Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 4).........ปีศาจขาว ติดต่อทีมงาน

=============
เรื่อง : จอมใจอเวจี
เขียนโดย : GTW
บทที่ 4 ปีศาจขาว
=============


ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10366483/W10366483.html


ไนท์และเฟรี่ พยายามหนีออกมาจากขอบอเวจี
แต่มาพบกับพวกของเทวบุตรเสียก่อน


---------------------


“ถ้าข้าชนะ พวกเจ้าผ่านไปได้ แต่ถ้าแพ้....”

เทวบุตรมารมาหันมามองทางเฟรี่แล้วพูดด้วยสีหน้าท่าทางดูใจยากเหลือเกินว่า

“ทิ้งผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ข้า”

“เฮ้ย....”

นั่นเป็นคำอุทานอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ของนักรบปีศาจ เทวบุตรมารตาเดียวฟังแล้วหัวเราะแค่นๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า

“ท่าทางผู้หญิงคนนี้จะมีความสำคัญกับเจ้ามากนะ ถึงแสดงอารมณ์หวงออกมาแบบนี้”

“มาร์ลาส เธอคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับข้า อย่าเข้าใจผิด แต่ข้าคิดว่าเธอไม่ควรมายุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเรา”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ถ้าเจ้าแพ้ข้ายังไงสาวคนนี้ก็ไม่รอดมือข้าอยู่แล้ว”

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

กระชากเสียงถามห้วนๆ อีกฝ่ายหัวเราะอย่างกวนอารมณ์ก่อนตอบว่า

“ก็ไม่ได้คิดทำอะไร วางใจได้ ข้าเป็นมารมากพอที่จะไม่ข่มเหงน้ำใจใคร แต่เพียงจะทดลองเอาเนื้อของสาวน้อยคนนี้มาผสมทำการพัฒนาอาวุธหนักทางชีวภาพของพวกเราเท่านั้น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ชนเผ่าชาวปีศาจ จะต้องเป็นพวกมาจากด้านบนอย่างไม่ต้องสงสัย”

“คิดบ้าๆ”

คราวนี้เฟรี่สวนขึ้นอย่างเหลืออด

“บ้ากันไปใหญ่แล้ว คิดได้ยังไงจะเอาเนื้อของข้าไปทำอาวุธ เนื้อข้าไม่ใช่ดินปืนนะเฟ้ย”

ทั้งไนท์และมาร์ลาสฟังแล้วสะดุ้ง หันไปมองหญิงสาวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วยังมีการหันมามามองกันด้วยสีหน้าท่าทางสงสัยไม่แน่ใจในหูของตัวเอง

“ได้ยินไหม..” เทวบุตรมารหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว

“เธอพูดว่าเฟ้ยด้วย อะไรกัน ข้านึกว่าพวกเบื้องบนจะต้องพูดเพราะๆเป็นอย่างเดียว นี่มีเฟ้ยซะด้วย”

“ได้ยินชัดเลย”

ไนท์ตอบเสียงเบาๆเช่นกันพลางชำเลืองมองคนถูกนินทาด้วยหางตา แต่ดูเหมือนคนถูกนินทาจะหูไวพอจะได้ยินคำพูดของทั้งสองจึงพูดด้วยเสียงดังฟังชัดขึ้นมาอีกว่า

“ไม่ต้องทำเป็นกระซิบกระซาบ ทำไมข้าจะพูดแบบนี้ไม่ได้ล่ะ จะให้พูดเพราะจ๊ะจ๋าทั้งวันได้ยังไงไม่ใช่นางเอกละครสักหน่อย แต่ยังไงก็ดีกว่าคนที่คิดจะเอาเนื้อคนมาทำเป็นส่วนผสมของดินปืนหรอก”

มาร์ลาสฟังแล้วทำคอย่นหันมากระซิบกับนักรบปีศาจอีกว่า

“ดุแบบนี้ไม่ยุ่งด้วยแล้ว จะไปไหนก็ไป ว่าแต่ยังไงเจ้าก็ต้องสู้กับข้าสักตั้ง อยากรู้มานานแล้วว่าเจ้าจะเก่งกว่าข้าแค่ไหนกัน ถ้าเจ้าชนะก็ผ่านดินแดนของข้าไปได้ แต่ถ้าแพ้ก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่หรือไม่ก็กลับไปทางเดิม”

