มณีนาคินทร์ ตอนที่ 28 - 29
|
 |
ตอนที่ 28
เมื่อกล่าวคำขออนุญาตต่อเจ้าที่แล้ว พญานาคหนุ่มจึงเดินสำรวจลึกเข้าไปเรื่อยๆ แสงขวัญหยิบมณีนาคินทร์ออกมาถือไว้ในมือ แสงสว่างจากดวงมณีดวงน้อยเปล่งประกายออกมา ส่องแสงทั่วถ้ำให้สว่างจนเห็นสภาพภายในถ้ำชัดเจน หินงอกหินย้อยที่เกิดตามธรรมชาติงดงาม ยามต้องแสงแห่งมณีในมือของเขา ยิ่งเพิ่มความตระการตายิ่ง เขาเิดินลึกเข้าไปอีก คูหาถ้ำถูกแบ่งออกเป็นห้องๆ ด้วยธรรมชาติของมันเอง แต่ละห้องก็มีหินประหลาดรูปร่างทั้งแปลกและงดงาม จนกระทั่งสิ่งที่ทำให้ พระอนุชาของแสงฟ้าถึงกับตาโต เบื้องหน้า คือ...กองมหาสมบัติมากมาย กองสูงท่วมหัว
ภาพของแสงขวัญกำลังนั่งขัดสมาธิ บำเพ็ญเพียร และรักษาตัว โดยมีพลังอำนาจของเหล็กไหลที่อยู่ภายในถ้ำ เป็นพลังเสริมในการรักษา และเพิ่มความรุ่งเรืองแห่งทิพยอำนาจ กัญชพรเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าแสงขวัญที่กำลังนั่งหลับตาในท่าขัดสมาธิ และพูดว่า
กัญไม่รู้มาก่อนว่าชีวิตของพี่แสงขวัญจะน่าสงสารขนาดนี้
หญิงสาวก้มหน้ามองมณีนาคินทร์ที่ห้อยอยู่ในคอของเธอ กัญชพรหยิบเจ้ามณีดวงน้อยที่ห้อยคอขึ้นมาจ้องมอง และหันกลับไปมองพระแสงฟ้า และเอ่ยถามท่านว่า
นี่ใช่มั้ยคะ มณีนาคินทร์ของจ้าวแสงมณี?
พระแสงฟ้าพยักหน้าเป็นคำตอบ กัญชพรค่อยๆ กำดวงมณีที่ห้อยคอไว้ในกำมือของเธอ และพูดว่า
ทำไม พวกเขาใจร้ายขนาดนี้ ทำร้ายจ้าวแสงมณีอย่างเลือดเย็น
น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นออกจากดวงตาคู่สวยซึ้ง เพราะความสงสารในชะตาชีวิตของจ้าวแสงมณี น้ำตาที่ไหลผ่านแก้มนวลใสของกัญชพร หยดลงโดนมณีนาคินทร์ที่อยู่ในกำมือของเธอ พลันเกิดเหตุการณ์ประหลาด มณีนาคินทร์ต้องโดนน้ำตาของผู้เป็นเจ้าของใหม่ของมัน เกิดประกายเรืองแสงแวววาวขึ้นทันที กัญชพรเองก็ตกใจ ปล่อยมือและหลับตาลงทันที เพราะแสงที่เปล่งประกายเป็นสีเงินยวงจ้าจนไม่สามารถลืมตามองได้ เพียงชั่วอึดใจ แสงประกายจ้าจากดวงมณีนาคินทร์ก็หดกลับเข้าไปในมณีดวงน้อยเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ กัญชพรลืมตาขึ้น และก้มมองดวงมณีที่ห้อยคอ มณีนาคินทร์ดูสุกและสดใสกว่าเดิม หญิงสาวรีบหันไปถามหลวงพี่ทันที
เกิดอะไรขึ้นหรือคะหลวงพี่?
