Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เทพมารสะท้านมิติ (PSYCHO WAR) ตอนที่ 6 ติดต่อทีมงาน

“เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ”

เด็กน้อยละสายตาออกจากตำราฟ้าดิน ข้อมูลมากมายที่บรรจุอยู่ภายในนั้นดึงดูดความสนใจของเธอเอาไว้อย่างต่อเนื่อง จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอให้ฟุ้งต่อไปไม่สิ้นสุด

“สิ่งที่บรรจุอยู่ในนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง”

สูญนอนบนกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไป เธอจึงไม่เห็นท่าทางของเขา

“หากมันมีความรู้มากมายอย่างที่เจ้ากล่าวอ้างจริง ลองตอบคำถามของข้าข้อหนึ่งได้หรือไม่”

เด็กน้อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนตอบอย่างมั่นใจ

“ย่อมได้แน่นอน”

สูญยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม มือทั้งสองวางประสานกันอยู่ใต้ศีรษะ สายตาจ้องมองผ่านช่องว่างของกิ่งใบต้นไม้ใหญ่ขึ้นไปสู่ท้องฟ้าเบื้องบน มองดูหมู่เมฆลอยล่องผ่านท้องทะเลแห่งดวงดาวพราวพร่าง

“ข้าเป็นใครกัน”

“...ท่านเป็นเทพ ในตำราฟ้าดินย่อมไม่มีเรื่องราวของท่าน”

เธอเสียเวลาไปกับการค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับเทพวานร แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย

“ท่านลองถามเกี่ยวกับเกาะเวียนเกิดแห่งนี้ รับรองว่าเราสามารถตอบได้แน่”

สูญเงียบไป เขาไม่มีความทรงจำใดๆ ก่อนหน้าที่จะออกมาจากแผ่นหินหลงเหลืออยู่เลย แต่ในความดำมืดนั้นคล้ายมีความฝันอันลางเลือน ดำผุดดำว่ายให้เห็นอย่างเลือนลาง แต่ด้วยเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวันนับตั้งแต่ได้ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็เกิดคำถามขึ้นแล้ว

“มนุษย์ทุกคนล้วนต้องตายใช่หรือไม่”

“แน่นอน”

เด็กน้อยตอบอย่างไม่ต้องขบคิด คำถามเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถตอบได้ สูญทบทวนสิ่งที่ได้พบเห็นนั้นอีกครั้ง ในยามที่เต๋าสิ้นชีวิตลง มีพลังงานถูกปลดปล่อยออกมาจากร่าง แต่แทนที่พลังงานนั้นจะไหลไปกับกระแสธารของพลังงานอย่างที่เขาคาด มันกลับสลายหายไปอย่างประหลาด ทั้งหมดนี้ก่อกวนความสงสัยของเขาให้เกิดขึ้น

“หลังจากนั้นแล้วจะเป็นเช่นไร”

“...ท่านหมายถึงหลังจากสิ่งใด”

“หลังจากตายแล้วจะเป็นเช่นไร”

“...เรื่องนั้น”

เด็กน้อยรีบใช้ตำราฟ้าดินในมือค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับความตาย 'เป็นคำที่ใช้เรียกในยามที่คลื่นสมองของสิ่งมีชีวิตหยุดลง' เธอไม่เข้าใจสิ่งที่มันบอก และมันก็ไม่เข้าใจคำถามที่เธอพยายามจะถาม ความมั่นใจในตอนแรกมลายหายไปหมดสิ้น

“...ตำราฟ้าดินไม่อาจตอบได้”

“ข้าถามเจ้า มิได้ถามตำราเล่มนั้น”

เด็กน้อยหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนตอบอย่างไม่มั่นใจ

“ผู้คนที่ใช้ชีวิตดีงามย่อมเดินทางไปสู่แดนสวรรค์ ส่วนผู้ที่ใช้ชีวิตเหลวแหลกจะตกไปสู่แดนบาดาล”

“อันใดคือเหลวแหลก เช่นใดคือดีงาม”

เด็กน้อยขบคิดเนิ่นนาน คำอธิบายนั้นมีอยู่มากมายเกินไป และไม่มีคำอธิบายใดๆ ที่เหมาะสม เธอทอดถอนใจ สุดท้ายเพียงตอบว่า

