 |
**** มาอ่านกันต่อค่ะ
แล้วจักทรงส่งข่าวให้พวกเราทราบได้อย่างใดเจ้า
แจ้งหล้ารู้ว่าข้าจักส่งข่าวด้วยวิธีใด ขอท่านอย่าได้กังวลไปเลย
จักเสด็จบัดเดี๋ยวนี้เลยฤๅเจ้า เสวยเสียก่อนจักดีกว่า ข้าเจ้ากำลังปิ้งเผือกแลมัน
ขอบใจท่านมาก แต่ข้าเห็นจักต้องขอตัวก่อน ขืนช้านักจักมิได้ไปเสียเปล่าๆ
ว่าแล้วก็เสด็จผละไปสรงพระพักตร์ แลคว้าเอากล้วยป่าติดไปด้วยกึ่งหวี ก่อนจักทรงจูงอาชาประจำพระองค์เสด็จไปยังทางลงเขา ครั้นแน่พระทัยว่าไกลพอที่เสียงเท้าม้าจักไม่รบกวนผู้ใดแน่แล้ว ก็ทรงโหนองค์ขึ้นประทับอย่างชำนาญทันที เส้นทางอันไปสู่เชิงผาดงเหล็กนั้นทรงไต่ถามได้ความถ้วนถี่จากน้อยอินทร์แต่เมื่อวันวานแล้ว จึงไม่เป็นการยากจนเกินไปนัก แต่อาจช้าเล็กน้อยด้วยมิทรงชำนาญเส้นทาง ซึ่งหาได้เป็นอุปสรรคอย่างใดไม่
เจ้านางกาสะลองเสด็จไปเพียงอึดใจเดียว ร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินมาทรุดตัวลงนั่งในตำแหน่งที่นายสาวประทับเมื่อครู่นี้ น้อยอินทร์ทักผู้มาใหม่โดยไม่เงยหน้าจากสิ่งที่กำลังทำ
คิดจักให้ข้าช่วยรั้งเจ้านางน้อยไว้ฤๅ
เจ้า แต่เห็นทีว่าจักมิได้ผล
เจ้านางน้อยทรงเหมือนกับเจ้านางหลวงเนตรดารา ลงว่าทรงตั้งพระทัยทำอันใดแล้วก็จักทรงทำให้ได้ เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้ทำตามพระทัย แต่มิใช่กับทุกเรื่อง ส่วนครานี้ข้าคิดดูแล้ว ถึงจักทรงทำในสิ่งที่เสี่ยงอันตราย หากก็มิได้น่ากังวลจนเกินไปนัก เจ้านางน้อยทรงมีวิชาอยู่พอตัวมิใช่ฤๅ แจ้งหล้า
ครบสิ้นทั้งอาวุธแลอาคมเจ้า
แจ้งหล้ายอมรับแต่โดยดี เจ้านางกาสะลองทรงจัดเจนในสรรพวิชาที่เจ้าอุปราชพึงจักเรียนรู้ แลยังทรงเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติมโดยไม่หยุดเท่าที่พระอาจารย์สอน ศาสตร์แห่งบุรุษเพศมีเท่าใดทรงแจ้งใจสิ้นแล้ว ศาสตร์แห่งอิตถีก็ทรงเพียบพร้อมแลรู้จักปรุงแต่งตามแต่กาละแลเทศะ มาตรแม้นในหล้านี้มีร้อยวิชา เจ้านางกาสะลองก็ทรงรู้แล้วถึงเก้าสิบเก้า เว้นเพียงวิชาเดียวที่เจ้านางน้อยหรือแม้แต่ผู้ใดก็มิอาจจัดเจนแลเรียนรู้ได้ครบสิ้น นั่นคือวิชาแห่งน้ำใจมนุษย์ ซึ่งยอกย้อนแปรผันได้ทุกเพลา