เจ้าเพิ่มพลังให้มณีนาคินทร์ ตอนนี้มณีนาคินทร์เป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์ เจ้าเท่านั้นที่ใช้มันได้ หลวงพี่กล่าว
หมายความว่ายังไงคะ? กัญชพรยังไม่เข้าใจในคำกล่าวของพระแสงฟ้า
มณีนาคินทร์หากถูกเอาออกจากตัวของพญานาคแล้ว มันจะถดถอยทิพยอำนาจลงครึ่งหนึ่ง การที่มณีนาคินทร์จะมีทิพยอำนาจเหมือนเดิมได้ ต้องใช้น้ำบริสุทธิ์ที่ไหลออกจากกายของผู้ที่มีจิตใจที่บริสุทธิ์และงดงามเท่านั้น น้ำตาของเจ้าที่ไหลออกมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ เมื่อต้องโดนมณีนาคินทร์ มันจึงคืนทิพยอำนาจเหมือนเดิม และผู้ที่คืนทิพยอำนาจให้มันเท่านั้นจะเป็นผู้ที่สามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์ จำไว้กัญชพร ใช้มันให้ถูกทาง ระวังตัวให้ดี
ประโยคสุดท้าย พระแสงฟ้าเตือนกัญชพรไว้ล่วงหน้า
เรากลับกันได้แล้ว พระแสงฟ้าบอก กัญชพรหันไปมองร่างของแสงขวัญที่นั่งหลับตาสงบนิ่งบนก้อนหินใหญ่ รอบกายของเขามีแสงเรืองๆ เป็นสีออกม่วงจางๆ ภาพเบื้องหน้าของเธอค่อยๆ ดับวูบลง
กัญชพรลืมตาขึ้นช้าๆ แม้ในห้องจะดับไฟหมด แต่ก็ยัีงมีแสงสว่างจากดวงจันทราที่ส่องแสงเล็ดรอดผ่านบานหน้าต่างของห้องเข้ามา ทำให้ห้องนอนของกัญชพรสว่างนวลตา กัญชพรนอนลืมตามองเพดานห้องตัวเอง คิดทบทวนถึงความฝัน สักพักเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง มณีนาคินทร์ยังคงห้อยอยู่ที่คอระหงของเธอไม่ห่าง มันถูกห้อยตกลงมาอยู่ระหว่างกลางทรวงอกที่ปกปิดไว้ด้วยชุดนอนสีขาวครีมแขนกุด คอกลม กัญชพรเอามือหยิบดวงมณีที่หว่างทรวงอกของตัวเองขึ้นมา จ้องมองดูมันและพูดกับตัวเองว่า
ถ้าความฝันเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง กัญขอเห็นภาพพี่แสงขวัญ ว่าตอนนี้พี่แสงขวัญปลอดภัยดีมั้ย?
เมื่อจบคำขอของกัญชพร เธอเพ่งสมาธิไปที่ดวงมณีในมือของตัวเอง มณีนาคินทร์ค่อยๆ เรืองแสงขึ้น ภาพของแสงขวัญในชุดนาคราชปรากฏ เขานั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งสักแห่ง กัญชพรดีใจจนเสียสมาธิ แล้วภาพนั้นก็ดับวูบหายไป
ทำไมได้ผลแค่แป๊บเดียวล่ะ? กัญชพรกล่าวอย่างผิดหวัง
อำนาจจิตของท่านยังอ่อนเกินไป ยังไม่พอที่จะดึงพลังของมณีนาคินทร์ออกมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์
เสียงอัญญาณีดังมาจากประตูทางเข้ามาจากระเบียงห้อง
คุณอัญญานี!