“ดีงามย่อมไม่เหลวแหลก ส่วนเหลวแหลกย่อมไม่ดีงาม”

“หลังจากนั้นเล่า”

“...หลังจากสิ่งใดอีก”

“หลังจากใช้ชีวิตในสวรรค์ หรือบาดาลแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป”

“...เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เจ้าคิดว่าปู่ของเจ้าจะตอบคำถามนี้ได้หรือไม่”

“เราคิดว่าคงไม่...เพราะหากท่านปู่รู้ ท่านย่อมบอกกับเราแต่แรกแล้ว”

สูญไม่ไต่ถามอะไรอีก เด็กน้อยกลับเป็นฝ่ายที่ถูกคำถามของเขาก่อกวนเข้าให้ จิตใจของเธอวุ่นวายกับสิ่งที่เธอไม่เคยคิดที่จะหาคำตอบอย่างจริงจังมาก่อน สิ่งที่เธอเคยคิดว่ารู้จักดี แต่ความจริงแล้วกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย แม้จะนอนหลับไปแล้ว เธอก็ยังคงมีท่าทางกระสับกระส่ายอยู่

สูญยังคงนอนแหงนมองฟ้าอยู่เช่นเดิม ดูเหมือนว่าความง่วงจะยังห่างไกลจากเขาในค่ำคืนนี้ อาจเป็นเพราะเขานอนหลับอยู่ในแผ่นหินมาตลอดสิบสองปีเต็มอย่างที่เด็กน้อยบอกก็เป็นได้ แต่นอกจากนั้นแล้วยังมีความรู้สึกแปลกๆ อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขายังคงตื่นอยู่

เสียงจากส่วนลึกในจิตใจของเขาร่ำร้องถึงสิ่งอันตรายที่กำลังจับจ้องรอโอกาสที่จะลงมือ 'ค่ำคืนนี้ยาวนานยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจักข้ามผ่านได้หรือไม่'

#####

กรุณามองดูตัวเอง ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กหญิงอายุสิบสองอีกต่อไปแล้ว เธอกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามยืนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ มีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมเข้มเดินเข้ามายิ้มให้กับเธอ

“เจ้ายังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง”

เด็กน้อยน่ารักอีกคนหนึ่งวิ่งโผเข้ามากอดเธอเอาไว้แน่น

“ท่านแม่รักกระพรวนน้อยหรือไม่”

เธออุ้มเด็กน้อยขึ้นมากอดเอาไว้ ความรู้สึกผูกพันอัดแน่นอยู่ภายในอก เด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ คือส่วนหนึ่งที่แบ่งออกมาจากชีวิตของเธอ ชายหนุ่มเดินเข้ามาโอบสองแม่ลูกเอาไว้ น้ำตาแห่งความตื้นตันพลันไหลรินลงมา

ทันใดนั้นรอบกายเธอกลายเป็นกลุ่มควัน เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นแผดเผาทุกสิ่ง ทั้งสามต่างส่งเสียงกรีดร้อง รีบช่วยกันค้นหาทางออกจากกองเพลิง ความร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ลูกน้อยในอ้อมกอดส่งเสียงร้องไม่ยอมหยุด ทั้งสองต้องก้มตัวลงคลานไปตามพื้นจนในที่สุดค้นเจอทางออกช่องหนึ่ง

“เจ้ารีบออกไปก่อน”

“ให้กระพรวนน้อยออกไปก่อน”

“เจ้าออกไปก่อน แล้วข้าจะส่งลูกให้เจ้า”

ชายหนุ่มอุ้มกระพรวนน้อยออกไปจากอ้อมกอด เธอรีบคลานผ่านช่องนั้นออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อหันหลังกลับ เขากำลังช่วยดันร่างของเด็กน้อยออกมา เด็กน้อยที่พยายามคืบคลานส่งเสียงไอไม่ยอมหยุด แต่ในที่สุดก็ลอดผ่านออกมาได้

เมื่อลูกน้อยได้กลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้ง เธอจึงกลับไปสนใจชายหนุ่ม

“ท่านพี่รีบออกมา”

เขายิ้มให้กับเธอผ่านช่องดังกล่าว

“เจ้ารีบพาลูกหนีไป”

