Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด ภาค 2.......บทที่ 1 ติดต่อทีมงาน

กระบี่รันทด ภาค 2.......บทที่ 1



ขุนเขา แมกไม้ สายธาร สายลม แสงแดด


ถนนสายนี้ความจริงเป็นถนนสายกว้าง แต่ตอนนี้กลายเป็นถนนสายแคบ เพราะไม่มีผู้คนสัญจร ถนนแบ่งแยกซ้ายขวา ขวาเป็นแมกไม้ ซ้ายเป็นสายธาร หลังเป็นแนวเขา หน้าเป็นป่าโปร่ง

ชาวบ้านเรียกถนนสายนี้ว่า “ถนนฮวยเซ็ง” เนื่องเพราะมีเรื่องเล่าว่าผู้คนใช้ถนนสายนี้เดินผ่านมักประสบเคราะห์กรรมซ้ำซัด คู่รักเดินผ่านต้องจำพรากเลิกรา เศรษฐีเดินผ่านกลับกลายเป็นยาจกยากไร้ คนอารมณ์ดีเดินผ่านกลับกลายเป็นอารมณ์เสียคลุ้มคลั่งฟั่นเฟือน  สตรีมีฐานะเป็นภรรยาเดินผ่านพบว่ากลับกลายเป็นภรรยาน้อย หรือภรรยาหลวงในชั่วข้ามคืน สามีซึ่งหนีภรรยาเที่ยวถูกจับได้คาหนังคาเขา

เรื่องแบบนี้จริงหรือไม่ ไม่มีผู้ใดยืนยัน แต่ข้าวลือย่อมส่งผลกระทบมากมาย แทบไม่มีผู้ใดสัญจรจนรกร้างว่างเปล่า

วันนี้มี

เป็นขบวนคุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยแห่งหนึ่งนำขบวนผ่านมา คาดว่าสินค้าที่คุ้มกันมาจะต้องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหน้าขบวนมีเกวียนนำทาง บนเกวียนมีแตรวง  กลอง พิณ แคน บรรเลงกันอย่างสนุกสนาน

ถัดมาเป็นยอดฝีมือคุ้มกันนับสิบคน บางคนถือหมอนหรือพานดอกไม้

หลายคนทานทนมิได้กับการบรรเลงเพลงพิสดารแนวแปลกใหม่ในยุทธจักร ถึงกับออกอาการยึกยักขยับไหล่ขยับศีรษะเข้ากับจังหวะ บางคนอาการหนักถึงกับรำเฉิบๆนำหน้า บางรายถึงกับลงไปหมุนติ้วอยู่กับพื้น

แต่ที่ร้ายกาจจนน่าขนลุกกลับเป็นคนหน้าสุดซึ่งใช้ท่าร่างมูนวอว์คเกอร์ดิ้นมหัศจรรย์มาตลอดเส้นทาง

ด้านหลังยังมียอดฝีมือจำนวนหนึ่งคุ้มกันแต่ยอดฝีมือจริงๆของสำนักคุ้มภัยเดินอยู่หน้ารถม้าหรูหราแข็งแรงมั่นคงกรงเหล็กแพรไหมมิดชิด เป็นสองเฒ่าพิสดารผู้เกริกไกร

หนึ่งเป็นเฒ่าซกมก หนึ่งเป็นเฒ่าซกเล็ก

หนึ่งซกมกหนึ่งซกเล็กเป็นสองเฒ่าพิสดาร ทั้งสองถ้าไม่มีสินค้าสำคัญจำเป็นจริงๆ ไม่กรีดกรายเฉิดฉายออกมาจากสำนักอย่างเด็ดขาด

“อีกไม่นาน ก็จะถึงเป้าหมายต่อไปแล้ว”

เฒ่าซกเล็กเอ่ยปากขึ้นขณะให้สายตากวาดมองไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง พวกมันไม่อาจละเลยแม้สิ่งผิดปกติเล็กน้อยเพราะนั่นอาจหมายถึงการถูกลอบซุ่มโจมตีแย่งสินสินค้า

