บทที่ 18 หนี หลังจากได้พูดในสิ่งที่อยากพูดมานานก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาคิดอีกครั้งว่าจะเอาไงดีเพราะตอนนี้สิ่งที่ควรทำให้ทิพย์จริงๆก็ได้ทำไปแล้ว
แต่สิ่งที่ต้องทำเพื่ออนาคตตัวเองตอนนั้นมันสายไปเพราะเราไม่ได้ตั้งใจเรียนมันแต่แรกโอกาสที่จะได้ตามไปคงเป็นไปไม่ได้ 1.76คือเกรดในตอนนั้นไม่โดนหมดสภาพนักศึกษาก็บุญมากแล้วตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนรู้กันมากแค่ไหนแต่ส่วนหนึ่งไม่อยากให้เพื่อนมาเศร้ากันตอนท้ายว่าผมกับทิพย์ต้องแยกกัน คิดออกแค่เพียงทางเดียวคือต้องให้ทิพย์ไปลองตามที่ฝันเพราะเรื่องตอนท้ายๆที่ได้ยินมาจะลองไปเรียนต่อแพทย์ที่นั้นก็ควรให้เขาไปแล้วถ้ายังไงตอนรับปริญญาค่อยว่ากันอีกทีแต่ที่ลำบากก็คือผมได้พูดไปแล้วว่ารักเขาจะให้เขาไปโดยคบกันอยู่ก็คงไม่ไหวเพราะคงมีปัญญาแค่ซื้อตั๋วขาไปเพราะบ้านก็พอมีพอใช้ไม่รวยมาก พอกลับมาถึงหอที่เชียงใหม่ก็โดนเพื่อนเรียกไปคุยกันแถวลานจอดมอร์เตอร์ไซด์แล้วทิพย์ก็เดินมาเพื่อจะคุยไม่ได้เขินเกินหรืออะไรแต่ต้องรับถอยไปจากตรงนั้นครับแม้จะทำให้ดูเป็นคนไม่ดีแค่ไหนก็ตาม พอตอนนี้ก็ย้ายออกจากหอคณะครับเพราะแจวจะย้ายไปอยู่ห้องอื่นกับแฟนตัวเองแต่ห้องที่เคยเช่ายังติดค่าประกันตกลงกันไม่ได้เพราะน้องที่อยู่ด้วยไม่อยากออกแต่ไม่มีเงินจ่ายคืนก็เลยไม่รู้จะทำไงให้ผมไปอยู่แทนและผมเองจริงๆก็จะย้ายออกเพราะทะเลาะกับปิ๊กที่เป็นรูมเมทอีกคน การมาเช่าหอนอกอยู่ก็ไม่ทำอะไรวันๆนั่งเล่นคอมไปเรียนแล้วก็กลับห้องไม่ขอคบใครให้สนิทมากเกินเพราะอยากให้เพื่อนๆไปดูแลทิพย์มากกว่า พอมาเริ่มเรียนก็โดนอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกพบอาจารย์พยายามมากอยากให้ผมเรียนจบเพราะเป็นห่วงเกรดผมและอีกเรื่องคือผมใช้อาจารย์ที่ปรึกษาเปลืองมากอาจารย์คนปัจจุบันเป็นคนที่ 4 แล้วตั้งแต่ผมเข้าเรียนมา
อาจารย์เรียกผมไปหลายทีจนอาจารย์ถามมาว่าถามจริงไม่กังวลบ้างเหรอว่าจะไม่จบเพราะเห็นเธอดูสบายใจมาก อาจารย์ครับถ้าผมทำหน้าตากังวลแล้วมันจะทำให้คนที่เป็นห่วงและรักผมสบายใจผมก็จะทำครับ แต่ที่ผมรู้ผมยิ่งทำท่าไม่สบายใจคนที่รักผมเขาคงไม่สบายใจ ผมตอบออกไปอย่างนั้นเพื่อให้รู้ว่าจริงๆผมก็ไม่สบายใจ พอเปิดเรียนปอก็มีปัญหาเรื่องของการเงินเล็กน้อยคือเงินหมุนไม่ทันเลยมายืมเงินกับผมไปใช้ก่อนประมาน 1 อาทิตย์แล้วคืนผมก็ให้ไปและได้คืนตอนสิ้นเดือนตามที่บอก ต่อจากนั้นไม่นานปีนี้มีการจัดสัมมนาประจำเมเจอร์ซึ่งอาจารย์บอกว่าจะมีจัดอยู่ทุก 4 ปีเพื่อดูความเหมาะสมของวิชาการเรียนและได้ไปจัดที่เกษตรโครงการหลวงครับอากาสดีมากๆสวยด้วย
