Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 3 - บทที่ 3 - ในถิ่นมังกร ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เจ้าชายไร้บัลลังก์กับเจ้าหญิงไร้อำนาจ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิป
บทนำ - บทที่ 5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9958591/W9958591.html
บทที่ 21-25
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10402840/W10402840.html

เดี๋ยวจะลงตอนที่ 20-29 ในพันทิพอีกครั้งนะครับ

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เจ้าชายแห่งความมืดกับเจ้าหญิงแห่งความฝัน

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิป
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9875051/W9875051.html
15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892519/W9892519.html
16
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9907488/W9907488.html
17
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9916888/W9916888.html
18
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9927562/W9927562.html
19
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9939927/W9939927.html
20
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W9980469/W9980469.html
21
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10002038/W10002038.html
22
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10021934/W10021934.html
23
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10051706/W10051706.html
24
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10085054/W10085054.html
25
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10107249/W10107249.html
26
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10121033/W10121033.html
27
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10132938/W10132938.html
28
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10149703/W10149703.html
29
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10166956/W10166956.html
30
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10188373/W10188373.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 3

ศึกสองราชินี วิถีสองราชัน

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=689975

พันทิป
บทนำ - 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10366513/W10366513.html
บทที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10385694/W10385694.html


* * * * *


ขอขอบคุณคุณ Mnemosyne กับคุณ yaimooyoyo สำหรับกิฟท์นะครับ

คุณ scottie - เคยได้ยินว่าเนื้อกระต่ายรสชาติคล้ายเนื้อไก่เหมือนกัน ถ้ามีโอกาสก็อยากลองครับ

ตอนนี้เคียรากับดูลัสก็คงเจอบทโดนแกล้งเยอะขึ้นสักหน่อย แต่ก็...จะพยายามเบามือครับ ^^a

คุณ Nonfire - นอกจากที่คุณ Lusenca บอก เป็ต เสียงจะแข็งกว่า เป็ด และร้องดังกว่าด้วยครับ ^^a

คุณ Lusenca - ถูกต้องนะคร้าบ ^^b

คุณ 0vvaynar0 - (^^)

คุณ all alone - ฮาจริงๆ ด้วย :D


* * * * *


บทที่ ๓
ในถิ่นมังกร


หลายฝีเท้าสะท้อนก้องบนทางเดินเบื้องนอก บอกต่อดูลัสว่าการประชุมซึ่งจัดขึ้นไม่ไกลห้องรับรองแขกคงจะสิ้นสุดลงแล้ว

ม้าเร็วที่วิ่งห้อตลอดคืนนำพระคู่หมั้นหนุ่มกับนักรบหน่วยเรเวนผู้ติดตามมาถึงศาลากลางเมืองเคนมาราในยามบ่ายแก่ๆ ของวันถัดมา ฟีอาครากับเกอร์มอนเสนอว่าเขาควรพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยขอพบเจ้ามณฑลเบเรคในวันรุ่งขึ้น ทว่าดูลัสยังอดรู้สึกไม่ได้ว่านี่เป็นเรื่องร้อนยิ่งกว่านั้น ต่อให้เจ้าหน้าที่ของกรมเมืองแจ้งว่าเจ้ามณฑลกำลังประชุมอยู่กับคณะที่ปรึกษา รอจนกว่าจะจบการประชุมก็ยังสั้นกว่ารีบกลับมาที่นี่ในเช้าวันรุ่งขึ้น

อีกประการหนึ่ง ยิ่งลงมือเร็วเท่าใด ก็มีโอกาสจับพิรุธตัวการเบื้องหลังการหายตัวของเจ้าหญิงโดยไม่ทันตั้งตัวได้มากขึ้นไปด้วย

ดูลัสมาที่นี่กับฟีอาครา หัวหน้าหน่วยรบเรเวนซึ่งยังเป็นอาจารย์สอนดาบของเขา โดยให้นักรบหน่วยเรเวนคนอื่นๆ แยกย้ายไปดูสถานการณ์ และตรวจสอบตามที่ต่างๆ เช่นรอบนอกของจวนเจ้ามณฑล กับบ้านของครอบครัวคนทราย