“เมืองไม่มากไม่น้อยอยู่ไม่ไกลนัก ได้ยินมาว่าในเมืองนี้มีโรงเตี๊ยมชั้นยอด อาหารดี นารีแดง แกงอ่อมแซบ แต่ที่เด็ดขาดยังคงเป็นซกเล็ก”

พูดพลางนัยน์ตาของมันเป็นประกาย

ซกเล็กเป็นอาหารซึ่งมันโปรดปรานที่สุด ซกเล็กเป็นอาหารระดับบิดาของฮ่องเต้ หากินไม่ง่าย ดังนั้นฟังว่าร้านใดมีซกเล็กขาย เฒ่าซกเล็กต้องด้นดั้นถาโถมตะกายไม่คิดชีวิต ออกไปเชยชมลิ้มลอง

“ท่านอย่าเห็นแก่กินให้มากนัก”

เฒ่าซกมกเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง มันไม่เคยสนใจใยดีกับสุราอาหารมากนัก ใช้ชีวิตอย่างสมถะเจียมกายเจียมใจ กระทั่งน้ำยังอาบอาทิตย์ละสองครั้งเท่านั้น จึงมีฉายาเฒ่าซกมก

“เป็นคนก็ต้องกิน”

เฒ่าซกเล็กหัวร่อเมื่อนึกถึงลาบเลือด

“และต้องกินให้อร่อยปางตาย ฟังว่าโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมยังมีอาหารอร่อยมากมาย ส่งสินค้าเสร็จสิ้นจะดื่มกินให้สาแก่ใจ ฮา..และส้มตำของแม่นางส้มตำก็รสเลิศประเสริฐสุด อร่อยปางตายเช่นกัน”

“อืม....ข้าเองก็เคยได้ยินมาว่าเป็ดย่าง ของเฒ่าเป็ดย่าง ก็มีรสชาติเลื่องลือ ในชีวิตหนึ่งของผู้คนควรมีโอกาสกินเป็ดย่างของมันสักครั้ง อร่อยตาเหลือกตาค้าง”

“ใช่ๆ ..”
เฒ่าซกเล็กรับคำอย่างเห็นด้วยเพราะมันเองก็เคยได้ยินข่าวลือแบบนี้

“แกงอ่อมอึ่งอ่างทะเลของเฒ่าอึ่งอ่างก็อร่อยชักดิ้นชักงอ แต่ฟังว่าไม่ควรกินยามฝนตก เพราะถ้าใครกินแกงอ่อมอึ่งอ่างทะเลของมันตอนฝนตกจะต้องวิ่งออกมาร้องอึ่งอ่าง..อึ่งอ่าง..กลางสายฝนทันที ฮา”

“ท่านอย่าหัวร่อเสียงดังมากนัก เดี๋ยวจะทำให้ขบวนคุ้มกันของเราโดดเด่นเปิดเผยเกินไป เป็นเป้าสายตาของผู้คนไม่ประสงค์ดีแต่ประสงค์ต่อสินค้าของพวกเรา”

เฒ่าซกเล็กรีบลดระดับเสียงหัวเราะลงในทันที มันทราบว่าขบวนคุ้มกันจะต้องเดินทางอย่างไม่เปิดเผยไร้จุดเด่นให้มากที่สุด เสียงหัวร่อแผ่วเบาอาจทำให้ผู้คนนกกาแตกตื่น ฝ่ายตรงข้ามอาจฉกฉวยจังหวะนั้นโจมตี

“เราเลือกใช้เส้นทางอัปมงคลนี้ ประกันว่าอันตรายน้อยกว่าเส้นทางปกติ” เฒ่าซดมกพูดต่อไป

“ผู้คนไม่กล้าเดินผ่าน เพราะความกริ่งเกรงความอัปมงคล ดังนั้นพอพ้นเส้นทางนี้เราต้องระวังให้มากขึ้น”

