8 ข้าวขวัญ
พอเจอหน้าฉัน คุณพลก็เริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายมาจากคุณหญิงไพลินทันที...
ไง... ว่าที่สะใภ้น้อย
อ๊าก... สะใภ้น้อย? (ฉันล่ะอยากจะวิ่งไปขวิดกำแพงระบายอารมณ์จริงๆ)
แม่ส่งพี่มาดูว่าไปถึง ขั้นไหน กันแล้วคู่นี้ จะได้หาฤกษ์หายามสักที ฮึฮึ
เอาปีนี้เลยดีมั๊ย จะได้แซงหน้าพี่
แซงหน้าพี่? หมายความว่ายังไง? หรือคุณพลจะแต่งงาน?
ไม่มั๊ง... ก็คุณพลน่ะ เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น ใช้หญิงเปลืองยิ่งกว่าทิชชู่ในส้วมซะอีก เพราะเฮียแกเน้นควงแต่สาวไฮโซ อย่าว่าแต่หน้าตาการศึกษานิสัยจะเป็นยังไม่สำคัญเลย ต่อให้ตูดแหว่ง นมเบี้ยว จั๊กกาแร้เหี่ยว คุณพลก็คงไม่สนใจ เพราะสายตาเรด้าของเขาเล็งหาแต่นามสกุลดังของว่าที่พ่อตาแม่ยาย คำนวนความยาวใหญ่ของเส้นสายที่ตระกูลฝ่ายหญิงมี เหมือนที่พี่พลอยแต่งงานกับลูกชายท่านรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมของฐานะและส่งเสริมความก้าวหน้าทางธุรกิจ หาได้ดูที่ตัวหญิงสาวซึ่งจะมาเป็นศรีภริยาไม่ ฉันยังเคยคิดเลยว่าคุณพลจะแต่งกับพ่อตาแม่ยายรึไงไม่รู้ สุดท้ายก็ทนคบพวกหล่อนไม่เคยเกินสามเดือนทุกที
คราวนี้คุณพลจะหาหญิงสาวโชคร้ายคนไหนมาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้ของคุณหญิงไพลินอีกล่ะ?
แล้วฉันก็ได้คำตอบ เมื่อหญิงสาวร่างสูงระหงในชุดกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำก้าวเข้ามายืนเคียงข้างพี่ชายร่วมสายเลือดของฉัน
อะไรกัน อ้าปากซะกว้างขนาดนั้น 555 จำนายเก่าไม่ได้เหรอ แองจี้?
อ๊าก!!! (วิ่งเอาหัวไปชนกำแพง โป๊กๆ) ...นี่ฉันไม่ได้ฝันร้ายอยู่ใช่ไหมเนี่ย? ช่างเป็นคำตอบที่น่ากลัวจริงๆ
ข้าวขวัญ...ยัยแม่มดดำมหาปะลัยนั่นเอง!
อา... ฉันขอถอนคำพูด เพราะไม่รู้แล้วค่ะ ว่าใครกันแน่ที่โชคร้ายกว่ากัน!
ต้องขอบคุณแองจี้ แม่สื่อน้อยนะเนี่ย ที่ชักนำให้เราได้รู้จักกัน คุณพลหันไปยิ้มหล่อกับยัยแม่มด เอ้ย...แฟนสาว
อา... ใช่แล้ว เป็นเพราะฉัน เพราะฉันคนเดียวแท้ๆ
ราว 1 ปีก่อนหน้านี้...
หลังจากโดนยัยแม่มดด่าๆๆ มาทั้งเดือน ก็ใกล้ถึงกำหนดครบเวลาฝึกงานของฉันแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงกระโดดโลดเต้นดีใจฉลองให้แก่อิสรภาพของตัว พร้อมเตรียมถังสัมฆทานใบโตๆ ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ แต่ฉันกลับรู้สึกอาลัยแปลกๆ ลึกๆ เหมือนยังไม่สะใจ คล้ายกับยังทำงานไม่สำเร็จ พอนั่งคิดนอนคิด คิดๆ ดู... ฉันก็เดาว่า น่าจะเป็นเพราะฉันยังไม่ได้รับคำชมเชยจากเรียวปากเต็มอิ่มได้รูปทรงกระจับของยัยแม่มดเลยสักกะครึ่งคำ
ใครน้า เคยบอกฉันว่า ถ้าอยากได้อะไร ก็จงให้สิ่งนั้นก่อน...