“ตกลงตามนี้”

ไนท์รับคำสั้น ๆ มือกระชับด้ามดาบคู่ใจอย่างไม่ประมาท มาร์ลาสหัวเราะในลำคอ เป็นฝ่ายขยับเข้าหาอย่างช้าๆ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ข้าจะไม่ออมมือล่ะนะ”

เทวบุตรมารบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงมือ เปลี่ยนจากการขยับก้าวเดินอย่างช้าๆเป็นเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นมากะทันหัน ประกายดาบสีรุ้งเจิดจ้าโค้งฟาดผ่านลงมาจากฟากฟ้าก่อนถูกกำแพงสีดำสะบัดขวางประกายไฟกระจายออกเป็นไฟพะเนียงไปทั่วบริเวณ เฟรี่กระโดดหลบอย่างตกใจ สุนัขสามหัวถอยหลังกรูดอย่างตื่นตระหนกแต่คนทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารของเทวบุตรมารยังคงยืนสงบนิ่ง

ดาบประกายสายรุ้งผ่าฟ้าลงมาถูกดาบมารสีดำสนิทยกขึ้นสกัดกั้นไว้ทันท่วงที พลังแห่งดาบสายรุ้งเฉียดผ่านข้างกายของนักรบปีศาจไปทางด้านหลังและไม่กี่วินาทีต่อมาก็บังเกิดเสียงดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหว โขดหินขนาดย่อมห่างออกไปทางด้านหลังสองสามวาก้อนหนึ่งมีรอยแยกแตกออกเป็นสองส่วนพร้อมกับไอประกายวาววับละเอียดนับร้อยลอยพุ่งออกมาจากรอยแยกราวเป็นหิ่งห้อยหลากสีสันก่อนมอดลับดับแสงไปในที่สุด

ส่วนพลังดาบนิลกาฬฟาดขวางผ่านศีรษะของเทวบุตรมารไปอย่างฉิวเฉียดเช่นกัน พลังบางส่วนกรีดผ่านผ้าคาดหัวของมาร์ลาสจนขาดออกจากกันราวถูกตัดด้วยใบมีดคมกริบจนหลุดร่วงลงบนพื้นปล่อยให้เส้นผมยาวของนักรบตาเดียวหลุดลุ่ยลงมาปรกประระหน้าทันที ต้นไม้ตายซากต้นหนึ่งทางด้านหลังขาดออกจากกันเป็นสองท่อน ท่อนบนกระเด็นขึ้นไปในอากาศหมุนคว้างเป็นกังหันพักหนึ่ง ก่อนลงตึงลงมาบนพื้นหินแล้วล้มฟาดโครมครามลงไปในแนวป่า

การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันแต่เต็มไปด้วยความหวุดหวิดหวาดเสียว หญิงสาวชาวสวรรค์เอามือกุมออกจ้องมองอย่างใจหายใจคว่ำ ไม่เคยเห็นการต่อสู้อันน่าระทึกใจใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนในชีวิต

หลังจากนั้นคู่ต่อสู้ทั้งคู่ก็พากันเซถอยหลังออกไปจนละสี่ห้าก้าว ดาบในมือของคนทั้งสองสั่นไหวไปมาจนต้องพยายามกำด้ามดาบไว้แน่น มีเสียงครางกระหึ่มสะท้อนสะท้านไปมาเหมือนมีแผ่นเหล็กมหึมากำลังสั่นไหวอยู่ในอากาศ ลมกระโชกวูบพัดหวนขึ้นสูงหอบเอาฝุ่นดินกระจายจนหม่นมัว

เป็นเวลาเดียวกับกลุ่มหมอกสีดำพัดผ่านเข้ามาบริเวณของการต่อสู้ยิ่งทำให้บรรยากาศหนักอึ้งหนาทึบขึ้นไปอีกแล้วทั้งไนท์และมาร์ลาสก็หายวับไปจากสายตาของเฟรี่

หญิงสาวหันไปมองบริวารทั้งห้าของเทวบุตรมาร เห็นพวกนั้นเงยหน้าขึ้นไปมองบนอากาศ เลยแหงนหน้ามองตามไปบ้าง