“ท่านพี่มัวทำอะไรอยู่ รีบออกมาเร็ว”

“...ช่องนี้เล็กเกินไป เจ้ารีบพาลูกหนีไปก่อน รักษาตัวด้วย...ข้ารักเจ้า”

“ท่านพี่ ท่านพี่...ท่านพี่”

เปลวเพลิงด้านในพลันลุกท่วม ช่องเล็กนั้นกลายเป็นดั่งเตาไฟ ความร้อนพวยพุ่งออกมา น้ำตายังคงไหลหลั่งไม่ขาดสาย เธอได้แต่หันหลังกลับ กอดลูกน้อยแนบอกแล้ววิ่งหนีไปสุดฝีเท้า

กองเพลิงถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง รอบกายเธอมีเพียงความมืดมิด แขนขาเธออ่อนล้าหมดแรงจนล้มลงในที่สุด เธอยังคงกอดกระพรวนน้อยไว้แนบอก แต่เมื่อเธอก้มลง และได้เห็นใบหน้าที่สงบนิ่งอย่างแปลกประหลาดของลูก เธอก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง

“กระพรวนน้อย กระพรวนน้อยลูกแม่”

ไม่มีการตอบสนอง ใบหน้านั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เช่นเดิม เธอค่อยๆ วางร่างของกระพรวนน้อยลงบนพื้น สองมือลูบไล้ไปตามใบหน้า และร่างกายของลูก 'เมื่อครู่เจ้ายังถามว่าแม่รักเจ้าหรือไม่ เมื่อครู่เจ้ายังกอดแม่จนแทบหายใจไม่ออก แต่ตอนนี้' เธอส่งเสียงกรีดร้อง สองมือกุมเป็นกำปั้นทุบลงบนพื้นดิน

ความเจ็บปวดทางร่างกายนั้น ไม่อาจเทียบได้กับดวงใจที่กำลังแหลกสลาย เมื่อครู่เธอยังมีสามี มีลูก มีบ้าน มีครอบครัว แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

เธอตะโกนถามตัวเอง ชีวิตคือสิ่งใดกัน 'ปิดผนึกขั้นที่หนึ่ง วงจรไร้สิ้นสุด' ใยจึงต้องมีเรื่องเช่นนี้ 'ปิดผนึกขั้นที่สอง เร่งปฏิกิริยา' เราควรทำเช่นไร 'ปิดผนึกขั้นที่สาม ไร้ตัวตน'

กรุณายืนขึ้นช้าๆ ก่อนวกฝ่ามือพาดใส่ทรวงอกของตนเอง คลื่นกระแทกแทรกสอดผ่านจังหวะการเต้นของหัวใจ และหยุดมันในทันใด เธอล้มลงขาดใจตาย พลังงานที่เก็บสะสมเอาไว้ในร่างถูกปลดปล่อยออกมาลอยขึ้นไปสู่สายธารเหนือเวียนเกิด

#####

กรุณามองดูตัวเอง ตอนนี้เธอเป็นหญิงชรากำลังนอนอยู่บนเตียง ตลอดร่างกายสิ้นไร้เรียวแรง ความเจ็บปวดทิ่มแทงอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย สายตาที่ฝ้าฟางของเธอมองไปรอบๆ มีคนหลายคนกำลังมองเธออยู่ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ท่านแม่ นอนพักเถอะ”

เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น แม้จะเห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดเจนแต่เธอจดจำได้ว่านั่นคือกระพรวนน้อยของเธอ หญิงสาวกับเด็กน้อยอีกคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้เตียง

“ท่านแม่ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะคะ”

“หลานรักท่านย่านะคะ”

เด็กน้อยคนนั้นเอื้อมมาจับมือเธอเบาๆ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้เธอสะดุ้งจนร่างกายเกิดอาการกระตุก กระพรวนรีบให้เด็กน้อยปล่อยมือ

“พ่อบอกเจ้าแล้วว่าห้ามแตะต้องร่างท่านย่า”

เด็กน้อยก้มหน้าสำนึกผิด เธอพยายามจะยิ้ม และส่งเสียงพูด แต่ดูเหมือนแค่การขยับริมฝีปากก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง

“...อย่า...ว่า...หลาน”

