดและมั่นใจ ไม่เห็นขี้อายเลยสักหน่อย ...เหอๆ
แม่กระบือน้อย ยิ้มอะไรยะ? เสียงหวานใสที่เริ่มคุ้นหูฉันดังขึ้นเบื้องหลังพร้อมให้พรฉันหนึ่งโป๊ก เนี่ยอ่ะนะเทพีขวัญอ่อน
วันนี้เทพธิดาแห่งข้าวอยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อตัวหลวมกว้างอย่างเปรี้ยวสีเขียวใบไม้ คาดผมด้วยแถบผ้าอันโตสีเดียวกัน พอมาเห็นรูปวาดพระแม่โพสพบนหน้าจอที่ฉันเปิดค้างไว้ก็กระตุกยิ้มมุมปาก
เฮ่อ... คนไทยสมัยนี้จินตนาการรูปฉันเองไม่เป็นหรือยังไงนะ เวลาวาดภาพแม่โพสพทีไร ถึงได้วาดรูปยายฉันที่บรรพบุรุษวาดเอาไว้ทุกที
เราอนุรักษ์ความเป็นไทยค่ะ ฉันรีบแก้ตัวแทน คนไทยสมัยนี้ ...ในฐานะศิษย์มีอาจารย์เป็นศิลปินไทยร่วมสมัย โดนต่อว่าแบบนี้รู้สึกหน้าร้อนๆ ยังไงไม่รู้
ฮึ... ไม่คิดอะไรเอง กินบุญเก่าบรรพชนสร้างสรรไว้ แล้วอ้างคำว่าอนุรักษ์
ฮึฮึ อนุรักษ์โดยไม่มีวิวัฒน์ก็เท่ากับการทำลายดีๆ นี่เอง เทพีแห่งข้าวพูดได้ตรงใจฉันจริงๆ แต่ถ้าฉันวาดรูปแม่โพสพใส่ชุดที่ฉันเห็นอยู่นี้ไปส่งอาจารย์ล่ะก็ ฉันคงโดนอาจารย์คอนเซอร์เวถีบถีบกระเด็นออกมาแน่ๆ
พระแม่โพสพเหรอ? เชื่อสิ ทัพพ์เชื่อว่าพระแม่โพสพมีอยู่จริงๆ
เราลองมาฟังความคิดสร้างสรรค์ของชาวนา (กึ่ง) นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่กันดีกว่า...
ใส่ชุดยังไงเหรอ?... อืม... อืม... อืม... ถ้าให้ทัพพ์เดา... ทัพพ์ว่าต้องไม่ใส่อะไรแน่ๆ เลย!
เย้ยยยย...!!! ตาทัพพีพูดอะไรออกม้าอ้าอ้าอ้า
อ้าว... ก็ทัพพ์คิดอย่างงั้นจริงๆ นี่ โอ๊ย...เจ็บ! นำทัพพ์ลูบหัวตัวเองแล้วหันซ้ายหันขวาทำหน้างงๆ คงไม่รู้ว่าเทพีที่เขากำลังพูดถึงยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างหลังให้พรเขาโป๊กๆๆ
โชคดีที่อีตาทัพพีไม่ได้เรียนศิลปะ ไม่งั้นเราคงมีรูปเทพีแห่งข้าวนู้ดประชันแข่งกับวีนัส อาจจะดังกว่าภาพกำเนิดวีนัสของบอติเชลลี ก็ได้
ไม่ได้หมายถึงรูปเทพเจ้าแบบศิลปะฝรั่งนุ่งน้อยห่มน้อยอย่างงั้น ทัพพ์คิดว่าเทพีแห่งข้าวก็คือจิตวิญญาณของข้าว ที่คนไทยเราเชื่อว่ามีขวัญของข้าวนั่นแหละ มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่บ่งชี้ว่า พลังงานแห่งจิตวิญญาณของสิ่งแวดล้อม มีจริงๆ อย่างงานวิจัยของดอกเตอร์อีโมโตะ ใช้กล้องออร่า และ เครื่องวัดพลังงาน Bovis scale แล้วสรุปได้ว่าน้ำมีจิตวิญญาณ ซึ่งความเชื่อของเราก็คือพระแม่คงคา
