โมได
เสียงนุ่มแสนอ่อนโยนเรียกไม่ดังนัก เด็กหนุ่มบ่นออกมาสองสามคำและยกมือขึ้นปัดหน้าของตัวเองด้วยความรู้สึกรำคาญ
เช้าแล้วนะโมได
เสียงนั้นเรียกอีกครั้ง คราวนี้ดังมากกว่าเดิมเล็กน้อย โมไดพลิกตัวและพูดพึมพำ
อย่ากวนน่ะลินซ์
เฮ้ย! ตื่นได้แล้วไอ้เด็กขี้เซา
เสียงห้าวๆตะโกนกรอกเข้าไปในหู โมไดลืมตาและผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที เขาขยี้ตาสองสามครั้งเพื่อขับไล่ความมึนงงจากนั้นจึงหันขวับไปทางด้านข้าง
เรียกเบาๆก็ได้ เขาบ่นพลางอ้าปากหาว โซลย์ซึ่งกำลังดับไฟโยนกิ่งไม้แห้งใส่เขาก่อนตอบ
ฟอร์เซ็ตติเรียกเจ้าไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เขาใช้เท้าเกลี่ยกองขี้เถ้าจนแน่ใจว่าไม่เห็นร่องรอยของกองไฟที่ก่อไว้เมื่อคืนจึงหันไปทางโมได
เขาเรียกเบาๆจนข้ารำคาญถึงได้ลงมือปลุกเจ้าด้วยตัวเอง เอ้า! ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเร็วๆ เราต้องรีบออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า
รู้แล้วๆ เด็กหนุ่มบิดตัวไปมาและลุกขึ้นเดินไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ เขาวักน้ำล้างหน้าจนรู้สึกสดชื่นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ คิ้วสีเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสกำลังยืนนิ่งรออยู่อีกด้านหนึ่งของฝั่งแม่น้ำ
เจ้านั่นข้ามไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หลังจากที่ข้าปลุกเจ้า โซลย์ตอบ เขาก้าวยาวๆลุยข้ามแม่น้ำไปอย่างไม่ยาก โมไดรีบวิ่งตามไปติดๆ
แล้วพวกเราจะไปทางไหนกัน
ขึ้นเหนือ โซลย์ตอบสั้นๆก่อนจะเดินไปสบทบกับฟอร์เซ็ตติที่กำลังไล่สายตามองสำรวจโดยรอบอย่างระมัดระวังเหมือนเช่นเคย
จากนี่ไปจนถึงชายแดนจะเป็นทุ่งโล่ง เราต้องเร่งเดินทางผ่านไปให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วจะลำบากเพราะจะไม่มีที่หลบซ่อนตัวเลยระหว่างทาง
จอมเวทหนุ่มกล่าวแต่โซลย์กลับส่ายหน้า
มีค่ายทหารขนาดย่อมตั้งอยู่ที่เนินก่อนเข้าเขตป่า รอบค่ายจะมีหมู่บ้านขนาดเล็กตั้งกระจัดกระจายอยู่ ข้าคิดว่าพวกผีดิบคงจะยังไม่บุกเข้าไปทำลายเพราะทหารรักษาการที่นั่นเก่งกาจนัก
เราไม่อยากเข้าไปพักค้างแรมรวมกับพวกเขา
ฟอร์เซ็ตติกล่าว แม่ทัพแห่งมอร์เซลมองหน้าเขาและเอ่ยถาม
ทำไม เพราะพวกเขาเป็นมนุษย์อย่างนั้นหรือ
จอมเวทหนุ่มหันมามองโซลย์นิ่งก่อนตอบ
สิ่งที่ข้ากลัวก็คือ หากพวกเขากลายสภาพไปเป็นผีดิบหมดทั้งค่าย รวมถึงเหล่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆนั่นด้วย ข้าแน่ใจว่าคงมีหลายคนที่ท่านเคยรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ท่านจะกล้าสังหารพวกเขาไหม กล้าลงดาบตัดคอคนเหล่านั้น สหายร่วมรบของท่านรวมทั้งผู้คนตลอดไปจนถึงเด็กทารกไร้เดียงสาหรือไม่ท่านแม่ทัพ
