ทหารที่อยู่บนป้อมช่วยกันยกกระทะบรรจุน้ำมันดือดที่ตั้งอยู่บนกองไฟและราดลงไปตามพื้นทันที หนอนหลายตัวร่วงหล่นลงไปส่วนที่คลานอยู่ด้านล่างเมื่อถูกกับน้ำมันที่ร้อนจัดก็สุกพองหงิกงอตายทับถมกัน ปล่อยให้หนอนที่คืบตามมาด้านหลังไต่ทับผ่านไปอย่างไม่สนใจ โซลย์ใช้คบเพลิงไล่เผาไปตามกำแพง เสียงร้องตะโกนโวยวายดังมาจากทางด้านล่าง บรุคชะโงกหน้าลงไปมองด้วยความสงสัย
มีอะไร
พวกหนอนมันกำลังแทะเชือกที่ประตู ทหารคนหนึ่งร้องตอบ แย่แล้วมันกัดจนขาดไปเส้นหนึ่งแล้ว แบบนี้ผนังค่ายพังแน่ๆ
เอาคบไฟเผาพวกมัน รักษากำแพงและประตูค่ายเอาไว้
เขาเงยหน้าขึ้นและหันไปทางโมไดที่กำลังวิ่งเอาคบเพลิงไล่เผาฝูงหนอนอยู่
ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือยังไง
ผู้บัญชาการค่ายถาม เด็กหนุ่มร้องตอบทันควัน
ถามเจ้านั่นดูก็แล้วกัน
เขาพยักหน้าไปทางฟอร์เซ็ตติ จอมเวทขมวดคิ้วและบ่น
เจ้าเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเองแท้ๆนะ เจ้าเด็กแสบ
ฟอร์เซ็ตติก้มลงมองดูฝูงหนอนกินซากที่กำลังไต่ขึ้นมาบนผ้าคลุมของเขา เสียงท่องมนตราสั้นๆ ร่างของจอมเวทหนุ่มก็สว่างขึ้นวูบหนึ่ง มันเผาหนอนที่กำลังไต่ยั้วเยี้ยบนตัวของเขาร่วงลงไปตายไม่มีเหลือ ทหารคนหนึ่งร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจเมื่อเห็นคลื่นหนอนกำลังรุมกัดร่างของทหารผู้นั้นจนแลดูขาวโพลนไปทั้งตัว เขาล้มลงดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน
ช่วยด้วย!
ใครก็ได้ไปเอาน้ำมาสาดเขาที
บรุคร้องสั่งเสียงดัง เขายกเท้ากระทืบเจ้าสัตว์ไร้กระดูกจนบี้แบนในขณะที่ทหารสี่ห้าคนวิ่งเข้ามาพร้อมถังใส่น้ำจนเต็ม พวกเขาเทน้ำราดลงไปบนตัวทหารผู้เคราะห์ร้าย หนอนปิศาจที่กำลังรุมกัดเขาไหลหลุดออกไปตามแรงแต่ยังคงพยายามคืบคลานเข้าหาเหยื่อของมันอย่างดุร้าย
แบบนี้ไม่ไหวแน่ โซลย์พูดด้วยสีหน้าวิตก เจ้าพอจะมีวิธีกำจัดเจ้าหนอนพวกนี้หรือไม่ ฟอร์เซ็ตติ
มี จอมเวทตอบ เขาเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของโมไดที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการใช้คบไฟเผาหนอนบนกำแพง
ใช้รันนิ่งของเจ้าตัดเจ้าหนอนยักษ์ที่กำลังเข้ามาอีกสามตัวนั่นให้ขาดพร้อมกัน
เจ้าห้ามข้าไม่ให้ใช้รันนิ่งไม่ใช่เรอะ โมไดย้อนถาม ฟอร์เซ็ตติมองหน้าเขาเขม็ง
แล้วเจ้าเชื่อข้าหรือไง ถ้ายังไม่อยากถูกจับโยนออกไปนอกกำแพงก็จงทำตามที่ข้าบอก เดี๋ยวนี้!