กัญชพรดีใจเมื่อได้พบนางนาคีพี่เลี้ยงจำเป็นอีกครั้ง
ดีใจจริงที่ได้พบคุณอีก กัญชพรรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน และรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหานาคีสาวที่ยืนยิ้มหวานให้หญิงสาว กัญชพรเดินมาหยุดตรงหน้าอัญญานี นางนาคสาวยิ้มและกล่าวว่า
ข้าไม่เคยอยู่ไกลท่านหรอก เพราะข้าบอกแล้วมิใช่หรือ หน้าที่ของข้าคือคุ้มครองท่านแทนจ้าวแสงขวัญ
เมื่อสักครู่ คุณพูดถึงเรื่องอำนาจจิตของกัญอ่อนเกินไปใช่มั้ยคะ? กัญชพรทวนประโยคถาม
ถูกต้อง อัญญานีตอบ
แล้วมีวิธีไหนบ้างคะที่จะเพิ่มพลังการใช้ได้? กัญชพรสงสัย
ท่านต้องไปพบใครคนหนึ่ง แล้วให้ท่านผู้นั้นชี้แนะให้ พี่เลี้ยงจำเป็นตอบ
ใครคะ? กัญชพรถามทันที แล้วจิตของเธอก็นึกไปถึงพระแสงฟ้า
หลวงพี่...จริงด้วย ตั้งแต่มาถึงที่นี่กัญยังไม่เคยได้ไปกราบนมัสการหลวงพี่เลย กัญชพรเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วเธอก็เงยหน้ามองนางนาคีสาว และพูดว่า
ขอบคุณนะคะคุณอัญญานี มีอีกเรื่องที่กัญอยากขออนุญาตจากคุณ
อัญญานีเลิกคิ้วสวยทั้งสองข้างเป็นการถามแทนคำพูด
เอ่อ...กัญไม่เคยมีพี่สาว ถ้าคุณไม่รังเกียจ กัญขอเรียกคุณว่า...พี่...ได้มั้ยคะ?
รอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากงามของนางอัญญานีอย่างปลาบปลื้ม กัญชพรเห็นรอยยิ้มของนาคีสาว เธอก็โผเข้าไปกอดร่างนางนาคสาวทันที
ขอบคุณค่ะ กัญชพรกล่าว อัญญานีสวมกอกร่างหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม รู้สึกรักและเอ็นดูนางมนุษย์น้อยนี้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
รถตู้สีขาวแล่นมาจอดหน้าปากทางเข้าวัดป่า ด้วยทางเดินเข้าเป็นทางแคบๆ รถยนต์หรือรถใหญ่ใดๆ ไม่สามารถแล่นผ่านเข้้าไปได้ นายเปี๊ยกคนขับเจ้าเดิมรีบเปิดประตูด้านคนขับและรีบลงจากรถ วิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้กัญชพรและแม่นิ่มลงมา เมื่อทั้งสองลงรถเรียบร้อย นายเปี๊ยกผู้ซื่อสัตย์ก็ปิดประตูเบาๆ กัญชพรมองป้ายชื่อวัด และหันไปคุยกับแม่นิ่มว่า
ตั้งแต่หลวงพี่บวช และำจำพรรษาอยู่ที่นี่ กัญไม่เคยได้มาเยี่ยมท่านเลย
ค่ะ แม่นิ่มตอบรับ
เราเข้าไปข้างในกันเถอะแม่นิ่ม กัญชพรชวนแม่นมของเธอ นายเปี๊ยกยืนรอคำสั่ง แม่นิ่มหันมาทางนายเปี๊ยกและพูดว่า
รออยู่ที่รถนี่แหละนายเปี๊ยก
ได้ครับยาย เชิญตามสบายครับ นายเปี๊ยกตอบและยิ้ม กัญชพรและแม่นิ่มจึงเดินหน้าเข้าวัดไป
กัญชพรและแม่นิ่มเดินมาจนถึงโบสถ์พระประธานหลังเล็ก ทั้งนายสาวและแม่นมต่างพากันเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ ก่อนจะเดินเข้าไปถามหาพระแสงฟ้า