ฉันอยากได้คำชม ฉันก็ควรชมชีก่อน
คิดได้ดังนั้นแล้วฉันก็พยายามสังเกตว่า ยัยแม่มดมีอะไรที่พอจะชมได้บ้าง... แต่... เหอๆ ตัดเรื่องนิสัยทิ้งไปเลย ใครชมชีก็บ้าแล้ว งั้นก็คงต้องรูปร่างหน้าตาแล้วล่ะ รับรองว่ายัยแม่มดข้าวขวัญไม่เป็นรองใคร โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ชีชอบปล่อยผมดำสวยหยักเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง บางครั้งก็เกล้ามวยสูงหรือไม่ก็รวบเป็นหางม้าอวดหน้าผากมนสวยรับกับจมูกโด่งได้รูป... ถึงชีจะได้สมญานามว่ายัยแม่มดดำ แต่ความจริงผิวของชีเป็นสีน้ำผึ้งนวลเนียน เข้ากับใบหน้ารูปไข่ ตาคมสวยซึ้งแบบไทยแท้ แต่ด้วยรูปร่างสูงเพรียว ท่าทางคล่องแคล่วประเปรียว ประกอบกับช่วงขาเรียวยาว ทำให้ชีดูเซ็กซี่ร้อนแรงเหมือนพวกลูกผสมละตินอเมริกัน
ฉันยังจำสายตากับรอยยิ้มเย็นชาของชีตอนที่ฉันพยายามชื่นชมชียาวเหยียด
ฉันชมจนเหนื่อย แต่แล้วก็ต้องเดินคอตกออกมาจากถ้ำแม่มดด้วยความผิดหวัง
วันต่อมา ฉันก็ต้องแปลกใจที่ได้รับสตรอว์เบอร์รี่ถุงเบ้อเริ่มเทิ่มจากยัยแม่มด
เอ่อ...คือว่า ซื้อผิดรึเปล่าคะ? ไม่ใช่แอปเปิ้ลเหรอ? ก็ตามบทดั้งเดิมแล้ว แม่มดต้องให้แอปเปิ้ลอาบยาพิษแก่สโนวไวท์นี่คะ (ยังอุตส่าห์คิดว่าจะได้เป็นนางเอก เหอๆ)
ไม่ผิดหรอก พอดีซุปเปอร์มาเก็ตที่คอนโดบ้านฉันมันไฮโซไป ไม่มีสตอเป็นพวงๆ ขาย ฉันก็เลยได้ไอ้นี่มาให้เธอแทน จำไว้... ทำงานกับฉัน จงใช้สมอง ฉันตัดสินคนที่ผลงาน ไม่ใช่สตอ เอาของเธอคืนไป!
ใครน้า เคยบอกฉันว่า ถ้าอยากได้อะไร ก็จงให้สิ่งนั้นก่อน...
แต่ฉันไม่ได้อยากได้สตรอว์เบอร์รี่นี่นา โอ๊ย........ เจ็บปวด...รวดร้าว...
ฉันตัดสินคนที่ผลงาน ไม่ใช่สตอ งั้นเหรอ?
ได้ค่ะ แองจี้จัดให้! ฉันตัดสินใจใช้เส้นสายที่มีอยู่เส้นเดียว ยกหูโทรศัพท์โทรหาคุณพล
ของาน? ...การตลาด? ...อ๋อ ได้สิ พอดีตอนนี้เรากำลังมีแผนปรับเปลี่ยนทิศทางการตลาดทรูฟู๊ตอยู่พอดีเลย
หวังว่าถ้าฉันหางานใหญ่ยักษ์เข้าบริษัทยัยข้าวขวัญแล้ว ชีจะเห็นคุณค่าที่ฉันคู่ควรกับคำชมเชยบ้าง แต่สุดท้าย ฉันก็อกหักแล้วจากมาโดยไม่ได้รับคำชมเลยสักนิด ส่วนงานที่คุณพลให้ยัยแม่มดทำนั้น ฉันไม่ได้ติดตามว่าเป็นยังไงต่อไปหลังจากนั้น จนกระทั่งเพิ่งรู้วันนี้แหละว่า หนึ่งปีผ่านไป... เมล็ดที่ฉันหว่านเอาไว้ได้งอกออกดอกออกผลมาแบบนี้
ตั๊ยตัย... นี่นอกจากหางานเข้าบริษัทแล้ว ฉันยังหาผัวให้ยัยแม่มดโดยมิได้ตั้งใจอีกด้วยเหรอเนี่ย อย่างงี้แทนที่จะแค่ชมเชยฉัน ชีควรต้องลงไปกราบขอบคุณเอาหัวโหม่งพื้นสักสามทีแล้วล่ะ 555
เอ...ว่าแต่ว่า พวกเขามาทำอะไรที่นี่?
