แม้ในที่โล่งแจ้ง อากาศยามเช้าของฤดูร้อนยังค่อนข้างเย็น
ที่ลานกว้างมีชายวัยหนุ่มตลอดจนวัยฉกรรจ์รวมตัวกันอยู่ราวยี่สิบกว่าคน พวกเขาวิ่งรอบลานซ้อมได้หลายต่อหลายรอบแล้ว เรียกได้ว่าเริ่มฝึกฝนร่างกายกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ตามคำสั่งของหัวหน้าหน่วยผู้เคร่งครัด
เสมียนเฉพาะกิจผู้ตั้งโต๊ะอยู่หน้าลานซ้อมหาวหวอดใหญ่ ขณะจัดวางกระดาษจดรายชื่อ ปากกาขนนก และกระปุกหมึกอย่างงัวเงีย
เขาสะดุ้ง...เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใครคนหนึ่งยืนเงียบกริบอยู่เบื้องหน้าโต๊ะ
ครั้นเพ่งมองให้ชัดก็พบว่าไม่ใช่ภูตพรายที่ไหน แต่เป็นชายวัยกลางคนร่างสันทัด ใบหน้าเรียวและจมูกโด่งชวนให้นึกถึงนกนักล่าจำพวกเหยี่ยว นัยน์ตาของเขาเป็นสีฟ้าเทา ผมตัดสั้น เคราเล็มอย่างเรียบๆ ชายนั้นสวมเสื้อกับกางเกงเรียบง่าย ซึ่งชวนให้นึกว่าอาชีพของคนตรงหน้าคงไม่พ้นชาวไร่ชาวนา หรืออาชีพใช้แรงงานโดยทั่วไป ...ทว่าแววตาและท่าทางของเขาดูมีสถานะสูงกว่านั้น
“เปิดให้ลงชื่อแล้วใช่ไหม” ชายวัยกลางคนถาม
“ป...เปิดแล้ว แต่...” เสมียนคิดว่าควรบอกดีไหม ว่าลงชื่อแล้วต้องอยู่รอรับการทดสอบในวันนี้เลย ดังนั้นจึงห้ามลงชื่อแทนพี่น้องลูกหลาน ทว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจถามอีกอย่าง “...ลุงจะลงเองหรือ”
“ข้าเชื่อว่าข้าอายุน้อยกว่าพ่อเจ้า” สีหน้าคนตอบยังเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน
“เอ้า! อาก็ได้ ท่านจะลงหรือ” เสมียนวัยยี่สิบต้นๆ ยอมแก้คำพูด แม้จะยังสงสัยไม่หายกับความคิดของอีกฝ่าย ...จริงอยู่ว่าในประกาศรับสมัครมีเงื่อนไขแค่เป็นชายอายุสิบห้าปีขึ้นไป ไม่มีกำหนดว่าถึงอายุเท่าใด แต่แค่ผู้สมัครวัยสามสิบปลายๆ ก็จัดว่าหายาก และยังไม่มีใครในช่วงวัยนั้นผ่านการทดสอบได้สักคน อย่าว่าแต่อายุสี่สิบขึ้นไปเลย
อีกฝ่ายพยักหน้า
ชายหนุ่มเปิดกระปุกหมึก จุ่มปากกาขนนก พร้อมกับตั้งคำถามสั้นๆ
“ชื่อ?”
“ครอม”
ชื่อสั้นๆ ง่ายๆ ...แน่นอนว่าไม่มีนามสกุลเช่นเดียวกับสามัญชนทั่วไป เสมียนถามต่อ
“อายุ?”
