บทที่ ๒๑ ขังลืม
นิศาเทวีระยอบกายลงตรงเบื้องพระพักตร์พระอุมาเทวี เหล่านางฟ้าองค์อื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นค่อยๆ เร้นกายหายไป ด้วยรู้ด้วยว่าพระแม่เจ้าทรงพระประสงค์จะรับสั่งเรื่องสำคัญ
ไปดูแลเพลิงประลัยมาเป็นยังไงบ้างล่ะ ท่าทีของพระนางเธอมิได้แสดงออกว่าอยากทรงทราบคำตอบเท่าใดนัก แต่นิศาเทวีก็ทูลตอบด้วยความภาคภูมิ
เพลิงประลัยไม่ได้ก้าวร้าวอย่างที่เคยเป็นแล้วเพคะ และหม่อมฉันก็เชื่อว่าเขาจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ
การที่เพลิงประลัยเปลี่ยนแปลงไปในที่ดีขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืมภาระหน้าที่สำคัญของเจ้าล่ะ
เรื่องพระอังคารใช่มั้ยเพคะ นิศาเทวีเงยหน้าขึ้นทูลถาม
ใช่ ภาระหน้าที่ของกรรติเกยะกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เวลานี้เขากำลังเดินทางออกจากคีรีรัตน์นคร
เพคะ หม่อมจะคอยปกป้องคุ้มครองพระอังคารให้ดีที่สุด
เจ้าเพียงแต่คอยดูแลอยู่ห่างๆ เท่านั้น ทุกอย่างดำเนินไปตามชะตากรรมของมันเอง
เพคะ
พระอุมาเทวีนิ่งไปเป็นครู่ เมื่อทรงรับรู้ได้ว่าภายในใจของอีกฝ่ายยังพะวงถึงเพลิงประลัยด้วยความเป็นห่วง
นิศาเทวี เมื่อยามที่เจ้ายังเป็นมนุษย์ เจ้าก็ทำเพื่อผู้อื่นมาโดยตลอด ผลบุญนั้นจึงทำให้ชาติภพนี้เจ้าได้กำเนิดเป็นเทพธิดาที่มีรูปโฉมเป็นเลิศและมีจิตใจที่งดงามยิ่งนัก และในปัจจุบันภพนี้เจ้าก็ยังจะทำเพื่อผู้อื่นอีกอย่างไม่ย่อท้อ น้ำใจเจ้าช่างประเสริฐแท้นัก
เราคงจะห้ามการประกอบบุญกุศลของเจ้าไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถห้ามกรรมชักนำของเจ้าได้เช่นกัน...
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
ยามที่ไม่มีนิศาเทวีอยู่ด้วย มันช่างอ้างว้างโดดเดี่ยวเสียยิ่งกว่าแต่ก่อน แม้จะพยายามทำทุกสิ่งอย่างเป็นปกติ หรือจะเพ่งสมาธิเพื่อค้นหาขุมพลังแห่งอัคคี แต่เพราะจิตใจที่มัวคะนึงหาถึงแต่เทพธิดาโฉมงาม ทำให้สมาธิที่พยายามรวบรวมไม่เคยสำเร็จผล
ถ้าหากนางทิ้งข้าไปละ...ไม่สิ นางแสนดีที่สุด นางไม่มีวันทิ้งข้าหรอก...แต่คำพูดของข้าทำร้ายจิตใจนางเช่นนั้น นางคงจะโกรธข้าแน่ๆเลย...
ทำไมนะ...ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยมี...ไม่เคยรู้จัก...ข้าก็ยังอยู่ได้...แต่ ณ เวลานี้...กลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง...ถูกลืม...กลัวว่าจะต้องกลับไปเดียวดายเหมือนเมื่อก่อน
เพลิงประลัยลืมตาขึ้น ไม่อาจทำสมาธิได้ ดวงอัคคีสีน้ำเงินไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย
มันอยู่ที่ไหนนะ ถ้าไม่มีมัน ข้าก็จะไม่มีพลัง แล้วจะออกไปหานิศาเทวีได้ยังไง
ข้าอยากไปหานางเหลือเกิน!
เพลิงประลัยวิ่งออกมายังอุทยานรอบวิมาน มนตราที่ครอบคลุมอยู่โดยรอบยังคงขวางกั้นอยู่ แต่เทวบุตรองค์น้อยก็ยังหาญกล้าพุ่งเข้าชนปราการนั้นทั้งที่รู้ว่าเสียแรงเปล่า
เมื่อทำอะไรไม่ได้ เพลิงประลัยก็ตะโกนก้องขึ้นไปยังเบื้องบน...ยอดไกรลาสคีรีที่เรืองรองอยู่สูงสุดเวหา
นิศาเทวี!! นิศาเทวี!!