แต่การจัดก็ออกเป็นวิชาการมีพี่มาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานทุกอย่างก็เป็นแบบวิชาการจนตกเย็นก็เกิดเรื่องครับคือมีคนบอกว่าปอขโมยเงินเพื่อนไปใช้ประมานเดิมๆคือปอโดนด่าว่าไม่ดีก็เลยไปฟังด้วยเผื่อจะช่วยเพื่อนได้ ตอนแรกก็เป็นเรื่องเหมือนมีคนเงินหายแล้วก็มีคนสงสัยว่าปอจะขโมยเงินก็เลยไปช่วยไกล่เกลี่ยเพราะปอมีปัญหาก็จะมายืมผม
ถามไปถามมาก็สรุปเรื่องมาว่าเงินเป็นของทิพย์ที่หายไปแต่ที่แน่ๆผมมองไปที่หน้าทิพย์ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริงแต่จริงๆคืออยากรู้ว่าปอมีอะไรกับผมหรือเปล่าเรื่องเงินอาจเอาไปใช่อะไรแล้วลืมก็ไม่แน่แต่ที่แน่ๆคือยิ่งปกป้องปอยิ่งโดนหนักขึ้นเลยต้องเดินออกจากตรงนั้นไป ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะแกก็รู้ว่าฉันมีอะไรก็ยืมแก
ปอเดินตามมาแล้วอธิบายกับผม ฉันรู้
ที่ตอบไปเพราะรู้แล้วว่าเพื่อนเริ่มสงสัยว่าปอเป็นสาเหตุหรือเปล่าที่ผมไม่ยอมไปดีกับทิพย์แต่ก็ไม่บอกปอ
พอหลังจากนั้นก็เลยต้องห่างจากปอกว่าเดิมซักหน่อยพยายามให้ทุกคนรู้ว่าผมกับปอแค่เพื่อนและที่ปอมาเดินกับผมเพราะเพื่อนๆไม่ค่อยมีใครคบกับปอ กลับมาจากงานสัมมนานั้นก็เลยต้องเจอกับปอให้น้อยลงเพราะไม่งั้นปออาจโดนหนักมากกว่านี้จากความไม่พอใจของทิพย์ การเรียนเทอมนี้มีวิชาการถ่ายภาพขั้น 2 ซึ่งเกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบของภาพให้สวยเพื่อถ่ายภาพออกมาดูไม่น่าเกลียดในสายตาหมอและก่อนจะให้ถ่ายภาพอาจารย์ก็ให้หัดวาดภาพก่อนโดยภาพแรกเป็นภาพผลไม้บนโต๊ะ แน่นอนผมก็นั่งตรงข้ามกับทิพย์เหมือนเดิมแต่สิ่งที่ผมวาดออกมาเป็นภาพผลไม่เล็กๆอยู่กลางกระดาษเพราะสิ่งที่ผมโฟกัสมันจริงๆคือทิพย์ที่อยู่ตรงกันข้ามและถ้าผมวาดรูปเก่งแล้วอาจารย์ไม่เอาภาพโชว์ให้เพื่อนๆผมคงจะวาดรูปทิพย์ไป ภาพที่ 2 คือบ้านของฉันผมก็วาดเป็นแผนที่ประเทศไทยครับแล้วก็เขียนจุดลงไปที่แถวๆกรุงเทพแล้วเขียนบ้านผมแล้วก็เขียนตรงภาคเหนือว่ามหาวิทยาลัยเกือบจะเขียนลงไปว่านครปฐมอยู่ข้างๆมาไกลเหมือนกันแล้วก็คิดแค่ว่าในประเทศไทยยังห่างขนาดนี้แล้วอเมริกาจะห่างขนาดไหน
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 54 22:07:19
|
|
|
|