บทเมืองคนใบ้
1
แดดส่องเปรี้ยง ผู้คนหายกลับเข้ากลีบเมฆ
เหลือแต่เหล่าทหารชายวัยฉกรรจ์เดินเรียงเป็นกลุ่มขนาดย่อย ก้าวเท้าพร้อมเพรียง ทหารหนุ่มร่างบึกบึนรายหนึ่งหิ้วร่างในชุดประหลาดไว้บนปลายหอก ตัวตลกผู้น่าสงสารสวมกางเกงเอวหลวมแทบหลุดกองพื้น โชคดีมีผ้าแถบยาวผูกคล้องตัวไว้สองสายคล้ายกระโปรงเอี๊ยม ขากางเกงข้างหนึ่งยาวปิดตาตุ่ม ข้างหนึ่งตัดหยาบๆ ปิดแค่หัวเข่า ข้างหนึ่งสีม่วงแสบตา อีกข้างสีส้มแสบสัน ท่อนบนสวมเสื้อคอจีบเป็นชั้นสีขาว แขนเสื้อสั้นโป่งพองคล้ายเสื้อแขนตุ๊กตา ทว่าขนาดเท่าลูกโป่ง ใบหน้าปิดบังไว้ด้วยหน้ากากลวดลายชวนขำ เห็นเพียงเส้นผมสีฟ้ายาวชี้ฟูถึงกลางหลัง
แขวนไว้ที่ปลายหอกเช่นนั้น มองคล้ายปลาสีรุ้งตากแห้ง
ท่านไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น ข้าเดินเองได้
ตัวตลกกล่าวเตือนด้วยความหวังดี ทว่าทหารหนุ่มผู้นั้นเพียงชายตามองแล้วมองผ่าน เงียบไปได้ไม่นานตัวตลกก็กล่าวขึ้นมาอีก
แขวนข้าไว้ที่ปลายหอกของท่านเช่นนี้ จริงอยู่ข้าชื่นชมในพลังของท่าน แต่ข้ามีความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องโอ้อวดพลังเสียจนกล้ามเนื้อเมื่อยล้า ไม่สงสารคนนวดบ่าให้ท่านหรือ
ข้าไม่จำเป็นต้องมีคนนวดบ่าให้
ทหารหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงขึงขัง แม้เขารู้สึกสมเพชอยู่ในใจ แต่ยังคงปั้นแต่งเสียงระรื่นประจบประแจงต่อ สมเพชทั้งทหารผู้บ้าหลัง ยิ่งสมเพชตนเองที่ถูกแขวนไว้ดั่งสิ่งของน่ารังเกียจ ไม่เป็นที่ต้องประสงค์
สนใจหาหรือไม่ หนุ่มรูปงามองอาจเช่นท่านไม่ควรมีชีวิตที่แห้งเฉา
หุบปาก ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้า
อุ๊ย
ช่างไร้อารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก ผู้ถูกขู่เช่นเขานึกขำขันอยู่ในใจ ตลอดการเดินทางนานนับหลายสิบปีย่อมได้พบกับทหารหลากหลายประเภท มีเพียงทหารเมืองนี้ที่ไม่คล้อยตามคำหยอดแม้แต่น้อย
เอาเถิดๆ ห้อยต่องแต่งเช่นนี้นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ
แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเพียงใด ตัวตลกที่ดีย่อมหัวเราะออกได้ ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมจึงถูกลบล้างไปด้วยเสียงหัวเราะเสียดประสาท
เสียงหัวเราะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโอดครวญ เมื่อร่างทั้งร่างถูกโยนลงกระแทกพื้น ไร้ซึ่งความปราณีปราศรัย ตัวตลกในท่าคุกเข่า ช่วงบนตั้งแต่อกขึ้นไปสิ้นสภาพแนบติดอยู่กับพื้น มองดูให้อารมณ์ขำขันคล้ายจะเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวเสียมากกว่า
ยังไม่รีบลุกขึ้นมาทำความเคารพอีก
ไร้อารมณ์ขันสิ้นดี แม้แต่คนอารมณ์ดีเช่นเขายังเริ่มจะหัวเสียขึ้นมา เช่นนี้แล้วชาวบ้านในเมืองจะไปเหลืออะไร คิดแล้วก็หัวเราะดังหึๆ อยู่ในลำคอ รอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าหลังหน้ากาก
เคารพใครเล่า ขุนนางผู้นี้หรือ
ตัวตลกเหลือบมองเจ้าของปลายเท้าซึ่งยืนนิ่งเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า ใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวขึ้นมานั่งในท่าเหยียดขาอย่างสบายอกสบายใจ ไม่มีท่าทียี่หระต่อสถานการณ์
ยังไม่รีบทำตามอีก!