หา... ทรูฟู๊ตจะรุกฆาตตลาดเกษตรอินทรีย์?!
หา... ทำแบรนด์ True Organic ...ข้าวปลอดสารพิษ True Rice?!
หา... ดูงานโรงเรียนชาวนา?!
หา... จะขออาศัยบ้านตาทัพพีชั่วคราว?!
นอกจาก 4 หาที่น่าตกกะใจแล้ว ฉันยังสะดุดใจกับอะไรบางอย่าง
นั่นก็คือ นัยน์ตาคมสวยของยัยข้าวขวัญที่มองทะลุฉันราวกับตัวโปร่งใสไปหยุดค้างบนใบหน้าของตาทัพพีอย่างตื่นตะลึง
เขาคนนี้น่ะเหรอ คือน้องชายของคุณ
เสียงถามแผ่วเบาราวกับไม่ใช่ลอดออกมาจากริมฝีปากเต็มอิ่มได้รูปของยัยแม่มดคนเดิม ...น้องชายที่คุณเล่าว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์...ไบโอเทคฯ คนเก่งของทรูฟู๊ต
คนนี้แหละ ดอกเตอร์สติเฟื่อง บ้าพลัง... คุณพลโฆษณาสรรพคุณตาทัพพีซะจนเห็นภาพเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนฮีโร่ ...มันเพี๊ยน ทำงานด้วยกันอยู่ดีๆ หนีมาเปิดโรงเรียนชาวนาที่นี่
ทัพพ์ นี่คุณข้าวขวัญ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ...คุณนำทัพพ์ ฉันเห็นรอยยิ้มของยัยแม่มดที่ส่งให้หลานชายฉันแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ยังไงไม่รู้
เช่นกันครับ ทัพพียิ้มตอบ ...แปลกแฮะ ถึงแก้มบุ๋มของเขายังมีอยู่ แต่ยิ้มของเขาไม่เหมือนทุกที แล้วมันก็ไม่ใช่ยิ้มตามมารยาทให้กับหญิงสาวที่พี่ชายเพิ่งแนะนำให้รู้จักด้วย สองคนนี้ มีความลับอะไรรึเปล่านะ?
หรือต่อมคิดมากของฉันดันขยันไปเอง???
เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า ต่อมใต้สมองของฉันทำงานผิดปรกติรึเปล่า
ทับบี้จ๋า
ฉันรีบดัดเสียงหวานแหลมเหมือนตัวอิจฉาในละครหลังข่าวแล้วกระแซะๆ เข้าไปอยู่ในสายตายัยแม่มด พร้อมกันนั้นก็แอ่นอึ๋มขนาดคัพเอบดเบียดกับแขนของหลานชายสุดหล่อ ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงโดนตาทัพพีหันมาดุว่าเล่าอะไรบ้าๆ แน่ๆ แต่พอดีตอนนี้เขาเกิดอาการอัมพาตกระทันหัน แขนขาชาหมดความรู้สึก เลยได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ปล่อยให้ฉันลงทุนเอาตัวเข้าแลกเต็มที่ เพื่อดูปฏิกริยาของยัยแม่มด
ได้ผล! นัยน์ตาสวยวาววับปรับโฟกัสมาทางฉัน แล้วมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นมีดอีโต้คมแปร๊บมาจ่อที่คอหอยเตรียมพร้อมลงมือเชือด! โฮๆ... ใจร้ายที่สุด ไม่ยุติธรรมเลย นี่มันตาคนละคู่กับที่ใช้สบตากับทับบี้น้อยชัดๆ
ฉันเพิ่งรู้ว่าแองเจลล่ารู้จักกับ... คุณ เป็นการส่วนตัว
ฉันไม่รู้ว่า คุณ ของยัยข้าวขวัญหมายถึงตาทัพพีหรือคุณพลกันแน่ แต่คุณพลรีบอาสารับบทนี้ก่อน
ข้าวคงไม่รู้ใช่มั๊ย ว่ายัยแองจี้เด็กฝึกงานของคุณน่ะ... ความจริงเป็น ว่าที่น้องสะใภ้ ของผม 555 ประโยคนั้นของคุณพลเท่ากับคำสั่งฆ่าดีๆ นี่เอง
อ๊าก... อีโต้ที่จ่อคอหอยอยู่กระซวกใส่ฉันจนเลือดสาด! เป็นไงล่ะ ทีนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าต่อมใต้สมองของฉันทำงานเป็นปรกติดี ไม่ได้หลั่งฮอร์โมนคิดมากไปเองจริงๆ ...สองคนนี้ ต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ และฉันมุ่งมั่นว่าจะต้องรู้คำตอบนั้นให้ได้ ฮึ่ม!