เลวอน ลูกชายของรองเจ้ามณฑลการ์วอนผู้เคยเป็นเพื่อนร่วมเรียนในวิทยาลัยหลวง และสายของดูลัสส่งข่าวล่าสุดมาเมื่อสามวันก่อน ว่าอาเมียร์ยังคงพักอยู่กับครอบครัวที่ยาร์ลาธ รวมทั้งมาทำงานที่ศาลาเมืองตามปรกติ เช่นเดียวกับซิอ์บุล พ่อของมัน ...แต่เพราะความวางใจจนเกินเหตุนี้เอง พระคู่หมั้นหนุ่มจึงไม่ทันคาดฝันว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์จะถูกพาตัวไป อย่างลึกลับรวดเร็วราวกับใช้เวทมนตร์

บางที... หากอาเมียร์มีเวทมนตร์ที่พาตนเองไปถึงพระราชวังหลวงได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจจะกลับมาได้รวดเร็วพอกัน แต่นั่นหมายความว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์ต้องประทับอยู่ในเคนมาราแล้วเช่นกัน

และถ้ายังมาไม่ถึง เวลานี้ชายคนทรายย่อมไม่อยู่ในเมืองโดยไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่ามันจะพาเจ้าหญิงมาถึงที่นี่แล้วหรือไม่ ย่อมมีพิรุธให้เห็นทั้งสองทาง

พระคู่หมั้นนึกได้ถึงตอนนี้ เสียงเคาะประตูก็ทำให้เขายืดร่างขึ้น

ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นคนที่ดูลัสคาดไม่ถึง

...อาเมียร์ เจ้าคนทราย...

ชายผมดำผู้อ่อนวัยกว่ามีสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างกัน มือของเขายังประคองสมุดปกหนังที่น่าจะเป็นบันทึกการประชุมอยู่ ...ทว่าดูลัสไม่ได้พิจารณาสีหน้าของอีกฝ่ายนานนัก เพราะเขาหันหน้าไป และหลีกทางให้ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง โดยค้อมคำนับอย่างนอบน้อม

เจ้ามณฑลยาร์ลาธเลิกคิ้วเมื่อเห็นอาคันตุกะทั้งสอง และมีสีหน้าประหลาดใจ แม้จะไม่มากนัก

“ท่านราชองครักษ์...ไม่สิ พระคู่หมั้นดูลัส ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาถึงที่นี่ มีธุระด่วนอะไรหรือ”

“ข้ามาพบท่าน ในฐานะตัวแทนของท่านผู้สำเร็จราชการ” ดูลัสพยายามตอบเรียบๆ พร้อมกับจับสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายไปในที

“เป็นการลับหรือ” ชายวัยกลางคนถาม และปรายมองฟีอาครา ผู้นั่งเงียบเฉยอยู่ข้างชายหนุ่ม

“เขาเป็นองครักษ์ของข้าเอง ไม่ต้องสงสัยเรื่องความภักดี”

เบเรคพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม แล้วมองไปทางชายคนทรายที่หน้าประตู ซึ่งค้อมคำนับ และทำท่าจะปิดประตูลง

ทว่าดูลัสขัดขึ้น

“ท่านที่ปรึกษาที่หน้าประตู ขอให้รอก่อน”

เจ้าคนทรายชะงักไป ขณะที่พระคู่หมั้นหันกลับมาทางเจ้ามณฑล

“ข้าเข้าใจว่าท่านเองก็มีคนที่ตนไม่สงสัยเรื่องความภักดีเช่นกัน และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับคนคนนั้น ดังนั้นย่อมต้องให้เขาอยู่ฟังด้วย”

อาเมียร์กับเบเรคแลกสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มผมดำจะเดินเข้ามาในห้อง ปิดประตู และนั่งลงบนเก้าอี้เช่นกัน

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ รอให้ดูลัสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“เจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงหายพระองค์ไปจากวังหลวง”

