เมื่อเห็นการประลองระหว่างชาลัวห์กับดูลัส อาเมียร์แทบไม่เชื่อสายตา เขาอยากชมฝีมือของดูลัสเต็มๆ ตา...แม้อยากให้ชายหนุ่มประลองกับคาเฮียร์หรือเฟลิมมากกว่า และคิดว่าองครักษ์หนุ่มจะจัดการชาลัวห์หมอบได้ในไม่กี่กระบวนท่า ไม่ใช่ถูกเล่นงานหมดท่าเสียเอง เด็กหนุ่มจึงปักใจเชื่อว่าดูลัสถูกวางยา หากชาลัวห์โกงคะแนนสอบข้อเขียน โกงจับฉลากจนได้ชัยภูมิที่ดีที่สุดไป และโกงคะแนนรวมจนเข้ารอบสุดท้าย ทำไมจะไม่ทำถึงขั้นนี้เพื่อให้ได้ชัยชนะสูงสุดมาเล่า
อย่างน้อยก็ยังดี เจ้าหน้าที่ของธีร์ดีเรไม่นิ่งดูดาย มีประกาศว่าการประลองรอบสุดท้ายในตอนบ่ายระหว่างเฟลิมกับชาลัวห์ถูกเลื่อนออกไปเพื่อตรวจสอบบางอย่าง อาเมียร์หวังว่าพวกเขาจะพบยาหรือสิ่งผิดปกติอะไรก็ตามโดยเร็ว และปรับให้คนที่โกงมาตลอดหมดสิทธิ์เสียที แต่เพื่อไม่ประมาท เด็กหนุ่มต้องตัดโอกาสที่เฟลิมจะได้รับยาเช่นเดียวกัน ชุดอาหารกลางวันหรูหราในภาชนะเครื่องเงินที่ส่งมายังห้องพักของชายหนุ่มถูกวางหลีกไว้บนโต๊ะมุมห้องโดยไม่แตะต้อง และอาเมียร์ก็ใช้ให้รูอาร์คซึ่งคล่องตัวที่สุดออกนอกวัง ไปหาซื้ออาหารจากร้านที่ไว้ใจได้ รวมทั้งยาสมุนไพรแก้พิษทั่วไปที่พอรู้จัก
“ท่านดูลัสคงไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ” เฟลิมซึ่งนั่งรอด้วยกันพูดขึ้น “หวังว่าพวกเขาจะตรวจหายาได้เร็วๆ นะขอรับ”
“ข้าก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน” เด็กหนุ่มผมดำรับ
“ข้าไม่อยากให้ท่านดูลัสแพ้เลยขอรับ ยังคิดอยู่ว่าเขาจะได้สู้กับท่านคาเฮียร์ในรอบชนะเลิศแน่ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยลอยๆ
“แต่ท่านกับคาเฮียร์ก็สู้กันอย่างยุติธรรมแล้วนี่...แล้วท่านก็เอาชนะมาได้”
“ก็อย่างที่บอกอาจารย์ขอรับ” เฟลิมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะยักไหล่ “ข้าแค่ลองสู้เต็มที่ดู แล้วอาจารย์ก็สอนกลวิธีให้เป็นพิเศษด้วย ท่านคาเฮียร์คงคาดไม่ถึง เพราะทางดาบข้าเป็นแบบนักรบทะเลทรายเหมือนอาจารย์มากกว่า”
ประตูเปิดโดยไม่มีเสียงเคาะ รูอาร์คก้าวสวบๆ เข้ามาในห้อง หยิบห่อกระดาษออกจากเสื้อคลุมสองห่อ วางห่อที่ดูใหญ่กว่าบนโต๊ะตรงหน้าเฟลิม ตามด้วยผ้าเล็กๆ สีขาวพับหนึ่ง
“ให้ตาย...เกิดพวกทหารหาว่าข้าเอาของต้องสงสัยเข้าวังละยุ่งแน่” เด็กหนุ่มผมแดงโยนห่อกระดาษที่เล็กกว่าให้อาเมียร์ “นี่ของที่อาจารย์สั่งมา แล้วนี่แซนด์วิชของพี่เฟลิม แบนช้ำไปหน่อยขออภัย แอบเอาเข้ามาได้นี่นับว่าโชคดีแล้ว”
“ขอบใจ” เฟลิมคลี่ห่อกระดาษ หยิบขนมปังประกบเนื้อกับผักในนั้นมากินอย่างไม่เกี่ยงงอน ส่วนเด็กหนุ่มผมดำตรวจดูสมุนไพรว่าได้ตรงตามคำสั่ง ครั้นเรียบร้อยแล้วก็มองห่อผ้าขาวที่รูอาร์คกำลังคลี่ออกมาด้วยความสงสัย
