10 นิทานนางฟ้า
แก๊งกระบือเจ๊ ไม่มีใครรู้เรื่องที่น้อง (เห็ด) นางฟ้าสามารถกลายร่างเป็นคนได้ โชคดีที่ไอ้สิงโตไม่ได้เที่ยวป่าวประกาศบอกสิ่งที่มันเห็นออกไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันเข้ากับควายตัวอื่นไม่ได้ หรือว่ากลัวโดนหาว่าบ้า แต่ที่ฉันสะใจที่สุดคือ เดี๋ยวนี้มันไม่กล้ามาซ่ากับฉันอีกเลย เจอหน้า มันก็รีบวิ่งหนีหางจุกไปหลบหลังต้นไม้ปลายนาโน้น...น! อะโด่ว ไม่แน่จริงนี่หว่า กิ๊วๆ แบ...ร่!
ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในโลกอดีตอยู่ในร่างน้องบือ จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกกว่า เว้นแต่เวลาหิว ต้องพึ่งพาปั้นเมฆคืนร่างเดิมแล้วซ่อนตัวอยู่เฉพาะในยุ้งข้าวเท่านั้น
ควายแปลกหน้าอย่าง เจ้าชมพู ตัวนี้ นายทิตย์กับนางฝนเห็นจนชินเสียแล้ว โผล่มาทีไร ลูกชายก็ดีใจกอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกับมันเหมือนสัตว์เลี้ยงหมาแมว
เจ้าของมันคงทิ้งแล้วล่ะ ก็น่าอยู่หรอกนะ เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่โต ใช้งานอะไรก็ไม่ได้ อยู่ไป ก็เปลืองฟางเปลืองหญ้าเปล่าๆ โฮ... ฉันดูไร้ค่าแม้แต่ตอนเป็นควายเลยเหรอเนี่ย กาซิกๆ
แต่พวกเขาก็ไม่ไล่ฉันไป
ดีเหมือนกัน มาเป็น ควายของเล่น ของเจ้าเมฆ ไว้พ่อจะทำแอกอันเล็กๆ ใส่หลังมันให้เจ้าเมฆใช้ฝึกไถนา เวรกรรม! เป็นควายของเล่น? ศักดิ์ศรีของฉันกระเด็นไปไหนแล้วไม่รู้
สองสามีภรรยาเคยพยายามจับฉันสนตะพายใส่คอกไว้กับควายตัวอื่นๆ แต่ฉันไม่ยอม วิ่งหนีขึ้นไปหลบอยู่ในยุ้งข้าว แถมเจ้าลูกชายยังส่งเสริมความกระแดะ เสียสละยกเอาที่นอนหมอนมุ้งของเขามาให้เจ้าชมพูนอนในยุ้งด้วย คุณฝนแอบหมั่นไส้ แน่ล่ะ คงไม่มีชาวนาเลี้ยงควายแบบคุณหนูเลี้ยงหมาพุดเดิ้ลกระแดะมีที่นอนในบ้านอย่างที่ปั้นเมฆเลี้ยงฉันเป็นแน่ แต่ด้วยความที่หล่อนรักและตามใจลูกชาย ก็เลยต้องเย็บที่นอนใหม่ให้เขาแทนอันเก่าซึ่งถูกฉันยึดไว้ใช้นอนค้างคืนในโลกอดีต
แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องแอร์เย็นฉ่ำ แต่อากาศในท้องนาที่นี่บริสุทธิ์สะอาด ถึงจะร้อน ก็ไม่ได้ร้อนอย่างในกรุงเทพฯ ยุคโลกร้อนที่ฉันจากมา ถึงจะไม่มีเตียงนุ่มนิ่มนอน แต่แค่เบาะบางๆ ผืนเล็กขนาดเด็กนอนที่เจ้าปั้นเมฆมอบให้ ก็ยกระดับคุณภาพชีวิตกระบือน้อยอย่างฉันมากมายแล้ว
ลืมตาตื่นขึ้นมาทุกเช้าที่ได้อยู่ในมิตินี้ ฉันก็เริ่มคุ้นเคยกับการถูกปลุกด้วยเสียงไก่ขัน นกร้อง และลมพัดทิวไผ่ที่ปลูกอยู่รอบๆ ยุ้งข้าวจนกิ่งใบไหวเสียดสีกันเกิดเป็นเสียงซ่าๆ เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง... ฉันมักจะขดตัวนอนอยู่นิ่งๆ ต่ออีกพักใหญ่ เพื่อดื่มด่ำกับความสงบสุขแบบเรียบง่ายของยุคสมัยที่กระแสไฟฟ้ายังมาไม่ถึง