เพียงล่วงเข้ายามขวาย๓ เจ้าอาชาทรงสีน้ำตาลก็พานายของมันมาได้ไกลโข กลิ่นไอความเย็นชื้นที่แทรกมาตามลมบอกให้ทรงทราบว่าเบื้องหน้านี้ก็จักถึงกว๊านจันทร์เสี้ยวแล้ว จึงทรงแก้พระเวฐนะออกเสีย ปล่อยให้เกศานุ่มดำยาวเป็นมันยาวถึงบั้นพระองค์สยายลงมา แม้นแจ้งหล้าหรือคนอื่นๆ มีญาณล่วงรู้ว่าจักทรงทำดั่งนี้ เห็นทีจักห้ามปรามไว้เป็นแม่นมั่น แม้การปรากฏพระองค์ในลักษณาการของแม่ญิงจักเป็นภัย หากบางที ทรงมองว่าเป็นคุณเสียยิ่งกว่า โดยเฉพาะครานี้ เจ้านางกาสะลองทรงบังคับอาชาให้ผ่อนฝีเท้าลงเป็นเพียงเดินเอื่อยๆ คล้ายเจ้าของประสงค์จักชมนกชมไม้กระนั้น แล้วก็ทรงแย้มพระโอษฐ์อย่างสมคะเน เมื่อทอดพระเนตรเงาดำวูบไหวอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ข้างทาง แสนหลวงฉลาดสมเป็นนายโจร ด้วยมันวางเวรยามไว้ตลอดรอบอาณาจักรของมัน ดีแล้วที่ไม่โปรดให้ทั้งสี่คนติดตามมาด้วย เจ้านางกาสะลองทรงบังคับม้าให้เดินอยู่ในลักษณาการเดิม ประหนึ่งว่ามิได้ตระหนักรู้ถึงเหตุผิดปกตินั้นเลยสักน้อย หากพระทัยเต้นแรงด้วยทรงใคร่ทราบว่า พวกมันจักทำอันใดต่อไปอีก
ครั้นพ้นโค้งด้านหน้าไป แสงระยิบของแผ่นน้ำยามต้องเปลวแดดก็สะท้อนยะยิบเข้าในพระเนตร แทบจักในเพลาเดียวกันนั้นเอง ม้าดำสนิทสี่ตัวก็เผ่นโผนออกมาขวางทาง บนหลังม้าปรากฏร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์ในอาภรณ์สีเปลือกไม้แลปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีเดียวกัน คนหนึ่งชักม้าล้ำออกมากว่าคนอื่นๆ ดวงตาสีเหล็กคมกริบกวาดมองทั่วสิริลักษณ์อันโสภิตนั้นอย่างสังเกต ก่อนกังวานเสียงห้าวห้วนจักดังขึ้น
เจ้าจักไปที่ใด แม่โฉมงาม
ข้าจักไปที่ใดก็หาเกี่ยวกับเจ้าไม่
เจ้านางกาสะลองตรัสสวนกลับทันใด อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นแม่ญิงโฉมงามหาญต่อคำทั้งที่นัยน์ตาบอกถึงความตื่นกลัวดุจฟานน้อยเห็นนายพราน มันกระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ มือใหญ่เอื้อมมาจักจับดวงหน้างามผ่องเพ่งพินิจ หากเพียงปลายนิ้วแตะคางมนเท่านั้น แม่สาวงามก็สะบัดหน้าหนีทันใด
อย่ามาแตะตัวข้า เสียงใสตวาดอยู่ลั่นๆ
ชะ! แม่นางไม้เอ๋ย รู้ตัวฤๅไม่เล่าว่าพูดกับผู้ใดอยู่
ไม่รู้ แลมิได้ใส่ใจด้วย
โอ! คำแปง สีมา ระเมา วานบอกข้าทีเถิด ในแผ่นดินเวียงสบสองนี้ยังมีคนมิรู้จักข้าอยู่อีกฤๅ
แผ่นดินนี้ผู้ใดมิรู้จักนายโจรแสนหลวงแห่งเชิงผาดงเหล็กเป็นไม่มี ข้าเจ้าสงสัยว่านางรูปสวยนี่คงมาจากถิ่นอื่นกระมัง
ใครคนหนึ่งตอบกลับมา เนตรสีนิลวาววับขึ้นแวบหนึ่งก่อนเกลื่อนทับด้วยแววตระหนกดังเดิม
ว่าอย่างใดเล่า เจ้ามาจากหนใดจึงมิรู้จักข้า