“สี่สิบสี่”
“...แน่ใจนะลุง...เอ๊ย! อา” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าพ่อเขาจริงๆ แต่ก็แค่สองปีเท่านั้นเอง
“ข้าจำอายุตัวเองไม่ผิดหรอก”
“ไม่ใช่ คือข้าหมายถึง...จะลงแน่เหรอ รู้แล้วใช่ไหมว่าเขาให้ทำอะไรบ้าง”
“รู้ ข้าอ่านประกาศมาแล้ว”
ในใบประกาศซึ่งเสมียนมีหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของฉบับร่างบอกไว้ชัดเจน ...การทดสอบชั้นต้นมีห้าขั้นตอน หนึ่ง...วิ่งไปกลับในระยะสิบวาให้ได้ครบเจ็ดรอบในเวลาสองนาที สอง...ใช้สองมือดึงข้อโหนราวเหล็กจนศอกงอชิดหน้าแขนได้สี่ครั้งขึ้นไป สาม...ไต่ขึ้นเชือกยาวสองวาครึ่งได้หนึ่งครั้ง โดยจะใช้เพียงมืออย่างเดียว หรือมือและขาก็ได้ สี่...ใช้กล้ามเนื้อท้องดึงลำตัวช่วงบนขึ้นจากท่านอนได้อย่างน้อยสี่สิบครั้ง
และห้า...ใช้อาวุธใดก็ได้ตามอัธยาศัย สู้กับหัวหน้าหน่วยย่อยตัวต่อตัว ไม่จำเป็นต้องชนะ (เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่มีใครเอาชนะเขาได้สักคน ต่อให้หัวหน้าหน่วยย่อยมีมือเพียงข้างเดียวก็ตาม) เสมียนหนุ่มไม่ค่อยรู้เรื่องการต่อสู้นัก แต่ก็พอเข้าใจว่าคนที่จะผ่านการทดสอบคงมีแววอะไรบางอย่าง เช่นรับได้สักดาบสองดาบ หรือทำท่าจะเข้าโจมตีได้ถึงตัว ซึ่งเท่านั้นก็จัดเป็นเรื่องฮือฮามากแล้ว
การออกกำลังกายอย่างหนักหนาต่อเนื่องกันในวันเดียวนี้เอง ที่ทำให้การทดสอบทั้งหมดยากยิ่งขึ้นไปอีก กระทั่งมีผู้ผ่านการทดสอบในแต่ละวันน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้สมัครเสียอีก
แต่เสมียนไม่ได้มีหน้าที่ออกความเห็น เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะถามอาชีพของครอมเป็นอย่างต่อไป และได้คำตอบมาว่า “คนคุ้มกัน”
ก็ไม่แปลก แม้ชายตรงหน้าจะไม่ได้มีร่างกายใหญ่โต โครงร่างเพรียวบางของเขายังดูแข็งแรงเกินวัย อีกทั้งท่าทางสุขุมและมีความรู้ผิดเครื่องแต่งกายคงซึมซับมาจากการทำงานเป็นองครักษ์ของขุนนางหรือเศรษฐีกระมัง
ไม่รู้ว่านั่นจะช่วยให้ชายวัยกลางคนผ่านการทดสอบหรือไม่ แต่เขาก็นับเป็นคนแรกที่ลงชื่อเข้ารับการทดสอบในวันนี้ ทั้งยังเรียกได้ว่ามาตั้งแต่ไก่โห่แบบเต็มปากเต็มคำ
เสมียนหนุ่มบอกให้ครอมรออยู่แถวนี้ หรือไปดูการฝึกของสมาชิกหน่วยที่ผ่านเข้ามาจากรอบก่อนๆ ได้ตามอัธยาศัย ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะสนใจอย่างหลัง แต่ก็ยังคงยืนอยู่แถวโต๊ะรับสมัคร พลางซักถามเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการทดสอบ เช่นมีมานานหรือยัง และมีคนผ่านเข้ามากี่คนแล้ว