ทุกครั้งหลังอาหาร ฉันในร่างหญิงสาวไม่อาจตัดใจกลายเป็นน้องบือได้ในทันที เพราะ สงสารปั้นเมฆ เขาติดพี่นางฟ้ามาก อาจเป็นเพราะว่าฉันแตกต่างจากใครอื่นๆ ที่เขารู้จัก เล่นกับฉันมันน่าตื่นเต้นจะตายไป ถึงฉันจะพูดไม่เป็นประโยค แต่ฉันก็ชอบมีเรื่องราวแปลกๆ นิทานสนุกๆ มาเล่าให้เขาฟังเสมอ โดยการวาดรูปประกอบด้วย (ฉันไม่ได้แต่งนิทานพวกนั้นเองหรอกค่ะ จริงๆ ต้องขอบคุณโดเรม่อน วอล ดีสนีย์ และการ์ตูนอื่นๆ ในสมัยของฉันมากกว่า) เขาชอบการ์ตูนที่ฉันวาดมาก ฉันก็เลยลองสอนเขาวาดรูปและปั้นดินเหนียว แล้วก็ได้เห็นแววศิลปินของเขาเช่นกัน
ฉันต้องทั้งปลอบทั้งขู่อยู่นาน กว่าจะไล่เขากลับบ้านได้แต่ละที ไม้ตายของฉันก็คือ
ถ้า (เมฆ) ไม่กลับบ้าน (พี่นางฟ้า) จะไม่มาให้ (เมฆ) เห็นหน้าอีก ฉันขู่ด้วยภาษาไทยผสมภาษาใบ้
(คำที่อยู่ในวงเล็บ คือคำที่ฉันไม่ได้ออกเสียงแต่ใช้มือชี้ หรือ ทำท่าทางแทนนะคะ)
แล้วพี่นางฟ้าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ก่อนจากกัน เขาต้องน้ำตาซึมถามฉันด้วยประโยคนี้เสมอ ซึ่งฉันไม่เคยตอบเขาเลย เพราะฉันคำนวนเวลาของมิติทั้งสองหรือตั้งเวลาไปกลับไม่ได้ สุดแล้วแต่บุญนำกรรมส่ง
อีกนานต่อมา... ฉันถึงได้รู้ความจริงที่เขาสารภาพว่า ในสายตาของหนูน้อยปั้นเมฆนั้น...พี่นางฟ้าเป็นหญิงสาวแสนสวยคนพิเศษสุดของเขา ตั้งแต่ตอนที่เขายังไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าความรักคืออะไรด้วยซ้ำ ที่เขาชอบที่สุด คือการได้มาอยู่ใกล้ๆ ฉัน ฟังเสียงของฉันเล่านิทาน ดูมือของฉันที่กำลังขยับดินสอวาดรูป ไม่ใช่ติดใจเรื่องราวของ คอปเตอร์ไม้ไผ่ของโดเรม่อน อย่างที่ฉันเข้าใจ
แต่... สำหรับฉันในตอนนั้นก็แค่รู้สึกว่า ปั้นเมฆช่างน่ารักน่าชัง มีน้ำใจและใสซื่อจนทำให้คนอย่างฉันซึ่งไม่ใช่นางงามรักเด็กเลย กลับหลงติดลมอยู่ในโลกอดีตเพลินโดยไม่รู้ตัว
ฉันพยายามกลับมิติปัจจุบันบ้าง เพื่อให้ทัพพีเห็นหน้าเห็นตา เป็นโชคดีรึเปล่าไม่รู้ ที่ตั้งแต่ยัยแม่มดดำมา ตาทัพพีก็ดูแปลกๆ ไป ใจลอย ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เลยไม่ทันได้สนใจว่าฉันหายไปไหน บางทีฉันไม่กลับบ้านเป็นวัน เขาก็ไม่ถามถึง หรือว่าโดนยัยแม่มดดูดวิญญาณไปจนหมดแล้วก็ไม่รู้
ความจริงฉันก็เป็นเป็นห่วงตาทัพพีเหมือนกัน อยากรู้ด้วยว่าเขามีอะไรกับยัยแม่มด
พี่ปิ๋มเคยเห็นหนุ่มหล่อชื่อนำทัพพ์ไปที่บริษัทมั่งรึเปล่าคะ ฉันนึกขึ้นได้ว่า น่าจะลองสืบหาพยานดู อาจจะได้เรื่องอะไรบ้าง
อะไรน้า ฮาโหล... พูดดังๆ ซิ พี่ไม่ได้ยิน
เสียงเพลงดังสนั่นมาตามคลื่นโทรศัพท์มือถือเหมือนพี่ปิ๋มกำลังปาร์ตี้อยู่ ฉันดูนาฬิกา บ่ายโมงครึ่งวันอังคารซึ่งไม่ใช่วันหยุดราชการ
วันนี้พี่ปิ๋มไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิสเหรอคะ?