“นั่นอะไรหรือ รูอาร์ค”
“เครื่องรางนำโชค เห็นยายคนทรายที่เป็นแม่ค้าบอกว่าหลานแกเจอตั้งสี่ใบ สี่คูณสี่ก็ยิ่งอภิมหานำโชคน่ะสิ”
“ใบแชมร็อคนี่นะ” ผู้พูดคือเฟลิม ซึ่งเพิ่งกลืนแซนด์วิชคำแรกลงคอ “มีคนเจอใบสี่แฉกพร้อมกันถึงสี่ใบ...แถมในเมืองหลวงด้วยหรือ เหลือเชื่อ”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” รูอาร์คพูดอย่างภูมิใจ แล้วคลี่ออกให้ดูจะๆ “แกบอกไม่ขาย แต่พอซื้อของนิดหน่อย แกก็แถมให้ เลยว่าเอามาให้พี่พกนำโชคก็ดี”
“ใบแชมร็อคสี่แฉกเป็นอย่างนี้เองหรือ ข้าเพิ่งเคยเห็น” อาเมียร์ชะโงกเข้ามาดูใกล้ๆ ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาแตะมันดู...พลันร้อนวูบที่ปลายนิ้วจนสะดุ้งเฮือก เด็กหนุ่มชักมือออก ยิ่งเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าใบแชมร็อคนั้นค่อยๆ ไหม้กลายเป็นสีดำ แต่ไม่มีเปลวไฟ สุดท้ายก็เหลือเพียงเขม่าบนผืนผ้าขาวที่มีรอยไหม้เช่นกัน เฟลิมกับรูอาร์คจ้องตาค้าง
“อาจารย์! อาจารย์ทำอะไร!!” เด็กหนุ่มผมแดงเพิ่งร้องเสียงหลงจริงๆ เป็นครั้งแรก
“ม...ไม่รู้” อาเมียร์สั่นศีรษะ เขาเองตกใจมากเช่นกัน “ข้า...ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
รูอาร์คหยิบใบแชมร็อคที่เหลือหนึ่งในสองใบขึ้นมาพลิกดู บี้ในมือแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มผมดำ
“เจ้าจะทำอะไร” อาเมียร์ไม่ยอมรับมันไป และถามอย่างประหลาดใจ
“ลองดู อาจารย์ มันจะเป็นอย่างใบนั้นอีกหรือเปล่า”
คนถูกบอกให้ลองดูไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็อยากรู้เช่นกัน...และทันทีที่ใบไม้นั้นร่วงลงบนมือของเขา อาเมียร์ก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอีก ใจของเขาสั่นอย่างประหลาด ขณะที่มันไหม้คามือจนกลายเป็นขี้เถ้า ทว่าพอสะบัดคราบดำที่เหลืออยู่ออกไป ผิวตรงนั้นก็ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีรอยแดงหรือแผลพุพองแม้แต่นิดเดียว
“อาจารย์ไปทำอะไรมา” รูอาร์คตั้งคำถามอีกครั้ง “เล่นกลเป็นด้วยหรือ”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” เด็กหนุ่มผมดำยืนกราน “พอแตะถูกมัน มันก็ไหม้เอง”
เด็กหนุ่มผมแดงหยิบแชมร็อคใบที่สามขึ้นมา แล้วตรงไปที่เหยือกน้ำดื่มข้างถาดอาหาร เทน้ำรดมือตนเองกับใบไม้จนชุ่ม
“ลองอีกทีซิ”
อาเมียร์แตะใบแชมร็อคบนมือของรูอาร์ค เจ้าตัวแสบพลันร้องเสียงดังจนเขาตกใจ ซ้ำสะบัดมือเร่าๆ ใบไม้ร่วงลงบนพื้นหินขัด ไหม้เป็นเขม่าตามสองใบแรก ควันพวยพุ่งฟู่เมื่อน้ำระเหยเป็นไอ เด็กหนุ่มผมแดงวิ่งไปเทน้ำในเหยือก ราดมือตนเองจนหกเลอะพื้นพลางสูดปาก
“ข...ข้าขอโทษ” เด็กหนุ่มผมดำตัดสินใจพูด ทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตนทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างไร