ทั้งสองไม่ได้หายไปไหน แต่ลอยตัวขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเสียงกระทบกันถี่ยิบของโลหะจนแสบแก้วหูก่อนมีเสียงระเบิดตูม ร่างของคนทั้งสองกระเด็นไปคนละทิศละทาง

มาร์ลาสหมุนคว้างหลายรอบอย่างเสียการทรงตัวก่อนตกลงมาบนโขดหินขนาดใหญ่ห่างออกไปหกเจ็ดวาแล้วกลิ้งหลุดร่วงลงมากระแทกพื้นด้านล่าง เขาให้ดาบปักลงบนพื้นหินอย่างรุนแรงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทรงตัวจนเกิดประกายไฟสว่างวาบ แต่กระนั้นก็ยังเข่าอ่อนจนไม่อาจฝืนยืนอยู่ได้จนต้องคุกเข่าโครมลงบนพื้น มุมปากมีเลือดสีคล้ำไหลออกมาไม่ขาดสาย

ส่วนไนท์พลิกตัวกลางอากาศแล้วหล่นลงมาปักหลักยืนนิ่ง ท่าทางเหมือนไม่ได้เป็นอะไรแต่อึดใจต่อมามีเสียงเพี้ยะๆ ติดต่อกันหลายครั้งตามร่างกายแล้วปรากฏเลือดสีดำพุ่งออกมาจากบ่าซ้าย ชายโครงขวา กลางหลังหลั่งเป็นสายธารจนชุ่มโชกไปในทันที เขาต้องใช้ดาบปักโครมลงบนพื้นเป็นการพยุงตัวเช่นกัน
มาร์ลาสเงยหน้าขึ้นมอง เอามือขวาเช็ดคราบเลือดออกจากปาก แต่กลับมีเลือดไหลทะลักออกมาอีก เทวบุตรมารยิ้มแห้งๆแล้วยังมีหน้าหัวเราะก่อนบอกด้วยเสียงอ่อนล้าว่า

“ท่าทางข้าโดนหนักไม่เบาเลยนะ กำลังสนุกเลย ทะลึ่งมาเจ็บหนักเสียก่อน แล้วเจ้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

“ข้าก็โดนไม่เบาเหมือนกัน รู้สึกจะโดนดาบของเจ้าเข้าบริเวณบ่าซ้าย ชายโครงขวา กลางหลัง”

“ลึกมากไหม”

“คงประมาณหนึ่งนิ้ว แต่ข้ายังไหว”

นักรบปีศาจตอบแบบคาดคะเน หายใจหอบ มือจับดาบสั่นระริกแต่ยังพยายามทรงตัวให้มั่นคงแล้วดึงดาบขึ้นจากพื้นแต่ดาบคู่ใจไม่ยอมหลุดขึ้นมาจากพื้นง่ายๆเสียแล้ว

“ดึงดาบก็ไม่ขึ้น ยังจะมาทำซ่าอีก...”

มาร์ลาสเห็นแล้วหัวเราะหึหึในลำคอ  พยายามใช้ดาบเป็นเครื่องพยุงตัวลุกขึ้นมายืนอย่างลำบากยากเย็น ท่าทางบาดเจ็บภายในอย่างหนักหนาสาหัส

“ข้าก็ยังไหว..”

บอกพลางเอามือปาดเลือดออกจากปากอีก แต่ยังหัวเราะออกมาได้อย่างน่าหมั่นไส้ก่อนบอกเสียงขาดๆหายๆ

“แต่ท่าทางข้าคงดึงดาบไม่ไหว งั้นเรามาต่อยกันดีกว่า”

“นั่นล่ะ ที่ข้าต้องการ”

ไนท์บอกพลางปล่อยมือออกจากด้ามดาบ แล้วค่อยก้าวเดินออกมาซึ่งรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างคู่ต่อกรดูไกลแสนไกลเหลือเกิน ในขณะเทวบุตรมารหนุ่มก็โซเซก้าวตรงมาเช่นกัน