เจ้ามณฑลมีสีหน้าตกใจพอๆ กับเครียดเขม็ง ส่วนชายคนทรายยังนั่งนิ่งขึงอยู่กับที่ ทว่าสีหน้าตื่นตระหนกนั้นทำให้พระคู่หมั้นยิ่งกว่าหงุดหงิด

ไม่เพียงแต่มันสมจริงจนเกินไป แต่ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเจ้าหญิงอย่างจริงใจจนเกินไป

“ทรงทิ้งจดหมายไว้ บอกว่าจะทรงติดต่อกลับมาเอง เมื่อถึงที่ปลอดภัย” ดูลัสเอ่ยช้าๆ “ขออภัยที่ต้องเอ่ยเช่นนี้...แต่ท่านผู้สำเร็จราชการกับข้าสงสัยว่าที่ปลอดภัยนั้นคือยาร์ลาธ”

“ทำไมจึงคิดเช่นนั้น” เบเรคตั้งคำถามเสียงขรึม “หากเจ้าหญิงทรงเห็นว่า...กระทั่งวังหลวงซึ่งเต็มไปด้วยองครักษ์ผู้ภักดียังไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย แล้วไยยาร์ลาธจึงเป็นที่ปลอดภัยสำหรับพระองค์ไปได้”

มังกรน้ำเริ่มออกลายอย่างแยบคาย ...พระคู่หมั้นพยายามเก็บความรู้สึกกับคำกระทบกระเทียบ

“เป็นไปได้ว่ามีผู้ชักนำให้ทรงดำริเช่นนั้น เหมือนที่เคยล่อลวงให้พระองค์เสด็จมาที่นี่”

ดูลัสพยายามจับสังเกตท่าทางของอาเมียร์ ซึ่งมีทีท่าแข็งเกร็งขึ้น...แต่ด้วยความโกรธเคือง

“ข้าไม่เคยล่อลวงเจ้าหญิง และข้าก็อยู่ที่ยาร์ลาธมาตลอด ตั้งแต่ถูกจับกุม ไต่สวน จนปล่อยตัวแล้ว ท่านถามทุกคนในศาลาเมืองดูก็ได้ ว่าข้าเคยขาดงานบ้างหรือไม่ ตั้งแต่เริ่มทำงานมา” แววตาของคนทรายเหมือนจะฉายความกังวลอยู่ในโทสะ “แน่ใจหรือว่าพวกท่านตามหาดีแล้ว แอช...เจ้าหญิงทรงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเชียวหรือ หรือพอหาอะไรไม่เจอ พวกท่านก็แล่นตรงมาที่ยาร์ลาธ—”

“อาเมียร์” เจ้ามณฑลเรียกเสียงหนักๆ จนชายหนุ่มระบายลมหายใจ และก้มหน้าลง

“...ขออภัยขอรับ”

พระคู่หมั้นสูดหายใจสั้นๆ ขณะบอกตนเองว่าอีกฝ่ายเพียงแต่แสดงละคร ...มันต้องการให้เขาตายใจและโมโห จึงได้ทำเหมือนตัวมันเองเพิ่งรู้ว่าเจ้าหญิงทรงหายไป และเป็นห่วงเป็นใยจนร้อนใจขาดสติ...ราวกับรักใคร่หวงแหนแทนเขานัก

“ครั้งที่แล้ว ข้าพบพระองค์ที่ยาร์ลาธ ที่ใดหรือใครมีประวัติมาก่อน ก็ย่อมต้องพุ่งเป้ามาเป็นอย่างแรกหรือไม่ใช่”

“แต่ครั้งนี้อาจไม่ใช่ก็ได้” เบเรคพูดขึ้นบ้าง “ข้ารับประกันได้ว่าอาเมียร์กับบิดาของเขามาทำงานที่นี่ไม่เคยขาด รูอาร์คก็ไม่ได้ออกนอกมณฑลเลย ยังมีใครที่ท่านสงสัยอีกไหม”