พระประธานองค์ใหญ่ปางสมาธิ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีที่ประดับประดาไปด้วยกระจกสีสันสวยงามของช่างฝีมือดี พระพักตร์แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงทอดสายพระเนตรมองเหล่าสรรพสัตว์นั้นช่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเมตตายิ่ง กัญชพรและแม่นิ่มนั่งพับเพียบ ประนมมือก้มกราบพร้อมกันสามครั้ง ภายในโบสถ์ไม่มีการเปิดพัดลม แต่อากาศภายในกลับเย็นสบาย เมื่อกราบพระครบสามครั้ง กัญชพรจึงเงยหน้ามองพระพักตร์พระประธาน จ้องมองท่านอยู่ไม่นาน ก็มีเสียงเณรน้อยรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลังของคนทั้งสอง
โยม หลวงพี่แสงฟ้า ให้มาเชิญพวกโยมไปพบ เสียงนุ่มๆ ของเณรน้อยบอก สองสาวต่างวัยพากันหันไปทางเ้จ้าของเสียงพร้อมกัน
ท่านรู้หรือเจ้าคะ ว่าพวกเราจะมาพบ? แม่นิ่มยกมือประนมถามอย่างสงสัย เณรน้อยหน้าใสยิ้มเห็นฟันขาวซี่เล็กๆ เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ตอบโยมยายว่า
รู้สิโยมยาย หลวงพี่คอยอยู่แล้ว ตามเรามาสิ
เณรน้อยพูดจบก็หันหลังก้าวเดินออกจากประตูโบสถ์ไป
ไปเถอะแม่นิ่ม กัญชพรเร่งแม่นมของเธอ แล้วพาตัวเองลุกขึ้นก่อน และหันไปพยุงร่างแม่นิ่มให้ลุกขึ้นตาม ทั้งสองพากันเดินตามเณรน้อยออกไปจากโบสถ์
ที่กุฏิของพระแสงฟ้า เณรน้อยขึ้นไปนั่้งคอยก่อนที่โยมทั้งสองจะตามขึ้นไป กัญชพรและแม่นิ่มค่อยๆ คลานเข้าไปนั่งห่างพอประมาณเบื้องหน้าพระแสงฟ้า
ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง พระแสงฟ้าเอ่ยทักทาย กัญชพรและแม่นิ่มก้มกราบท่านพร้อมกัน
กัญและแม่นิ่มมากราบมนัสการหลวงพี่ค่ะ หลวงพี่สบายดีมั้ยคะ? กัญชพรถาม
อาตมาสบายดีตามอัตภาพน่ะ หลวงพี่ตอบ
คือว่าวันนี้ นอกจากที่กัญกับแม่นิ่มจะมาเยี่ยมหลวงพี่แล้ว กัญมีเรื่องจะมาปรึกษาค่ะ กัญชพรเิ่ริ่มสนทนาเข้าเรื่องที่ตั้งใจ
อาตมารู้เรื่องหมดแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร อาตมาอยากให้โยมน้องกัญอยู่ที่วัดนี้สักระยะได้มั้ย? พระแสงฟ้าบอก
กัญชพรหันไปมองหน้าแม่นิ่ม แม่นิ่มก็เลยบอกกับเธอไปว่า
ขึ้นอยู่กับตัวคุณกัญค่ะ แม่นิ่มยังไงก็ได้
อาตมาจะให้โยมน้องกัญฝึกสมาธิเสียที่นี่ ท่านพูดต่อ และหันไปทางแม่นิ่ม และพูดต่ออีกว่า
โยมนิ่มจะอยู่ด้วยก็ได้นะ แม่นิ่มยิ้มและตอบว่า
ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ แม่นิ่มขออยู่ด้วยคนก็แล้วกัน ไม่ได้เข้าวัดเข้าวามาถือศีลก็นานโขอยู่ ถือโอกาสนี้เสียเลย
แล้วก็นึกขึ้นได้ แม่นิ่มจึงหันไปพูดกับนายสาวว่า
พวกเราต้องกลับไปบอกคุณรัศมีกับคุณตวงก่อนหรือเปล่าคะ?
