ข้างในนั้น มีด่านอยู่ทั้งหมด 7 ด่านให้เราค่อยๆคลำทางเข้าไปสัมผัส
ด่านแรก เป็นห้องรับรอง ด่านนี้เหมือนเราเข้าไปนั่งในห้อง
และเริ่มใช้ชีวิตแบบคนตาบอดจริงๆค่ะ มีอุปกรณ์เหมือนอยู่ในบ้าน
ให้จับโต๊ะ ตู้ โทรศัพท์ ข้าวของในลิ้นชัก และลองเดาดูว่าอะไรเป็นอะไร
ด่านที่สอง เป็นสวนค่ะ ด่านนี้ไกด์ก็จะพาเราชมสวน
จับต้นโน้นต้นนี้ และลองทายว่าเป็นต้นอะไร
ทายกันไม่ค่อยถูกหรอกค่ะ :) ยังตื่นเต้นกันอยู่
ด่านที่สาม เป็นย่านชุมชนค่ะ ไกด์เริ่มพาเราออกไปข้างนอก
ได้ยินเสียงผู้คน มีมอเตอร์ไซค์ มีรถเข็น มีการขายของข้างทาง
ด่านที่สี่ เป็นตลาดผักและผลไม้ มีผลไม้ให้ลองคลำดูและเดาว่า
เป็นผักชนิดไหน ผลไม้อะไรด้วยค่ะ เริ่มทายกันถูกแล้ว ชักชิน :)
ด่านที่ห้า การเดินทาง ไกด์พาเกาะราวจับ พาเดินขึ้นทางต่างระดับ
พาข้ามถนน และขึ้นรถตุ๊กๆด้วยค่ะ ตื่นเต้นดี :)
ด่านที่หก ห้องฟังเพลง คุณพ่อกับคุณลูกที่บังเอิญเจอกันบอกว่า
เพิ่งเคยฟังเพลงได้ไพเราะที่สุดก็คราวนี้ เพราะไม่ต้องใช้สายตามองอย่างอื่น
มีแต่ความมืดและหูฟังเสียงเพลงได้ไพเราะจับใจดี :)
ด่านสุดท้าย เป็นคาเฟ่หรือบาร์ค่ะ มีการขายน้ำ มีพนักงานต้อนรับอยู่ในนี้
ซึ่งตลอดทางที่เดินมา การปรับตัวในความมืดของพวกเรา
คือการส่งเสียงร้องบอกกันเป็นระยะ ต้องให้ไกด์จูงมือ พาจับ พาหันไปให้ถูกทางบ้าง
มิตรภาพเล็กๆก่อตัวขึ้น และเมื่อได้นั่งลงดื่มน้ำในบาร์
ก็เริ่มมีบทสนทนาในความมืด ที่คนตาบอดจริงๆและคนตาบอดปลอมๆได้คุยกัน
ซึ่งบทสนทนานั้นย่อมเป็นของใครของมัน คงต้องไปลองสัมผัสและรับฟังกันเองนะคะ :)
พอครบเจ็ดด่าน พวกเราก็ออกมาเขียนสมุดเยี่ยมกันค่ะ
ได้แอบพลิกดูคนที่เขียนก่อนหน้า พบว่าแต่ละคนก็ประทับใจกันทั้งนั้น
คนเขียนเอง ยังเขียนตำแหน่ง ชื่อ นามสกุลจริงลงไปในนั้น
เพื่อยืนยันว่า นิทรรศการนี้ดีจริงและอยากให้แสดงต่ออีกนานๆ
และยินดีบอกต่อ ให้ใครที่พอมีเวลา ได้ลองไปสัมผัสกันนะคะ

**แก้คำผิดค่ะ ^^
แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 54 08:55:15
แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 54 08:53:54