ไม่มีอะไรหรอกป้าจี้ คนอย่างทัพพ์จะไปมีอะไรกับเค้าได้ไง
ไม่ใช่แฟนเก่าแน่นะ?
ไม่ใช่
ปฏิเสธเสียงแข็งอย่างงี้ เป็นอันว่าสมมติฐานแรกของฉันตกไป
งั้นก็... ศัตรูเก่า?
บ้าน่า
อ้าว... ไม่ใช่อีกเหรอ? งี้ยัยแม่มดดำกับตาทัพพีจะมีความสัมพันธ์อะไรกันได้อีกล่ะ?
พี่น้องต่างพ่อ
ไม่ใช่เหรอ? ...พี่น้องต่างแม่... ไม่ใช่อีก? ...คู่หมั้นตั้งแต่อยู่ในท้อง? ...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่... เจ้าหนี้... ไม่ใช่งั้น... ลูกหนี้... ไม่ใช่... โอ๊ยๆๆ ป้าจี้เดาไม่ถูกแล้ว
...
อ้าว... เงียบได้อีก หลานชายชั้นปากแข็งโป๊กแถมปิดสนิท ซักเท่าไหร่ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันก็เลยต้องสละเวลาพาตัวเองเกาะติดสถานการณ์ พวกเขาไปไหนกัน ฉันขอไปด้วย พวกเขาทำอะไรกัน ฉันขอทำด้วย รู้สึกสนุกสุขสันต์มันในอารมณ์จริงๆ ยิ่งโดนอีโต้ของยัยข้าวขวัญทิ่มแทงเวลาที่ฉันกระดี้กระด้าทัพพ์คะทัพพ์ขาอยู่ข้างตัวทับบี้น้อย (ซึ่งรายนี้ยังคงมีอาการอัมพาตเรื้อรัง ทำหน้าซังกะตายเหมือนใส่หน้ากากรูปเป็ดมีคำว่า เซ็ง ตัวใหญ่พิมพ์ไว้กลางหน้าผาก)
ตลาดอาหารอินทรีย์ทั่วโลกกำลังเฟื่องฟู ยอดขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัวภายในไม่กี่ปี พี่ก็เลยมีนโยบายปรับเปลี่ยนทิศทางทรูฟู๊ต มาเน้นส่งเสริมการเกษตรแบบอินทรีย์ก่อนใคร
ฟังดูเหมือนจะดี แต่ฉันสงสัยว่า จะเป็นไปได้เหรอที่ ทรูฟู๊ต บริษัทผู้ค้าเคมีภัณฑ์เกษตรยักษ์ใหญ่จะใจป้ำ ทิ้งยอดขายปุ๋ยยามูลค่าเท่ากับหนี้เกษตรกรไทย (มหาศาลแค่ไหน) มาส่งเสริมเกษตรอินทรีย์? ส่งเสริมให้ชาวนาเลิกอุดหนุนสินค้าสำคัญของบริษัทงั้นเหรอ? นี่เป็นอีกเรื่องรึเปล่า ที่ทำให้คุณพลทะเลาะกับท่านเจ้าสัวได้ทุกวี่ทุกวัน?