แต่ครั้งนี้เฒ่าซกมกคาดผิดแล้ว พวกมันกล้าใช้เส้นทางนี้ ย่อมมีผู้อื่นกล้าใช้เส้นทางนี้เช่นกัน

บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเดินสวนทางแต่ไกล มันเดินทางตามรำพัง คล้ายคนพเนจรหมอนหมิ่น คล้ายคนไม่ถือสาหาความใดๆ ใบหน้าแววตาปรากฏแววรันทดหดหู่สามสิบสองชนิด

บุคลิกภาพเช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียว

กระบี่รันทด

เพียงวันนี้มันไม่ได้มีประกายของยอดฝีมือเช่นกาลก่อน เนื่องจากพลังฝีมือของมันหายลับดับสูญไปแล้วตั้งแต่ตอนจบภาพแรก เมือมันและมิตรสหายเช่น ธิดาทะเล กระบี่ม่วงหวาน ทุ่มเทพลังฝีมือทั้งหมดทั้งมวลส่งผู้มาเยือนกลับดวงดาว

มันยังคงเหน็บฝักกระบี่ไว้ที่สายรัดเอว แต่ไม่มีปัญญาชักกระบี่ออกมา กระบี่รันทดถึงกาลจบสิ้นแล้วหรืออย่างไร

พอมันเห็นขบวนคุ้มกันภัยก็หลบไปข้างทาง จ้องมองอย่างสนใจด้วยท่าทางของคนธรรมดาสามัญ แต่เฒ่าซกเล็กพาลไม่รามือวางใจ มันหยิบนกหวีดจากอกเสื้อขึ้นมาเป่าเป็นสัญญาณให้ขบวนหยุดเดินทันที

ฝีเท้าหยุดยั้ง รถหยุดนิ่ง เสียงดนตรีขาดหาย ท่วงท่าชะงักค้าง

ทุกคนหันไปมองบุรุษหนุ่ม กระบี่รันทดฝืนยิ้ม เริ่มรู้ว่าเรื่องอัปมงคลกำลังถามหาแล้ว หรือเป็นอาถรรพ์ของถนนสายนี้จริงๆ

เฒ่าซกเล็กเดินมาหยุดเบื้องหน้า กวาดตามองขึ้นๆลงๆ ใช้สายตาขูดไปมาทั่วร่างของผู้ต้องสงสัยครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“เจ้าเป็นใคร มาจากไหน จะไปไหน ไปทำไม”

คำถามของมันนับว่าร้ายกาจจนน่าคลั่งใจ ประโยคเดียวครอบคลุมฟ้าดิน ประโยคเดียวไร้น้ำใจและอำมหิต ราวกับจะถามจนให้อีกฝ่ายหนึ่งตายทั้งเป็น

“ข้าเป็นคนพเนจร”

ตำตอบของกระบี่รันทดสั้นกว่า แต่ทรงประสิทธิภาพ ประโยคเดียวครอบคลุมฟ้าดิน ประโยคเดียวตอบคำถามได้ทั้งหมด ราวกับจะตอบให้อีกฝ่ายหนึ่งฟังจนตายทั้งเป็น

ขอเพียงเป็นคนพเนจรย่อมไม่สำคัญนักว่าจะเป็นใคร มาจากไหน จะไปไหน ไปทำไม

“ร้ายกาจมาก”

เฒ่าซกเล็กแสยะยิ้ม
“ตอบแบบนี้นับว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ประกันว่าเจ้าไม่ใช่คนพเนจรธรรมดา บางทีอาจเป็นสายลับของโจรป่าที่มาสอดแนมราคาสินค้าของพวกเรา”

“ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน”

“เกรงว่าข้าไม่เชื่อวาจาผายลมของเจ้า”