“อาจารย์ไม่รู้สึกร้อนเลยหรือ!” รูอาร์คหันมาตั้งคำถาม
“ก็...นิดหน่อย แต่...มันไม่เห็นจะลวกมือข้าเลย”
“หมายความว่า...มือของอาจารย์ร้อนจนเผาใบไม้กับทำให้น้ำเดือดได้ แต่อาจารย์ไม่รู้ตัวเลยหรือขอรับ!” เฟลิมซึ่งวางแซนด์วิชค้างไว้นานพูดขึ้นบ้าง
“ไม่ใช่แน่ๆ” อาเมียร์ค้านเสียงแข็ง แล้วก็ตรงไปยังที่วางเหยือก รูอาร์คหลีกทางให้เขาทันควัน เด็กหนุ่มผมดำรินน้ำใส่มือของตน ยังรู้สึกว่าน้ำนั้นเย็นตามปกติ และไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นอกจากมันไหลซึมลงไปตามร่องนิ้ว
“ข้าไม่ได้ทำให้น้ำเดือด” เขาสรุป “แต่...ดูเหมือนถ้าแตะใบไม้นั่น มันจะร้อนจนไหม้คามือจริงๆ”
“งั้นมันเป็นใบไม้ประหลาด...หรืออาจารย์เป็นมนุษย์ประหลาดกันแน่” รูอาร์คทำสีหน้าบอกไม่ถูก “เพราะข้าเอามันมาถึงนี่ก็ไม่ยักเกิดอะไรขึ้นเลย”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าไม่ใช่คนหรือ!” อาเมียร์พูดเสียงขุ่นทันควัน “ไว้พูดตอนข้ามีเขางอกขึ้นมาต่อหน้าเจ้าเถอะ!!”
รูอาร์คกับเฟลิมชะงัก ขณะที่เด็กหนุ่มรวบรวมสติบอกตนเองให้สงบอารมณ์ เขาก็แค่รู้สึกไม่ดี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาต้องฟังเรื่องเล่าลือว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กับเสด็จอา รวมทั้งตัวเขาเองไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นปีศาจ...เป็นบุตรของเทพแห่งความมืดผู้ชั่วร้ายที่ต้องถูกกวาดล้างกำจัด
“ข้าขอโทษ” อาเมียร์กลั้นใจพูด “ข้า...แค่อารมณ์ไม่ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใบไม้พวกนี้ถึงไหม้บนมือข้า”
รูอาร์คหัวเราะเฝื่อนๆ
“อาจารย์ลองฝึกเล่นแร่แปรธาตุดูสิ อาจจะไปรุ่งก็ได้”
“ข้าว่า...นี่น่าจะเป็นใบไม้ประหลาดนะขอรับ” เฟลิมก้มมองแชมร็อคใบสุดท้ายที่เหลืออยู่โดยไม่แตะต้อง “บางที...มันอาจจะไหม้ในมือของคนบางคนก็ได้ แต่...อย่างนี้ก็เหมือนเวทมนตร์เลย”
“ข้าคิดว่าเราไม่ควรแตะต้องมันจริงๆ” เด็กหนุ่มบอกตามตรง พลันสังหรณ์ไม่ดีกับใบแชมร็อคนี้อย่างบอกไม่ถูก “เดี๋ยวข้าจะเอามันไปทิ้ง”
“ก็ได้ ว่าแต่อาจารย์ช่วยดูนี่ด้วยแล้วกัน” รูอาร์คพยักหน้าหงึกหงัก แล้วหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ เป็นสร้อยลูกปัดและกำไลแบบชาวทะเลทราย “นี่ของที่ข้าซื้อมาจากยายคนนั้น ช่วยดูหน่อยว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เกิดข้าเอาไปให้คนที่ข้าอยากให้ แล้วมันมีมนต์เสน่ห์ทำให้นางรักข้าเต็มเปาในทันทีก็จีบไม่ลุ้นพอดี”
“เจ้านี่!” เด็กหนุ่มผมดำเอ็ด “ข้าไม่ใช่พ่อมดสักหน่อย! แล้วเรื่องแบบนี้ยังมาพูดเล่นได้อีก!”
