Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย บทที่ ๔ : แผนจับเสือ ติดต่อทีมงาน

+++ ระบบตรวจคำของพันทิป เพิ่งเห็นว่าเข้าท่าก็วันนี้แหละค่ะ หุหุ เล่นเน้นตัวแดงมาให้เลย พิมพ์ผิดไปนิดเดียวแท้ๆ แต่ไม่บอกว่าคำไหนที่อินพิมพ์ผิดนะคะ ให้เดากันเองเล่นๆ 555+ +++



บทที่ ๔ : แผนจับเสือ


ม้าทั้งห้าม้าพาผู้เป็นนายวิ่งลัดเลาะมาตามทางอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงเป็นลำดับเมื่อเส้นทางเริ่มลาดชันขึ้นทีละน้อย สองข้างทางที่เคยมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่นนั้นเริ่มดูบางตาทีละน้อย ที่สุดก็เหลือเพียงยอดตฤณชาติแลพรรณไม้ที่ขึ้นตามผาเท่านั้น ทางเส้นนั้นทอดตัวคดเคี้ยวในบางตอนสลับกลับทอดตรงขึ้นสู่ยอดภู บางช่วงทางนั้นก็แคบลงจนต้องชักม้าให้เดินเรียงเดี่ยวกอปรกับพื้นที่เป็นดินปนทรายยิ่งทำให้การเดินทางอยู่ค่อนไปทางลำบากสักน้อย หากแม่ญิงนางเดียวก็มิได้ทรงปริพระโอษฐ์รำพันถึงความยากลำบากสักน้อย ตรงข้ามกลับทรงมีสีพระพักตร์ร่าเริงดุจเมื่อเพลาเสด็จออกจากเวียงเช่นเดิม น้อยอินทร์ซึ่งเป็นคนบังคับม้านำทางหันกลับมองผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงอยู่เป็นระยะ แต่ลักษณาการของเจ้านางกาสะลองที่ได้ประจักษ์นั้นก็ทำให้แม่ทัพเฒ่าคลายใจลงไปได้มาก ข้างแจ้งหล้าแลเสือปกที่ขี่ม้าตามอารักขาทางเบื้องปฤษฎางค์นั้น ก็มิได้สำแดงอาการวิตกกังวลอันอาจมีต่อนายสาวสักน้อย ด้วยเคยเห็นแลคุ้นชินมานานจนแทบพูดได้เต็มปากว่าไม่ห่วงเสียด้วยซ้ำ เจ้านางกาสะลองทรงขึ้นหลังม้าตั้งแต่พระชนม์มิทันชนขวบเสียด้วยซ้ำ จากที่เคยประทับบนพระเพลาพระราชบิดาเพลาเสด็จตรวจราชการ ก็ค่อยขยับเป็นทรงม้าติดตามเสียเองเมื่อพระชันษาเพียงห้าชันษา ต่อให้หนทางทุรกันดารอย่างใดก็ทรงผ่านมาแล้วครบสิ้น อุ่นเมืองเสียอีกที่คอยแต่จับจ้องวรกายบางด้วยสายตาที่ฉายแววห่วงอย่างปิดไม่มิด

ทางเล็กๆ สายนั้นเริ่มขยายกว้างขึ้นเมื่อจวนจักขึ้นถึงเนินสูงสุด ความเขียวขจีของพรรณพฤกษ์ต่างทยอยกลับคืนมาอีกคำรบ ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดภูอันเป็นลานกว้างเต็มไปด้วยต้นชมพูพนพญาที่ทิ้งใบเขียวจนหมดต้นเหลือเพียงดอกสีชมพูสวยบานสะพรั่ง บางดอกทิ้งตัวลงเหนือพื้นดินจนแลดูคล้ายลาดด้วยพรมสีชมพูกระนั้น

“งามแท้ ข้ามิเคยรู้เลยว่าที่เวียงสบสองจักมีที่งามๆ เยี่ยงนี้อยู่ด้วย”

เจ้านางกาสะลองออกโอษฐ์ชม สายพระเนตรกวาดไปทั่วบริเวณอย่างพอพระทัยนัก น้อยอินทร์ขยับจักทูลตอบ หากนั่นก็ยังช้ากว่าอุ่นเมืองที่ชิงทูลอธิบายความเสียก่อน

