บทที่ 23 เครียด หลังจากที่เกิดสิ่งต่างๆในชีวิตก็มาถึงจุดที่ จิตใจส่งผลต่อร่างกายของผม แน่นอนอย่างแรกคือผมไม่สามารถไปมีอะไรกับใครได้ ท้องเสีย นอนไม่หลับและอื่นๆที่เริ่มเพิ่มเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆจนตัวเองคิดเป็นโรคร้ายอะไรหรือเปล่าซะด้วยซ้ำ เคยอยู่เจ็บหน้าอกจนทรุดลงไปนอนกับพื้นก็เคยในตอนนั้นเครียดจนไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ในความเครียดก็มีเรื่องขำๆเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นคืออาการบางอย่างที่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากความเครียดหรืออะไรคือตาข้างซ้ายของผมเกิดอาการเจ็บเหมือนมีใครเอามีดมาแทงเจ็บจนอาจารย์ต้องพาไปพบแพทย์แต่แพทย์ก็หาสาเหตุไม่ได้เอากล้องส่องตาวัดความดันและหลายๆอย่างแต่ก็ไม่ทราบสาเหตุน้ำตาไหลทุกครั้งที่เจ็บและไหลข้างเดียวอยู่อย่างนั้น
จนเกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งคือตอนนั้นกำลังบ้าดูดวงกันเล็กน้อยก็อาจารย์อุทุมาบอกพอจะดูลายมือได้แล้วทิพย์ก็ทำเป็นดูกับอาจารย์ในห้องฝึกงานด้านข้างผมเองเสร็จก็พูดขึ้นมาว่า หมอดูบอกว่าเนื้อคู่ทิพย์ตาบอดข้างหนึ่งหละ
คิดอยู่ในใจครับตอนนั้นถ้าเกิดควักออกตอนนี้แล้วทำให้เธอกับฉันอยู่กันตลอดไปได้ก็จะทำแต่ก็พูดไปแก้เขินว่า ลายมือมันอยู่ในมือเพราะฉะนั้นดวงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเราทำ หลังจากนั้นอาการเจ็บก็ค่อยๆลงบ้างแต่ก็มีบ่อยครั้งที่อยากจะลองควักลูกตาออกมาเพราะก็อยากให้ทิพย์อยู่แต่ก็รู้ว่าที่พูดเป็นคำล้อเล่น หลังจากนั้นทิพย์ก็มาพูดอีกหลายเรื่องที่เข้าใจครับว่ารักแต่ผมกลัวจะทำให้ทิพย์คิดว่าถ้าทำไปเพราะผมจะรักเงินหรือสิ่งอื่นอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาอย่างเช่น ที่โรงงานพ่อเขาก็รับนักรังสีนะเอาไว้วัดความหนาของแผ่นโลหะที่ผลิต และอื่นๆอีกหลายอย่างครับรู้ครับว่าบ้านทิพย์รวยแต่สิ่งที่ทำมันกลับทำให้ผมกังวลว่าผมจะกลายเป็นคนที่เห็นแก่เงินหรือเปล่าที่คบกับเขาคบกันไปพ่อทิพย์จะมองหน้าผมยังไงมาเกาะลูกสาวเขากินหรือเห็นว่าทิพย์รวยเลยมาคบด้วยหรือยิ่งคิดยิ่งหนักครับ ยอมรับครับว่าผมคิดมากเกินไปแต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไปคบกับใครอื่นอีกเพราะตอนหลังผมก็ได้จดหมายมาอีกฉบับที่รถของผมเขียนว่า
Just Kidding(ล้อกันเล่น)
ก็ไม่หาอะไรหรอกครับเพราะว่าถ้าเจอก็คงจะบอกไปว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว แม้หลายๆครั้งผมจะเห็นทิพย์ไปกับคนอื่นอยู่แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือสำหรับเขาผมคือคนที่สำคัญที่สุดเช่นกัน
ในตอนหลังๆอาร์ทก็โทรหาผมเพราะอยากรู้ว่าธาราบำบัดคืออะไรก็ไม่รู้ว่าหาเรื่องคุยกับผมหรืออย่างไรแต่ก็ไปหาข้อมูลให้ครับเพราะก็เกี่ยวกับคณะของตัวเองแม้จะคนละสาขาก็ตามทีเพราะยังไงผมเองก็ต้องไปหากายภาพอยู่แล้วเพราะมีปัญหาเรื่องข้อเท้าจากบาสและเข่ามีปัญหาจากอุบัติเหตุรถชนสุนัขในปีก่อนทำให้ไปเล่นมากไม่ได้แต่สิ่งที่ทำให้ผมถูกรุกหนักมากที่สุดก็คงจะเป็นคำพูดหนึ่งของทิพย์ที่ว่า