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ทั้งสามเงียบทันควัน
“พ่อเอง เข้าไปได้ไหม”
“เชิญขอรับท่านพ่อ” เฟลิมตอบทันที
ท่านเบเรคเปิดประตูเข้ามา สีหน้าบอกความภูมิใจในตัวลูกชายเต็มที่
“รีบเตรียมตัวเสียนะ การประลองรอบสุดท้ายจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วยามหน้า”
“กับชาลัวห์หรือขอรับ” อาเมียร์กะพริบตาปริบๆ ครั้นชายวัยกลางคนพยักหน้า ก็ถามต่อ “แล้วดูลัส...พวกเขาไม่สืบหรือขอรับว่าดูลัส...ถูกโกงหรือเปล่า”
“เห็นจะไม่ต้องสืบต่อแล้ว หมอไม่พบร่องรอยของยาอะไรเลย ไม่มีหลักฐานว่าชาลัวห์โกง...ถึงจะดูไม่น่าเชื่อก็เถอะ” ชายวัยกลางคนยักไหล่ ปรายตามองถาดอาหารที่วางหลบไว้ตรงโต๊ะมุมห้อง กับแซนด์วิชที่มีรอยกัดค้างตรงหน้าเฟลิม “แต่ดีแล้วที่เจ้ารอบคอบไว้ก่อน เราไม่ควรเสี่ยงจริงๆ หากชาลัวห์ชนะย่อมไม่ดีต่อธีร์ดีเรแน่นอน คงต้องฝากหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้ว เฟลิม”
“...ขอรับ” อีกฝ่ายรับคำ แม้เสียงจะลังเล “ข้า...คงพูดไม่ได้ว่าจะไม่ทำให้ท่านพ่อหรือใครๆ ผิดหวัง แต่จะพยายามให้ดีที่สุดขอรับ”
“ดีแล้ว แค่พยายามก็พอแล้วลูก” ท่านเบเรคยิ้มอ่อนๆ “เท่านี้พ่อก็ภูมิใจในตัวเจ้ามากแล้ว”
ทั้งสี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจหยิบแซนด์วิชขึ้นมารับประทานต่อ
“เดี๋ยวพ่อกลับที่นั่งดีกว่า...ถึงจะไม่อยากฟังคาลวาห์พล่ามอวดสรรพคุณลูกชายก็เถอะ ตามสบายนะทุกคน ขอให้เจ้ามีชัย เฟลิม”
หลังท่านเบเรคออกไปจากห้อง อาเมียร์ก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ บังคับตนเองไม่ให้ถอนใจเฮือกใหญ่ เขาไม่รู้ว่าชาลัวห์ใช้วิธีสกปรกอะไร แต่หากจับกลโกงของมันไม่ได้ทั้งๆ ที่เห็นพิรุธอยู่ทนโท่...มันก็น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว
“อาจารย์...” เฟลิมเรียกเบาๆ
“ท่านเฟลิมต้องเล่นงานมันให้หนัก” อาเมียร์พูดเสียงแข็ง “เอาให้มันขายขี้หน้าอย่าได้ผุดได้เกิดเลย ข้าจะช่วยท่านวางแผนเอง”
* * * * *
“ไอ้คางคกนั่น...” ชายชราซึ่งอยู่ใกล้ดูลัสที่นอนบนเตียงคำราม “มันใช้วิธีสกปรกอะไร”
ข้อนี้องครักษ์หนุ่มตอบพ่อของตนไม่ได้ เขามั่นใจว่าตนกับเกอร์มอนระแวดระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่มแล้ว ทั้งยังตรวจชุดเกราะอาวุธถ้วนถี่ ถึงอย่างนั้น เมื่อกรรมการเรียกตัวเขากับชาลัวห์ออกไป ดูลัสก็ปวดศีรษะและวิงเวียนอย่างประหลาด เขาพยายามข่มอาการไว้สุดความสามารถ...แต่ก็ไม่เป็นผล และพ่ายแพ้อย่างไม่น่าให้อภัย...