“ก็คงต้องสอบถามดูให้ทั่วๆ” ดูลัสรับ “ถ้าท่าน คนที่จวน คนในครอบครัวของอาเมียร์ และคนในเมืองยืนยันตรงกันว่าเขาไม่ได้ออกไปนอกมณฑลจริงๆ ...เขาก็ย่อมพ้นข้อสงสัยไม่ใช่หรือ”

“จะพูดให้สวยหรูอย่างไร ความหมายก็คือท่านสงสัยข้าไปแล้วอยู่ดี” ชายคนทรายพูดขื่นๆ “ขออนุญาตถามได้ไหม ก่อนมาที่ยาร์ลาธ ท่านตรวจสอบในวังหลวงอย่างละเอียดแล้วหรือ”

จะหมายความว่าข้าสะเพร่าเอง แล้วยังมีหน้ามากล่าวหาสั่วๆ ใช่ไหม! พระคู่หมั้นลอบกัดฟัน

“เจ้าหน้าที่ทุกคนค้นหาเจ้าหญิงอย่างสุดความสามารถ ทุกซอกทุกมุมของปราสาทแล้ว” ดูลัสตอบ “ผลคือไม่พบ ราวกับทรงหายไปด้วยเวทมนตร์ ...คนมีเวทมนตร์ในอาณาจักรนี้มีสักกี่คนกัน”

อาเมียร์ส่งสายตาโกรธเคืองมาทางเขาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เหมือนจะเจือความสมเพช...แต่ด้วยเหตุใด

“ขออภัยที่ต้องพูดเช่นนี้ แต่ต่อให้ไม่ใช้เวทมนตร์ ก็ยังมีวิธีที่คนจะหายไปเฉยๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ได้เช่นกัน” ชายคนทรายพูดขึ้นอีกครั้ง “ที่จริง ข้าไม่อยากสันนิษฐานในแง่นั้น มันไม่ดีต่อพระเกียรติของเจ้าหญิงแอชลีนน์ แต่ในเมื่อท่านเองดูเหมือนจะไม่ได้นึกไปถึงเรื่องนั้น พระคู่หมั้นอย่างท่านก็ควรรู้ไว้กระมัง”

“หมายความว่าอย่างไร” พระคู่หมั้นหน้าตึงขึ้นทันที

ชายผมดำหันไปทางเจ้ามณฑล สื่อสารกันทางสายตา จนกระทั่งอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้พูด

“ในช่วงเกือบเดือนที่ข้าตามเสด็จเจ้าหญิงนั้น มีคืนหนึ่ง...”

ดูลัสนับหนึ่งถึงสิบซ้ำไปมาอยู่ในใจ ด้วยอดรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้าคนทรายกำลังเน้นรายละเอียดที่ยั่วโทโสเขาอย่างชัดแจ้ง

“เจ้าหญิงกันแสงกับข้า และตรัสว่า...หากเสด็จกลับไปแล้วยังทรงรู้สึกว่าถูกบีบคั้นมากนัก ก็จะกระโดดลงทะเลเสีย”

เจ้า!” พระคู่หมั้นผุดลุกขึ้นทั้งหน้าร้อนผ่าว

นัยน์ตาสีดำขลับที่เงยมองเขานั้นกลับดูเคร่งขรึม ไม่เกินไปหากจะเรียกว่ามืดมน เสียงเอ่ยเรียบเฉย

“ข้าไม่อยากให้พระองค์ทรงทำเช่นนั้นพอๆ กับท่าน และไม่ต้องการพูดเป็นลางร้าย แต่ข้าไม่รู้ว่าสภาพการณ์ทางวังหลวงเป็นอย่างไร ย่อมต้องสันนิษฐานด้วยข้อมูลที่ตนมีก่อน ก็เหมือนกับท่านไม่ใช่หรือ”

เจ้าหญิงไม่มีทางปลงพระชนม์ชีพพระองค์เองแน่!” ดูลัสเอ่ยเสียงกร้าว

ฟีอาครากระตุกแขนเสื้อของเขา คงใช้แทนคำบอกว่านั่งลง ทว่าชายหนุ่มร้อนใจเกินจะทำเช่นนั้น