โซลย์ถึงกับอึ้งต่อคำอธิบายของฟอร์เซ็ตติ เขาถอนหายใจก่อนเลื่อนสายตามองไปทางทิศเหนือ
ข้าเตรียมใจเอาไว้แล้วสำหรับเรื่องนั้น แม่ทัพแห่งมอร์เซลหันกลับมาทางจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสอีกครั้ง แต่ข้าก็ขอยืนยันว่าจะเดินทางแวะไปที่ค่ายก่อนข้ามชายแดนไปยังมาร์วัลลัส
หากท่านยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ขอขัด ฟอร์เซ็ตติเอ่ยเสียงขรึม ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรรีบออกเดินทางกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
ข้าก็ว่าอย่างนั้น ไม่รู้จะมามัวพูดจายอกย้อนกันไปมาอยู่ทำไม่ให้เสียเวลา
โมไดพูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิด ทั้งฟอร์เซ็ตติและโซลย์มองหน้ากันแล้วยิ้ม
ข้าเสียเวลารอให้เจ้าตื่นได้ตั้งนานโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำนะ โมได
จอมเวทหนุ่มกล่าวขณะก้าวเดินตามหลังแม่ทัพแห่งมอร์เซล เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น
ข้าก็ยังไม่ลืมเรื่องที่จะจัดการกับเจ้าเหมือนกัน เจ้าจอมเวท
ฟอร์เซ็ตติอมยิ้มให้กับคำพูดของโมได หลังจากนั้นทั้งหมดก็เดินทางกันต่อไปอย่างเงียบๆแต่รวดเร็ว
แม้จะเร่งฝีเท้าให้รีบเร่งอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดสามนักเดินทางก็ไม่สามารถข้ามพ้นทุ่งโล่งไปให้ถึงค่ายทหารได้สมดังใจ สีหน้าของฟอร์เซ็ตติและโซลย์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดส่วนโมไดนั้นมักจะวิ่งนำหน้าออกไปหลายต่อหลายครั้งด้วยความรู้สึกวิตกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลง ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาแทนที่ โมไดซึ่งกำลังยืนอยู่บนเนินดินกวาดสายตามองไปรอบๆพร้อมกับพูดเสียงดัง
ข้าไม่เห็นมีบ้านคนเลยสักหลัง สงสัยว่ากว่าจะถึงคงอีกไกล
ข้าจำได้ว่าเคยมีหมูบ้านเล็กๆอยู่แถวนี้ โซลย์กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ เมื่อครึ่งปีก่อนข้ายังมาตรวจตราความสงบแถบนี้เลยด้วยซ้ำ
ตั้งครึ่งปี ป่านนี้ผีดิบคงบุกเข้ามาบดขยี้จนเป็นฝุ่นไปหมดแล้วล่ะ โมไดโพล่งขณะเดินลงมาจากเนิน
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าจะมีเศษซากบ้านเรือนหรือโครงกระดูกของคนเล่านั้นบ้าง แต่นี่ไม่มีเลยสักชิ้น ท่านแน่ใจหรือว่าจำไม่พลาด ท่านแม่ทัพ
ฟอร์เซ็ตติพูดอย่างมีเหตุผล โซลย์พยักหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าซึ่งเริ่มมีดาวบางดวงปรากฏขึ้น แม่ทัพหนุ่มลดสายตาลงและกวาดมองไปโดยรอบอีกครั้งจึงเอ่ยออกมา