หลังจากนั้น หมอเข้ามาตรวจอาการของเขาอย่างละเอียด แต่ก็ดูเหมือนอาการเหล่านั้นหายดีเป็นปลิดทิ้งทันทีที่เขาถอดชุดเกราะเข้ามานอนพัก หมอยืนยันว่าไม่พบร่องรอยหรือผลตกค้างของยาชนิดใด ทั้งที่ใครๆ เห็นพ้องกันว่าการประลองดูผิดปกติ แม้แต่เจ้าหญิงแอชลีนน์ ซึ่งไม่อาจเสด็จมาเยี่ยมเขาด้วยพระองค์เอง แต่ก็ทรงมีน้ำพระทัยส่งนางกำนัลคนสนิทมา
เคียราคงเสียใจมาก หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถามเขาซ้ำๆ ว่าเป็นอะไรมากไหม เธอกำชับหมอให้ตรวจดีๆ และแสดงความห่วงใยด้วยการถามอาการเขาเอง บวกกับเสนอวิธีพยาบาลสารพัดอย่าง ออกจะเป็นความหวังดีที่วุ่นวายเกินไป จนสุดท้ายดูลัสต้องบอกเธอว่าเขาไม่เป็นอะไรมากและอยากพักผ่อนเงียบๆ เธอจึงได้ยอมกลับ และเมื่อหมอออกไปแล้ว บัดนี้ในห้องก็เหลือเพียงเขา เกอร์มอน ท่านพ่อ กับมาดาย นักบวชที่ติดตามท่านพ่อ อันเป็นชายชราร่างผอมสูง สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว สีเดียวกับผมและหนวดเคราสั้นราวต้นคอ
บัดนี้นักบวชชราหันมองไปมาโดยรอบ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบเย็น
“ข้าคิดว่า...ข้าสัมผัสเวทมนตร์ได้จากบริเวณนี้”
“เวทมนตร์...หรือ” ท่านพ่อหันไปถามทันควัน “พวกมันใช้เวทมนตร์ทำให้ลูกข้าแพ้หรือ”
“อาจเป็นได้ แต่ข้าต้องดูต้นตอของเวทมนตร์ก่อนว่าเป็นสิ่งใด” ชายชุดขาวหันศีรษะไปมา ก่อนจะตรงไปยังชุดเกราะและเสื้อผ้าที่ดูลัสสวมตอนประลอง ซึ่งวางเรียงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วหยิบถุงผ้าเล็กๆ ในนั้นขึ้นมา “หากสัมผัสของข้าไม่ผิด...วัตถุที่มีพลังเวทมนตร์อยู่ในนี้”
“นั่นมัน...” ดูลัสชันกายขึ้นนั่งแล้วขมวดคิ้ว
นิ้วเรียวของมาดายคลายเกลียวด้ายที่ปากถุง แล้วคว่ำมันลง ใบแชมร็อคทั้งสี่ทยอยร่วงลงบนฝ่ามือของเขา ดูลัสเห็นเปลวไฟสีฟ้าลุกพรึบบนมือเหี่ยวย่น เผาแชมร็อคทุกใบจนกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา
“มันรู้ทัน...กำกับมนตร์ทำลายมาด้วย หากถูกสัมผัสด้วยผู้มีเวทมนตร์เหมือนกัน จะได้ไม่อาจเก็บไว้พิสูจน์หลักฐาน” มาดายเปรย “อาคมสะกดแรงมาก ท่านไปได้พวกมันมาจากที่ใด”
“...มีคนมอบให้ข้า” องครักษ์หนุ่มตอบเลี่ยงๆ “เป็นเครื่องรางนำโชค แต่ข้าไม่คิดว่าคนคนนั้นรู้เรื่องนี้ เขา...เป็นคนที่ข้าเชื่อว่าไว้ใจได้”