“มีเหตุผลอะไรที่จะทรงทำเช่นนั้น! ทรงรับหมั้นแต่โดยดี! และยังทรงสัญญาว่าจะดูแลธีร์ดีเร! ร่วมกับข้า! แล้วทำไมจะทรง—”

“แล้วถ้าไม่มีใครเห็นค่าความพยายามของพระองค์ล่ะ” อาเมียร์ขัดขึ้น “ถ้าทรงพยายามแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นค่า...โดยเฉพาะคนที่เจ้าหญิงทรงอยากให้เข้าใจพระองค์มากที่สุด ถือว่ามีเหตุเพียงพอแล้วหรือยัง”

ดูลัสเผยอริมฝีปากค้าง ใจร่วงวูบโดยไม่อาจห้าม รู้สึกเหนื่อยอ่อนปลกเปลี้ยขึ้นมาในทันใด

ครั้งสุดท้ายที่ชายหนุ่มพบพระองค์...เมื่อสามวันก่อน เขาเพิ่งทัดทานไม่ให้พระองค์เสด็จเยี่ยมประชาชน ด้วยกลัวจะปกป้องพระองค์ไว้ไม่ได้แท้ๆ

กระนั้น อีกใจหนึ่งยังคงแย้ง ...เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงต่อรองจนเขาเสียเองต้องตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ใช่ยอมแพ้ กริ้ว หรือโทมนัส ทรงไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะปลิดพระชนม์ชีพเพื่อหนีปัญหา ทรงเข้มแข็งอย่างนั้น ดื้อรั้นอย่างนั้น หัวแข็งอย่างนั้น...

...แต่คนเราก็ฆ่าตัวตายด้วยความหัวแข็งได้ไม่ใช่หรือ...

มาทิลดาแห่งทารา เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทารา ผู้เป็นบรรพบุรุษของเจ้าหญิงแอชลีนน์ก็ทรงกระโจนลงจากยอดหอคอยสูงมาแล้ว

คำสาป... พระคู่หมั้นอดคิดขึ้นมาไม่ได้ กล่าวกันว่ามาทิลดาสาปแช่งให้ลูกหลานของราชวงศ์อลาชตาร์ผู้กลืนราชวงศ์เดิมต้องถูกห้ำหั่นเข่นฆ่า จนกว่าจะสิ้นสายเลือดไปในที่สุด ...สงครามในสมัยพระราชอัยกาของเจ้าหญิง และการลอบปลงพระชนม์ในสมัยพระราชบิดาไม่ใช่เครื่องยืนยันดอกหรือ

“นั่นยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่ใช่ประเด็นที่เราจัดการอะไรได้หรอกนะ” เจ้ามณฑลซึ่งเงียบมานานพูดขึ้นบ้าง “แต่หากสงสัยคนของข้า ท่านพระคู่หมั้นจะสอบถามใครก็เชิญเถิด ขอเพียงใช้วิธีอย่างสันติก็พอ ...และหากเจ้าหญิงทรงคิดว่าที่นี่เป็นที่ปลอดภัยจริงๆ ก็คงจะเสด็จมาที่นี่เอง เมื่อถึงเวลานั้นจะทรงติดต่อพวกท่านไม่ใช่หรือ”

ดูลัสขบฟันอีกครั้ง ...อดรู้สึกไม่ได้ว่ามังกรน้ำขนดกายล้อมกรอบตนไว้เสียแล้ว

การเจรจาดำเนินต่อไปอีกไม่นาน พระคู่หมั้นปฏิเสธห้องรับรองแขกในจวน หรือในศาลาเมือง และบอกว่ามีที่พักและคนคุ้มกันของตนพร้อมแล้ว ก่อนจะขอตัวจากไปอย่างมึนชา พร้อมกับหัวหน้าหน่วยเรเวน

ราวกับถูกพิษของมังกรทะเล กับงูทะเลทรายไปพร้อมกัน

...แม้เพียงเล็กน้อย แต่ยังคงแรงฤทธิ์นัก...


