โลกแห่งกระจกคู่
...เคยลองเอากระจกเงาสองบานมาวางประจันหน้ากันมั้ย...
มันจะสะท้อนภาพของกันและกันไปไม่มีที่สิ้นสุด
ลึกลงไป ดำดิ่งลงไป
ในนั้นล่ะ...
คือโลกแห่งนิรันดร์
......................................................
นานแสนนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจำนวนมากตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นั่น
ด้วยฐานะมีอันจะกินทำให้เจ้าบ้านหลังนั้นเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน และแน่นอนว่ารวมถึงหมู่บ้านข้างเคียงด้วยเช่นกัน
และเช่นนั้นเอง เมื่อมีทารกซึ่งดูผิดแผกไปจากเด็กทั่วไปถือกำเนิดขึ้นจากหนึ่งในภรรยาของเจ้าบ้านหลังนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าบ้านไม่อาจทนรับได้
จากที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่โต แต่งตัวสวยงามทุกวัน กลับกลายเป็นโรงไม้เก็บของซอมซ่อที่ปลายเขตที่ดินขนาดมหึมา
ทารกน้อยเติบโตขึ้นท่ามกลางความรังเกียจของผู้คนในบ้านและเสียงสะอื้นไห้อันทุกข์ระทมของผู้เป็นมารดา
...และเพียงไม่นานเมื่อเด็กหญิงเริ่มรู้ความ มารดาก็จากไปตลอดกาลด้วยสาเหตุที่เด็กหญิงไม่อาจเข้าใจในขณะนั้น...
เมื่อไม่มีคนคอยดูแลและระแวดระวังไม่ให้เด็กหญิงเที่ยวออกมาเล่นนอกโรงไม้ ประตูโรงไม้หลังนั้นจึงถูกลั่นกุญแจปิดตาย
เด็กหญิงทำได้เพียงเห็นโลกภายนอกผ่านทางช่องหน้าต่างและรอยแตกเล็กๆ ของโรงไม้เท่านั้น
เธอได้เห็นว่าโลกภายนอกนั้นสวยงามเพียงใด ท้องฟ้านั้นกว้างไกลขนาดไหน แต่สิ่งเหล่านั้นที่เธอเห็นเธอเองกลับไม่เคยได้สัมผัสแม้เพียงสักครั้ง
เด็กหญิงจะได้พบกับหญิงรับใช้จากบ้านใหญ่เมื่อเธอมาส่งอาหารวันละสามครั้ง และนานๆ ครั้งเธอก็จะพบเด็กหญิงอื่นๆ จากบ้านใหญ่ที่แอบมาวิ่งเล่นกันแถวๆ นี้
ทั้งหมดล้วนแต่งตัวสวย เด็กทุกคนล้วนมีใบหน้าอิ่มเอิบยิ้มแย้มที่ได้วิ่งเล่นกันภายนอก
ทุกครั้งที่เด็กหญิงเห็นเธอมักจะยิ้มและพยายามทักทาย แต่ทุกครั้งที่เธอทักทายคนอื่นๆ มักจะพากันวิ่งหนีเธอไปหมด
ภายในกระท่อมมืดๆ เด็กหญิงจึงได้แต่ขดตัวเฝ้าดูคนอื่นๆ อย่างเงียบๆ เธอทำได้เพียงยิ้มเมื่อเห็นคนอื่นๆ ทำกิจกรรมกันภายนอก
...อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่เหงาและรู้สึกเดียวดายจนเกินไป...นี่เป็นสิ่งที่เด็กหญิงคิด
......................................................