“ถึงไว้ใจได้ก็ต้องระวัง ไม่สิ...เพราะยิ่งไว้ใจต่างหาก จึงต้องระแวงให้จงหนัก” ท่านพ่อผู้เข้มงวดไม่วายพูดเสียงเครียด “มันเป็นใคร จงบอกมา”
“ข้าทราบ” ชายหนุ่มรับ “แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ท่านอย่าสงสัยเลย ข้าจะไปถามเขาเองว่าได้พวกมันมาจากไหน ไม่ต้องห่วง แต่เรื่องเวทมนตร์...ท่านมาดายคิดว่าเราจะพิสูจน์ได้ไหม ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เวทมนตร์ในการโกง”
ดูลัสถาม ทั้งๆ ที่ตนเองยังคิดว่าเป็นไปได้ยาก เขาไม่เคยเชื่อเรื่องเวทมนตร์...ในเมื่อไม่เคยเห็นกับตาจนถึงเมื่อครู่ และต่อให้ชาวธีร์ดีเรส่วนมากเชื่อเรื่องแบบนี้ หากไม่มีหลักฐานชัดเจน จะยืนยันให้ผู้สำเร็จราชการและขุนนางทั้งหลายเชื่อได้อย่างไร
มาดายปัดเศษขี้เถ้าจากมือ แล้วโคลงศีรษะ
“หากไม่มีหลักฐานให้นักบวชผู้รู้อาคมตรวจสอบ ก็เห็นจะไม่ได้ ข้าขออภัยที่ประมาท ไม่ได้ร่ายมนตร์ล้างอาคมทำลายเสียก่อน แต่หากได้วัตถุเวทมนตร์อย่างเดียวกันมาปลดอาคมทำลาย...ก็อาจมีหวัง”
“หมายความว่าคาดหวังไม่ได้เลย” ท่านพ่อพูดขึ้น
“อย่าร้อนใจ ท่านแฟคท์นา” มาดายติงด้วยเสียงเรียบๆ “ชะตาลิขิตเป็นเช่นไร วิถีของทุกผู้คนย่อมเดินตามนั้น ท่านวางใจเถอะ”
แตรสัญญาณดังแว่วมา บอกว่าการประลองรอบสุดท้ายจะเริ่มในไม่ช้า ดูลัสลุกจากเตียง แต่งกายให้เรียบร้อย เกอร์มอนหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่มาสวมให้ตามหน้าที่
“เอาเถอะ ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ก็อย่ากังวลเลย” เขาบอกตนเอง ให้ข่มอารมณ์อันขุ่นมัวเป็นที่สุดไว้ด้วยเหตุนั้นเช่นกัน “ข้าจะไปดูการประลอง ไม่แน่...หากลูกชายมังกรน้ำมีอาการเดียวกัน เราอาจมีหวังคัดค้านผลการประลองได้มากขึ้น”
“เจ้าคิดจะร่วมมือกับพวกมันหรือ” ท่านพ่อถาม “พวกมันเชื่อถือได้เท่าไรกัน”
“เพื่อกำจัดศัตรูที่อันตรายที่สุดในตอนนี้...ก็ต้องทำ” องครักษ์หนุ่มตอบง่ายๆ “ถ้าจำเป็น ค่อยตลบหลังพวกมันได้ไม่ใช่หรือ”
ชายชราไม่พูดอะไรอีก แต่มองเขาด้วยสายตาเห็นด้วยเต็มที่ บวกชื่นชมที่ลูกชายนำคำสอนของตนมาใช้
* * * * *
ดูลัสออกจากห้อง มีเกอร์มอนตามไปเพียงคนเดียว ทิ้งบิดาของตนไว้กับผู้รู้อาคม ครั้นไปตามทางเดินเพียงไม่นาน เขาก็พบคนที่ไม่ได้คาดว่าจะพบ
“ท่านดูลัส” อีกฝ่ายทักเขาก่อน “หายดีแล้วหรือ”