อยู่สิจ๊ะ พวกเราอยู่กันครบทุกคน เสียงสดใสซาบซ่าของพวกพี่ๆ คนอื่นๆ แทรกเข้ามา
ฮู่เร่ฮ่าๆ ...ที่ไม่อยู่น่ะ ยัยแม่โม๊ด
จี้อยู่ที่ไหนน่ะ มาแจมกันมั๊ย พวกเรากำลังแด๊นซ์กันอย่างเมามัน ฮาเรลูย่า!
ยัยแม่มดจอมโหดไปฮันนีมูนล่วงหน้ากกับว่าที่สามี ไม่อยู่ตั้งเป็นเดือน พวกเรามีความสุขที่สุดในโลกเล้ย... ซาละไบ
ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ายัยแม่มดเกิดกลับไปเห็นภาพในอ๊อฟฟิสตอนนี้ มันจะโป๊ะเช๊ะขนาดไหน อาจจะมีข่าวพาดหัว ตายอนาถยกบริษัท ก็ได้
กลับมาที่เรื่องสำคัญ หัวข้อที่ฉันโทรหาพี่ปิ๋ม...
เอ... นำทัพพ์เหรอ? ไม่มีนะ พี่ไม่เคยได้ยินชื่อเลย ต้องไม่อยู่ในรายชื่อหนุ่มๆ ในสต๊อคของยัยแม่มดแน่ๆ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบุคคล พี่ท่องได้หมดทุกคน หนุ่มคนไหนชื่ออะไร โปรไฟล์เป็นยังไง น้ำหนักส่วนสูงอกเอวสะโพก ใครยาวใครสั้นเท่าไหร่ พี่ปิ๋มจำได้หมด
จะว่าแปลกใจก็ไม่เชิง ฉันพอจะเดาได้รางๆ แล้วว่าคงได้คำตอบประมาณนี้จากพี่ปิ๋ม หลานชายฉันไม่มีคุณสมบัติร่วมอะไรเลยกับพวกหนุ่มโปรไฟล์ไฮโซสุดโคตรเฟอร์เฟ็คเหล่านั้น ที่สำคัญ ดูจากลักษณะการดูดวิญญาณแล้วก็รู้สึกว่า เขาต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับยัยข้าวขวัญซับซ้อนกว่านั้นมาก
ยัยแม่มดถึงแม้จะทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าสังเกตุให้ดี ชีมีบางอย่างเปลี่ยนไป ไม่ใช่สาวสวยฉลาดมาดมั่นคนเดิม สิ่งแรกที่ฉันจับได้ คือชีไม่กล้าสบตาทั้งพี่พลและตาทัพพี เหมือนคนมีความผิด
ชีทำอะไรผิดมา?