ไม่ต้องหรอกจ้ะแม่นิ่ม กัญเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้น้ารัศมีเรียบร้อยแล้ว กัญชพรตอบ แม่นิ่มทำหน้าสงสัย
ตอนที่ 29
กัญชพรและแม่นิ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ทางแม่ชีที่วัดจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย เครื่องประดับทุกชิ้นถูกถอดและฝากแม่ชีเก็บไว้ให้อย่างดี ยกเว้นเพียงสิ่งเดียวที่กัญชพรไม่ยอมให้ห่างกาย...มณีนาคินทร์...ที่ยังคงห้อยอยู่ที่คอของเธออยู่
กัญชพรและแม่นิ่มสวมชุดสีขาว ทั้งคู่เดินออกมาพบนายเปี๊ยกซึ่งยังคงนั่งรออยู่ในรถ เมื่อเห็นนายสาวและแม่นมในชุดขาวเดินออกมา คนขับผู้แสนดีก็แปลกใจ รีบเปิดประตูรถตู้ด้านคนขับแล้วลงมายืนคอยทันที เมื่อเดินไปใกล้นายเปี๊ยกพอประมาณ กัญชพรหยุดยืน แม่นิ่มก็หยุดอยู่ข้างหลังกัญชพร นายสาวพูดกับนายเปี๊ยกว่า
นายเปี๊ยกขับรถกลับไปก่อนนะ อีกเจ็ดวันข้างหน้านับจากวันนี้ ให้มารับพวกเรากลับไป
นายเปี๊ยกทำหน้าไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามนายสาวว่า
คุณกัญจะอยู่ที่วัดนี้หรือครับ?
จ้ะ กัญชพรตอบ และยิ้มให้คนขับรถ และพูดต่อว่า
นายเปี๊ยกกลับไปที่บ้านพักตากอากาศ แล้วห้ามบอกน้ารัศมี ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนได้มั้ยจ๊ะ?
ครับ ได้ครับ ไม่บอก ผมรับรองได้ นายเปี๊ยกรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ขอบใจจ้ะ นายเปี๊ยกกลับไปได้แล้ว กัญชพรบอก
ครับ แล้วอีกเจ็ดวันนับจากวันนี้ ผมจะขับรถมารับคุณกัญและยายนิ่มนะครับ นายเปี๊ยกบอก กัญชพรพยักหน้ารับ จากนั้นกัญชพรก็พาแม่นิ่มเดินกลับเข้าไปตามทางเดินของวัดเหมือนเดิม นายเปี๊ยกจึงรีบกลับไปขึ้นรถและสตาร์ทรถขับออกจากหน้าวัดป่าไป
กัญชพรในชุดขาวบริสุทธิ์เดินนำหน้าแม่นิ่มซึ่งอยู่ในชุดสีขาวเหมือนกัน ทั้งคู่ก้าวเท้าตามกันเข้าไปในโบสถ์ พระแสงฟ้านั่งสมาธิหันหน้าเข้าหาพระประธานของโบสถ์คอยอยู่ก่อนแล้ว ศิษย์ต่างวัยทั้งสองค่อยๆ คุกเข่าและคลานเข้าไปนั่งอยู่เบื้องหลังพระแสงฟ้า ทิ้งระยะห่างพอประมาณ ก้มกราบพระประธานสามครั้งพร้อมกัน กัญชพรจัดท่านั่งขัดสมาธิคล้ายพระแสงฟ้า แม่นิ่มทำตามนายสาว พระแสงฟ้านั่งสมาธินิ่งไม่ไหวติง แล้วท่านก็เอ่ยทางวาจาโดยไม่ลืมตาว่า
ตลอดเจ็ดวัน นับตั้งแต่วันนี้ โยมน้องกัญต้องฝึกจิตให้เข้มแข็ง จงนั่งหลับตาทำสมาธิให้แน่วแน่
กัญชพรและแม่นิ่มทำตามที่หลวงพี่แสงฟ้าแนะนำ โดยเฉพาะกัญชพรเธอมุ่งมั่น ต่อการมาครั้งนี้มาก
อะไรกันนี่!... รัศมีโวยวาย ขณะถือกระดาษจดหมายสีขาวที่กางออกอ่านแล้วฉบับหนึ่งอยู่ในมือ ตวงสิทธิ์เดินเข้ามาพอดี
อะไรกันครับคุณแม่ เสียงดังตกใจหมด
ตวง ดูนี่สิ รัศมียื่นกระดาษจดหมายสีขาวให้ลูกชายสุดสวาท ตวงสิทธิ์รับกระดาษจดหมายมาจากมือมารดา และเอามันมาอ่านข้อความบนกระดาษแผ่นนั้น อ่านไปจนจบ เขาจึงอุทานเสียงดังว่า
อ้าว!...ไหงทำยังงี้ล่ะ?