...นางจะได้ยินมั้ย ถ้าได้ยินจะลงมาหาเขารึเปล่า
นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ เพลิงประลัย! นางฟ้าพัทธิราและนางฟ้าสร้อยดาราอยากจะเข้าไปห้ามปรามความบ้าระห่ำของเทวบุตรน้อย แต่ก็ยากจะเข้าใกล้
ข้าเรียกนิศาเทวี ข้าอยากพบนาง
นางมาหาเจ้าไม่ได้หรอกนะ
เพลิงประลัยได้ฟังคำตอบของพัทธิราก็ยิ่งเกิดความหวาดหวั่น กลัวว่าจะไม่ได้พบเทพธิดาผู้อ่อนโยนองค์นั้นอีก
ทำไมล่ะ ทีก่อนหน้านี้นางยังมาหาข้าได้บ่อยๆเลย หรือว่าพวกท่านไม่ได้นางมาหาข้า! เพลิงประลัยเริ่มพาล พวกท่านโหดร้าย! กักขังข้าไว้แล้วยังไม่ยอมให้ข้าได้พบนิศาเทวีอีก พระอุมาก็พระทัยร้าย พระศิวะก็โหดร้าย ทุกคนเกลียด ชังข้าคอยแต่จะกลั่นแกล้งข้า!!
ไม่มีใครทำอย่างนั้นหรอกนะ เพลิงประลัย มีแต่เจ้าทำตัวเจ้าเองทั้งนั้น! นางฟ้าพัทธิราค้าน
ใช่ ถ้าเจ้าไม่อาละวาดเอาแต่ใจก็ไม่จำเป็นต้องใช้มนตรากักขังหรอก นิศาเทวีเองก็เหมือนกัน นางมีภาระสำคัญที่ต้องทำ จะให้มาดูแลเจ้าตลอดไปได้ยังไง
คำพูดของนางฟ้าสร้อยดาราทำให้เพลิงประลัยชะงัก ความคิดที่ยังไร้เดียงสาทำให้กลัวว่าจะเสียสิ่งที่มีค่าไป!
...สำคัญ...อะไรที่สำคัญกว่าข้า...นิศาเทวีมีสิ่งที่สำคัญกว่าข้างั้นเหรอ...ทำไมข้าจะต้องด้อยค่าในสายตาทุกคน!
นิศาเทวีไปทำอะไร ทำไมถึงมาหาข้าไม่ได้
นางมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองพระอังคารที่จุติลงไปยังโลกมนุษย์ เพราะมัวแต่มาดูแลเจ้าทำให้นางถูกพระแม่เจ้าตำหนิที่บกพร่องต่อหน้าที่
คำก็พระอังคาร สองคำก็พระอังคาร! เคยมีใครเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างมั้ย! อารมณ์ของเพลิงประลัยโหมทวีมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อที่เหล่าเทวดานางฟ้าเรียกหาซ้ำซาก
พระอังคารงั้นหรือ...พระอังคารมันสำคัญมากเลยรึไง ถึงได้ยกย่องกันนัก ทั้งที่ป่านนี้ไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ ในขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ แต่ไม่มีใครมองเห็นข้าเลยสักคน!
เจ้าก้าวร้าวมากเกินไปแล้วนะ เพลิงประลัย! นางฟ้าพัทธิราพยายามตักเตือนอย่างเอือมระอา โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งพูดก็ยิ่งบันดาลโทสะของเพลิงประลัยให้เกรี้ยวกราดราวกับวายุกระพือพัดกองอัคคี
เพราะเจ้าเป็นอย่างนี้น่ะสิ จะทำให้นิศาเทวีไม่อยากมาหาเจ้า
ไม่จริง!! พวกท่านต่างหากที่คอยกีดกันนิศาเทวีไม่ให้มาหาข้า ในเมื่อนางมาหาข้าไม่ได้ ข้าก็จะไปหานางเอง!!
เพลิงประลัยแผดเสียงก้อง ราวกับมีเปลวเพลิงลุกพรึ่บขึ้นทั่วทั้งสรรพางค์กาย แววตาวาวโรจน์ รัศมีจากเปลวเพลิงร้อนแรงจนเหล่านางฟ้าต้องถอยห่าง พลังเพลิงแผ่กว้างปะทะกับมนตราที่ขวางกั้น ไม่เพียงแต่วิมานที่กักขัง หากทั้งชั้นฟ้า จาตุมหาราชิกาสะเทือนเลื่อนลั่น!!
เพลิงประลัย! เจ้าจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ นางฟ้าพัทธิราร้องห้าม แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ด้วยอำนาจบุตรแห่งพระเพลิง เพียงแค่มนตราของเหล่าเทพทั่วไป มีหรือจะต้านทานเพลิงกาฬที่แรงกล้าเพราะความเกรี้ยวกราดได้ เพลิงประลัยรวบรวมกำลังพุ่งเข้าชนปราการที่ขวางกั้นอีกครั้งโดยแรง มนตราที่ครอบคลุมวิมานที่กักขัง แตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับกระจกร้าว บังเกิดความโกลาหลขึ้นทั่วทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าอีกครั้ง!