* * * * *


“มันไม่ได้คิดอย่างที่พูด” ฟีอาคราเอ่ยเบาจนเป็นกระซิบ

“หือม์...” ดูลัสเพิ่งสะกดอารมณ์ขุ่นมัวได้มากพอที่จะรับคำ ขณะที่ทั้งสองเดินไปด้วยกัน บนท้องถนนของเคนมาราซึ่งยังคงคลาคล่ำด้วยผู้คน แม้เวลาจะเคลื่อนผ่านเป็นเย็นย่ำแล้วก็ตาม

“คนทรายนั่นไม่ได้คิดอย่างที่มันพูด แต่พูดเพื่อให้ท่านคิด”

“หมายถึงเรื่องที่เจ้าหญิงอาจทรงกระโดดลงทะเลหรือ” ชายหนุ่มถามเบาพอกัน

ชายวัยกลางคนร่างเพรียวบางพยักหน้าน้อยๆ แม้จะไม่หันมา

“หากมันคิดเช่นนั้นจริง มันเองต่างหากที่จะพูดไม่ออก และหวังจนถึงที่สุดว่าเจ้าหญิงทรงมีพระชนม์ชีพอยู่”

ดูลัสตระหนักได้ตามนั้น หากว่าอาเมียร์เป็นห่วงเจ้าหญิงโดยไม่รู้อะไรเลยจริงๆ มันย่อมร้อนรนกระวนกระวายยิ่งกว่านี้ หากทรงคิดปลงพระชนม์ชีพตนเองจริงๆ จดหมายของเจ้าหญิงแอชลีนน์ก็ควรเป็นจดหมายลาตายอย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องลวงว่าตนยังปลอดภัยดี อีกทั้งเคียราหายสาบสูญไปพร้อมกับเจ้าหญิง โดยไม่มีร่องรอยการออกจากห้องทั้งทางประตูและระเบียง

น่าละอายแท้! ชายหนุ่มปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำสติจนลืมไตร่ตรองให้ละเอียด...ขืนเขาหลงเชื่อมัน เร่งร้อนกลับไปขอให้ค้นหาโดยรอบวังตลอดจนในทะเล มันคงมีแต่จะหัวร่อเยาะงอหายเอาเท่านั้นเอง

“ไอ้งูเจ้าเล่ห์!” พระคู่หมั้นสบถในลำคอ

เขากับมันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีก ในทันทีที่รู้ว่ามันพาเจ้าหญิงไปไว้ที่ใด และพาพระองค์กลับมาได้ ดูลัสจะไม่ไว้ชีวิตมันเป็นอันขาด...ต่อให้เจ้าหญิงแอชลีนน์จะทรงโกรธกริ้วเพียงไรก็ตาม

“หากว่ามันอยู่ที่นี่ ก็มีโอกาสที่เจ้าหญิงจะประทับอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน เราคงต้องจับตามองที่ที่พระองค์อาจประทับอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจวน อาราม บ้านพักตากอากาศ หรือบ้านของคนทรายนั่น” ดูลัสเอ่ยขึ้น “และในเมื่อมังกรน้ำเปิดโอกาสแล้ว เราจะไปพบครอบครัวของมัน ดูว่ามีพิรุธหรือแรงจูงใจอย่างใดบ้าง”

ฟีอาคราพยักหน้ารับ แม้จะไม่วายพูดให้ดูลัสอดขุ่นมัวไม่ได้อีกครั้ง

“ระวังไฟของท่าน เพราะเด็กคนทรายนั่นไม่มีไฟ ...มีแต่น้ำมันมาเติมไฟของท่าน”


* * * * *


ที่จวนค่ำวันนั้น รูอาร์คถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อได้ฟังบิดาในนามของตนเล่าถึงตอนที่พระคู่หมั้นดูลัสมาเข้าพบ และถูก ‘อาเมียร์’ ตอกกลับไปเสียตั้งตัวไม่ติด

“ข้าชักเชื่อแล้วว่าอาเมียร์ที่อยู่กับเรา...เป็นร่างแยกที่เจ้าตัวทิ้งไว้” ชายหนุ่มผมแดงพูดพลางนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้นวมอย่างผ่อนคลายเต็มที่ “ทำทุกอย่างได้เหมือนตัวจริงทุกกระเบียด ต่อให้ซ้อมดาบได้กับแค่ท่านซิอ์บุลก็เถอะ”