เสื้อผ้าของเฒ่าซกเล็กพองลมขึ้นมาทันทีแสดงถึงพลังซกเล็กกำลังถูกรวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยกมือขวาขึ้นและตะกุยใส่ใบหน้าของกระบี่รันทดราวสายฟ้า

กระบี่รันทดเอื้อมมือจับด้ามกระบี่ด้วยความเคยชินแต่ท่วงท่าพลันชะงักค้าง

มันไม่ได้มีฝีมือเช่นกาลก่อนแล้ว กระบี่รันทดต้องใช้พลังรันทดจึงจะดึงออกมาได้

ท่าแมวตะกุยผนังของเฒ่าซกเล็กก็ชะงักค้างเช่นกัน

มันย่อมไม่ตั้งใจชะงักค้างแต่เป็นเพราะว่ามือข้างเฒ่าซกมกยืนปราดออกมาจากด้านข้าง ยึดข้อมือของเฒ่าซกเล็กไว้ทันท่วงที

“ท่านคิดจะทำอะไร”

มันกระชากเสียงอย่างขุ่นเคือง แต่เพราะนั่นเป็นสนิทมิตรสหายจึงไม่อาจอาละวาดอะไรออกไปได้

“เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่มีวิทยายุทธ์”

เฒ่าซกมกอธิบายเหตุผล นับว่ามันมีความใจเย็นและนัยน์ตาแหลมคมกว่าสหายของมัน “เราเป็นจอมยุทธ์ ลงมือกับชาวบ้านธรรมดานับว่าผิดกฎสากลมากมายมหาศาล รู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงที่นั่น แล้วเช่นนี้น้องภรรยาท่านจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร”

ท่าทีของเฒ่าซกเล็กอ่อนยวบลง

เป็นจอมยุทธ์ ในยุทธภพ ย่อมไม่อาจลงมือกับบุคคลไร้วิทยายุทธ์ ทารก และสตรีมีครรภ์ นี่เป็นกฎสากลของวงการ ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกก่นด่าประณามหยามหมิ่นไปเจ็ดชั่วโคตรจนต้องปิดหน้าร่ำไห้วิ่งหนีออกไปจากวงการอย่างไม่มีวันได้หวนกลับตลอดกาล

“รู้ได้อย่างไรว่ามันไม่มีวิทยายุทธ์” กระนั้นยังไม่วายถาม

“ท่านลองใช้เครื่องวัดระดับวิทยายุทธ์นี้ตรวจร่างกายมันดู”

ว่าพลางยื่นกล้องสี่เหลี่ยมสีเท่าขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อยให้เฒ่าซกเล็กซึ่งยื่นมือออกไปรับและเปิดให้เครื่องทำงานก่อนใช้เครื่องมือชนิดนั้นวนๆเวียนๆ รอบตัวของกระบี่รันทดไปมา

“เป็นไง”

“เข็มชี้บอกค่า 20”

“ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล”  เฒ่าซกมกร้องอย่างผู้ชนะ

“ผู้ที่มีระดับมากกว่าร้อยขึ้นไป จึงจะจัดว่ามีเป็นจอมยุทธ์ เจ้าหนุ่มคนนี้มีระดับเพียง 20 นับว่าต่ำกว่าเกณฑ์ ลงมือกับเขาไม่ได้ถ้าไม่มีเหตุผลพอเพียง”

“เฮอะ..ไม่ลงมือก็ได้ แต่ยังไงก็เป็นบุคคลต้องสงสัย ลองคิดดูว่าคนธรรมดาไหนเลยจะกล้าเดินทางตามถนนสายนี้ ยังไงข้าก็จะขอควบคุมตัวมันไว้ก่อน”

ว่าพลางพยักหน้าให้บริการคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาพาพวกอีกสองึนตรงเข้ามารุมล้อมและจับกระบี่รันทดใส่กุญแจมือทันควัน

“เอาเครื่องมือแบบนี้มาจากไหน”