ดูลัสมองเด็กหนุ่มชาวทรายผู้ถาม สีหน้าของมันบอกความห่วงใยอย่างจริงใจ...เกินกว่าจะเป็นเสแสร้ง
“ก็อย่างที่เห็น”
อาเมียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“ข้า...เสียใจด้วย ข้าหวังว่าท่านจะชนะแท้ๆ”
“ขอบใจ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ “แล้วไม่ไปให้กำลังใจนายเจ้าหรือ”
“ข้ากำลังจะไป”
ดูลัสมองคนตอบ สังเกตเห็นอีกฝ่ายถือผ้าสีขาวบางไว้ในมือ มีบางสิ่งอยู่ด้านบน...มองแวบๆ เป็นแผ่นเล็กสีเขียวมัว
“นั่นอะไร”
“อ้อ ไม่มีอะไร” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ “แค่เศษขยะ ข้าจะนำไปทิ้ง”
ชายหนุ่มปราดไปข้างหน้า ครั้นเห็นใบสี่แฉกถนัดตา เขาก็รีบยื่นมือไปคว้าโดยไม่คิดอะไรอีก
“เอามานี่!”
อาเมียร์ปัดป้องทั้งๆ ที่ดูตกใจ ครั้นดูลัสแย่งผ้าขาวมาได้ก็พบเพียงรอยดำบนนั้น องครักษ์หนุ่มก้มลงมองพื้นหินโดยรอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ตนตามหาอยู่
“ใบแชมร็อค...ใบแชมร็อคนั่นอยู่ไหน!” เขามองอีกฝ่ายอย่างแข็งกร้าว “เจ้าเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน!”
“ใบแชมร็อคอะไรกัน” เด็กหนุ่มตอบอย่างสงบขึ้น พร้อมกับแบมือที่มีคราบเขม่าเล็กน้อยให้เขาดู “ผ้านี่เปื้อนเขม่า ข้าถึงจะเอาไปทิ้ง ท่านตาฝาดกระมัง”
ชายหนุ่มเห็นคราบเขม่ารูปร่างคล้ายใบแชมร็อคสี่แฉกบนมือนั้น และรู้สิ่งที่มันไม่ได้พูดในทันที เขาบอกตนเองให้สงบอารมณ์ ตอบเรียบๆ เช่นกัน
“ขอโทษ ข้าคงตาฝาดไปเอง”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจว่าท่านคงระแวงเรื่องยา ข้าเชื่อว่าท่านถูกวางยาจริงๆ คณะกรรมการคงจะสืบสวนต่อ—“
“อาจไม่ใช่ยาก็ได้” องครักษ์หนุ่มพูดทันควัน พร้อมกับมองอีกฝ่ายหาพิรุธเพิ่มเติม
“หมายความว่าอย่างไร” อาเมียร์ยังดูงุนงงและซื่อ จนเขาไม่อยากเชื่อว่ามันแสดงละครเป็นคนดีได้แนบเนียนเสียเหลือเกิน
“ช่างเถอะ ข้าจะรีบไปดูการประลอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่านายของเจ้าจะไม่แพ้แบบเดียวกับข้า”
ว่าแล้ว ดูลัสก็ก้าวยาวๆ จากไปกับเกอร์มอน ทิ้งเด็กหนุ่มไว้ที่เดิม
ไม่นึกเลยว่ามันจะอันตรายกว่าที่คิด แต่มันอยู่ฝ่ายใคร...นั่นคือคำตอบที่เขาต้องรู้ให้ได้จากผลการประลองครั้งนี้
* * * * *
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 54 19:21:49
|
|
|
|