หากว่ารูอาร์คไม่ได้เป็นคนส่งอาเมียร์ตัวจริงลงทางลับใต้ดินออกไปนอกเมือง เขาก็คงไม่เชื่อเหมือนกันว่าอาเมียร์ที่มาทำงานในศาลาเมืองโดยตลอด ทั้งยังซ้อมดาบกับซิอ์บุลซึ่งกำลังฝึกฝนและรับสมัครสมาชิกใหม่ของหน่วยย่อยในความดูแลของตนเป็นครั้งคราว คือตัวปลอม

“ข้าก็ว่าอย่างนั้น ในการประชุมหรือทำงาน เขาออกความเห็นได้รอบด้าน มิหนำซ้ำใจตรงกับข้าหลายครั้งจนน่ากลัว”

คำว่า ‘น่ากลัว’ ของมังกรน้ำดูจะมีความหมายในเชิงขบขัน กระรอกแดงจึงเก็บความคิดไว้กับตัว ...ว่าเห็นทีอาเมียร์คงจะยังมีเวทมนตร์อยู่จริงๆ กระมัง

นอกเหนือจากนักบวชที่เป็นสาวกของพวกตนแล้ว ศาสนจักรซาเกรดา โซล ผู้นับถือองค์สุริยเทพกล่าวหาว่าคนอื่นใดที่มีเวทมนตร์เป็นพวกของปีศาจร้ายหรืออสุรเทพ หากเรื่องที่อาเมียร์มีเวทมนตร์แพร่ออกไป ตัวชายหนุ่มกับครอบครัวอาจถูกจับกุมและประหารโดยศาสนจักร ดังนั้นมีผู้รู้เรื่องนี้น้อยเท่าใดย่อมเป็นการดีที่สุด

ทว่ารูอาร์คไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนคนทรายของตนน่ากลัวเพียงเพราะมีเวทมนตร์ อาเมียร์ก็คืออาเมียร์ ยิ่งอีกฝ่ายมีเวทมนตร์ไว้ทำเรื่องมหัศจรรย์หลายๆ อย่าง เขาอยู่ใกล้ๆ คงได้เห็นเรื่องสนุกๆ มากมายเป็นแน่

“ว่าไป พวกของพระคู่หมั้นนั่นคงจะอยู่ที่นี่อีกสักพักสินะ” ชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้น

“ก็คงจะสืบอะไรๆ ไปตามเรื่องของเขา จนกว่าอาเมียร์ตัวจริงจะพาเจ้าหญิงมาถึง” ลุงกระรอกน้ำตาลตอบเรียบๆ “แบบนี้ก็ดี เมื่อเจ้าหญิงเสด็จมาแล้ว จะได้ให้เขาเข้าเฝ้าและเจรจากันเลย”

“ข้าไม่คิดว่ามันจะฟังหรอก”

“การทูตย่อมมาก่อนการรบ”

รูอาร์คแค่นหัวเราะ

“ต่อให้รู้ว่าทูตอาจได้กลับมาแค่หัว ก็ต้องส่งทูตไปก่อน ว่างั้นเถอะ”

“แฟคท์นาย่อมไม่ฆ่าลูกชายของตน”

“และดูลัสก็ย่อมไม่ขายพ่อของมัน”

คำว่าขายคงจะแรงไปสักนิดในกรณีนี้ ทว่าชายหนุ่มผมแดงเชื่อสนิทใจ ...ต่อให้ดูลัสรู้ว่าพ่อของตนเป็นคนร้าย ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะยินยอมเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างเจ้าหญิงแอชลีนน์กับแฟคท์นา เพื่อให้เจ้าหญิงได้ขึ้นเป็นราชินีโดยไม่ต้องอภิเษกกับตน แลกกับการอภัยโทษให้แก่ตระกูลของสองพ่อลูกอย่างลับๆ

