บทที่ 11 : สาวตั้งครรภ์
ประกายแก้ว สกุลสุวรรณโบกมือลาเพื่อนทั้งสอง ยายมิ้นท์ ศศิรัตน์และยายส้มเช้ง สุจิตรา บัดนี้พวกเธอกลับมาถึงเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อย นอกจากประสบการณ์สยองขวัญระคนตื่นเต้นในวันแรกที่เข้าเขตโรงพยาบาลอำเภอฝางแล้ว ในวันต่อๆมาเหตุการณ์ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สาวแก้วนึกโล่งอกด้วยเพราะหากต้องเจอสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา เห็นทีจะไม่ไหว ยิ่งตัวเธอเองนั้นต้องการสมัครสอบเข้าเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์อยู่ด้วย หากสอบติดจริง ... การต้องเรียน ต้องทำงานในที่ๆมีทั้งคนเจ็บ คนตาย เธอมิยิ่งแย่ไปกว่านี้หรอกหรือ ?
ส้มเช้งกับมิ้นท์ชักชวนให้เด็กสาวกลับบ้านด้วยกัน เพราะผู้ปกครองของทั้งคู่โทรศัพท์บอกว่าจะมารับ แต่ประกายแก้วเองมีธุระที่จำเป็นต้องแวะทำเสียก่อน ... ธุระที่ว่าก็คือการซื้อเครื่องสังฆทานเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณที่อำเภอฝาง ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณพยาบาลที่ถูกฆ่าหั่นศพในบ้านร้างของโรงพยาบาล รวมไปถึงวิญญาณของลุงคนที่ขาขาดในห้องพักพยาบาล
แน่นอนว่าเรื่องผีที่เจอในห้องพักนั้น เด็กสาวไม่ได้บอกเพื่อนทั้งสองหรอก จริงๆเธอจะบอกยายมิ้นท์ก็ได้ แต่กับส้มเช้งแล้ว ... แก้วเองยังไม่แน่ใจว่าหากเล่าออกไป ส้มจะเชื่อหรือไม่ ดีไม่ดีจะหาว่าเธอวิปริตผิดเพี้ยนไปเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เองเด็กสาวจึงตกลงใจที่จะไปซื้อเครื่องสังฆทานเพียงลำพัง แล้วพอถึงบ้านค่อยโทรศัพท์บอกเพื่อนมิ้นท์ทีหลัง
ประกายแก้วเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดก็ต่อเมื่อต้องหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังตามลำพังคนเดียว ไหนจะเป้เสื้อผ้าที่ใช้เดินทางไปอำเภอฝาง ไหนจะของฝากที่คุณตาคุณยายฝากมาให้ แล้วนี่เธอยังไปซื้อเครื่องสังฆทานมาอีกสองชุด ... ก็สำหรับสองวิญญาณที่ประสบหลอกหลอน
อย่างไรก็ตามประกายแก้วก็ระเห็จขึ้นมานั่งอยู่บนรถแดงเพื่อเตรียมกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย โชคยังเข้าข้างที่รถแดงคันนี้ค่อนข้างว่างจึงทำให้มีที่วางสัมภาระได้อย่างสบาย บนรถมีเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นสองคนที่กำลังกดโทรศัพท์ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนที่นั่งติดกับตัวเธอนั้นมีเพียงหญิงสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย
รถแดงเคลื่อนตัวผ่านการจราจรที่ติดขัดเป็นบางช่วง เด็กสาวอดคิดไม่ได้ว่าถนนหนทางของเมืองเชียงใหม่เริ่มจะคับแคบขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุเพราะปัจจุบันเชียงใหม่มีผู้คนมาพักอาศัยมากขึ้นทุกวัน ทว่าถนนใจกลางซึ่งเลียบติดคูเมืองนั้นไม่อาจขยับขยายได้ โชคยังดีที่บ้านของแก้วนั้นอยู่ไกลจากศูนย์กลางของเมือง
เด็กสาวนั่งชมวิว ที่แม้อำเภอฝางบ้านเกิดจะมีความร่มรื่น มีอากาศที่บริสุทธิ์มากกว่า แต่กระนั้นเด็กสาวก็ชินกับสภาพจอแจของอำเภอเมืองนี้แล้วเช่นกัน และความเคยชินนี้เองที่ทำให้เธอเริ่มง่วงเหงา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ทว่า ... ก่อนที่เด็กสาวกำลังจะหลับบนรถนั้น ช่วย ... ด้วย ...
โสตสัมผัสแว่วยินสำเนียงยะเยือกเย็นจากที่ใดที่หนึ่ง ประกายแก้ว สกุลสุวรรณสะดุ้งลืมตาตื่นจากความง่วงเหงา ขนอ่อนที่ต้นคอลุกชันด้วยสัมผัสสังหรณ์ สติสัมปชัญญะตื่นตัวเฝ้าระวังทุกทิศทาง
ช่วย ... ด้วยยยยยย ... เสียงยาวเย็น แหลมเล็กแว่วแผ่วเบา เด็กสาวหันซ้ายขวาประเมินสถานการณ์บนรถแดง
ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มยังกดมือถือเล่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม ส่วนอีกหนุ่มเสียบหูฟังเพลงเข้าสู่โลกส่วนตัวเรียบร้อย ส่วนขวามือของที่นั่งฝั่งติดกับเธอ พี่สาวนักศึกษาก็ยังนั่งอยู่เฉยๆ แก้วลอบชำเลืองมองดวงหน้าก็พบว่าเป็นพี่สาวที่สวยใสมาก ทว่ากลับปรากฏริ้วรอยของความกังวลเจือที่ใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นเด็กสาวก็ยังหาคนที่ร้องขอความช่วยเหลือไม่พบ ?
ช่วย ... ด้วย ... ช่วย ... หนู ... ด้วยยยยยยยย ... เสียงเยือกเย็นแหลมเล็กแว่วอีกครั้ง คราวนี้ประกายแก้วแน่ใจว่าน่าจะเป็นเสียงของเด็ก ใครกัน ? เด็กที่ไหนมาร้องขอความช่วยเหลือ ?
พี่จ๋าาาาาา ... หนูอยู่นี่ ... แว่วเสียงคล้ายรับรู้ความคิด ความสงสัยของเธอ เสนาะสำเนียงที่ได้ยินอยู่เพียงใกล้ๆ แต่ที่ไหนล่ะ ?
ประกายแก้วพยายามสอดส่ายสายตามองทุกทิศทาง เด็กสาวไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าสิ่งที่เธอมองหานั้น อยากเห็น หรือ ไม่อยากเห็น กันแน่ อยู่นี่ ... อยู่ข้างล่างงงงงง ...
ทันทีที่ประโยคล่าสุดจบลง ประกายแก้วใจเต้นโครมคราม แม้ไม่อยากก้มลงไปมอง แต่สุดท้ายเด็กสาวก็ตัดสินใจเหลือบตามองลงล่างช้าๆ ที่ขาของเธอปรากฏมีมือเล็กๆเกาะอยู่ !
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มี.ค. 54 11:11:25
|
|
|
|