จริงอย่างที่เจ้ากล่าว หมู่บ้านที่ว่านั่นตั้งอยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกราวสองสามไมล์ ข้าคิดว่าถ้าพวกเราเร่งฝีเท้าเดินน่าจะถึงที่นั่นก่อนค่ำอย่างแน่นอน
แน่ใจนะว่าไม่พลาด โมไดคาดคั้น โซลย์หันมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาขุ่นเล็กน้อย
ข้าแน่ใจ เขาตอบเสียงห้วนสั้นก่อนเดินนำหน้าไปอย่างเร็ว ฟอร์เซ็ตติหันมามองดูโมไดและพูดเบาๆ
การไม่พูดไม่ได้หมายความว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ โมได
เด็กหนุ่มแทบอยากจะกระโดดหักคอจอมเวทด้วยความโมโหทันทีที่เขาพูดจบ
ก็ยังดีกว่าพวกเก่งแต่ปากหรอกน่ะ
เขาพูดไล่หลังเสียงไม่เบานักก่อนออกเดินตามชายทั้งสองไป หลังจากเดินไม่พูดไม่จากันไปได้ราวสองชั่วโมง ท้องฟ้าก็มืดมิดลง แสงไฟวับแวมปรากฏขึ้นให้เห็นจากที่ไกลๆ โซลย์ยิ้มอย่างยินดี
นั่นยังไงหมู่บ้านที่ข้าพูดถึง รีบไปที่นั่นกันเร็วเข้า แม่ทัพหนุ่มรีบเดินนำไปอย่างรวดเร็ว เสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีร้ายดังล่องลอยมาแต่ไกล ทำให้พวกเขาทั้งสามรีบเร่งฝีเท้าให้ก้าวเดินเร็วยิ่งขึ้น จนกระทั่งทั้งหมดมาถึงประตูทางเข้าของหมู่บ้าน โซลย์หันไปทางฟอร์เซ็ตติ
ซ่อนไม้เท้าของท่านก่อน คงไม่ดีแน่หากพวกชาวบ้านเห็นจอมเวทมาเดินอยู่นอกเขต มาร์วัลลัสแบบนี้
แม่ทัพแห่งมอร์เซลรอจนกระทั่งจอมเวทหนุ่มซ่อนไม้เท้าของเขาไว้ในเสื้อคลุมจนมิดชิดดีแล้วจึงใช้ด้ามดาบเคาะบานประตูไม้แรงๆพร้อมกับร้องเรียกเสียงดัง
เปิดประตูด้วย
ใคร!
เสียงห้าวๆดังตอบออกมาจากด้านใน โซลย์จึงรีบตอบเขา
พวกข้าสามคนเดินทางลี้ภัยมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง ขอเข้ามาหลบที่หมู่บ้านของท่านสักคืนจะได้หรือไม่
เสียงดัง คลิ๊ก คล้ายคนที่อยู่ด้านในกำลังถอดดาลประตู ช่องมองถูกเปิดออกพร้อมกับใบหน้าหยาบกร้านของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมองผ่านออกมา สายตาคมกริบมองไล่สำรวจอาคันตุกะยามวิกาลไปทีละคน
พวกแกเป็นคนแน่เรอะ
พวกข้าเป็นคน ลองจับตัวข้าดูก็ได้ มันยังอุ่นๆอยู่เลยเห็นไหม โซลย์ยื่นแขนของเขาออกไปคล้ายยืนยันคำกล่าวของเขา ชายคนนั้นสอดมือออกมาจากช่องและคลำแขนของแม่ทัพหนุ่มหลายครั้งจนกระทั่งแน่ใจ
พวกเจ้าเป็นคนจริงๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่แน่ใจหรือว่าพวกเจ้ามากันแค่สามคน
พวกข้าแน่ใจ โซลย์ตอบ ไม่มีผีดิบหรืออสุรกายตัวใดลอบติดตามพวกเรามาแน่นอน ขอให้เชื่อเถอะ
ช่องบนบานประตูถูกเลื่อนปิด เสียงถอดกลอนดังขึ้นอีกหลายครั้งพร้อมกับเสียงลั่นเอี๊ยดเมื่อประตูไม้หนาหนักถูกเปิดออก ร่างกำยำของชายผู้ที่คุยกับพวกเขาเมื่อครู่ก้าวออกมาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกห้าหกคน ทั้งหมดจ้องมองดูชายแปลกหน้าทั้งสามอย่างไม่วางใจ