ตวงสิทธิ์หันไปมองหน้ามารดาของเขา ที่ยืนจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
น้องกัญกับแม่นิ่มไปบวชชีพราหมณ์ โถเอ๊ย!...ประสาทกันไปใหญ่แล้ว นี่เรามาพักผ่อนนะ
ตวงสิทธิ์ขยำกระดาษสีขาวในมือด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วขว้างเจ้าก้อนกระดาษในมือลงไปบนโต๊ะ
แม่ว่าต้องเป็นแม่นิ่มแน่ๆ เลย พอมาก็ได้เรื่องเลย รัศมีสรุป
เอาเถอะครับคุณแม่ เมื่อมันเป็นไปแบบนี้ เราสองคนก็คงทำอะไรไม่ได้ คงต้องรอให้ไอ้เปี๊ยกมันกลับมาก่อน ค่อยถามความกับมัน โธ่โว้ย! ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้นะ ตวงสิทธิ์สบถด้วยความรำคาญ และเดินออกจาบ้านพักไป ทิ้งให้รัศมียืนมองตามหลังลูกชายสุดที่รักไป แล้วหันกลับไปมองเจ้าก้อนกระดาษที่ถูกปาลงบนโต๊ะและกระเด็นตกไปกองที่พื้นบ้าน
เพียรนั่งหลับตาเข้าสมาธิต่อหน้าแท่นพิธีบูชา โดยมีรูปปั้นพญาครุฑตั้งอยู่สูงสุดของแท่นพิธีนี้ ปากบ่นพร่ำบริกรรมคาถาอย่างขมีขมัน เพียงครู่เกิดลมพัดเข้ามาภายในห้องอย่างแรง โดยไม่มีวี่แววว่าจะมีฝนตก หรือเค้าของพายุเลย ข้าวของภายในห้องพิธีต่างล้มระเนระนาด ยกเว้นเพียงร่างกายของชายวัยชรา กับแท่นพิธีที่มีรูปปั้นพญาครุฑเท่านั้นที่ไม่ไหวติง แล้วลมพายุที่พัดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ก็สงบลง กายทิพย์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นภายในห้องพิธี ยืนองอาจ สง่างามไร้ที่ติ แต่ติดเพียงแค่ส่วนของปากที่ค่อนข้างจะยื่นแหลมออกมาเล็กน้อย ดวงตาที่คม เฉียว ยาวรี เฉียงขึ้นไปด้านข้างเล็กน้อย คิ้วโก่งเป็นคันศรสวยงาม แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อเนียนสีขาวบริสุทธิ์ขริบริมเดินเส้นด้วยเส้นไหมสีทอง สวมสังวาลสีทองประดับด้วยอัญมณีนพเก้าตลอดทั้งเส้น ยืนกอดอกเปล่งวาจาอันทรงพลังว่า
เจ้ามนุษย์...อยากพบข้าด้วยเรื่องอันใด?
เพียรได้ยินเสียงผ่านโสตประสาทหูปกติ จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากสมาธิ และหันไปมองยังทิศทางของเจ้าของเสียงเมื่อครู่ เมื่อได้เห็นชัดว่าผู้ที่ยืนอยู่นั้นมีตัวตนจริง เขาแน่ใจทันทีว่า ต้องเป็นผู้ที่เขาต้องการพบมาตลอดชีวิตแน่นอน
โอ...ท่านพญาครุฑใช่หรือไม่? เพียรถามอย่างดีใจยิ่ง
แล้วเจ้าคิดว่าเราเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พญาครุฑ พญาครุฑตอบ
โอ...เ็ป็นท่านจริงๆ ด้วย ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้พบท่าน เพียรพูดไปน้ำตาเริ่มคลอ
เอ้า...มัวแต่ดีใจอยู่นั่น ว่าไปซิเจ้ามนุษย์ เพราะเหตุใด เจ้าถึงอยากพบข้านัก ถึงได้บำเพ็ญเพียรอ้อนวอน จนร้อนไปถึงตำหนักของข้า
พญาครุฑกล่าวอย่างรำคาญ ดูท่าทางพญาครุฑตนนี้จะไม่ค่อยสบอารมณ์กับการต้องลงมาพบกับมนุษย์สักเท่าไหร่นัก
ข้ามีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านครับ เพียรรีบบอกจุดประสงค์ พญาครุฑหนุ่มมองจ้องมาทางเจ้ามนุษย์ผู้มากวัยตรงหน้า และถลึงตาถามว่า
เจ้าหรือต้องการความช่วยเหลือจากข้า มันจะไม่มากไปหน่อยหรือมนุษย์?