ฉันไม่รู้หรอกว่าชีทำอะไรผิดมาก่อน แต่ฉันแอบเห็นได้ยินบางสิ่งบางอย่างเข้าโดยบังเอิญในเย็นวันหนึ่ง
วันนั้น ฉันเพิ่งออกมาจากกระพ้อมข้าว ด้วยความตกใจที่มองปฏิทินแล้วรู้ตัวว่าหายไปเกือบสองวัน เลยต้องรีบเสนอหน้าไปให้ตาทัพพีเห็นเพื่อเป็นการรายงานตัว ปรากฎว่า ฉันไม่พบตาทัพพี แต่ที่ใต้ซุ้มไม้เลื้อยมุมหนึ่งบนระเบียงบ้านของเขา ฉันกลับเห็นยัยแม่มดนั่งคุยอยู่กับ ผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ใช่คุณพล ไม่ใช่พี่:-) ถึงตรงนั้นจะไม่มีแสงมากพอให้ฉันเห็นหน้าของชายคนนั้นชัดๆ แต่จากรูปร่างและท่าทางของเขาที่เห็นจากมุมที่ฉันแอบอยู่นี้ ฉันคิดว่า ไม่น่าจะรู้จักเขามาก่อน... แต่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือไม่นั้น ฉันไม่แน่ใจ
ใครหนอ? ทำไมชีกล้าพาชายแปลกหน้าขึ้นมาถึงบนนี้? แล้วตาทัพพีกับคุณพลไปไหน?
ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่าจะได้เห็นภาพยัยแม่มดดูดวิญญาณหนุ่มอีกคน! เฮ่อ... ผู้หญิงอะไรไม่รู้ ไม่ไหวเลย ควงแฟนมาพรีฮันนี่มูน แต่พอตกกลางคืน แฟนเผลอ ก็แอบไปดูดวิญญาณน้องชายแฟน แล้วนี่ พอพี่น้องคู่นั้นไม่อยู่ ก็ไปคว้าเอาใครไม่รู้อีกคนขึ้นบ้านมานั่งเบียดกันในมุมมืด
ดูสิ โอ๊ยตาย... มีจับไม้จับมือกันด้วย ว๊ายๆ... มีฉากกอดกันกลมดิ๊กอีกต่างหาก ฉันได้ข่าวมานานแล้วว่ายัยแม่มดเจ้าชู้ ใช้ผู้ชายเปลืองกว่าทิชชู่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า จะต้องมาเห็นภาพอะไรอย่างงี้ด้วยตาตัวเอง ชีเบียดเข้าไปในวงแขนของชายคนนั้นมากขึ้นแล้ว...
กรี๊ด... อย่า... อย่า อย่าน้า ช่วยด้วย มีชายเคราะห์ร้ายไม่ทราบชื่อกำลังจะโดนแม่มดร้ายดูดวิญญาณอีกแล้ว...
แต่โอว... คราวนี้ไม่ดูดวิญญาณทางปากแฮะ ชีเปลี่ยนไปดูดที่แก้มซ้ายแก้มขวาของเขาคนนั้น แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ (สงสัยดวงแข็ง ไม่เห็นกลายเป็นซอมบี้เหมือนตาทัพพีน้อยเลย)
ฉันรีบกางหูเต็มที่...(แบบว่าไม่ค่อยอยากรู้) แทบไม่ได้ยินเสียงของยัยแม่มดเลย ได้ยินแต่เสียงต่ำทุ้มนุ่มเจือหัวเราะน้อยๆ อย่างอารมณ์ดีของฝ่ายชายแว่วมาตามลมเป็นระยะๆ น่าเสียดายที่จับความไม่ได้ สองคนคุยอะไรกันกระหนุงกระหนิงอยู่เป็นนานไม่รู้ ดูท่าออดอ้อนของยัยแม่มดแล้ว อยากให้พวกพี่ปิ๋มมาเห็นภาพนี้จัง แต่คิดอีกที อย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่แกช๊อคตาย
ฉันแอบดูจนถึงฉากร่ำลา... เมื่อชายแปลกหน้าคนนั้นยืนขึ้น ฉันถึงได้รู้ว่าเขาตัวสูงใหญ่มาก มองจากด้านหลัง เห็นไหล่กว้างสมส่วนแบบนักกีฬาในชุดกางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อเชิตพับแขนนั่นแล้ว หญิงสาวเรียบร้อยอย่างฉันถึงกับผิวปากออกมา... วู้ หุ่นแมนชะมัดเลย ยิ่งเมื่อยืนคู่กับหุ่นนางแบบของยัยแม่มดแล้ว ดูสมกันอย่างกับภาพคู่พระเอกนางเอก รูปร่างสูงโปร่งของตาทัพพีคงต้องชิดซ้ายและชายไทยร่างสันทัดอย่างคุณพลคงต้องชิดขวาแล้วล่ะ
ด้วยความที่ฉันอยากเห็นหน้าตาที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั้นว่าจะหล่อสมตัวรึเปล่า ขณะที่เขาทำท่าจะก้าวลงเรือนไป ฉันก็ย่องอ้อมไปอีกด้านเพื่อแอบดูใบหน้าของเขาให้ชัดๆ แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ต้องโทษตาทัพพีที่ดันไม่ติดไฟในสวนให้มันสว่างกว่านี้ ยังดีที่ได้ยินเสียงชัดขึ้น...