เจ้าชื่ออะไร ชายคนแรกที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าถามเสียงห้วน โซลย์ตอบทันที
ข้าชื่อโซลย์
สายตาดุดันมองสำรวจโซลย์ไล่ไปตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเลื่อนผ่านไปทางด้านหลังและหยุดไว้ที่จอมเวทหนุ่มซึ่งยืนนิ่งเงียบอยู่
แล้วหญิงสาวผู้นั้นล่ะ นางเป็นอะไรกับเจ้า
แม่ทัพแห่งมอร์เซลทำสีหน้างงงันในคำถามของคู่สนทนา แต่โมไดกลับรีบพูดแทรกขึ้น
นางเป็นแม่ของข้าเอง
ทั้งโซลย์และฟอร์เซ็ตติหันขวับไปมองดูเด็กหนุ่มพร้อมกันด้วยคิดไม่ถึงว่าเขาจะสร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้น โดยเฉพาะสีหน้าของจอมเวทหนุ่มนั้นฉายความโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ดูเหมือนคำตอบของโมไดจะลดความตึงเครียดของทุกคนลงได้เล็กน้อย
แม่ของเจ้าหรือ นางชื่ออะไร
ฟอร์จีเซล โมไดตอบหน้าตาเฉยในขณะที่ฟอร์เซ็ตติทำท่าเหมือนจะเข้าไปหักคอเขา ชายผู้ที่เป็นหัวหน้าผงกศีรษะพร้อมกับเปิดทางให้
ในเมื่อมีสตรีและเด็กเดินทางมาด้วย ก็เร่งเข้ามาข้างในกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฝูงปิศาจมันจะมาทำร้ายเอาได้
โซลย์กล่าวคำขอบคุณเบาๆและเดินผ่านชายเหล่านั้นเข้าไปด้านในตามด้วยโมไดและ ฟอร์เซ็ตติ จอมเวทหนุ่มแอบก้มลงไปกระซิบกับเด็กชายเสียงไม่ดังนัก
ข้าจะจัดการกับเจ้าหลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว โมได
ข้าจะรอ โมไดตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่ตอนนี้ข้าอยากจะขอเตือนให้เจ้าระวังตัวเอาไว้หน่อย อย่าให้พวกเขาจับได้ว่าตัวจริงของเจ้าคือใคร ไม่อย่างนั้นพวกเราเน่าแน่ เจ้าจอมเวท
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆให้ จอมเวทหนุ่มเม้มปากตนเองแน่นคล้ายพยายามสะกดอารมณ์ ทั้งหมดเดินตามชายฉกรรจ์ผู้ที่เฝ้าประตูไปจนกระทั่งถึงอาคารไม้ที่ดูกว้างขวางที่สุดในหมู่บ้าน ทั้งหมดเปิดประตูและก้าวเข้าไปด้านใน ที่นั่นพวกโซลย์ได้พบกับชาวบ้านอีกหลายคนกำลังนั่งชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมาก ทุกคนหันมามองดูอาคันตุกะทั้งสามพร้อมกัน
พวกเราจะมารวมตัวกันที่นี่ทุกคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน ชายผู้นำกล่าว เพราะนอกจากกองไฟที่ก่อไว้รอบๆหมู่บ้านแล้วมีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นที่พวกเราจะจุดไฟไว้ในเตาผิง เพื่อเป็นการประหยัดฟืน
ประหยัดฟืนรึ โมไดพูดทวนคำ ทำไม