เฟรี่หันไปมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา แล้วขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ จนทั้งสองมาอยู่ห่างกันไม่ถึงสองวาก็วิ่งตรงเข้าไปพลางร้องเสียงสูงอย่างเหลืออดเหลือทน

“พากันบ้ากันไปหมดแล้ว หมดสภาพแบบนี้จะสู้กันได้ยังไง คิดจะฆ่ากันให้ตายไปทั้งสองฝ่ายเลยหรือไง เดี๋ยวข้าจะพิสูจน์ให้ดูว่าพวกเจ้ายังเหลือสภาพอยู่แค่ไหนกัน”

ว่าพลางเอามือขวาทุบลงไปกลางหลังของเทวบุตรมารเต็มแรง

“โอ๊ย...”

มาร๋ลาสสะดุ้งสุดตัวร้องเสียงหลงทรุดฮวบลงไปกับพื้นทันทีใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างไม่สามารถแสร้งข่มเก็บความรู้สึกไว้ได้อีก หญิงสาวยิ้มบริเวณมุมบอก หันไปมองเหยื่อรายต่อไป นักรบปีศาจซึ่งหยุดกึกโดยอัตโนมัติ

“นี่ก็อีกคน”

แล้วก่อนที่ไนท์จะตั้งตัวเฟรี่ก็ทุบโครมลงไปบนบ่าของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย..”

อาการเดียวกับนักรบตาเดียวไม่มีผิดเพี้ยน ร่วงผล็อยลงไปเป็นนกปีกหักอีกคน

“เห็นไหม...” ยิ้มดุๆอีกแล้ว

อาการปางตายขนาดนี้ยังจะมาสู้กันอีก เป็นไปได้ที่ไหนกัน”

มาร์ลาสฝืนยิ้ม ใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวค้ำยันพื้นเอาไว้มองหน้าคู่ปรับแล้วบอกอย่างลำบากยากเย็นว่า

“ข้าไม่ได้แพ้”

นักรบปีศาจพยักหน้ารับคำและตอบว่า

“เจ้าก็ไม่ได้ชนะ”

“เจ้าไม่ได้ชนะข้า ก็ผ่านทางในดินแดนข้าไปไม่ได้”

“ข้าไม่ได้แพ้ ก็ไม่ต้องกลับไปทางเดิม”

“แล้วเจ้าจะทำไง”

“ข้าจะข้ามแม่น้ำมรณะไป”

“หาเรื่อง..” มาร์ลาสหัวเราะในลำคอ
“เจ้าก็รู้ว่าฝั่งนั้นเป็นดินแดนของปีศาจขาว”

“ข้ารู้เรื่องนั้น แต่ข้าก็ไม่อยากขอร้องอ้อนวอนอะไรกับคนอย่างเจ้า”

ขณะนั้นเองสุนัขสามหัวพลันเห่ากรรโชกขึ้น หัวทั้งสามชูขึ้นเหมือนพยายามรับกลิ่นอะไรบางอย่าง บริวารของมาร์ลาสมีท่าทางตื่นตัวขึ้นมาทันที

“ท่าทางมีเรื่องอีกแล้ว” เทวบุตรมารพูดกับตัวเอง แต่ดังพอให้คนอยู่ใกล้ๆได้ยิน

บริวารทั้งห้าพากันวิ่งตรงหามา คนหนึ่งแยกตัวออกไปดึงดาบสายรุ้งขึ้นจากพื้นมาให้เจ้าของ ส่วนอีกคนหนึ่งดึงดาบออกมาวางพาดบ่าของไนส์

“เก็บดาบของเจ้า จะทำให้ข้าขายหน้าหรือไง”

มาร์ลาสบอกเบาๆแต่เต็มไปด้วยความเด็ดขาด นักรบเถื่อนหน้าเสีย รับคำและเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม

“นี่ๆๆ”

เฟรี่เอามือสะกิดบ่านักรบคนนั้น

“เจ้าไปเก็บดาบให้เขาที หัวหน้าเจ้าสั่งแล้วนี่”

ว่าพลางชี้มือไปยังดาบนิลกาฬของไนท์ซึ่งยังคงปีกพื้นอยู่ นักรบคนดังกล่าวมีสีหน้างงงัน แต่เฟรี่บอกย้ำอีกครั้งก็รีบวิ่งไปดึงดาบของนักรบปีศาจมาส่งให้หญิงสาวแบบคนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำตามคำสั่งนั้นด้วย รู้แต่ว่างง!