ข้อมูลทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง กองกำลังป้องกันมณฑลยาร์ลาธเพิ่งก่อตั้งหน่วยย่อยใหม่ โดยประกาศคัดเลือกสมาชิกทุกรอบเจ็ดวัน เงื่อนไขของผู้สมัครไม่มีอะไรมากมาย ...ขอเพียงเป็นชายอายุสิบห้าปีขึ้นไป ผ่านการทดสอบทางกายเบื้องต้น จากนั้นให้มาร่วมการฝึกซึ่งจัดขึ้นทุกวัน ลาได้เฉพาะเหตุบาดเจ็บหรือสุดวิสัยจริงๆ เท่านั้น จนกระทั่งผ่านการทดสอบหลังการฝึก ซึ่งกำหนดคร่าวๆ ไว้ว่าจะจัดในอีกสองถึงสามเดือนข้างหน้า หลังจากนำสมาชิกหน่วยทั้งหมดเข้าค่ายฝึกอย่างเข้มงวดตามสมควรแล้ว
ไม่จำกัดเชื้อชาติ ฐานะทางสังคม และอาชีพ คนที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือทหารอยู่แล้วก็สามารถเข้ารับการคัดเลือกได้ ขอเพียงแต่หากผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว ให้เดินเรื่องลาออกจากกรมกองเดิมให้เรียบร้อยเท่านั้น
การทดสอบนี้จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจากผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการทหาร ไม่ว่าจะเพราะต้องการชื่อเสียงเงินทอง พิสูจน์ฝีมือ หรือรับสวัสดิการ หรือไม่อาจสมัครเข้ากองทัพด้วยวิธีปกติได้ก็ตาม
แม้การผ่านการทดสอบขั้นต้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ใดที่ไม่ผ่านการทดสอบก็สามารถมาร่วมฝึก และเข้าทดสอบใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เนื่องจากการทดสอบเบื้องต้นทั้งหมดนั้นล้วนเป็นการทดสอบทางร่างกายอย่างหนักหน่วง ซึ่งแน่นอนว่าการฝึกซ้อมเป็นประจำจะช่วยได้มาก เสมียนหนุ่มบอกครอมว่าเขาเห็นคนเพียรกลับมาขอรับการทดสอบใหม่ได้สองสามครั้งแล้ว แต่หลายคนเมื่อไม่ผ่านก็หายแล้วหายลับไม่กลับมา
คุยกับชายวัยกลางคนได้พักหนึ่ง ชายหนุ่มก็เห็นใครอีกคนเดินตรงมาทางตน
ชายหนุ่มร่างผอมสูง ผมสีแดงกระเซิง เครื่องแต่งกายที่ยับและเก่าปอนผิดสถานะกลับกลายเป็นของคุ้นตา จนไม่ใคร่ชวนให้แปลกใจ
เขาจำอีกฝ่ายได้ แต่ครั้นอ้าปากจะทัก คนคนนั้นก็ชิงเรียกชื่อเขา...โดยนำหน้าด้วยคำว่า “ท่าน” อย่างนอบน้อมพิกล...ก่อนจะพูดต่อไป ทั้งๆ ที่เสมียนหนุ่มประหลาดใจจนได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“แหะๆ ข้ากลับมาอีกแล้วละขอรับ ท่านเสมียนจำได้ใช่ไหม ข้ารูดากันไง ที่มาเมื่อสองรอบก่อนแล้วยังไม่ผ่านน่ะ”
“อ...เอ้อ...จำได้สิ” ชายหนุ่มรีบรับ พร้อมกับเขียนชื่อโดยไม่ตั้งคำถาม “รูดากัน...อายุ...”
