บทที่ 25 ลาจาก เคยคิดบ้างไหมว่าเราสามารถรักคนหนึ่งคนได้มากเท่าไหร่มีลิมิทไหมสำหรับคนที่คิดว่ามีตอนนี้บอกได้ว่ามันไม่มีหรอกครับลิมิตหนะมีก็แต่เพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่นั้นแหละครับแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเพิ่มไปแค่ไหนกับคนๆนี้เพราะรักจนไม่รู้จะทำยังไงที่มาบอกเพราะเรื่องอะไรตอนนี้เดาไม่ออกแล้วครับเพราะผมมีคนอื่นประชดเขาหรือเพราะไม่ยอบบอกให้เขาอยู่บอกได้อย่างเดียวรักมากและมากกว่าเดิม ผมก็ไม่พูดอะไรออกมาเหมือนเดิมครับแค่เดินจากไปแต่ส่งผลอะไรกับผมบ้างหรือครับเครียดกว่าเดิมผลออกมาในรูปแบบที่ต่างจากเดิมคือผมทานอะไรก็ต้องอ๊วกออกมาเหมือนกระเพาะถูกบีบเป็นเวลาเกือบเดือน
แล้วก็ถึงวาเลนไทย์ ผมก็เลยซื้อดอกไม้มาเอาไปให้ก็ไม่ได้ครับอยากให้เลยฝากน้องไปให้กับน้องที่ปลื้มผมตอนปี 2 เพราะไม่ให้จุ๊บเดียวจะเกินและถ้าให้ทิพย์ก็มีหวังเรื่องที่ทำมาก็คงต้องจบกัน แต่ก็มีคนเริ่มพูดมากันแบบแปลกๆว่าผมเป็นเพื่อนที่ดีเป็นพี่ที่เยี่ยมแต่เป็นแฟนที่แย่แต่ก็เอาไงเอากันครับข้อความหวานๆก็ไม่ได้ส่งครับเพราะส่งไปพอถึงทิพย์กลับส่งต่อซะงั้น
เฮ้อ......เลยเลิกส่งกันไปเพราะไม่รู้คุณเธอส่งต่อให้ใคร ส่วนตอนนี้แพรที่เคยจีบก็มาบ่นกับผมเรื่องที่ตอนนี้โดนเพื่อนทิ้งตอนนั้นแยกกับผมเพราะเพื่อนแต่ตอนนี้เพื่อนกลับมาทิ้งเขาแถมพูดทิ้งท้ายว่า เป็นไงหละฉันได้มีแฟนก่อนแก จะสงสารหรือยังไงดีเพราะถ้าบอกผมแต่แรกก็คงจะพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่กลับไปคบคงไม่หรอกครับรับฟังเฉยๆเพราะถึงรู้ตอนนั้นก็คงเลิกอยู่ดีเพราะเพื่อนตอนเรียนมันสำคัญกว่าแฟนในช่วงนั้น ตอนนี้ก็คบกับจุ๊บไปเรื่อยๆแม้ไม่เรียกกันว่าแฟนไม่มีคำหวานๆมาบอกกันแต่ก็ใช้การกระทำให้รู้ว่าเราก็แคร์เขาไม่เคยมีการขาดตกบกพร่องในการเป็นแฟนครับทำทุกอย่างที่ควรแต่ไม่มีคำว่าเซอร์ไพร์ครับ แต่จุ๊บก็ดูเหมือนจะเริ่มให้ผมเร่งขึ้นเพราะเกือบ 3 เดือนไม่มีอะไรนอกจากไปทานข้าวดูหนังแยกกันตลอดก็เลยโดนมุขที่เขาใช้กันประจำแหละครับพวกมีคนมาจีบแม่หาคนมาให้คบเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าไม่รู้เพราะที่รู้มาส่วนใหญ่ก็ใช้กันแบบนี้ ก็แฮปปี้ดีนีครับในการคบกับจุ๊บช่วยลดความเครียดในหลายๆเรื่องแต่ก็ส่วนใหญ่จะได้รับฟังการบ่นเรื่องงานมากกว่าเพราะนักกายภาพสมัยนั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมี
ไปไหนก็โดนเป็นหัวหน้าก็เลยบ่นเป็นพิเศษเรื่องเอกสารเลยสุดท้ายบอกจะไปเรียนต่อโทละเลยถามผมว่าเอาไงดีจะเรียนที่เชียงใหม่หรือกรุงเทพดีเพราะเขาก็มีบ้านที่กรุงเทพเหมือนกัน
อีกเรื่องที่มาบ่นให้ฟังประจำก็เรื่องพี่เขยจะบอกว่าไม่รู้อะไรใครเป็นคนเริ่มวัฒนธรรม แปลกๆเรื่องนี้ในไทยที่โดยมากพวกเขยหรือสะใภ้มักจะมายุ่งกับทรัพย์สินในครอบครัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากรับฟัง เรื่องเรียนของจุ๊บผมก็บอกให้ไปกรุงเทพดิจะได้เจอกันไปไหนบางทีก็ขับรถคุณเธอให้ครับไปรับไปส่งเพื่อไปเตรียมสอบเหมือนแฟนทั่วๆไปจนได้คุยกับแม่ของจุ๊บซะด้วยซ้ำรู้สึกว่าตัวเองไปไกลขึ้นเรื่อยๆครับ แต่ผมเองก็ยังคอยฟังข่าวเรื่องทิพย์ตลอดและก็ไม่ไปทำให้เขาเสียใจครับแม้ที่ผมทำกับจุ๊บจะเข้าข่ายนอกใจทิพย์เต็มๆแต่ผมก็ไม่เคยพาจุ๊บมาที่บริเวณที่คิดว่าทิพย์อยู่เพราะถ้าเห็นผมก็คงเลิกกับจุ๊บแน่ๆ หลังสอบเสร็จก็กลับบ้านเลยครับตอนที่จะกลับบ้านก็รู้ว่าทิพย์จะไปแล้วเหมือนกันแต่ไม่รู้วันไหนพอไปเพื่อไปหาใครซักคนที่หอคณะไปส่งก็ไม่มีใครว่างที่จะไปส่งก็เลยต้องเดินลงมาเพื่อไปนั่งรถแดงครับพอลงมาก็เจอทิพย์พอดีก็อยู่ในชุดเสื้อที่ทิพย์ชอบใส่ตอนจะเดินทางครับแต่ผมว่าตัวใหม่นะแต่สีเดิมครับคือสีบานเย็น ผมก็เลยเดินออกจากหอไปทั้งอย่างนั้นเพราะทิพย์เองก็หาคนไปส่งเหมือนกันพอโบกรถได้ขึ้นรถไปนั่งไปซักพักก็อยากโดดลงจากรถกลับมาอยากมาคุยกับทิพย์อยากบอกให้รถวนกลับไปที่หอตั้งไม่รู้กี่ครั้งแต่ได้แค่อดทนเพราะมันเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว ไปถึงสถานีรถไฟก็ทานอะไรไม่ลงเดินไปเดินมาตลอดการเดินทางนอนไม่หลับครับทั้งๆที่เป็นตู้นอนที่นอนเป็นปกติ พอมาถึงกรุงเทพก็นั่งถอนหายใจทุกวันจนพ่อแม่คิดว่ามันเป็นของมันแบบนี้อีกแล้วตลอดที่มากรุงเทพเพราะเรื่องทิพย์เรื่องหนึ่งมาพักที่บ้านก็เรื่องหนึ่งแต่เรื่องที่ต้องทำแล้วสะดวกกว่าเมื่ออยู่บ้านคือการลงทะเบียนเรียนครับเพราะตอนนั้นไม่เปิดลงทะเบียนที่คณะให้ไปลงทะเบียนจากอินเตอร์เน็ตทางเดียว วิชา Eng 4 ก็เปิดตามที่ทำเรื่องครับแต่ผมลงไปทางอินเตอร์เน็ตตามที่มหาวิทยาลัยบอกก็ปรากฏว่าลงไม่ได้ครับเลยต้องไปติดต่อที่มหาวิทยาลัยอีกรอบสรุปว่าคณะมนุษย์เขาให้ลงชื่อที่ภาคครับผมก็ไม่ยอมสิครับและก็มีหลายคนที่ลงไม่ได้เลยต้องเปิดเพิ่มและผมต้องรอผลนะตรงนั้นเลยไม่งั้นไม่ได้รับปริญญาพร้อมกับทิพย์ กำหนดการไปอเมริกาของทิพย์ก็เป็นช่วงเดียวกับที่ผมต้องไปตามเรื่องนี้พอดีแล้วผมจะทำยังไงดี
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 54 14:10:33
|
|
|
|