“ใช้ๆ แบบนี้จึงจะยุติธรรม” สาวชาวสรรค์บอกอย่างยิ้มแย้มแล้วก้มหน้าลงดูอาการทั้งสอง

“พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ตายเพราะมือเจ้าก็บาปแล้ว”

มาร์ลาสตอบพลางหัวเราะพลาง หากสายตาเขม้นมองไปยังแนวหมู่หินด้านข้างไกลออกไปซึ่งดูเหมือนจะมีเสียงอะไรบางอย่างดังแว่วใกล้เข้ามาและดูเหมือนว่าไม่ต้องรอคอยนานมากนักท่ามกลางม่านหมอกเลือนรางผู้มาเยือนกลุ่มใหม่ก็ปรากฏตัว

เฟรี่เห็นแล้วเข่าอ่อนมืออ่อน

ฝูงปีศาจนอกรีตหลายสิบตัววิ่งตรงมาอย่างดุร้ายด้วยรูปกายอัปลักษณ์พิกลพิสดารเหมือนหลุดออกมาจากฝันร้ายผิวดำสนิทเหมือนอาบด้วยความมืด รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่ใบหน้าคล้ายส่วนผสมของสัตว์ป่าหลายชนิด ท่าทางหิวกระหายเลือด การเคลื่อนไหวของพวกมันรวดเร็วว่องไวจนไม่น่าเชื่อ

“ปีศาจนอกรีตพวกนี้ไม่เคยบุกเข้ามาถึงที่นี่ สงสัยโลกปีศาจปั่นป่วนผิดปกติไปหมดแล้ว”

มาร์ลาสบอก  แต่คราวนี้ยิ้มแห้งๆ

“เสียดายข้าบาดเจ็บ ไม่งั้นงานนี้คงสนุก”

สุนัขสามหัวถูกปล่อยออกไป มันกระโจนเข้าไปในฝูงปีศาจร้ายตะกุยตะปบกัดด้วยคมเขี้ยวอันคมกริบ แต่ฝูงปีศาจดูเหมือนจะไม่ได้หวาดกลัว ดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสาย

คราวนี้เป็นหน้าที่ของห้านักรบบริวารของเทวบุตรมารพากันเรียงหน้าเข้าปะทะกันไม่ให้ถึงตัวผู้เป็นหัวหน้า

“พวกเจ้ารีบหนีไป”

มาร์ลาสพยักหน้าบอก
”อยู่ไปก็เกะกะมือเท้า”

เฟรี่ยื่นดาบให้เจ้าของแล้วก้มลงพยุงเขาขึ้นมาเอาแขนซ้ายของไนท์พาดบ่าแล้วใช้มือขวาของเธอพยุงด้านหลัง เลือดสีดำเปื้อนไปตามเสื้อผ้าสีขาวของหญิงสาวแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจเรื่องความสวยความงามแล้ว

"พอเดินไหวไหม” กระซิบถามเบาๆ

“ถ้าไม่โดนเจ้าทุบ คงเดินเร็วกว่านี้”

นักรบปีศาจบอกเสียงห้วนๆ ขณะพยายามยันตัวลุกขึ้น โดยใช้ฝักดาบพยุงตัวแล้วก้าวเดินอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ ไนท์อดหันไปมองไม่ได้

ทั้งห้านักรบเทวบุตรมารเรียงแถวเป็นแนวกั้นขวางทางเดินระหว่างโขดหินสองด้าน เป็นปราการมีชีวิตต้านทานกระแสปีศาจ ประกายดาบและเสียงคำรามสับสนไปทั่ว เป็นสภาพต่อสู้อันรุนแรงน่ากลัว

“เขาคงเอาตัวรอดได้นะ”

เฟรี่หันไปมองบ้างแล้วเอ่ยขึ้นลอยๆ

“เป็นห่วงเจ้ามาร์ลาสมันล่ะสิท่า”

“ยังไงพวกนั้นก็ดูเหมือนจะช่วยเรานะ”