“สิบแปดขอรับ สามครั้งแล้วนา”
“อ...เอ้อ...ใช่ๆ สิบแปด”
ครอมเหลือบมองชายหนุ่มผมแดงด้วยสายตาเรียบๆ
“อาชีพ...ยังคงว่างงานขอรับ สองสัปดาห์แล้ว ข้ายังหางานใหม่ไม่ได้เลย” ชายผมแดงพูดพลางเกาหัวแกรก ก่อนจะดูเหมือนรู้ตัวว่ามีสายตาของบุคคลที่สาม “เห...ครูฝึกคนใหม่หรือขอรับ”
“เปล่า เขาก็มาทดสอบเหมือน...เอ้อ...เหมือนเจ้านั่นล่ะ” เสมียนรีบเปลี่ยนสรรพนามทันเวลา
“โอ้โห! อายุไม่ใช่ตัวเลขจริงๆ สินะขอรับ” ‘รูดากัน’ หัวเราะอีกครั้ง “ท่านคงจะมุ่งมั่นน่าดู มาเสียแต่เช้าเชียว”
“นกที่ล่าเหยื่อแต่เช้าตรู่ ย่อมมีโอกาสจับเหยื่อที่ดีที่สุด” เป็นคำตอบของชายวัยกลางคน
ชายหนุ่มผมแดงผงกศีรษะหงึกๆ พร้อมกับปรบมือช้าๆ
“คมจนบาดใจ ท่านต้องมีเคล็ดลับอะไรดีๆ ในการทดสอบนี้แน่เลย” ‘รูดากัน’ เปรยพลางฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร “กรุณาชี้แนะข้าด้วยนะขอรับ”
“ผู้ใดร้องขอคำชี้แนะจากผู้อื่น มักเป็นผู้ซ่อนดีในตัวมากกว่าที่แสดงออก”
“ลึกซึ้งนักๆ”
เสมียนหนุ่มหัวเราะเฝื่อนๆ ไปกับชายหนุ่มผมแดง ...เขาชักไม่แน่ใจว่าลูกชายคนรองของเจ้ามณฑลคิดจะเล่นแผลงๆ อะไร และเริ่มสงสัยว่าครอมน่าจะไปเป็นอาจารย์สอนบัณฑิต มากกว่าสมัครทหารในวัยปูนนี้
* * * * *
ซิอ์บุลพบว่าผู้เข้าทดสอบในวันนี้ยังคงมีมากมาย กะประมาณด้วยสายตาแล้วคงราวหกสิบถึงเจ็ดสิบคน เมื่อตั้งเป็นแถวหน้ากระดานยาวแล้วยังเลยเส้นทางวิ่งทดสอบยาวสิบวาไปเกือบเท่าตัว
ชายวัยกลางคนกวาดสายตา พบว่ามีหน้าเดิมอยู่เกือบสิบคน นอกจากนั้นเป็นหน้าใหม่ ไล่ไปตั้งแต่เด็กหนุ่มตอนปลายจนถึงสามสิบต้นๆ ...กระทั่งถึงสองคนสุดท้ายของแถว...เจ้าหนุ่มหัวแดงผมกระเซิงที่แกล้งส่งยิ้มประหม่ามาให้ กับชายวัยกลางคนไม่ห่างจากตัวนักรบแห่งทะเลทรายเอง ซึ่งมีร่างกายสันทัดเพรียวบาง ผมสีดำสนิทกับเคราสั้น ตัดกับนัยน์ตาสีฟ้าเทาแหลมคม
ซิอ์บุลเชื่อว่ารูอาร์คซึ่งแวะเวียนมาสอดส่องผู้สมัครที่เข้าตาบ้างคงคิดจะทำอะไรอยู่ ส่วนชายผมดำที่ดูมีอายุที่สุดในบรรดาผู้เข้าทดสอบของวันนี้นั้น...
...ไม่ธรรมดา...