ข้ามาแต่หนใดก็มิใช่กงการของเจ้า แลเจ้าจักเป็นโจรมาแต่ใดก็มิใช่เรื่องของข้าเฉกกัน
เสียงใสสวนคำอย่างไม่ลดละ นัยน์ตาสีเหล็กฉายแววพึงใจนัก ไม่เคยมีแม่ญิงคนใดทำกิริยาเช่นนี้กับเขา นางผู้นี้ถึงจักเห็นอยู่ชัดๆ ว่าตระหนกอยู่ใช่น้อย หากก็คุมสติได้ดียิ่ง ทั้งลักษณะนางเองก็บ่งบอกว่ามิใช่คนยอมคนง่ายๆ แม่ญิงเยี่ยงนี้มิใช่ฤๅที่เขาเพียรเสาะหามานาน
ช่างเจรจาเยี่ยงนี้ เห็นทีต้องพาไปไว้ที่ชุมโจรเสียละกระมัง จักได้ฟังเสียงแจ้วๆ ของเจ้าได้ทั้งวันทั้งคืน หรือว่าอย่างใด
ตอนท้ายเอ่ยถามสมุนโจร เจ้าพวกนั้นมีฤๅจักขัด มีแต่จักตบมือโห่ขึ้นอย่างยินดีปนเห็นด้วยเท่านั้น เจ้านางกาสะลองลอบแย้มพระโอษฐ์นิดๆ เสือเดินมาติดบ่วงจนได้ แต่การจักทรงยอมให้พวกมันจับตัวไปแต่โดยดีก็คงดูกระไรอยู่ จำจักต้องต่อสู้ขัดขืนบ้างพอมิให้เป็นที่ผิดสังเกต ดำริแล้วก็ทรงกระชากพระแสงมีดสั้นที่ทรงพกติดพระองค์ไว้เสมอยามประพาสขึ้นมาทันใด แสนหลวงเห็นแล้วก็หัวเราะก้องอย่างชอบใจ
เอาวะ แม่เสือเสียด้วยเว้ย อย่างนี้สิจึงจักม่วน
นายโจรแห่งเชิงผาดงเหล็กกระตุ้นม้าให้ถอยห่างออกมาน้อยหนึ่งอย่างระวังตน ส่วนเจ้านางกาสะลองเองก็ทรงชักอาชาให้เดินเหยาะย่างดูท่าทีคู่ต่อสู้เฉกกัน อันที่จริงเรื่องจับกุมแม่ญิงรูปร่างอรชรเยี่ยงนี้มิจำต้องถึงมือตนก็ได้ หากอะไรบางอย่างทำให้แสนหลวงนึกสนุกที่จักได้ประมือกับสาวเจ้าสักน้อย ข้างสมุนโจรทั้งสามเองก็ยืนม้ามองเฉยอยู่ ด้วยเห็นว่าผู้เป็นนายลงมือเองเสียแล้ว ซ้ำคู่ต่อสู้เป็นเพียงแม่ญิงก็คงไม่กระไรนัก
แสนหลวงยิ้มน้อยๆ หรี่ตามองดูมีดสั้นในมือสาวงามอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน มีดเล่มกระจ้อยนี้จักทำอันใดเขาได้ แม่นางไม้เอ๋ย เจ้าจักรู้ฤๅไม่ว่ามีดสั้นจักใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อศัตรูจู่เข้าประชิดตัวเท่านั้น ยิ่งบนหลังม้านี้ยิ่งเป็นไปได้ยากยิ่ง เจ้านางกาสะลองทอดพระเนตรแววขันในดวงตาคู่นั้นก็พอพระทัยนัก ให้คิดว่าองค์เองมิทรงเชี่ยวเชิงอาวุธ เป็นเพียงแม่ญิงไร้พิษสงนั้นเถิดดีนักแล้ว ต่อเมื่อใดที่ชุมโจรนี้แหลกยับลงมันจักได้รู้ชัดว่าอย่าได้ประมาทเพศแห่งมารดานั้นเลย เจ้านางน้อยทรงกระตุ้นม้าให้เผ่นเข้าหาศัตรูโดยมิทันให้มันตั้งตัว แสนหลวงรีบชักม้าเบี่ยงออกน้อยหนึ่งอย่างตกใจที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็จู่เข้ามาดั่งนั้น เมื่อตั้งหลักได้ก็เป็นฝ่ายเข้าจู่โจมบ้าง