“ช่วยยังไง พวกมันต่อสู้เพื่อตัวเองต่างหาก ไม่สู้ก็ตาย แล้วอย่าลืมสิว่าใครกันทำให้ข้าเป็นแบบนี้”

“ก็เป็นการต่อสู้กันนี่” หญิงสาวค้านอย่างไม่เห็นด้วย

“ สู้กันแล้วบาดเจ็บก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

“แล้วมาทุบข้าทำไม” ไนท์ยังไม่ยอมเลิกรา

“ก็ข้าซัดทั้งสองคนนั่นล่ะ จะตายอยู่แล้วยังจะมาต่อสู้กันโชว์สาวอีก”

“ใครเขาอยากโชว์กัน เข้าใจผิดแบบนั้นไม่ดีนะ”

เดินไปคุยไปแต่ก็เดินเฉไปเฉมาเหมือนปูนาขาเกเพราะอีกฝ่ายไม่อยู่ในสภาพปกติ

ไม่นานทิวทัศน์ข้างหน้าก็กระจ่างออกบ้างเมื่อมาถึงริมฝั่งน้ำ หากไม่สามารถมองเห็นฝั่งตรงข้ามได้เลยเนื่องจากหมอกสีหม่นลงหนาทึบ

“แม่น้ำแห่งความตาย ข้าได้ยินพวกเจ้าเรียกแบบนั้น”

เฟรี่ชวนคุยขณะพยุงให้นักรบปีศาจลงนั่งบนพื้นหินข้างแม่น้ำ ใบหน้าของหญิงสาวมีเหงื่อไหลซึมเสื้อผ้าก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีดำ

“แล้วเราจะข้ามไปได้ยังไงกัน”

“ว่ายข้ามไป”

ไม่ตลกเลยนะ”

หญิงสาวยืนเอามือกอดอกทำหน้าดุแต่ดูแล้วน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว

“แล้วสภาพของเจ้าตอนนี้ ขืนออกไปว่ายน้ำรับรองมรณะกลางสายน้ำแน่ๆ โดยที่ยังไม่ได้ตอบข้าเลยว่าโลกแบนหรือโลกกลม”

อีกฝ่ายยังไม่ได้โต้เถียงอะไรก็มีเสียงคำรามแหบต่ำดังมาจากแนวโขดหิน ปีศาจร้ายสามตัวปรากฏตัวให้เห็น รูปร่างคล้ายลิงขนาดยักษ์สูงสองเมตรกว่าๆเขี้ยวยาวเหมือนเสือเขี้ยวดาบ กรงเล็บงองุ้มเหมือนเล็บพวกแม่มด พวกมันไม่ได้มองมายังนักรบหน้ากาก หากจ้องมองมายังเฟรี่อย่างกระหายเลือด

“ท่าทางเนื้อของเจ้าจะส่งกลิ่นหอมไปทั่วแถบนี้แล้ว พวกมันถึงแห่กันมาที่นี่”

ไนท์บอกขณะยันตัวขึ้นมาจากพื้น เลือดยังไหลชุ่มโชก

“พวกมันเหมือนผ่านพวกของเทวบุตรมารมาได้ หรือพวกนั้น.....”

นักรบปีศาจจับกระแสกังวลในน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้ จึงตัดบทขึ้นว่า

“ไม่ต้องห่วงน่า พวกนั้นเอาตัวรอดได้ แต่ท่าทางเจ้าจะห่วงหมอนั่นมากนะ”

“ข้าไม่ได้ห่วงใครทั้งนั้น ข้าห่วงตัวข้าเองมากกว่า ตอนนี้เจ้าก็ห่วงตัวเองได้ พวกมันมากันแล้ว ทำไงดี”

หญิงสาวมาหลบอยู่ข้างๆ ไนท์กัดฟันลุกขึ้นยืนเต็มตัว ยกดาบขวางระหว่างคิ้ว มือยังสั่นระริก

พวกปีศาจเคลื่อนตัวอย่างว่องไวพริบตาก็มาอยู่เบื้องหน้าของทั้งสองพร้อมด้วยเสียงคำรามก้อง กรงเล็บของพวกมันมีเป้าหมายจะขยี้ให้แหลกยับและฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 23:58:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com