เสียงนางฟ้าพัทธิราร้องสั่งเหล่าเทวดาทั้งหลาย
จับเพลิงประลัยไว้ให้ได้ มนตราแตกแล้ว!!
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*: ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: :*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
เพลิงกัมปนาทที่พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างเจิดจ้า ทำให้ผู้ที่ประทับยังวิมานเบื้องบนฉุนเฉียวเมื่อตระหนักถึงต้นเหตุแห่งความโกลาหลในครั้งนี้
เพลิงประลัย! นิศาเทวีคะเนได้ไม่ผิดเพี้ยน และเมื่อหันมาเห็นพักตร์พระอุมาเทวี นางก็อดหวั่นใจแทนเด็กน้อยไม่ได้
พระแม่เจ้าเพคะ...
นี่หรือที่เจ้าว่าดีขึ้น! สุรเสียงพิโรธเกินกว่าจะกล้าทัดทาน แล้ววรองค์สง่างามก็กลายเป็นดวงประทีปขาวพิศุทธิ์สุกสว่างยิ่งกว่าเทพเทวีองค์ใดพุ่งลงไปเบื้องล่าง นิศาเทวีกลายเป็นละอองทองเร่งรีบตามไปอย่างไม่อาจรอช้าได้
เพลิงประลัย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!
ดวงอัคคีอันคือจิตทิพยะของเพลิงประลัยพุ่งขึ้นผ่านชั้นฟ้าหมายจะไปให้ถึงวิมานพระอุมาเทวี ณ ไกรลาสคีรีเบื้องบนอันอยู่นอกจากเหนือสวรรค์ทั้งหกชั้นให้ได้
สกัดกั้นเด็กน้อยผู้นั้น อย่าให้ผ่านขึ้นไปถึงเบื้องบนได้ อิทธิฤทธิ์ของเพลิงประลัย ดุจเพลิงกาฬที่ลุกลามสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกอาณาเขต หากก็มิมีเทพเทวาองค์ใดจะคณามือเด็กน้อยเชื้อสายอัคนีที่กำลังมืดมัวด้วยโทสะที่เข้า ครอบงำ เทวดาแต่ละองค์ถูกพลังที่เหนือกว่าผลักกระจัดกระจายไปรอบทิศ
นางฟ้าพัทธิราอาศัยจังหวะที่เพลิงประลัยจัดการกับเทวดาองค์อื่นๆ รีบเข้าไปให้ถึงตัวเด็กน้อย มือบางแตะที่อังสะเพลิงประลัยจากทางด้านหลัง ทั้งที่ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นเพราะรู้กันดีว่ากายของเด็กน้อยนั้นมีรังสีร้อนแรงแค่ไหน ยิ่งยามเกิดโทสะยิ่งราวกับไฟโลกันตร์ แต่นางจำเป็นต้องทำเช่นนั้น โดยไม่อาจรู้ได้ว่านั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จะได้ทำ!
เพลิงประลัยหมดสิ้นสติการยับยั้งทุกสิ่งแล้ว ในความคิดของเด็กน้อย ทุกคนรอบกายคือพวกที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาได้มีความสุข บุตรแห่งพระเพลิงสะบัดมือนางฟ้าพัทธิราออกอย่างแรง พร้อมกับพลังเพลิงกาฬมหาศาลซัดเข้าใส่
กรี๊ดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
นางฟ้าพัทธิรากระเด็นออกไปไกลประจักษ์แก่สายตาเหล่าเทพยดาทั้งหลาย กายทิพย์ของนางถูกพลังเพลิงกาฬลุกท่วมทุรนทุราย เผาผลาญจนสลายเหลือเพียงธุลีดาวระยิบระยับค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
พัทธิรา...ข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจ
เด็กน้อยที่เพิ่งบันดาลโทสะพลั้งมือไปนั้นยังคงตกตะลึงกับการกระทำของตนเอง แม้จะมีความชิงชังเคียดแค้น แต่นางฟ้าพัทธิราก็เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับตนเองมากที่สุดมาแต่ไหนแต่ไร
บังอาจนัก เพลิงประลัย!!! สุรเสียงพระอุมาเทวีก้องกังวานท่ามกลางความวุ่นวาย
พระอุมา...