ความรู้สึกที่ดูลัสมีต่อเจ้าหญิงเปี๊ยก (ผู้เสน่ห์แรงอย่างไม่คาดฝัน) ปั่นป่วนและบิดเบี้ยวยิ่งกว่านั้น

บางทีเขาก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าเจ้าหญิงเปี๊ยกรีบแต่งงานสายฟ้าแลบกับอาเมียร์ พระคู่หมั้นผู้ถูกว่าที่เจ้าสาวปฏิเสธกันซึ่งๆ หน้าจะยอมแพ้โดยดุษณี หรือเลือดขึ้นหน้า อาละวาดทำลายทุกสิ่งให้ป่นปี้แทนกันแน่

“ข้ามีงานให้เจ้าทำ” เจ้ามณฑลพูดขึ้น

“วางยาถ่ายดูลัสกับพรรคพวกมันหรือ” รูอาร์คเสนอ “หรือยาอะไรที่แรงกว่านั้น”

อีกฝ่ายตำหนิเขาทางสายตา

“ข้าอยากรู้ว่าดูลัสนำพรรคพวกมาที่นี่กี่คน และพวกนั้นกระจายตัวไปที่ไหน อย่างไรบ้าง ภายในเวลาสองวันนี้”

“งั้นข้าจะหามาให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้” ชายผมแดงเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ “แต่อย่าลืมรางวัลพิเศษล่ะ”

“คนจริงย่อมทำงานให้เสร็จก่อนขอรางวัล”

“เหอะ เรื่องสำเร็จมันแน่อยู่แล้ว ถิ่นมังกรน้ำก็เหมือนสวนหลังบ้าน สำหรับกระรอกบางตัว”

“เช่นนั้น มังกรน้ำจะรอดูกระรอกเขี้ยวหลอบางตัวก็แล้วกัน” ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มน้อยๆ “ว่างานนี้จะทำเขี้ยวหายไปอีกสักซี่ไหม”

“อ้อ ทำสิ” รูอาร์คยักไหล่ “หักเขี้ยวไอ้ลูกกริฟฟอนมาใส่ปากตัวเองแทนซี่ที่หายไปนั่นไง”

“ปากร้ายนัก” ลุงกระรอกน้ำตาลหัวเราะออกมา “ใครมันสั่งมันสอนให้กระรอกหัดพ่นพิษละนี่”

“เจอพิษมังกรอยู่ทุกวัน กระรอกมันต้องซึมซับมาบ้าง”

“ให้ตายสิ” พ่อในนามของชายหนุ่มถอนใจ “ถ้าเจ้ายอมเป็นผู้สืบทอดข้าละก็...”

“เสียใจด้วย เพราะรางวัลที่ข้าจะขอเมื่อทำงานนี้เสร็จในวันเดียว คือท่านเลิกหวังเรื่องนี้เสียที”

สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง ทว่ารูอาร์คไม่ได้สนใจนัก

“ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน” เจ้ามณฑลยาร์ลาธเปลี่ยนไปพูดอีกอย่าง

“อ้อ ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ยอมให้ไอ้พวกนั้นเอาข้าไปทรมานโดยไม่กัดหูมันขาดสักข้าง หรือฆ่าหมกศพโดยไม่ลากมันไปเป็นเพื่อนร่วมทางสักคนหรอก”

“พวกเรเวนย่อมไม่ทำอย่างนั้น ที่ข้าบอกให้ระวังคืออย่างนี้” ลุงเบเรคมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “อย่าปากเปราะให้เสียชื่อลูกหลานมังกรน้ำ หากมันไม่ได้หาเรื่องเจ้า ก็จงอย่ากัดมันก่อน”

“แต่ถ้ามันทำท่าจะกัด...” นัยน์ตาของรูอาร์คเริ่มวาววับด้วยความคาดหวัง

“พ่นพิษใส่มัน โดยที่มันไม่อาจกล่าวหาได้เต็มปากเต็มคำว่าเจ้าพ่นพิษใส่”

“นั่นคือการทูตหรือ”

“นั่นคือวิถีของมังกรน้ำ”


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 00:03:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com