หัวหน้าหน่วยย่อยคนใหม่ล่าสุดของมณฑลยาร์ลาธซ่อนความสงสัยไว้ และเริ่มอธิบายขั้นตอนการทดสอบทั้งหมดอย่างคร่าวๆ
ในฐานะงานชิ้นแรก เจ้ามณฑลเบเรคมอบหมายให้ซิอ์บุลสร้างหน่วยรบที่สามารถรับมือกับหน่วยพิเศษของมณฑลอุลทูร์ได้ เนื่องจากเขาเคยประมือกับนักรบหน่วยเรเวนมาก่อน และมีโอกาสสูงที่หน่วยรบจากมณฑลทางเหนือสุดของธีร์ดีเรนี้จะเป็นศัตรูตัวฉกาจในสงครามที่อาจเกิดขึ้น การทดสอบห้าอย่างเพื่อคัดกำลังพลจึงมีมาตรฐานสูงตามไปด้วย
ลำดับขั้นตอนทั้งหมดในการทดสอบวันเดียวนั้นถือว่าท้าทายความอึดของร่างกายเป็นที่สุด
สำหรับการวิ่งที่เป็นขั้นตอนแรกนั้น ผู้เข้าทดสอบถูกแบ่งเป็นรอบละสิบคน นาฬิกาทรายอันเล็กซึ่งจับเวลาสองนาที กับครูฝึกและสมาชิกซึ่งรับเข้ามาครั้งก่อนๆ ยืนประจำคอยตรวจตราแต่ละแถว และนับจำนวนครั้งของการวิ่ง มีผู้ไม่ผ่านการทดสอบราวยี่สิบคน
ที่น่าจับตามองคือผู้เข้าทดสอบวิ่งรอบหลังสุด รูอาร์คยังคงรักษาสถิติวิ่งตัวลอยเหนือใครตามคาด...แต่ก็ยังแพ้ชายวัยกลางคนนั้น เจ้าตัวซึ่งภูมิใจในความเร็วของตนเองมาโดยตลอดดูเหมือนจะประหลาดใจ กระทั่งอ้าปากค้าง เมื่อชายผู้มากวัยกว่ามีฝีเท้ารวดเร็วราวกับนกโผบิน
การทดสอบยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับที่ผู้ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนถัดมาค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ...ชายวัยกลางคนร่างสันทัดยังคงผ่านแต่ละอย่างมาได้อย่างไม่ลำบากนัก กระทั่งเรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งทางกายสูงกว่าคนหนุ่มกว่าหลายๆ คนในที่นี้ได้เต็มปาก
จนสุดท้าย ก็มาถึงการทดสอบขั้นที่ห้าในยามสาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สมาชิกคนก่อนๆ กับตัวผู้เข้ารับการทดสอบเองจับตามองมากที่สุด
การประลองอาวุธ
ซิอ์บุลเลือกดาบสองคมมือเดียวซึ่งมีความยาวปานกลางเสมอ ขณะที่ผู้เข้าทดสอบสามารถเลือกได้ตั้งแต่มีดสั้น ดาบสั้นกับโล่ ดาบมือเดียวเช่นกัน ดาบใหญ่สองมือ ไปจนถึงทวนศึกด้ามยาว
การเลือกอาวุธบ่งบอกเกี่ยวกับผู้ใช้ได้หลายอย่าง คนอ่อนประสบการณ์อาจเลือกทวนศึกหรือดาบใหญ่สองมือทั้งๆ ที่ไม่มีความชำนาญในอาวุธนี้ เพียงเพื่อหวังอาศัยระยะหวังผลที่ยาวกว่า แต่กลับเปิดช่องว่างเต็มไปหมด
ทว่าคนส่วนมากที่มีพื้นฐานอาวุธมาแล้วมักจะเลือกดาบมือเดียว ซึ่งเป็นอาวุธที่มีสมดุลดี ทั้งยังเป็นอาวุธที่นิยมใช้กันมากที่สุดในหมู่นักรบของธีร์ดีเร มิเช่นนั้นก็อาวุธที่ตนถนัดจริงๆ การดูพื้นฐานและไหวพริบจึงไม่ยากนัก ...หัวหน้าหน่วยย่อยคนใหม่ไม่หวังอะไรมาก นอกจากผู้เข้าทดสอบรู้ว่าตนใช้อาวุธที่มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่