วรองค์พระแม่อุมาเทวีผู้ทรงสิริโฉมเลอเลิศโดดเด่นสง่างามอยู่เหนือเทพทุกองค์ในภาคพระแม่ทุรคา...เทวีแห่งการยุทธสงคราม พัสตราภรณ์แปรเปลี่ยนจากสีเศวตบริสุทธิ์มาเป็นสีนิลเข้มขรึมตามพระอารมณ์พิโรธโกรธา พระกรทั้งสิบทรง ถือศาสตราวุธต่างชนิดกวัดแกว่งเป็นที่น่ายำเกรงแก่ทุกผู้ในโลกายิ่งนัก เทพเทวาทุกองค์ต่างระยอบเคารพ
พระแม่อุมาในภาคพระทุรคาทอดเนตรละอองธุลีของนางฟ้าพัทธิราที่ล่องลอยไปตามกระแสวายุพัดพาอย่างสังเวช
ในที่สุด...เจ้าเองก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากทิพย์อาภาเพื่อนของเจ้า...ถูกพลังของเพลิงประลัยเผาผลาญจนเหลือเพียงธุลีดาวที่ไร้ค่า...
เจ้าทำลายมนตราที่คุมขังซ้ำยังทำให้นางฟ้าพัทธิราผู้ซึ่งมีพระคุณประดุจมารดาต้องดับสูญ การกระทำของเจ้าช่างเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะรับได้จริงๆ
เพลิงประลัยไม่ได้ใส่ใจกระแสรับสั่งบริภาษของพระอุมาเทวีเท่ากับเทพธิดาผู้อยู่เบื้องหลัง แม้ใครจะด่าว่าเขาอย่างไรมันก็ไม่มีความหมาย แต่เพียงผู้เดียวที่เพลิงประลัยขอ...ขอให้เข้าใจ
เพลิงประลัยเชิดหน้าสู้พระอุมาเทวีอย่างไม่เกรงกลัว
พัทธิราไม่ใช่ผู้มีพระคุณของข้า ไม่มีใครมีพระคุณกับข้าทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผู้ใดขัดขวางข้า ข้าก็จะทำลายซะให้หมด!
อวดดีนัก! ทำผิดมหันต์ถึงเพียงนี้เจ้ายังไม่รู้สำนึกอีก...นิศาเทวี เห็นหรือไม่ ว่าสิ่งที่เจ้าทำไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดขึ้นมาเลย
นิศาเทวีไม่ออกความเห็นใดๆ มีเพียงแววตาที่มองเขาด้วยความโศกเศร้า ผิดหวัง...และเวทนา!
ความเงียบของนางทำให้เพลิงประลัยยิ่งเสียใจ แม้แต่นิศาเทวีที่ข้าไว้ใจก็ยังไม่อยู่เคียงข้างข้า แล้วข้า...จะต้องเกรงใจใครทำไม!
ต่อไปนี้ไม่มีมนตรากักขังข้าอีกแล้ว ข้าจะไปจากที่นี่ตามที่ข้าต้องการ
หากเราปล่อยเจ้าไป โลกนี้คงไม่มีวันสงบสุขเป็นแน่
ข้าจะไป ใครก็ขัดขวางข้าไม่ได้!!
เพลิงประลัยบังอาจซัดอำนาจที่มีทั้งหมดไปยังพระอุมาเทวีเป็นการท้าทาย พระกรหนึ่งที่ถือตรีศูรเพียงแค่สะบัด พลังเพลิงกระเด็นกลับไปหาผู้เป็นเจ้าของที่ถูกพลังของตนเองกระแทกจนกระเด็นไปไกล และในทันทีนั้นอีกหัตถ์ก็โยนระฆัง ทองดวงน้อยลงมาครอบเพลิงประลัยเอาไว้
อย่านะ!! เพลิงประลัยยกแขนขึ้นป้องระฆังทองที่ขยายใหญ่จากระฆังกลายเป็นปรางค์ทองคำที่ใหญ่โตมโหฬารครอบลงมากักขังเขาเอาไว้ อำนาจของมันทรงอานุภาพยิ่งกว่ามนตราใดๆที่เหล่าเทพสามัญสร้างขึ้นมาเสียอีก
พระอุมา! ปล่อยข้า!! ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้!
เพลิงประลัยส่งเสียงร้องออกมาจากปรางค์ทองอย่างน่าเวทนา
นิศาเทวี! นิศาเทวี! พาข้าออกไปที
ภายนอกนิศาเทวีไม่สามารถทำตามคำอ้อนวอนขอร้องของเพลิงประลัยได้เลย
พระแม่เจ้าเพคะ นางอยากจะขอพระกรุณาแต่ก็จนใจ
ปรางค์ทองคำไม่สามารถจองจำเพลิงประลัยได้ตลอดกาลหรอกนะ เมื่อเวลาผ่านไปพลังอำนาจของเพลิงประลัยก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
***************************************
จากคุณ |
:
บทเพลงปีศาจ
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 54 13:15:25
|
|
|
|