...ถึงเวลาแล้ว ที่ทรูฟู๊ตจะต้องเปลี่ยนโฉมหน้าครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นผู้นำเทคโนโลยีการเกษตรแบบใหม่ ไร้สารพิษ
ฉันยังไม่เข้าใจ ถ้าชาวไร่ชาวนาเลิกปุ๋ยยา หันมาทำเกษตรแบบอินทรีย์แล้ว ทรูฟู๊ตจะขายอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็น ผู้นำเทคโนโลยีการเกษตรแบบอินทรีย์ ??? ฉันแอบเห็นตาทัพพีทำหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย ไม่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงค้านอะไรออกมา
...โชคดี พี่ได้ข้าวเข้ามาช่วยทำตรงนี้ แต่เกรงว่า สาวสวยไฮโซที่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับท้องไร่ท้องนาอย่างข้าวจะมองไม่เห็นภาพ... พอดีนึกขึ้นมาได้ว่ามีน้องชายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์อยู่แถวนี้ ฉันไม่ชอบเวลาที่คุณพล เอ่ยวาจาชื่นชม ตาทัพพีเลย น้ำเสียงของเขาเหมือนรับประทานดันยังไงไม่รู้ ...พี่ก็เลยชวนข้าวมาดูงานที่นี่ จะได้เรียนรู้การทำนาอินทรีย์ ...ยังไง นำทัพพ์ก็ช่วยแนะนำเธอด้วยก็แล้วกัน
ผมแนะนำพี่กับขวัญ เอ้ย... คุณข้าวขวัญได้อยู่แล้ว เพียงแต่... ไม่แน่ใจว่า กิจการโรงเรียนชาวนาเล็กๆ นี่จะไปมีประโยชน์อะไร เพราะพี่ก็รู้ คำว่า เกษตรอินทรีย์ ของพี่กับผม มันคนละความหมายกัน
ฉันไม่ได้สนใจหรอกค่ะ ว่า เกษตรอินทรีย์ ของพี่น้องคู่นี้จะแตกต่างกันยังไง เพราะหูน้อยๆ ของฉันสะดุดตรงคำเรียกหาที่หลุดออกมาจากปากตาทัพพีตอนทีเผลอ... ขวัญ ?
ตาทัพพีเรียกยัยแม่มดดำว่า ขวัญ!? ฉันจำได้ว่า วันแรกที่ฉันเข้าไปฝึกงาน พี่ปิ๋มบอกกฎข้อห้ามสำคัญที่สุด
จำไว้นะแองจี้ ห้ามเรียกชื่อ ขวัญ เด็ดขาด เป็นสิ่งที่ชีรับไม่ได้
ทำไมล่ะพี่?
พี่ก็ไม่รู้ ...ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่า ชีให้ทุกคนเรียกชื่อเต็มๆ คุณข้าวขวัญ เว้นแต่บางคนที่ชีให้ความสำคัญเป็นพิเศษ อย่างเช่นนายใหญ่ หรือคนระดับเดียวกับชีจะเรียก ข้าว เฉยๆ ...แต่ห้ามขาด ไม่ให้เรียก ขวัญ ...เคยมีคนดวงตกเผลอไปเรียกชีว่า ขวัญ เฉยๆ เหอๆ ...ตายอย่างเขียด!
แล้วทำไมทัพพีน้อยของฉันเรียกชีว่า ขวัญ หรือมันจะเป็นความบังเอิญ?
แต่ก็ไม่ใช่มีแต่ตาทัพพีเท่านั้นที่เรียกนายเก่าฉันว่า ขวัญ มีใครอีกคนเรียกชีว่า ขวัญ เหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่ขวัญเฉยๆ ก็เหอะ
ฮ้า? ยัย สยองขวัญ อ่ะนะ มาดูงานอบรมด้านเกษตรอินทรีย์ นี่หล่อนจะเล่นตลกอะไรอีกเนี่ย? พี่:-)ตะโกนลั่นเมื่อหลานชายของฉันเดินเข้าไปรายงานเขาว่าข้าวขวัญมาที่นี่กับคุณพลและสนใจดูงานโรงเรียนชาวนา
เอ... อย่างงี้ก็หมายความว่า พี่:-)อาจจะรู้อะไรบางอย่างสินะ
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มี.ค. 54 22:26:24
|
|
|
|