คนที่พลั้งเผลอ รับหรือหลบการโจมตีไม่ได้เลยสักดาบย่อมไม่ผ่าน แต่หากเอาตัวรอดได้นานกว่านั้นก็ควรค่าแก่การพิจารณา
จากยี่สิบกว่าคนที่เหลือจากการทดสอบทั้งสี่รอบ สิบสองคนมีแววน่าสนใจ เวลานี้เหลืออีกสอง
รูอาร์คกับชายวัยกลางคนดังกล่าว
ดูเหมือนความพยายามที่จะคะยั้นคะยอให้ชายอีกคนลงสนามก่อนไม่เป็นผล ชายผมแดงจึงยักไหล่ ก่อนจะก้าวไปเลือกอาวุธ...ซึ่งเรียกเสียงโจษจันเซ็งแซ่จากทั้งผู้เข้าร่วมทดสอบ และสมาชิกหน่วยที่ผ่านเข้ามาแล้ว
เขาหยิบมีดสั้นราวสองคืบขึ้นมาควง โดยไม่สนใจเสียงพึมพำที่ว่า “ไม่ไหวหรอก” หรือ “ฆ่าตัวตายชัดๆ”
ซิอ์บุลซ่อนรอยยิ้ม ด้วยนึกอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะเลือกอาวุธชนิดนี้
รูอาร์คไม่ใช่คนมีกำลังมาก ทว่าร่างกายผอมเพรียวทำให้มีความคล่องตัวสูง ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะเลือกอาวุธสั้นซึ่งช่วยรักษาความว่องไวนั้น แม้จะเสียเปรียบเป็นอย่างมากในเรื่องระยะหวังผล อาเมียร์ย่อมเคยสอนกลยุทธ์สั้นสะกดยาวมาให้อีกฝ่ายเป็นแน่
“กรุณาชี้แนะด้วยขอรับ” ชายผมแดงค้อมคำนับ ก่อนจะเดินเข้ามาในลานประลอง และหยุดยืนห่างจากนักรบวัยกลางคนราววาครึ่ง ตั้งท่าย่อขา งอศอกขวาขนานไปกับช่วงอก จรดปลายมีดในมือขวาออกมาข้างหน้า ขณะที่แขนซ้ายตั้งเตรียมปัดป้อง รอสัญญาณเริ่มการต่อสู้จากกรรมการ
ซิอ์บุลอ่านแผนการของอีกฝ่ายออกตั้งแต่ก่อนเดินเข้าสนาม ...เนื่องจากอาวุธของชายผมแดงมีระยะสั้นกว่ามาก เขาย่อมต้องเลือกรุก มิเช่นนั้นจะเสียเปรียบหากนักรบวัยกลางคนบุกเข้าประชิดตัวได้ก่อน
หากว่าซิอ์บุลไม่ทันตั้งตัว ปลายมีดก็จะตรงเข้าหาจุดตาย แต่หากเขาชิงโจมตี รูอาร์คก็จะหลบและหาช่องว่างสวนกลับ เช่นเดียวกับพังพอนซึ่งฉวยโอกาสชั่วพริบตาก่อนงูฉก
“เริ่มได้!”
ทันทีที่มีเสียงตะโกน รูอาร์คก็พุ่งตัวเข้ามา
ซิอ์บุลกะจังหวะที่ชายหนุ่มใกล้เข้าถึงตัว ฟาดดาบในมือเป็นแนวเฉียงจากขวาไปซ้าย ทว่ารูอาร์คฉากหลบมาทางขวาของชายวัยกลางคน ยังผลให้หัวหน้าหน่วยย่อยปาดดาบกลับตามตีในทันที
ชายหนุ่มผมแดงเบี่ยงพ้นฉิวเฉียด และวนเข้าข้างหลังของคู่ต่อสู้ ซึ่งเป็นมุมอับโดยสากลของนักรบทั้งมวล ซิอ์บุลรู้สึกได้ว่ามีมือวางลงบนไหล่ซ้ายของตน รูอาร์คคงเหนี่ยวมันไว้เพื่อยืดตัวขึ้นใช้มีดสั้นแทงลำคอ...