ค่อยยังชั่ว ฉันลืมไปว่ากำลังคุยอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก พูดอะไรต้องมีหลักฐานยันเหตุและผล
ลองมาฟังความคิดเห็นของชาวนาร่วมสมัยสุด ไฮเทค ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ปาดชาวบ้าน มั่งดีกว่าค่ะ
ถึงตอนที่คุยกับฉันเกี่ยวกับพิธีกรรมปั้นเมฆแห่นางแมว แกจะบอกว่า... อู๊ย เชยระเบิดหมดสมัยแล้ว เทคโนโลยีเค้าไปถึงไหนๆ ใครจะยังมานั่งเอาน้ำสาดแมว ปั้นดินให้ฝนตกเล่า ไม่มีเหตุผล ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ งมงายๆ
แต่พอถามถึงเรื่องพระแม่โพสพ แกก็รีบอวด
ป๋าน่ะ ถึงจะไฮเทคแค่ไหน แต่ก็เป็นลูกกตัญญู ไม่ลืมคุณแม่โพสพหรอกนะ ที่บ้านป๋ามีบูชาอยู่ 10 องค์ นี่นี่... ที่คอนี่ก็มีอยู่ 2 องค์ แกรีบควักสร้อยคอทองคำเส้นโตห้อยพระเครื่องเป็นสิบๆ องค์ออกมาจากข้างในเสื้อ ...เห็นมั๊ยๆ ...องค์นี้เนื้อผงรุ่นชาวนามหารวย ศักดิ์สิทธิ์สุดๆ เช่ามาปุ๊บ ถูกหวยทั้งชุด เคียวโกะเค้าฝันเห็นข้าว 5 เมล็ด งวดนั้นป๋าเลยแทง 55 50 05 500 555
ป๋ารีบส่งไปให้เค้าเลี่ยมทองเลย
เอ่อ...ป๋าขา พระแม่โพสพท่านเป็นเทพีแห่งข้าวนะค้า ไม่ใช่ เทพีแห่งหวย
นี่อีก องค์นี้เนื้อโลหะ ปีที่แล้วราคาข้าวสูงปรี๊ดตันละ 800 ดอลลาร์ ป๋าเลยยุให้เจ้าอาวาสจัดสร้างแม่โพสพรุ่น พุ่งกระฉูดทะลุพันดอน 1000 องค์ อู๊ย... ชาวบ้านแห่กันเช่าบูชาเกลี้ยงภายในวันแรกที่เปิดจอง วัดอื่นเห็นญาติโยมนิยมเช่าพระแม่โพสพก็รีบเกาะกระแสออกตามมาอีกหลายรุ่น ทั้งแบบขึ้นหิ้ง ทั้งหล่อเป็นองค์โตๆ ไว้ที่วัดให้ชาวนาได้มาทำบุญกันก็มี
สรุปว่า มารดาแห่งข้าวก็ได้แจ้งเกิดในวงการจัดสร้างและให้เช่าบูชาวัตถุมงคลด้วยประการฉะนี้
แล้วปาดชาวบ้านก็ สรุปด้วยปรัชญาอันคมกริบส่งท้าย
แต่ก็อย่างว่าละนะ ต่อให้บูชาแม่โพสพโพศรีกี่สิบองค์ ถ้าไม่ลงทุนใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง ต้นข้าวก็คงไม่โตหรอก เหอๆ
สามวันต่อมา พระแม่โพสพก็ปรากฎตัวขึ้นเตือนว่าก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจังแล้ว (จริงๆ ท่านพูดแค่สั้นๆ ว่า เน่เธอ...อย่าอู้สิ )
หนูขอถามหน่อยนะคะ ทำไมเราต้องไปตามหาฮีโร่ในอดีตด้วยล่ะ? แปลว่าตอนนี้ประเทศไทยไร้คนดีแล้วเหรอคะ?