จอมเวทหนุ่มสั่งเสียงกร้าวจนโมไดต้องโยนคบไฟในมือทิ้งและดึงรันนิ่งของเขาออกมาอีกครั้ง มันหมุนคว้างและพุ่งปราดออกไปจากมือของเด็กหนุ่มทันทีที่เขาท่องมนตร์กำกับ ฟอร์เซ็ตติประสานมือของเขาลงบนไม้เท้าและหลับตาลงพร้อมกับเริ่มร่ายเวทระรัวเร็ว สายลมที่พัดผ่านร่างของเขาทวีความรุนแรงขึ้นจนผ้าคลุมสะบัดปลิว ฮู้ดที่ปกคลุมใบหน้าเลื่อนเปิดออกปล่อยเรือนผมสีเงินของเขาให้พลิ้วกระจายราวกับมีชีวิต แรงอัดอากาศอันมหาศาลบังเกิดขึ้น เหล่าหนอนปิศาจที่กำลังไต่ขึ้นมาตามกำแพงถึงกับร่วงพรูลงไปที่พื้นดินและบิดดิ้นไปมา เช่นเดียวกันกับหนอนอีกฝูงที่กำลังไหลทะลักออกมาจากร่างของหนอนยักษ์ซึ่งถูกรันนิ่งของโมไดตัดขาด พวกมันทุรนทุรายอยู่บนกองเมือกสีขาวอันน่าขยะแขยง
บรุคและทหารทุกคนที่ยืนอยู่บนกำแพงจ้องมองดูร่างของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสที่เริ่มเปล่งแสงสว่างขึ้นทีละน้อย คริสตัลบนยอดไม้เท้าเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้าดุจลุกเป็นไฟ ดวงตาของ ฟอร์เซ็ตติเบิกกว้าง
บลาสต์ ซอนเนน!
พลังคลื่นแสงแผ่กระจายออกจากร่างของจอมเวทไปทุกทิศทุกทาง มันสว่างเสียจนเหล่าทหารรักษาการและบรุคต้องยกมือขึ้นป้องดวงตาของตนเอาไว้ แรงอัดอากาศที่มองเห็นเป็นคลื่นสีขาวเคลื่อนที่ออกไปเป็นวง ระเบิดหนอนทุกตัวจนแตกกระจุย ความร้อนของคลื่นแสงแผดเผาพวกมันจนแห้งตายอยู่กับที่ไม่มีตัวใดเหลือรอด
เสียงพร่ำมนตร์ที่ระรัวเร็วแผ่วลง ฟอร์เซ็ตติคลายมือที่ประสานกันอยู่บนไม้เท้าออก โซลย์มองดูเขาและรู้สึกไหวเยือกไปทั้งตัวเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าส่องประกายแปลกๆออกมาวูบหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชาบนมุมปาก
ฟอร์เซ็ตติ
โซลย์เรียกชื่อของเขา จอมเวทหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยคล้ายได้สติ เขาหันมาทางแม่ทัพแห่งมอร์เซลซึ่งกำลังยืนจ้องมองมา
หนอนพวกนั้นจะไม่มารังควานคนของเจ้าอีก
เจ้าแน่ใจหรือ
โมไดถามขึ้น ฟอร์เซ็ตติเหลือบสายตามองก่อนจะตอบเสียงเย็น
ข้าจะส่งเจ้าลงไปใต้ดินเพื่อดูให้แน่ใจดีไหม โมได
ไม่ดี เด็กหนุ่มตอบด้วยท่าทางกวนๆและใช้เท้าเหยียบลงไปบนซากแห้งกรอบของหนอนตัวหนึ่งจนละเอียด บรุคมองดูจอมเวทหนุ่มที่กำลังดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะของเขาด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
ท่านเป็นชาวมาร์วัลลัส
ก็ไม่เชิง
ฟอร์เซ็ตติตอบเบาๆ ผู้บัญชาการค่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
พวกท่านคงจะเหน็ดเหนื่อยในการกำจัดเจ้าหนอนปิศาจพวกนี้เต็มที ข้าขอเชิญท่านทั้งสามไปพักผ่อนยังห้องรับรองด้านล่าง
ดีเหมือนกันเพราะข้าเองก็รู้สึกหิวเต็มทีแล้ว
โมไดบ่นพลางเดินนำหน้าออกไปอย่างเร็ว โซลย์หันไปมองดูฟอร์เซ็ตติที่กำลังก้มลงตรวจนายทหารคนที่ถูกหนอนรุมกัด เขากางมือเหนือใบหน้าของทหารผู้นั้นและร่ายเวทเบาๆ แสงเรืองสว่างกระจายออกมาจากมือที่เรียวงามลงสู่ร่างของทหารที่บาดเจ็บ เขาร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดและเริ่มดิ้น
จับเขาเอาไว้ให้แน่น ข้าจะขับพิษของหนอนออกมาจากตัวไม่เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นผีดิบเช่นเดียวกับคนอื่น