ไม่ต้องไปส่งหรอก... ขึ้นเรือนไปเถอะ น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำแต่นุ่มนวล ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน ไม่เหมาะที่จะมาใช้พูดกับยัยแม่มดเล้ย เสียของหมด!
ฝันดีนะคะ
จ้า... ฝันดี โอ๊ยๆ...เห็นแล้วอยากจะอ๊วก มีรายการจุมพิตหน้าผากด้วย ทำอย่างกับชีเป็นสาวน้อยน่าเอ็นดู๊...อูแหวะ!...
เอ่อ... อะไรอีกนะ พ่อคนนี้ อิดออดอยู่ได้ ยังไม่รีบๆ ไป? มีอะไรคาใจอยากพูดรีบๆ พูดเร็วๆ เข้าซี่
ขวัญ... เสียงทุ้มนุ่มที่เรียกชื่อนั้นฟังดูช่างอ่อนหวาน เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่ฉันได้ยินแล้วสะดุ้งเฮือก
โอ นี่เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งเหรอ ที่บังอาจเรียก ชื่อต้องห้าม นั้น ฉันรอดูปฏิกริยาของยัยแม่มด แต่ชีกลับไม่อาละวาดอย่างที่ฉันเคยได้ยินมา ทำราวกับว่านั่นเป็นชื่อเรียกของชีอย่างถูกต้องสมควรแล้ว
อะไรคะ?
เอ่อ... เขาอ้ำอึ้งนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยถามคล้ายไม่มั่นใจ ...จะไม่ไปนอนด้วยกันจริงๆ เหรอ? อร๊ายยยย... ชะ...ชวนกัน ไปนอน ได้ไม่อายปาก
ไม่ดีกว่าค่ะ เหอๆ ยัยแม่มด รู้จักไว้ฟอร์มซะด้วย
เอ่อ...แต่ว่า ฝ่ายชายยังแอบมีความหวัง ฉันล่ะอยากวิ่งเข้าไปกระซิบ... เจ้านายขา บอกเค้าไปเลยซี่คะ ว่าประจำเดือนมา
ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ประตูมีล๊อค คิคิ ฉันไม่เคยเห็นยัยแม่มดล้อใครเล่นแล้วหัวเราะน่ารักแบบนี้มาก่อนเลย ทำให้ฉันยิ่งสงสัยเหลือเกินว่า เขาเป็นใคร หรือว่าเป็น ตัวจริง ที่ชีแอบซ่อนไว้ไม่ให้เป็นข่าว น่าจะใช่ จากคำพูดที่เขาวางท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและหวงเจ้าหล่อนเหลือเกินนี่ไง
หาอะไรหนักๆ มากั้นที่ประตูอีกทีนะ เผื่อเจ้าของบ้านมีกุญแจเปิดเข้าไปได้
บ้าน่า... ยัยแม่มดหมุนร่างสูงให้หันหน้าไปอีกทางแล้วดันเขาจนหลังแอ่น ...กลับบ้านไปได้แล้ว
โอเคๆ ไปก็ได้ ไม่เห็นต้องไล่กันขนาดนั้นเลย
ยัยแม่มดใช้สายตาส่งร่างสูงใหญ่จนลับหายไปในความมืดยามค่ำคืน ชีส่ายหัวพร้อมกับยิ้มและบ่นพึมพำอยู่คนเดียว...
หึหึ... คนบ้า คิดอะไรไม่รู้... สงสัยตัวเองเคยทำบาปกับสาวเอาไว้ล่ะสิท่า เลยมานั่งหวงเรา
ฉันสงสัยเหลือเกิน เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่?
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 54 00:30:55
|
|
|
|