โธ่! ท่าน...อย่าเพิ่งโกรธข้าสิ ข้าอยากให้ท่านฟังข้าก่อน
เพียรพยายามอธิบาย พญาครุฑหนุ่มนิ่งมองจ้องตามนุษย์มากวัยตรงหน้าเพียงครู่ เห็นความมุ่งมั่นบางอย่างในดวงตา และความศรัทธาที่เขามีต่อตัวของพญาครุฑเอง ทำให้ท่านลดอารมณ์โกรธาลง และพูดต่อว่า
เอาล่ะ เห็นแก่ศรัทธาที่เจ้ามีต่อข้า ว่าไปซิ ว่าเจ้ามีเรื่องอันใด?
คือว่า ข้าน้อยต้องการมณีนาคินทร์จากนางมนุษย์คนหนึ่ง...
เพียรพูดยังไม่ทันจบก็โดนสวนกลับมาทันทีว่า
นางมนุษย์...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ทำไมเจ้าไม่จัดการเอาเองเล่า ในเมื่อเจ้าเองก็มีวิชาอาคมเก่งกล้าเพียงนี้
คือว่า...ถ้านางเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ข้าคงไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอกท่าน แล้วอีกอย่างข้าก็คงไม่กล้าไปรบกวนท่านเพื่อให้มาช่วยข้าในเรื่องเล็กแค่นี้แน่นอน เพียรตอบ พญาครุฑมองจ้องหน้าชายผู้มากด้วยวัยและประสบการณ์บนโลกมนุษย์้ด้วยความฉงน และสนใจขึ้นมาทันที
แสดงว่านางมนุษย์ผู้นั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแน่ นางมีอะไรพิเศษหรือ? พญาครุฑหนุ่มถามกลับ
นางมนุษย์ผู้นั้นมีมณีนาคินทร์และนางนาคีตนหนึ่งคุ้มครองอยู่ เพียรบอก ข้าว่ามันคงไม่แค่นั้นกระมัง? พญาครุฑหนุ่มทรงดักอย่างรู้ทัน
ใช่ ท่านพูดถูก เพราะนางมนุษย์ผู้นั้นเป็นบุคคลสำคัญของพญานาคราชที่ข้าต้องการตัว เพียรกล่าว ยิ่งทำให้เพิ่มความน่าสนใจให้กับพญาครุฑหนุ่มยิ่งขึ้น
เจ้าหมายถึงใคร? พญาูครุฑเอ่ยถาม
แสงขวัญ เพียรเอ่ยชื่อคู่แค้นเก่าของพญาครุฑิการ
เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าหมายถึงเจ้าพญานาคราชแสงขวัญอย่างงั้นหรือ? ไม่พูดเปล่า ดวงตายาวรีเปล่งประกายแ่ห่งความโกรธาและอาฆาตยิ่งเมื่อได้ยินชื่อนี้
ถูกต้องแล้วครับ นางมนุษย์ผู้นั้นเป็นที่รักของพญานาคราชตนนั้น ข้าต้องการตัวมันเพื่อล้างแค้นให้น้องชายและน้องสะใภ้ของข้า
เพียรเองก็มีความแค้นสุมทรวงเช่นกัน
พญาครุฑิการจ้องมองมาที่เพียร แล้วกล่าวว่า