“ชาวเวียงสบสองเรียกที่นี่ว่าลานชมพูเจ้า ปีหนึ่งจักบานเพียงไม่กี่ทิวาเท่านั้น อันที่จริงเวียงสบสองนี้มีต้นชมพูอยู่ทั่วไป แต่ที่มีมากจนเรียกว่าเป็นดงก็คือบนภูนี้เจ้า แม้นไม่ติดว่าการเดินทางขึ้นมาลำบากนัก ก็เห็นจักมีคนขึ้นมาชมโขอยู่”

“ลานชมพู ผู้ใดหนอตั้งชื่อเยี่ยงนี้ ช่างสมตัวนัก”

เจ้านางน้อยทรงรำพึงพลางชื่นชมความงามรอบพระองค์เสียจนมิทันได้สังเกตถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยนผิดกว่าเคย นัยน์ตาอุ่นเมืองอ่อนแสงลงยามทูลสืบต่อไปว่า

“แม้นเจ้านางน้อยโปรด ข้าเจ้าจักให้คนขึ้นมาเก็บเมล็ดไปเพาะในอุทยานหลวงภายหลังเจ้า”

สามชายที่เหลือหันมามองสบตากันโดยมิได้นัดหมาย ท่าทีที่แผกไปกว่าเคยนี้หาใช่เพราะอุ่นเมืองยอมรับความสามารถของผู้เป็นนายเพียงประการเดียวแน่แล้ว หากยังยอมให้ดวงใจต้องบ่วงเสน่หาซ้ำอีกประการด้วย มองเผินๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี ด้วยใจรักมาพร้อมความภักดี แต่ก็น่าหวั่นเกรงอยู่ใช่น้อย ถ้าใจรักนั้นมีอำนาจกุมดวงจิตจนอาจลืมสิ้นซึ่งภักดี เหตุเพราะภักดีคือพร้อมถวายชีพไม่ว่าจักด้วยเหตุใดๆ แลหมายถึงการไม่ครอบครองเป็นของตน แต่รัก แม้นควบคุมไว้ไม่ดีพอแล้ว ความอยากหวงกันไว้เพียงตนจักก่อให้เกิดผลร้ายในทันที ทั้งสามภาวนาขอให้อุ่นเมืองนั้น 'รักเป็น'  ด้วยเถิด อย่าได้ใช้ไปในหนทางแห่งการทำลายทั้งตนเอง ทั้งนางอันเป็นที่รัก แลทั้งบ้านเมืองเลย        

“จวนแลงแล้ว ราตรีนี้เราจักพักม้าไว้ที่นี่ก่อน ต่อฟ้าสางวันพรุ่งจึงจักเดินทางต่อเจ้า”

เสือปกชักม้าของตนเข้ามาใกล้ผู้เป็นนายพลางกราบทูลหน้าตาย ขัดเสียก่อนดีกว่าจักปล่อยให้ดำเนินไปมากกว่านี้ อุ่นเมืองชะงักน้อยหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั้นฉายแววมิชอบใจที่ถูกขัดคอขึ้นแวบหนึ่งก่อนเลือนหาย เจ้านางกาสะลองทรงละความสนใจทัศนียภาพเบื่องพระพักตร์ก่อนหันมาทอดพระเนตรคนทูลแทน

“อีกเมินอยู่กว่าจักแลง เรายังเดินทางได้อีกมิใช่ฤๅ”

“ทางลงจากภูค่อนข้างชันเจ้า ทั้งยังไม่มีที่พอจักพักแรมได้ด้วย ข้าเจ้าเกรงจักค่ำเสียกลางทางเจ้า”

น้อยอินทร์เป็นฝ่ายตอบแทนอย่างคนที่เจนภูมิประเทศมากกว่า พลางชักม้าเข้ามาหานายสาวพร้อมกับแจ้งหล้า เป็นการตัดบทสนทนาของอุ่นเมืองลงโดยสิ้นเชิง อย่างใดเสียไฟที่เพิ่งก่อย่อมดับง่ายกว่าไฟที่โหมแรงมากนัก

“เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่ท่านน้อยอินทร์จักเห็นควรเถิด แล้วเราจักถึงเชิงผาเมื่อใดฤๅ”