เพราะการออกไปหาเชื้อไฟในแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานมากกว่าหนึ่งวัน อย่างที่พวกท่านเห็น รอบหมู่บ้านของเรามีแต่ทุ่งโล่งกว้าง ป่าที่ใกล้ที่สุดอยู่ขึ้นไปทางเหนืออีกราว 20ไมล์ ใช้เวลาเดินทางไปกลับราววันครึ่งซึ่งเสี่ยงต่อการถูกโจรและผีดิบทำร้ายมาก
ข้าเข้าใจแล้ว โซลย์กล่าวและนั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเชื้อเชิญ เขาเหลือบตามองไปทางฟอร์เซ็ตติ ดูเหมือนจอมเวทหนุ่มจะชำเลืองสายตามองไปรอบๆด้วยท่าทางระวังตัว เขายิ้มให้กับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังวางชามซุปร้อนๆให้แต่ไม่สนใจที่จะกิน
พวกเจ้าคงเดินทางกันมาไกล ชายคนเดิมกล่าว กินอาหารให้อิ่มก่อนแล้วค่อยคุยกัน
โซลย์ผงกศีรษะพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เด็กสาวอีกคนหนึ่งยกถ้วยซุปมาวางไว้ตรงหน้าเขา นางหันไปส่งยิ้มให้กับโมได เด็กหนุ่มยิ้มกว้างรับแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระซิบ
อย่ากินมันนะ
โมไดเงยหน้าขึ้นมองดูเด็กสาวผู้ที่กล่าวเตือนด้วยความสงสัยทันที แต่นางเดินหายเข้าไปในกลุ่มคนซึ่งกำลังจ้องมองดูพวกเขาด้วยท่าทางสนอกสนใจจนดูผิดปรกติ ชายผู้นำผายมือพร้อมกับกล่าว
ซุปกำลังร้อนๆ รีบกินเถิด
โซลย์จัดแจงยกชามซุปขึ้นจรดบนริมฝีปาก แต่โมไดรีบคว้าถ้วยของเขาขึ้นและโวยวายเสียงดัง
ซุปในชามของข้ามีนิดเดียวเอง ข้าไม่ยอม
เขารีบยื่นชามในมือออกไปกระแทกเข้ากับชามซุปที่โซลย์กำลังยกขึ้นกินโดยแรงจนหลุดจากมือตกกระแทกพื้นเสียงดัง
เจ้าเล่นอะไรของเจ้ากันน่ะ โมได
แม่ทัพหนุ่มดุขึ้นด้วยความรู้สึกโกรธ แต่ต้องหยุดเมื่อถูกมือของฟอร์เซ็ตติเอื้อมมาสะกิด เขาหันไปมองดูจอมเวทหนุ่มด้วยความสงสัยแล้วต้องนิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังส่งแววตาคล้ายเตือนกลับมา โมไดรีบพูดขึ้นทันที
ก็ชามของเจ้ามันมากกว่าของข้า
อย่างเรื่องมากนักได้ไหม ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเจ้านะ
โซลย์โต้กลับทันควัน เขาสังเกตเห็นสีหน้าแสดงความไม่พอใจฉายออกมาจากชาวบ้านที่ยืนรอบๆ แต่ตัวชายผู้นำรีบเอ่ยขึ้น
ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะให้คนยกมาให้พวกเจ้าใหม่
ช่างเถอะ แม่ทัพหนุ่มพูด ข้ารู้สึกเหนื่อยจนกินไม่ลงแล้วเหมือนกัน
ชายคนนั้นกัดปากตัวเองราวกำลังพยายามสะกดโทสะที่เริ่มพุ่งขึ้น เขาฝืนยิ้มกับโซลย์และกล่าว
ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่ขัดใจ เอาล่ะไหนเจ้าลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิว่าพวกเจ้ามาจากที่ใดและกำลังจะไปไหน
พวกข้ามาจากหมู่บ้านที่อยู่ทางอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำสวิฟท์ พวกผีดิบและกองโจรบุกเข้าไปทำลายที่นั่นจะพินาศไปเมื่อหลายคืนก่อน พวกมันปล้นสะดมและจับตัวเด็กๆไปหลายคนโดยที่พวกเราไม่สามารถป้องกันหรือต่อสู้กับพวกมันได้เลย