วันเวลาผ่านไป เด็กหญิงเติบใหญ่จนเป็นสาวเต็มตัว เธอเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงภายในกรอบหน้าต่างบานเดิม
หญิงรับใช้ไม่ได้มีผิวพรรณผุดผ่องดังเช่นแต่ก่อน เนื้อหนังหน้าตาที่เคยเต่งตึงกลับเริ่มหย่อนคล้อยลง นี่สินะที่เรียกว่าความแก่ชรา
เด็กหญิงเด็กชายที่เอาแต่เที่ยววิ่งเล่นกันไม่เว้นแต่ละวันเองก็เปลี่ยนแปลงไป ใบหน้าเรียวยาวขึ้น ตัวสูงขึ้น ทั้งหมดนั้นเดินอย่างกรีดกรายและองอาจ ไม่มีใครวิ่งเล่นกันอีกแล้ว
หญิงสาวมองรูปร่างเสื้อผ้าของตัวเอง ชุดมอซอเนื้อตัวมอมแมมนี้ช่างต่างกันจริงๆ เธอเอามือลูบไล้ใบหน้าของตัวเอง
ตั้งแต่เกิดหญิงสาวไม่เคยเห็นใบหน้าของตัวเองเลยแม้เพียงครั้งเดียว สิ่งที่ทำได้คือจินตนาการจากสิ่งที่เคยได้พบได้เห็นมาเท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งมีกลุ่มชายแปลกหน้าเข้ามาในบริเวณบ้านของเจ้าบ้าน เขาทั้งหลายคุยกับหญิงสาวจากบ้านใหญ่ด้วยความสรวลเสเฮฮายิ่ง
และหนึ่งในนั้น...
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าดุจรูปสลักในจินตนาการของหญิงสาว ชายผู้ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกในใจได้เมื่อแรกเห็น
...อา หรือนี่เองที่เรียกว่าความรัก...
หญิงสาวพยายามยื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้หน้าต่างมากที่สุดเพื่อที่จะได้ยลโฉมชายในฝัน และเพื่อให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนต่างก็ทำหน้าแปลกๆ และเดินจากไป
......................................................
ค่ำคืนที่ดวงจันทร์ลอยเด่น เงาร่างหนึ่งเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ริมหน้าต่างโรงไม้
นี่ ฉันมีของดีจะให้เธอนะ
เสียงเล็กแหลมดังแผ่วเบามาทางช่องหน้าต่าง หญิงสาวเดินไปหาเงาร่างนั้น
เธอเป็นใคร
หญิงสาวพูดเป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีเธอเองก็จำไม่ได้
รับไปสิ
หญิงสาวรับด้ามจับซึ่งถูกติดด้วยวัสดุสะท้อนแสง เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับสิ่งของที่ไม่ใช่อาหารจากคนอื่น
เธอรู้มั้ยว่าทำไมเธอถึงถูกขังอยู่ที่นี่
หญิงสาวส่ายหน้า
จริงๆ แล้ว เพราะเธอเป็นคนสวยมากน่ะสิ ก็เลยมีแต่คนอิจฉา สุดท้ายแล้วเค้าก็เลยเอาเธอมาขังไว้ที่นี่นั่นล่ะ
พรุ่งนี้เธอลองส่องดูหน้าตัวเองนะ แล้วเธอจะได้รู้ว่าตัวเธอเองน่ะสวยขนาดไหน
เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดคุยกับเธอนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เธอได้ยินคำชื่นชมจากบุคคลอื่น หญิงสาวนอนกอดกระจกเงาที่ได้รับพลางยิ้มหลับไปอย่างเป็นสุขยิ่ง
......................................................
กรี๊ดดด.........ดดดด
เพล้งงง........งงงงง
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังจากโรงไม้สุดเขตที่ดินนั้น เมื่อแสงอาทิตย์แรกส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในกระท่อม หญิงสาวรีบยกสิ่งที่ได้รับมาเมื่อคืนก่อนขึ้นส่องด้วยความคาดหวังอันเต็มเปี่ยม
...แต่สิ่งที่เห็นมันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลยแม้แต่น้อย...