นายทหารผู้ซึ่งสั่งการเขาเมื่อครู่ตวาดเสียงก้อง คนเดียวกับที่หิ้วเขามานั่นเอง น่าสงสัยนักว่านายทหารอื่นมีปากอย่างนี้หรือไม่ หากแต่เขาไม่คิดจะเอ่ยปากถามจริงจัง
เรียนนายทหารที่เคารพ ตัวตลกเช่นข้าเร่ร่อนมาหลายบ้านหลากเมือง แต่ละที่ย่อมมีวัฒนธรรมแตกต่างกันไป เช่นนี้แล้วจะให้ข้าใช้วัฒนธรรมใดกับพวกท่าน ลองแสดงตัวอย่างให้ดูแล้วข้าจะทำตาม
พวกเจ้าไม่ต้อง ข้าขอถามนามเจ้า
ขุนนางเอ่ยห้ามนายทหารหนุ่มที่ทำท่าจะลงมือสั่งสอน ก่อนจะหันมาถามตัวตลก เรียกให้เขาเบนความสนใจกลับมายังบุรุษตรงหน้า เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้ามีริ้วรอยของความชราทว่ารูปร่างยังสมบุกสมบัน เห็นได้ชัดว่าแม้หน้าไป แต่สังขารยังไม่โรยราตาม ลักษณะใบหน้าของชายยศสูงคนนี้ดุดันน่าเกรงขามดั่งคนกร้านประสบการณ์ ในขณะเดียวกันลักษณะตาคิ้วแฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล หากแต่ถูกบดบังไว้ด้วยหนวดเคราที่เพิ่มความดุดันยิ่งไปอีก ไฝเม็ดเล็กอยู่เหนือคิ้วซ้ายบ่งบอกว่าเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม
เรียกข้าว่าอาลี
รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเงียบประหลาดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ขุนนางจะแย้มรอยยิ้ม
เจ้าว่าทุกที่มีวัฒนธรรมต่างกันไป ในเมื่อหากเจ้าไม่รู้เหตุใดจึงไม่ใช้วัฒนธรรมที่คุ้นเคยอย่างบ้านเกิดเมืองนอนไปก่อน
วิธีการพูดของขุนนางนั้นเนิบนาบ แต่รู้สึกได้ถึงอำนาจที่แผ่ออกมา
ท่านเสนอแนะได้ไม่เลว
เรื่องทำความเคารพไม่ใช่เรื่องใหญ่ จุดจบของเจ้าอยู่ที่คุกอยู่ดี แต่ข้าจะแนะนำให้อีกอย่าง ขุนนางเหยียดยิ้มที่มุมปาก แววตาฉายแววนึกสนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน จุดร่วมอย่างหนึ่งที่สำคัญในแต่ละถิ่นคือการแสดงออกอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะยึดถือตามวัฒนธรรมใดเจ้ายึดหลักตามนี้ถึงจะดี ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือถอดหน้ากากออก
หายากนักที่มีการพูดถึงความจริงใจในหมู่ชนชั้นสูง คำแนะนำนี้ข้าขอเก็บไปพิจารณา
ในสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติและด้วยสถานะที่แตกต่างกันมาก ชายหนุ่มยังสามารถใช้ถ้อยคำเล่นลิ้นได้อย่างใจกล้า ขุนนางเผยรอยยิ้มลึกลับ แอบซ่อนความคิดในใจไว้แนบเนียน
นำตัวมันไปห้องขังสี่ เขตวาคต
ระดับเสียงยังเท่าเดิม แต่น้ำเสียงเด็ดขาด เขาถูกหิ้วปีกทั้งสองข้าง ลากตัวไปตามทางเดินที่ขรุขระเต็มปด้วยกรวดทราย ชุดสีสดใสเปรอะเปื้อนไปด้วยสีน้ำตาลขะมุกขะมอม ตัวตลกลอบสังเกตสีหน้าของทหารที่หิ้วตัวเขามา ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นมีร่องรอยความขัดแย้งต่อคำสั่ง โดยเฉพาะยามที่ขุนนางเอ่ยถึงห้องขังสี่
มีอะไรไม่ชอบมาพากล...
หากคิดจะหนีมีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เหมาะสม สัญชาตญาณร้องบอกว่าจะมีเหตุวุ่นวายตามมาหากหนีไม่พ้นจากจุดนี้ ทว่าความอยากรู้ของมนุษย์มักมีอำนาจอยู่เหนือสัญชาตญาณ และเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เอาเถิด ดีร้ายไม่สำคัญ เป็นตายเท่ากัน