ถ้ามีคนๆหนึ่งบอกให้เขาไม่ไปอเมริกาเขาก็จะไม่ไป
นั้นแหละครับเป็นคำพูดที่ทำให้ผมเครียดมากที่สุดเพราะผมกลัวอยู่แล้วกับการที่ทิพย์จะไม่ไปเมืองนอกเพราะผมก็คงจะเป็นคนนั้นที่เกลียดตัวเองมากกว่าใครที่ทำให้คนที่เรารักไม่ได้ทำสิ่งที่ฝันผมอยากพูดว่าให้อยู่แน่ครับแต่ยังไงผมขอทนอีกนิดให้เขาไปลองในสิ่งที่ฝันได้ไหมแล้วช่วงรับปริญญาผมจะพูดสิ่งที่ต้องการแน่นอน
เรื่องที่ทิพย์จะไปตามฝันได้หรือเปล่าผมว่ายังไงก็ได้อยู่แล้วครับเพราะตอนนำเสนอ ผลงานวิจัยของคนอื่นที่น่าสนใจเพื่อเป็นแนวในการทำเทอมทิพย์เลือกนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ จะบอกว่าทำได้ดีด้วยแม้สำเนียงภาษาอังกฤษที่ใช้จะดูแอ็กเซนต์ไปหน่อยแต่ก็ดูว่าไม่มีส่วนงานวิจัยที่ผมได้รับจากอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับเรื่องเครื่องตรวจด้วยสนามแม่เหล็กเพื่อบอกอายุการตายของสมองในการศึกษาเพื่อเตรียมนำเสนอของผมทำให้เข้าใจในเครื่องตัวนี้มากขึ้นแล้วทำให้รู้สึกว่าเครื่องนี้แหละที่เราชอบ
ตอนปิดกลางปีการศึกษาก็โดนแยกกันไปตามโรงพยาบาลต่างๆเพื่อเห็นการปฏิบัติงานจริงในห้องผ่าตัดสวนหัวใจและเครื่องตรวจพิเศษอื่นๆแต่บังเอิญอาจารย์ที่มาฝากผมกับพี่ที่ฝึกไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ผมเลยเปลี่ยนการฝึกงานของตัวเองจากเครื่องทั่วไปเป็นเครื่องตรวจแม่เหล็กเพิ่มเพราะบังเอิญพี่ที่ฝึกใจดีเขาเลยให้ผมได้ทำเครื่องด้วยตัวเองแม้มันจะเป็นอัตโนมัติส่วนใหญ่ก็ตาม
แต่อาทิตย์สุดท้ายอาจารย์ก็จับได้ว่าผมไม่ได้ไปฝึกเครื่องทั่วไปเลยเลยโดนด่ากระจายน้องที่ไปด้วยก็โดนจนต่างฝ่ายต่างต้องแยกเขียนรายงานผมก็ทำรายงานไม่เก่งอยู่แล้ว
พอกลับมาก็ได้ฝึกที่ห้องตรวจแม่เหล็กที่มหาวิทยาลัยต่อแต่ไม่ได้ทำเพราะว่าที่มหาลัยเคสเยอะมากๆและต้องใช้เวลาต่อเนื่องจนไม่ได้ทำแต่ก็มีเรื่องให้ตกใจเพราะเกิดเหตุการณ์ 11กันยายน ก็เป็นห่วงพ่อแม่ทิพย์เหมือนกันแต่ทิพย์ว่าอยู่แอลเอก็ไม่น่าจะเกี่ยวกัน
กลับมาเรื่องความเครียดผมก็ยังคงอยู่และก็มากขึ้นเรื่อยๆเพราะยิ่งได้ยินว่าทิพย์จะไม่ไปผมยิ่งเครียดไม่รู้จะทำยังไงก็บังเอิญไปเจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อจุ๊บผ่านมาที่หอพอดีก็เลยชวนคุยก็เลยได้เรื่องว่าจุ๊บกะจะไปเป็นแอร์แต่ก็เกิดเรื่องของ 11 กันยายน ทำให้ไม่มีที่ไหนเขารับแอร์กันทั้งๆที่อุตส่าห์ไปฝึกภาษาที่เมืองนอกมาเกือบ 3 เดือน
จริงๆผมก็เคยไปคุยเล่นกับจุ๊บตอนที่ผมอยู่ปี 3 เหมือนกันแต่จุ๊บมีแฟนอยู่คณะวิจิตรศิลป์อยู่แล้วแต่ก็ออกแนววิจิตรครับคือติสกินไม่ได้แต่เท่ห์พอได้รู้เรื่องว่าตอนนี้จุ๊บกับแฟนก็เริ่มห่างๆและจุ๊บจะหางานทำแถวๆเชียงใหม่ก่อนเพราะพ่อกับแม่ของจุ๊บอยู่ที่นี้
ผมก็เลยคิดได้ว่าอย่างนั้นผมก็ลองคบกับจุ๊บดูไหมเพราะถ้าผมมีคนอื่นทิพย์จะได้ยอมไปแล้วหลังจากนั้นผมค่อยกลับไปบอกความจริงเพราะจุ๊บเป็นคนสวยอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาหากเลิกกันในตอนหลัง
แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 54 12:32:58
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
3 เม.ย. 54 20:28:39
|
|
|
|