“ยามตอนวันพรุ่งก็ถึงแล้วเจ้า อาจช้าหรือโวยกว่าที่ข้าเจ้ากะไว้สักน้อยหนึ่ง แต่ข้าเจ้ารับรองว่ามิเกินยามบ่ายแน่เจ้า”

เจ้านางกาสะลองทรงยอมตามคำแนะนำของแม่ทัพเฒ่าแต่โดยดี น้อยอินทร์สั่งให้อุ่นเมืองแลเสือปกแยกย้ายกันหาฟืนแลเตรียมที่พักสำหรับราตรีนี้ อุ่นเมืองทำท่าจักแย้งว่าแล้วเจ้าราชองครักษ์หนุ่มที่เขามิค่อยชอบหน้ามันนั้นเล่า ไยจึงไม่ต้องตามพวกตนไปด้วย เสือปกก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ท่านแจ้งหล้าใช่เป็นเพียงราชองครักษ์ หากยังเป็นพระพี่เลี้ยงของเจ้านางน้อยด้วย เจ้านางน้อยทรงอยู่ที่ใด ท่านแจ้งหล้าต้องอยู่อารักขามิให้ห่างองค์ โดยเฉพาะในที่แปลกถิ่นเยี่ยงนี้”

ชายหนุ่มเม้มปากนิดหนึ่งอย่างขัดใจ แต่เมื่อมองไปทางเจ้านางกาสะลองก็เห็นนายสาวกระตุ้นม้าทรงให้ออกเดินไปริมผาพร้อมกับน้อยอินทร์แลแจ้งหล้าแล้ว ก็จำใจต้องกระตุ้นม้าของตนให้ตามเสือปกไปอย่างมิสู้เต็มใจนัก


เจ้านางกาสะลองทรงบังคับม้าทรงให้หยุดยืนอยู่ริมผา จากตำแหน่งนี้สูงพอที่จักทำให้ทอดพระเนตรภูมิประเทศเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน เนตรคมกวาดไปโดยรอบอย่างสังเกต แล้วก็ทอดพระเนตรแสงสะท้อนอยู่ ณ จุดหนึ่งซึ่งเบี่ยงไปทางด้านขวาเล็กน้อย

“แสงสะท้อนนั้นคือน้ำในกว๊านจันทร์เสี้ยวเจ้า ลานชมพูนี้อยู่ห่างจากเชิงผาดงเหล็กเพียงสองโยชน์เท่านั้นเจ้า แลเป็นที่เดียวที่เราจักเห็นทุกสิ่ง”  

“ท่านเลยอยากให้เราแรมราตรีเสียที่นี่ใช่ฤๅไม่”

เจ้านางน้อยตรัสยิ้มๆ หากสายพระเนตรยังไม่ละจากจุดเดิม กว๊านจันทร์เสี้ยวคือทะเลสาบอันเป็นปราการธรรมชาติของชุมโจรนั้น เมื่อทอดพระเนตรจากจุดนี้ จักแลเห็นเป็นแผ่นน้ำโอบรอบเชิงผาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสมดั่งชื่อของมัน ส่วนเชิงผาเหล็กนั้นแท้แล้วเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนตามธรรมชาติ เพียงแต่เฉพาะที่แห่งนี้เท่านั้นที่ดูคล้ายจักแยกตัวออกเป็นเอกเทศแลมีลักษณะเป็นเขาสูงชันกว่าส่วนอื่นๆ จนเห็นได้ชัด เนตรสีนิลหรี่ลงอย่างทรงครุ่นคิด แต่มิได้ตรัสอันใดออกมา หากแว่วสุรเสียงพระราชบิดาที่เคยรับสั่งในพระโสต

'มองเห็นเพียงภายนอกใช่หมายว่ารู้แจ้งถึงภายใน'

เพลานี้ทรงรู้ภายนอกแล้ว แต่ภายในนั้นเล่า ทำฉันใดจึงจักไปถึง นั่นเป็นสิ่งที่องค์เองต้องดำริวางแผนอย่างรัดกุมจักพลาดมิได้เลยสักน้อย หากได้ชัยชำนะ นั่นหมายว่าทั้งเวียงสบสองแลอาณาจักรเวียงภูแก้วจักได้คนมีฝีมือมาเพิ่มอีกหนึ่ง แต่หากแพ้ก็ย่อมหมายถึงความตาย ฤๅร้ายกว่านั้นคือเวียงสบสองจักได้เจ้าหลวงหอคำพระองค์ใหม่เป็นนายโจร มิใช่เจ้าหลวงกาสะลองพระองค์นี้  