เจ้าจึงพาลูกเมียหนีมาจนถึงที่นี่
ชายผู้นั้นพูดต่อประโยคให้ แต่โซลย์สะดุ้งเฮือกสุดตัว เขาเหลือบตาไปมองดูฟอร์เซ็ตติและทันเห็นดวงตาวาววับจากจอมเวทหนุ่มก่อนรีบตอบปฏิเสธ
เขาไม่ใช่ลูกเมียของข้า พวกเราเจอกันระหว่างการหลบหนีและเดินทางมาด้วยกันเท่านั้น
อย่างนั้นหรือ ชายคนนั้นพยักหน้าราวกับเข้าใจจริงสิ พวกเจ้าเดินทางมาไกลคงจะเหน็ดเหนื่อยกันมามาก คนของข้าจัดห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เชิญเจ้าทั้งสามคนไปพักผ่อนกันเถิด ข้าจะไม่ขอรบกวนพวกเจ้าอีกต่อไป
ชายผู้นำหันไปผงกศีรษะให้กับหญิงกลางคนคนหนึ่ง นางและเด็กสาวคนที่ยกชามซุปให้โมไดก้มตัวลงน้อยๆพร้อมกับเชื้อเชิญเสียงเบา
เชิญพวกเจ้าตามข้ามา
ทั้งคู่เดินนำหน้าออกไปทันที โซลย์หันมากล่าวคำขอบคุณกับชายคนนั้นและรีบเดินตามฟอร์เซ็ตติและโมไดซึ่งเดินนำไปก่อนแล้ว เขาสาวเท้าก้าวจนทันจอมเวทหนุ่มและกระซิบถามเสียงแผ่ว
ดูเจ้าไม่ค่อยวางใจคนของที่นี่เท่าใดนัก
ข้าไม่เคยวางใจใครโดยง่าย ฟอร์เซ็ตติกระซิบตอบ โซลย์พยักหน้าคล้ายเห็นด้วยก่อนเบนสายตามองตามหลังโมไดที่กำลังเร่งฝีเท้าให้เดินตามเด็กสาวที่นำหน้าจนทัน
เจ้าชื่ออะไร
เขาถามขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบไม่ตอบและดูเหมือนจะพยายามเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นอีก
ข้าชื่อโมได เด็กหนุ่มแนะนำตัว เขาระบายลมหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดจา ถ้าเจ้าไม่ยอมบอก งั้นข้าจะขอเดาชื่อเจ้าเองก็แล้วกัน เขาทำท่าคิดและพูดออกมา
หน้าตาน่ารักแบบเจ้านี่คงชื่อ คิวท์ ไม่สิ เลิฟเลส ไม่ๆ ไม่ไหว งั้นเพอร์คิวไพน์....
เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากอีกฝ่าย โมไดเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้ม
ข้าทายถูกใช่ไหม
ผิดต่างหาก เสียงใสๆดังตอบกลับมา คนอะไรจะชื่อพิลึกอย่างที่เจ้าพูดออกมา ข้าชื่อเฟทต่างหาก
เฟทรึ โมไดทวนแล้วยิ้ม เป็นโชคชะตาสมกับชื่อจริงๆที่ทำให้ข้าได้มาพบกับคนน่ารักอย่างเจ้า
แก้มใสๆของเฟทมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของโมได นางก้มหน้าลงมองดูพื้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงกลางคนเปิดประตูห้องห้องหนึ่งออก
เชิญพวกเจ้าพักที่ห้องนี้ นางผายมือเชื้อเชิญพร้อมกับส่งตะเกียงให้โซลย์ เขากล่าวคำขอบคุณและก้าวนำเข้าไปด้านในตามด้วยฟอร์เซ็ตติ และโมไดซึ่งส่งยิ้มให้กับเฟท เขาชะงักเมื่อเด็กสาวกระซิบข้างหู
หนีไปซะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มี.ค. 54 10:17:52
|
|
|
|