เธอพูดได้เพียงแค่นี้ก็แทบหมดแรงแล้ว ความเจ็บปวดที่ดูหนักหนาในตอนแรกกลับรู้สึกค่อยๆ คุ้นชินกับมันมากขึ้น เธอจดจำได้แล้วว่า ที่ยืนอยู่รอบเตียงทั้งหมดในตอนนี้คือครอบครัวของเธอนั่นเอง

หลังผ่านชีวิตมาอย่างยาวนาน ผ่านคลื่นลมมรสุม พานพบกับสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งความสุข ความเศร้า รอยยิ้ม น้ำตา แต่ในเวลานี้สิ่งเหล่านั้นกลับคล้ายเป็นเพียงความฝัน ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

“...น้ำ”

กระบอกน้ำถูกยกออกมา กระพรวนจุ่มไม้แท่งหนึ่งลงไปก่อนนำมันมาแตะที่ริมฝีปากของเธอ ความชุ่มชื้นของมันค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปภายในปาก แม้จะไม่อาจบรรเทาสิ่งใดได้มากนัก แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ก็อาจนับเป็นความสุขได้ ความสุขที่เธอไม่ค่อยได้พบเจอในยามชรา และเจ็บป่วยเช่นนี้

“...พอ”

“...ท่านแม่พักผ่อนเถอะ”

เธอคาดเดาได้แล้วว่าทำไมทุกคนถึงมาชุมนุมกันอยู่เช่นนี้ เวลาของเธอคงใกล้หมดสิ้นลงแล้ว เธอกำลังจะตาย 'ตายก็ตาย แล้วจะเป็นไรไป ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครหนีพ้นอยู่แล้ว'

เธอมีครอบครัว มีลูกหลาน และใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างที่ต้องการแล้ว 'ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจอีก' แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ลึกๆ ลงไปข้างในกลับยังคงมีความคลางแคลงใจหลงเหลืออยู่ 'ไม่มีสิ่งใดต้องเสียใจแน่หรือ'

ทุกสิ่งที่เคยกระทำนั้น บางครั้งอาจมีพลาดผิด บางครั้งอาจมีเสียใจ แต่เธอเข้าใจดีว่าพวกมันล้วนผ่านไปแล้ว 'ทุกสิ่งที่ผ่านไป ย่อมไม่หวนคืน' ไม่อาจมัวพะวงอยู่กับมันตลอดไปได้ แม้ไม่อาจทำทุกสิ่งให้สมบูรณ์ แต่จะมีใครสามารถทำเช่นนั้นได้ 'เพราะชีวิตเป็นเช่นนี้เอง'

แม้คิดว่าตนเองเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ก็ยังคงมีบางสิ่งที่ค้างคาใจ แต่เธอไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ความเจ็บปวดค่อยๆ ลอยห่างออกไป ทุกสิ่งรอบกายคล้ายผิวน้ำที่ถูกหินโยนใส่ลงไปก้อนแล้วก้อนเล่า ระลอกคลื่นมากมายสั่นไหวไม่สิ้นสุด ภาพทั้งจากอดีต และปัจจุบัน แตกกระจายหายไปเหลือเพียงความมืดมิด

ในหูแว่วได้ยินเสียงเรียกหาชื่อเธอคล้ายดังมาจากที่ไกลๆ เสียงนั้นแสนคุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ความมืดพลันแย่งชิงเอาไปแม้แต่เสียงเหล่านั้น สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

เธอถามตัวเอง ชีวิตคือสิ่งใดกัน 'ปิดผนึกขั้นที่หนึ่ง วงจรไร้สิ้นสุด' ใยจึงต้องมีเรื่องเช่นนี้ 'ปิดผนึกขั้นที่สอง เร่งปฏิกิริยา' เราควรทำเช่นไร 'ปิดผนึกขั้นที่สาม ไร้ตัวตน'

ลมหายใจของกรุณาค่อยๆ ผ่อนช้าจนขาดห้วง หัวใจของเธอหยุดเต้น เธอนอนสิ้นใจในท่ามกลางครอบครัวที่รักของตน พลังงานที่เก็บสะสมเอาไว้ในร่างถูกปลดปล่อยออกมาลอยขึ้นไปสู่สายธารเหนือเวียนเกิด