มารดาแห่งข้าวไม่ตอบคำถามตรงๆ แค่ให้ข้อมูลกว้างๆ ว่า... เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยยอมมาเป็นชาวนา พอได้รับการศึกษาก็หันไปทำงานในเมืองหมด น้อยคนที่จะกลับบ้านเกิดทำนาเหมือนพ่อแม่ เหลือแต่ลุงๆ ป้าๆ...หาชาวนาเอ๊าะๆ แบบเกิร์ลเจนเนอเรชั่นไม่ค่อยมี มีแต่ เกินเจนเนอเรชั่น ฉันอยากเห็นฮีโร่ไทยรุ่นใหม่วัยละอ่อน ไม่ใช่ฮีโร่วัยเกษียณ
ก็เลยต้องย้อนกลับไปในอดีต เพราะมีชาวนาหนุ่มสาวให้ค้นหามาเป็นฮีโร่ได้มากกว่างั้นเหรอ?
นำทัพพ์ไง ฉันนึกถึงตาทัพพีหลานชายคนดีของฉันขึ้นมาได้ ก็รีบดัน
นำทัพพ์ไงคะ ชาวนาหนุ่ม หน้าตาดี มีการศึกษา แฟมิลี่แมน สุดแสนโรแมนติก บุคลิคพระเอก เหมาะนำมาทำเป็นฮีโร่สุดๆ
ฉันยังไม่ทันได้รู้ว่าพระแม่โพสพจะตอบรับหรือปฏิเสธ จู่ๆ สุดหล่อสะท้านปฐพีที่ยืนอยู่เบื้องหลังฟังฉันกับเทพีแห่งข้าวคุยกันอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยแทรกถามขึ้นมาลอยๆ
เธอเชื่อในพรหมลิขิตมั๊ย? เขาก้าวออกมาหาฉันแล้วถามต่อโดยไม่รอคำตอบ
มนุษย์ถูกพระเจ้าผ่าแบ่งออกเป็นสองซีก ชายและหญิง แยกกันมาเกิดบนโลกนี้ ทั้งสองซีกต่างตามหาส่วนที่ขาดหายไปของกันและกัน เพื่อเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์อีกครั้ง ...เธออยากเจออีกซีกหนึ่งของเธอหรือเปล่า?
คำถามนั้นทำให้ฉันนึกถึง เขา ...นักรบหนุ่มร่ำไห้ ชายผู้เฝ้าคอยฉันคนนั้นขึ้นมา
อา...ใช่แล้ว หรือว่า เขานั่นแหละคือวีรบุรุษที่ฉันกำลังตามหา ที่พระแม่โพสพมอบหมายภาระกิจนี้ให้กับคนนอกวงการ (เกษตร) อย่างฉันย้อนเวลากลับไปในอดีต ก็เพราะฉันเป็นคนรักของเขาเมื่อชาติก่อน ไม่แน่ว่า ฉันอาจจจะได้พบตัวเองเมื่อชาติปางก่อนก็ได้
เหมือนเขาจะอ่านความคิดของฉันได้ ชายหนุ่มสุดหล่อส่ายหน้าช้าๆ
เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่?
ฉันจะถามเธออีกครั้ง... เธออยากไปพบกับรักแท้ที่เธอตามหา ได้เจอกับคนที่เธอเฝ้าฝันมานานหรือไม่?
ฉันรู้แล้ว! ฉันเข้าใจแล้ว!!! เขาไม่ได้หมายถึงฉันในชาติก่อน แต่หมายถึง...ตัวฉันในตอนนี้!
โอ้ หรือว่าคู่แท้ของฉันดันทะลึ่งเกิดคนละมิติเวลา!
อีตาบ้า คนอะไรงี่เง่าจริงๆ ชิงเกิดก่อนหน้าคู่แท้ซะนาน นี่ถ้าไม่มีกระพ้อมไทม์แมชชีน ฉันมิต้องขึ้นคานรึไง (เรื่องอะไรจะโทษตัวเองว่าดันทะลึ่งมาเกิดช้ากว่าเค้าล่ะ)
ด้วยความอยากมีคู่ เอ้ย... ด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่อันทรงเกียรติซึ่งได้รับบัญชาจากสวรรค์ แองจี้นางฟ้าแสนสวยก็รีบโดดกระพ้อมเดินทางทะลุมิติกลับไปในโลกอดีตอีกครั้ง...
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
27 มี.ค. 54 19:37:15
|
|
|
|