ศอกขวาของนักรบวัยกลางคนกระแทกไปข้างหลังเต็มแรง
ถูกหน้าแขนของรูอาร์คเข้าถนัดถนี่ ซิอ์บุลได้ยินเสียงร้องเบาๆ และรู้สึกได้ว่ามีดของอีกฝ่ายกระเด็นไปข้างหลัง เขารีบหมุนตัวกลับมาทางซ้าย และใช้ดาบจ่อข้างคอชายหนุ่มไว้ทันที
รูอาร์คกลั้นหายใจ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงข้างใบหน้า สีหน้ายังไม่หายตกใจ
กระนั้น หัวหน้าหน่วยย่อยก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะประกาศ
“ผ่าน”
ชายหนุ่มนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะ และค้อมคำนับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับพร่ำขอบคุณ ดูดีใจเสียเต็มประดาราวกับจะร้องไห้ออกมา
รูอาร์คเก็บมีดก่อนจะเดินกลับไปที่ขอบสนาม เขาตรงเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่ยังไม่ได้ลงประลอง และทำท่าจะพูดละล่ำละลักกับอีกฝ่ายด้วยความปีติ ทว่าชายผมดำนั้นชิงเดินเลี่ยงออกมาเสียก่อน เพื่อไปหยิบอาวุธ
กรรมการประกาศว่าเขาชื่อครอม ซิอ์บุลตั้งใจจดจำชื่อพยางค์เดียวง่ายๆ นั้นเอาไว้ แม้ค่อนข้างแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของอีกฝ่าย
ครอมเลือกดาบแบบเดียวกับที่ซิอ์บุลใช้อยู่
นักรบวัยกลางคนขมวดคิ้วเมื่อเห็นการจับดาบของอีกฝ่าย
ในการทดสอบทางกาย การจดเท้าหรือวางมือยามไต่เชือกของอีกฝ่ายบอกต่อซิอ์บุลว่าชายผมดำนั้นถนัดมือซ้าย ...แต่เขากลับเลือกถือดาบในมือขวา
อย่างไรก็ดี หัวหน้าหน่วยย่อยปิดปากเงียบ และรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาประจำที่ ต่างคนค้อมศีรษะให้กันน้อยๆ ตามธรรมเนียม ก่อนจะตั้งท่าจดอาวุธเตรียมพร้อม
นัยน์ตาสีดำกับสีฟ้าเทาสบกันแน่วนิ่ง ขณะที่นักรบทั้งสองล้วนยืนนิ่งเป็นรูปปั้น จดจ้องคู่ต่อสู้ที่เบื้องหน้าตาไม่กะพริบ แม้ในขณะที่กรรมการประกาศอีกครา
“เริ่มได้!”
* * * * *
คนเขียนขอคุย
รู้สึกเหมือนตอนนี้เป็นตอนสนทนาภาษาหักเหลี่ยม และโชว์เทพบรรดาลุงๆ ...ขณะที่ดูลัสดูม่อยๆ ยังไงไม่รู้แฮะ ^^a
ปริศนาว่า “อาเมียร์” ที่อยู่กับท่านเบเรคในตอนนี้เป็นใคร ขอให้อดใจรอเฉลยสักนิดนะครับ แต่ก็มีคนเริ่มเดาๆ อะไรบางอย่างได้เกี่ยวกับเส้นผมแล้วแฮะ :)
สำหรับตอนนี้อาจจะมีคนสังเกตอะไรบางอย่าง...
...ผมชอบป๋าซิอ์บุล ลุงเบเรค กับฟีอาคราครับ =’ ‘=
ที่จริงคือเขียนแล้วรังสีโอจิค่อนครอบงำ =w=a เกิดความรู้สึกว่าลุงๆ ช่างเท่เหลือหลาย เป็นวัยที่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาถูกเคี่ยวจนงวด แทรกซึมเข้าไปในเนื้อ เหมือนสตูว์ที่ตุ๋นจนได้ที่...ประมาณนั้น
แต่ก็ไม่ใช่จะลืมพวกเด็กๆ นะครับ ^^a อยากเขียนให้รุ่นหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งอาเมียร์ แอช รูอาร์ค กับดูลัส ก้าวไปถึงจุดที่สร้างความเท่ได้แบบนี้บ้างครับ
สำหรับตอนหน้า การต่อสู้ระหว่างหมาป่ากับกาดำรอบโหมโรงจะเป็นยังไง ขอให้ติดตามชมต่อไปครับ ใครเป็นกองเชียร์ฝ่ายไหนก็แสดงตัวได้นะครับ ^^
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
2 เม.ย. 54 00:05:00
|
|
|
|