#####

สูญไม่แน่ใจว่าตนเองนอนหลับ หรือถูกทำให้สิ้นสติไปกันแน่ แต่เสียงร้องเบาๆ ของเด็กน้อยปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขารับรู้ได้คือกลิ่นหอมจางๆ ที่ตกค้างอยู่ในอากาศ และในชั่วพริบตาที่ลืมตาขึ้น ก็คล้ายกับมีเงาของเรือนร่างที่งดงามสลายกลายเป็นอากาศธาตุ เขาแน่ใจว่ามันต้องไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความฝันอย่างแน่นอน

ร่างของเขาดีดพุ่งออกไปทั้งที่ยังอยู่ในท่านอน สองเท้าเลียนแบบท่าบันไดเมฆาที่พึ่งเห็นเด็กน้อยใช้ออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่ดูเหมือนว่าเงาลึกลับนั้นจะมีความรวดเร็วยิ่งกว่า เขาหยุดยืนอยู่ที่ยอดสูงสุดของต้นไม้ใหญ่ รอบกายมีเพียงสายลมโบกพัด โยกเอนเหล่าต้นไม้ให้ส่ายเต้นรำไปมา

ความรู้สึกกดดันที่มีมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำหายไปแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่เคยเฝ้าดูอยู่จะเป็นสิ่งใด ตอนนี้มันได้จากไปเรียบร้อยแล้ว เขากลับลงมายังที่เดิม ก่อนก้มมองลงไปยังกิ่งไม้ที่เด็กน้อยนอนหลับอยู่ เธอกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นอนกระสับกระส่ายไปมา คล้ายกับกำลังติดอยู่ในฝันร้าย

ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นจะมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว 'กังวลไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด' สูญล้มตัวลงแล้วนอนหลับต่อไป

'ตรวจพบระดับพลังงานสูงผิดปกติในหน่วยผลิต กระบวนการป้องกันฉุกเฉินเกิดความผิดพลาด' เด็กน้อยกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน จึงไม่ได้ยินเสียงกระด้างไร้อารมณ์ของผู้ชายคนเดิมดังขึ้นในกลางดึกของค่ำคืนที่ผ่านมา มันดังขึ้นก่อนหน้าที่สูญจะลืมตาเพียงครู่เดียวเท่านั้น

เธอตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งอยู่ภายในใจ 'ทำไมจึงฝันแปลกๆ แบบนี้นะ' ต้องเป็นเพราะคำถามของเทพวานรแน่ๆ แสงอาทิตย์ค่อยๆ เผยตนเองออกมาจากขอบฟ้าที่ไกลตา เหล่านกกาที่บินออกหากินอย่างขยันขันแข็งพากันส่งเสียงร้องขับขานปลุกให้ผืนป่าค่อยๆ ตื่นขึ้นจากความหลับไหล เธอลุกขึ้นยืน และพบว่ากิ่งไม้ที่เขาเคยนอนอยู่ตอนนี้กลับมีเพียงความว่างเปล่า

กรุณารีบหมุนตัวกลับพร้อมกับใช้สองมือทำเลียนแบบเป็นรูปหัวนกกระเรียน ก่อนคว้าจับวัตถุกลมๆ สองลูกที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปไม่ไกลนักมีร่างๆ หนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้คล้ายกับเป็นลิงใหญ่ตัวหนึ่ง เธอมองดูสิ่งของที่อยู่ในมือก่อนจะส่งมันเข้าปากกัดคำโต

“ข้าไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่อร่อยดี”

สูญเองก็กำลังกัดกินผลไม้ชนิดนี้อยู่เช่นกัน

“ตกลงว่าเราจะไปทางใด”

เด็กน้อยถามหลังจากกัดกินผลไม้หมดสิ้น

“...ข้าอยากเข้าเมืองดูสักครั้ง ดูว่าพวกเจ้าใช้ชีวิตกันอย่างไร”

กรุณายิ้มเพราะเธอเองก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน ถึงแม้ท่านปู่จะเคยพาเธอเข้าเมืองมาหลายครั้ง แต่เธอกลับไม่ได้ใส่ใจผู้คนเหล่านั้นมากนัก แต่หลังจากผ่านความฝันเมื่อคืน เธอก็คิดอยากจะทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 54 08:43:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com