ตรงหน้าหญิงสาว กระจกเงาบานนั้นสะท้อนแต่สิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคิดออกมาให้เห็น
ฮ่ะๆๆ สมน้ำหน้า อัปลักษณ์แล้วยังไม่เจียม ริอ่านชายตามองเทพบุตร
เสียงเล็กแหลมที่หญิงสาวจำได้ดีดังมาจากที่เดิม
ทีนี้ได้รู้ความจริงสมใจแล้วล่ะสิ รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมแกถึงต้องถูกจับเอามาขังไว้ที่นี่ รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมใครๆ เค้าถึงรังเกียจแก
หญิงสาวหันไปมองน้ำตาเอ่อล้น สายตาเหยียดหยันสะใจนั้นราวกับต้องการจะให้ผู้ถูกจ้องโดนบดขยี้
รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมแม่แกถึงได้ไม่อยากอยู่กับแก
เสียงเน้นหนักนั้นเหมือนจะทำให้ความทรงจำบางอย่างหวนกลับมา
เพราะแกทีเดียวที่ทำให้ชั้นต้องลำบากถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ชั้นเป็นคนที่ท่านรักที่สุดแท้ๆ
เสียงหนึ่งที่ดูเหมือนจะคุ้นดูดังลอดผ่านกาลเวลา
แกมันลูกปีศาจ
แววตาดุดันนั้นมองมายังเด็กหญิง ก่อนที่ผ้าจะถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนขื่อ และทุกสิ่งของเด็กหญิงก็ดับวูบลง
หญิงสาวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เหวี่ยงกระจกไปทางหน้าต่าง เสียงกระทบและเสียงกระจกแตกดังสนั่น ผู้คนจากบ้านใหญ่ต่างแห่กันมาที่กระท่อมและลงโทษหญิงสาวท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของใครต่อใคร
เธอก้มหน้า น้ำตารินไหล หากแต่สายตาภายใต้ปรกผมนั้นกลับจ้องมองเหล่าคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่กระพริบ
กัดกรามแน่นราวกับต้องการจะบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คำสาปแช่งจากเสียงพึมพำที่เล็ดลอดออกมาไม่อาจดังผ่านไปเข้าหูของใครต่อใครที่มองเธอด้วยความสะใจ
......................................................
ค่ำคืนที่หญิงสาวเจ็บช้ำไปทั้งร่างกายและจิตใจ
...ไร้จุดหมาย ไร้จินตนาการ...
เธอไม่เคยพบปะใคร ไม่เคยได้พูดคุยกับใคร นั่นทำให้จิตใจของเธอเปราะบางกว่าที่ใครจะรับรู้ สิ่งที่เธอได้ประสบมาทั้งหมด บัดนี้กลับกลายเป็นความสิ้นหวังที่ทำให้หญิงสาวไม่อาจทนอยู่ได้อีกต่อไป
เธอหยิบกระจกเงาชิ้นใหญ่ที่แตกอยู่กับพื้นขึ้นมา มองใบหน้าของตัวเองในนั้น ลึกไปในดวงตา ไปยังความดำมืดที่สะท้อนกับกระจกเงาไปมาไม่รู้จักจบสิ้น
...มืดมิด อ้างว้าง เคียดแค้น...
แววตาที่บัดนี้น้ำตาได้เหือดแห้งไปแล้วบ่งบอกถึงความอาฆาตแค้นได้เป็นอย่างดี หญิงสาวกดคมกระจกชิ้นเล็กที่เหลือลงบนข้อมือทีละน้อย
ความดำมืดในจิตใจที่ขยายใหญ่ขึ้นจนกลืนกินทุกสิ่ง
...ลึกลงไป จมดิ่งลงไป...
โลกอันเป็นนิรันดร์ที่ความเคียดแค้นจะคงอยู่ตลอดไป
หลังจากคืนนั้นไม่มีใครได้พบเห็นหญิงสาวและโรงไม้หลังนั้นอีกเลย เจ้าบ้านและบุคคลที่อาศัยอยู่ที่นี่เริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น
ไม่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุไฟไหม้ครั้งที่ใหญ่ที่สุด หมู่บ้านที่เคยคับคั่งกลับกลายเป็นหมู่บ้านร้างภายในชั่วข้ามคืน
......................................................
โรงไม้หลังนั้นคงอยู่ภายในโลกแห่งนิรันดร์พร้อมกับความอาฆาตแค้นล้ำลึกของหญิงสาว และความอาฆาตสุดหยั่งที่เป็นตัวชักนำความแค้นทั้งมวลให้มาที่นี่จนมากมายมหาศาล
โลกแห่งกระจกเงาไม่รู้จบนั้นเป็นแกนกลางที่ทำให้โรงไม้ซึ่งในภายหลังปรากฏในรูปของร้านขายของปริศนาดำรงอยู่ได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
และชิ้นกระจกเงาซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันได้ถูกซ่อมแซมและดัดแปลงให้ใช้งานได้
...เพื่อที่มันจะได้ทำหน้าที่ชักนำความสิ้นหวังและความอาฆาตแค้นอื่นๆ ให้มารวมตัวกันที่นี่ต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
2 เม.ย. 54 20:26:13
|
|
|
|