งั้นเจ้ากับข้าก็มีศัตรูคนเดียวกัน มัน...เจ้าแสงขวัญ เจ้านาคผู้โอหัง มันฆ่าน้องชายของข้าตาย ทำให้นาถรีเทวีแห่งน้องชายของข้าที่อุ้มครรภ์หลานของข้าอยู่ ต้องตรอมใจตายตาม ข้าตามหามันมานานแต่ไม่พบ ไม่รู้ว่ามันไปหลบซ่อนอยู่ที่ใด วันนี้เป็นโอกาสของข้าแล้วที่ได้รู้ข่าวของมัน ดีล่ะ! ข้าจะช่วยเจ้า เจ้ามนุษย์ ข้าต้องทำลายมันให้พินาศให้จงได้ ก่อนที่ข้าจะฉีกเนื้อมันกิน ข้าจะทำให้มันเจ็บปวดทรมานที่สุดก่อนที่มันจะตาย มันจะได้เห็นคนที่มันรักที่สุดตายทีละน้อยต่อหน้ามัน
พญาครุฑิการกล่าวอาฆาต เพียรกระหยิ่มในใจ โอกาสที่จะได้มณีนาคินทร์ใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกทีแล้ว
รัศมีเรียกเปี๊ยกคนขับรถตู้มาซักความเรื่องกัญชพร แต่นายเปี๊ยกกลับตอบโกหกหน้าตาเฉยกับรัศมีว่า
ไม่รู้จริงๆ ครับคุณรัศมี ผมไปส่งคุณกัญและยายนิ่มในตัวเมือง เห็นคุณกัญเธอบอกว่าจะดูของไปเรื่อยๆ ก่อน และให้ผมขับรถกลับมา เผื่อว่าคุณรัศมีต้องการใช้รถ
ไอ้บ้า! แล้วนี่แกก็ิทิ้งหลานสาวของฉันมานี่หรือ? รัศมีแหวใส่ทันที
ก็คุณกัญบอกว่าเธอกับยายจะกลับรถรับจ้างเองไม่ต้องห่วง ไล่ให้ผมกลับมา ผมก็ต้องกลับสิครับ นายเปี๊ยกตอบ รัศมีได้แต่ถอนใจ
เอาล่ะ...เอาล่ะ... จะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันหมดธุระกับแกแล้ว
รัศมีพูดอย่างอ่อนใจ และทำท่าไล่ให้คนขับรถไปใ้ห้ไกลหูไกลตา นายเปี๊ยกรีบลุกเดินหนีออกไปทันที สวนทางกับตวงสิทธิ์ที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมา ตวงสิทธิ์เดินตรงเข้าไปหามารดาของเขาที่นั่งเอามือข้างหนึ่งกุมศีรษะอยู่ แล้วเขาก็ถามความคืบหน้าทันที
ว่าไงครับคุณแม่ ได้ความกับไอ้เปี๊ยกยังไงบ้าง?
โอ๊ย! จะไปได้กับผีอะไร ไอ้เปี๊ยกมันบอกว่าไม่รู้เรื่องหนูกัญเลย มันบอกแต่ว่าไปส่งหนูกัญกับแม่นิ่มที่ตลาดในเมือง และก็โดนหนูกัญไล่กลับบ้านมา อย่างอื่นมันก็บอกว่าไม่รู้ เฮ่อ...
รัศมีถอนหายใจดังและยาว
คุณแม่แน่ใจนะครับว่าไอ้เปี๊ยกมันไม่โกหกเรา ตวงสิทธิ์สงสัย
แม่ว่ามันคงไม่กล้าหรอก ดูท่าทางมันไม่รู้เรื่องจริงๆ รัศมีตอบ ตวงสิทธิ์ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่ใกล้เขาที่สุด
แล้วจะเอายังไงดีครับ? ลูกชายสุดที่รักถามความเห็นมารดา
แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องคอยจนกว่าหนูกัญจะกลับมาแหละ รัศมีตอบและถอนใจยาวๆ อีกครั้ง
จากคุณ |
:
ศรนรินทร์
|
เขียนเมื่อ |
:
3 เม.ย. 54 00:30:28
|
|
|
|