ม่านรัตติกาลเริ่มโรยตัวลงคลุมหล้า กองไฟลุกแดงถูกก่อไว้เป็นสามจุดเพื่อให้แสงสว่างแลป้องกันสัตว์ร้ายที่อาจหลงเข้ามา เจ้านางกาสะลองสรวลนิดๆ เมื่อดำริว่า การก่อกองไฟเห็นจักเพื่อใช้ประโยชน์ประการแรกเสียมากกว่า ด้วยแจ้งหล้านั้นได้ทำพิธีฝังธนูหินไว้รอบทั้งแปดทิศเพื่อป้องกันภูติผีแลสัตว์ร้ายไว้อีกชั้นหนึ่ง เมื่อแจ้งหล้าทำเสร็จแลกลับมานั่งลงใกล้ๆ ผู้เป็นนาย เจ้านางกาสะลองก็ตรัสล้อ

“พี่ฝังธนูหินไว้เยี่ยงนี้ เห็นทีคงมิต้องก่อไฟแล้วกระมัง”

“ไม่ก่อก็ตากน้ำเหมยได้ไข้ก่อนได้งานเป็นแน่เจ้า แม้นเป็นไปได้ข้าเจ้าใคร่ฝังธนูหินไว้รอบองค์เจ้านางน้อยเสียด้วย”

“หือ! ฝังไว้รอบตัวข้ารึ”

“เจ้า อยู่ต่างถิ่นต่างแคว้น มิหนำอยู่กลางดงดั่งนี้ สัตว์ร้ายมันมีนักขนาด”

แจ้งหล้าทูลเสียงขึงขัง มิหนำยังส่งเสียงดังขึ้นหมายให้ได้ยินถึงหูคนที่นั่งห่างออกไปด้วย น้อยอินทร์กับเสือปกก้มหน้าลงกลั้นยิ้มเต็มที่ ด้วยแม่ทัพเฒ่ารู้ถึงฐานะแท้จริงของคนพูดจากคำบอกเล่าของเสือปกแล้ว แต่มิคาดว่าราชองครักษ์หนุ่มจักออกอาการ 'หวงน้อง' ได้ถึงเพียงนี้ อุ่นเมืองนั้นหน้าตึง ส่วนเจ้านางกาสะลองเข้าพระทัยตามวาจาของพระพี่เลี้ยง มิได้แจ้งว่าจักมีความนัยอื่นซ่อนอยู่สักน้อย


บนฟากฟ้าดารดาษด้วยดวงตาสวรรค์นับร้อยนับพันดวง ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรแลแมลงกลางคืนแทรกเสียงฟืนแตกเป็นระยะ นานครั้งจึงจักมีเสียงสุนัขป่าหอนรับเป็นทอด ทำให้ราตรีบนลานชมพูก่อเกิดทั้งความงามแลความน่ากลัวไปพร้อมกัน หากวรกายบางกลับทอดองค์บรรทมสนิทราวกับบรรทมอยู่ในคุ้มกระนั้น ไม่มีวี่แววว่าจักตระหนกฤๅตื่นกลัวอันใดสักน้อย สี่บุรุษผลัดกันยืนยามโดยมีเสือปกเป็นยามต้น อุ่นเมืองเป็นยามสอง ต่อด้วยแจ้งหล้า แลน้อยอินทร์เป็นยามสุดท้าย แลเพลานี้ก็เป็นผลัดของอุ่นเมือง เขาหันไปมองร่างสูงที่นอนห่างจากเจ้านางกาสะลองราววาหนึ่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัวด้วยฤทธิ์หึงสาโดยไม่รู้สึกตน ทั้งที่รู้ดี นายสาวเป็นคนเรียกให้อีกฝ่ายนอนเฝ้า ณ จุดนั้น แต่เขาไม่เข้าใจ ไยน้อยอินทร์แลเสือปกจึงมิทักท้วงอันใดสักน้อย ซ้ำยังมีท่าทางสนับสนุนให้ได้อยู่ชิดใกล้เสียอีก


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 54 13:27:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com