ครานี้เจ้านางกาสะลองทรงตวัดพระแสงออกไปด้วยท่าทีของผู้มิเคยจับอาวุธ หากสายพระเนตรจับนิ่งอยู่ ณ ตำแหน่งต้นแขนขวาของมันแล้ว พริบตานั้นเอง แขนเสื้อของแสนหลวงบริเวณนั้นก็ขาดออกเป็นทางยาวพร้อมกับโลหิตที่ไหลซึมออกมา นายโจรหนุ่มเห็นเลือดเข้าก็เริ่มมีโทสะ กระตุ้นม้าให้พุ่งเข้ามาอีกคำรบ เจ้านางกาสะลองเนตรวาววับ มิได้ทรงชักม้าหลบแต่อย่างใด ทรงทำทีเป็นตกพระทัยเสียจนทำอันใดไม่ถูก เปิดโอกาสให้นายโจรคว้าพระองค์มานั่งร่วมม้าเดียวกันได้สำเร็จ
ปล่อยข้า ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้
วรกายบางดิ้นรนจักเป็นอิสระพร้อมกับร้องเสียงลั่นด้วยมารยาสตรีโดยแท้ พระเวฐนะที่ทรงเหน็บบั้นพระองค์ไว้หลวมๆ ร่วงลงดินสมดั่งเจตนาของผู้เป็นเจ้าของ ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของเหล่าโจรทั้งสี่ แสนหลวงยิ่งออกแรงรัดร่างบางในอ้อมแขนตน
จักดิ้นรนไยเล่าแม่ตัวดี ทำข้าเจ็บแล้วก็ต้องชดใช้สิ ระเมาผูกตานังคนนี้ไว้ ข้าจักพามันไปเป็นศรีชุมโจร
ระเมาปราดเข้ามาทำตามคำสั่งนายอย่างรวดเร็ว ถึงจักผิดแผนไปบ้างตรงที่มิได้ทอดพระเนตรทางเข้าออกชุมโจรของมัน แต่เอาเถิด อย่างน้อยก็ได้เสด็จสู่ถ้ำเสือสมเจตนาแล้ว การค้นหาทางเข้าออกของมันคงมิใช่เรื่องยาก
ไม่มีผู้ใดใส่ใจต่อพระเวฐนะที่ร่วงสู่ผืนดินนั้นสักคน เมื่อคล้อยหลังพวกโจรไปได้พักใหญ่ ม้าทั้งสี่ของข้าราชบริพารในเจ้านางกาสะลองจึงตามมาถึงสถานที่แห่งนั้น แจ้งหล้าโจนลงจากหลังม้าฉวยภูษาขึ้นมาพิจารณาก่อนหันไปแจ้งแก่ผู้อาวุโสที่สุด
ของเจ้านางน้อยเจ้า
รอยกังวลของสี่บุรุษฉายขึ้นบนใบหน้าพร้อมกัน ถึงจักรู้นี่คือการส่งข่าวว่าแผนการแรกได้สำเร็จลงแล้ว แต่แผนขั้นต่อไปเล่าจักเป็นฉันใด หากความกังวลเพียงประการเดียวคงทำอันใดมิได้ จำต้องสงบใจเพื่อรอข่าวต่อไปจากผู้เป็นนายเท่านั้น เส้นทางสู่ถ้ำเสือได้เปิดออกแล้ว ส่วนจักจับเสือได้ฤๅไม่ ขึ้นอยู่กับพระปรีชาของเจ้านางกาสะลอง แลแน่นอน ขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วยว่าจักเข้าข้างฝ่ายใด
อริญชย์
******************************
หมายเหตุ
๑ เสี้ยง ภาษาเหนือ แปลว่า หมด ,สิ้น
๒ น้ำเหมย ภาษาเหนือ แปลว่า น้ำค้าง (คำนี้ห้ามสะกดผิดอีกเช่นกันค่ะ 555+)
๓ ยามขวาย ภาษาเหนือ ขวายก็คือ สาย นั่นเองค่ะ
จากคุณ |
:
อริญชย์ (อินทรายุธ)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มี.ค. 54 13:32:38
|
|
|
|
 |