เฒ่าซกมกมองแล้วถามอย่างสงสัย เพราะเท่าที่เคยเห็นจะใช้เชือกมัดมือมัดเท้าเท่านั้น แล้วกุญแจมือแบบนี้เป็นผู้ใดกันคิดค้นขึ้นมา

“ไม่ต้องถามน่า”

เฒ่าซกเล็กตอบขณะควบคุมตัวของกระบี่รันทดขึ้นไปนั่งบนรถม้า

“ขนาดเครื่องวัดพลังยุทธ์ยังมีได้ นับประสาอะไรกุญแจมือจะมีไม่ได้ และทายล่วงหน้าได้เลยว่าเครื่องมือพวกนี้จะต้องใช้กันแพร่หลายมากมายในอนาคต”

“แล้วท่านจะเอาไอ้หนุ่มคนนี้ นั่งบนรถม้าซึ่งเป็นที่เก็บสินค้าคุ้มกันของพวกเรานี่นะ”

“ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่อันตรายที่สุด” เฒ่าซกเล็กหัวร่ออย่างภูมิใจในความคิดของตนเอง

“ท่านลองคิดดู  นี่เป็นเคล็ดวิชาโล่มนุษย์ ถ้ามันเป็นพวกโจรจริงๆ พวกมันย้อมไม่กล้าลงมือกับรถม้าของเรา บางครั้งพวกมันอาจจะช่วงชิงผิดตัวก็เป็นได้ ประกันว่าความคิดนี้เลอเลิศประเสริฐศรีทีสุดแล้ว”

พูดจบเฒ่าซกเล็กยกนกหวีดขึ้นเป่าเป็นสัญญาณให้ขบวนเริ่มเคลื่อนที่ต่อไป

ฝีเท้าเริ่มก้าวเดิน  รถไม่หยุดนิ่ง เสียงดนตรีไม่ขาดหาย ท่วงท่าไม่ชะงักค้าง

กระบี่รันทดแม้จะถูกใส่กุญแจมือแต่ก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอกว่าไม่ต้องถูกควบคุมตัวไปอยู่บนเกวียนนำหน้า ไม่อย่างนั้นมันอาจถูกเสียงดนตรีกระหน่ำซ้ำซัดจนตายทั้งเป็นจริงๆ

แต่พอนึกว่ามันต้องกลับไปยังเมืองไม่มากไม่น้อยอีกครั้ง ใจของมันก็คล้ายตกวูบลงไปใต้รถม้า มันจะพบกับโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมผู้งดงามยวนยั่วนั่นอีกไหม หัวใจของมันจะสามารถทนทานปานใด การเดินทางของมันไฉนวนเวียนกลับมาตำแหน่งเดิม แล้วป่านนี้ธิดาหมู่ตึกไร้รักจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยมันอยู่หรือไม่


พอคิดถึงธิดาหมู่ตึกไร้รัก หัวใจที่ตกวูบลงขอมันพลันกลิ้งกระเด็นต่อไปไกลแสนไกลก่อนโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้าตัดเมฆขาวและฟ้าคราม


ความคิดถึงเป็นปรากฏการณ์พิสดารทางจิตอย่างหนึ่งซึ่งระยะทางไม่สามารถขัดขวางกางกั้น อาจมีเพียงกาลเวลาบั่นทอนหากความคิดถึงนั้นไม่หนักแน่นพอแต่กับความคิดถึงปางตายย่อมไม่มีอะไรบั่นทอนรอนริด เช่นนี้ความรันทดชนิดหนึ่งของกระบี่รันทดซึ่งเคยน้อยนิดพลันเริ่มเพิ่มทวี


ถ้าเฒ่าซกเล็กเอาเครื่องวัดระดับวรยุทธ์มาวัดตอนนี้ จะเห็นว่าเข็มบอกระดับกำลังขยับบอกตัวเลขมากขึ้นทีละน้อย



*********************************

แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 54 14:10:05

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 54 14:03:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com