ทหารสี่ห้านายรีบช่วยกันตรึงแขนและขาของผู้เคราะห์ร้ายและกดให้ติดแน่นอยู่กับพื้น เขาดิ้นรนอย่างหนักด้วยความทรมาน เหงื่อไหลโชกชุ่มไปทั้งตัว บรุคและโซลย์ถึงกับเบิกตาอย่างตระหนกเมื่อเห็นของเหลวสีดำข้นไหลซึมออกมาจากผิวหนังของทหารผู้นั้น มันระเหิดหายไปทันทีเมื่อถูกพลังของฟอร์เซ็ตติ อาการดิ้นรนของทหารคนนั้นอ่อนลงและหยุดนิ่งไป
พิษในตัวเขาถูกขับออกมาจนหมดแล้ว พาไปล้างเนื้อตัวให้สะอาดด้วยน้ำเย็นๆและให้เขานอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ งดอาหารจำพวกเนื้อทุกชนิดเป็นเวลาสามวัน
จอมเวทสั่งและหมุนตัวเดินไปหาโซลย์กับบรุคที่ยังคงยืนนิ่งอยู่
เจ้าจะไปหรือยัง
เขาถาม โซลย์ผงกศีรษะรับและหันไปทางผู้บัญชาการค่าย
พวกข้าต้องขอตัวก่อนนะ ท่านบรุค
เชิญตามสบายเถิด ท่านแม่ทัพ
บรุคตอบแล้วก้มตัวลงคล้ายแสดงความเคารพต่อโซลย์และฟอร์เซ็ตติไปพร้อมกัน ทั้งสองก้มศีรษะลงรับก่อนเดินจากไป ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาและพูด
เขาเป็นจอมเวทจากมาร์วัลลัสจริงๆหรือท่านบรุค
ใช่ บรุคตอบโดยที่สายตายังคงมองตามหลังฟอร์เซ็ตติซึ่งกำลังเดินห่างออกไป
ดูเหมือนเขาเป็นจอมเวทที่น่านับถือและน่ากลัวที่สุดเท่าที่ข้าเคยรู้มา
*/*/*/*/*
โซลย์เปิดประตูห้องและก้าวเข้าไปข้างในพร้อมกับฟอร์เซ็ตติ เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นโมไดกำลังก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย แม่ทัพหนุ่มเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามกับเขาและกวาดตา มองถ้วยอาหารหลายใบที่ว่างเปล่า
เจ้ากินทั้งหมดนี่คนเดียวเรอะ โมได
ใช่ เด็กหนุ่มตอบเสียงอู้อี้ ก็ข้าหิวนี่นา
โซลย์มองดูถ้วยซุปสองใบและขนมปังสองแผ่นที่วางไว้ตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิดหนาระอาใจ
เจ้าเหลือไว้ให้ข้าสองคนเพียงแค่นี้
แค่นั้นก็พอน่ะ โมไดเงยหน้าขึ้นตอบและบุ้ยใบ้ไปทางจอมเวทซึ่งกำลังหย่อนกายนั่งลงบนที่นอน ก็เจ้านั่นน่ะไม่ค่อยจะกินอะไรนี่นา
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะต้องกินอาหารทุกอย่างจนเรียบหมดแบบนี้ โซลย์พูดอย่างเหลืออด ให้ตายเถอะเด็กอย่างเจ้านี่มันน่านัก
ถ้าอย่างงั้นคราวต่อไปข้าจะไม่เหลืออะไรไว้ให้เจ้าเลยสักชิ้น โมไดพูดขณะยกถ้วยน้ำขึ้นดื่ม เขาลูบท้องตัวเองพร้อมกับอ้าปากหาว
อิ่มแล้วข้าขอตัวไปนอนก่อนนะ
เด็กหนุ่มลุกขึ้นและเดินไปทิ้งตัวลงนอนในที่ของเขา โซลย์ส่ายหน้าและจัดแจงเลื่อนถ้วยซุปพร้อมกับหยิบขนมปัง แม่ทัพหนุ่มเหลือบมองดูฟอร์เซ็ตติที่ยังคงนั่งเฉยอยู่
เจ้าจะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือ
ข้าขอนั่งพักสักครู่ จอมเวทหนุ่มตอบ เชิญเจ้าตามสบายก่อนเถิด ส่วนเรื่องอาหารข้าขอซุปเพียงอย่างเดียวก็พอ
โซลย์ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกแปลกใจในคำพูดของฟอร์เซ็ตติ เขามองดูจอมเวทหนุ่มที่กำลังนั่งหลับตาอย่างพิจารณาจนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยถาม
มีอะไรอย่างนั้นหรือ
ข้าแค่สงสัยว่าทำไมเจ้าจึงดูเหนื่อยอ่อนนักทั้งที่วันนี้พวกเราแทบไม่ได้ต่อสู้กับอะไรเลยนอกจากเจ้าหนอนปิศาจพวกนั้น
ฟอร์เซ็ตติลืมตาขึ้นและหันมาทางโซลย์พร้อมกับตอบ
ข้าร่ายเวทหนักๆติดต่อกันหลายครั้งตั้งแต่การชำระล้างหมู่บ้านกี่งอสุรกายมาจนถึงการกำจัดเจ้าพวกหนอนกินซากเมื่อครู่ หากมองดูเพียงผิวเผินตามสายตามนุษย์การใช้เวทของข้าอาจจะเหมือนการร่ายมนตร์ธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันเป็นเวทสุริยะที่ต้องรวบรวมพลังกายและใช้สมาธิอย่างมากจึงจะสามารถปล่อยพลังที่มีอานุภาพการทำลายถึงขนาดนั้นออกมาได้
แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมบอกให้พวกข้ารู้ โซลย์ถามด้วยความรู้สึกเป็นห่วงมากกว่าไม่พอใจ จอมเวทหนุ่มยิ้มน้อยๆ
ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าต้องมานั่งวิตกกังวล
แม่ทัพแห่งมอร์เซลวางขนมปังในมือลงและระบายลมหายใจยาวๆก่อนกล่าว
บางครั้งการได้รู้ผลในภายหลังไม่ได้สร้างความสบายใจให้บังเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เจ้าคิดว่าข้าจะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าเพื่อนร่วมทางต้องเพลี่ยงพล้ำเพียงเพราะไร้เรี่ยวแรงเนื่องจากการช่วยเหลือพวกเรา ฟอร์เซ็ตติ หากเจ้ายังคิดที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกัน โปรดอย่าได้ทำเช่นนี้อีก คิดเสียว่านี่คือคำขอร้องจากข้า แม่ทัพแห่งมอร์เซล
จอมเวทหนุ่มมองหน้าโซลย์แน่วนิ่ง ดวงตาสีฟ้าของเขาฉายความซาบซึ้งในน้ำใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฟอร์เซ็ตติก้มศีรษะลง
ข้าเข้าใจแล้ว และขออภัยที่เฉยชาต่อความมีน้ำใจของเจ้า จากนี้ไปหากมีอะไรข้าจะพูดให้เจ้ารู้ตรงๆไม่อ้อมค้อมอีก ข้าให้สัญญา
ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น โซลย์กล่าว ถ้าเช่นนั้นเชิญเจ้าพักผ่อนให้สบายข้าจะไม่ขอรบกวนอะไรอีก
จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสมองดูโซลย์รับประทานอาหารเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งจึงเอนกายในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีหมอนรองไว้ด้านหลัง เขาผ่อนลมหายใจและปิดเปลือกตาลงโดยปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าแต่ปลอดโปร่งดุจท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้เมฆา และล่วงเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ในที่สุด
*/*/*/*/*
รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ แสงแดดทอแสงอันสดใสผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าของแม่ทัพหนุ่ม เขานิ่วหน้าและลืมตาขึ้นจากนั้นจึงเหลือบตามองไปยังที่นอนของฟอร์เซ็ตติ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อไม่พบร่างของจอมเวทอยู่บนเตียงนั้นแล้ว โซลย์รีบลุกขึ้นทันที และหันไปทางโมได เขายิ้มให้กับตนเองเมื่อเห็นเด็กหนุ่มจอมแสบกำลังนอนหลับอย่างสนิทชนิดถ้าไม่เรียกก็ไม่มีวันตื่นอย่างเด็ดขาด เสียงฝีเท้าก้าวดังใกล้เข้ามาทำให้แม่ทัพหนุ่มต้องหันไปมองที่ประตูทันที ร่างสูงของทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำ
อรุณสวัสดิ์ท่านแม่ทัพ เขาเอ่ยทักและวางอ่างน้ำลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง โซลย์กล่าวขอบใจพร้อมกับเอ่ยถาม
เจ้าเห็นเพื่อนของข้าอีกคนหรือไม่
ถ้าหมายถึงท่านจอมเวท เขาออกไปยืนชมพระอาทิตย์บนกำแพงค่ายตั้งแต่เช้าตรู่แล้วครับท่านแม่ทัพ
แล้วเขามีท่าทางอะไรแปลกๆบ้างไหม โซลย์ถามต่อขณะที่วักน้ำขึ้นล้างหน้าและรับผ้าสะอาดจากนายทหารผู้นั้นมาเช็ดจนแห้ง อีกฝ่ายทำท่าคิดก่อนจะตอบอย่างระวัง
ข้าไม่เห็นสิ่งใดที่ดูผิดปรกติเลยแม้แต่น้อย
งั้นหรือ โซลย์พยักหน้าและวางผ้าลงบนโต๊ะ ทหารคนนั้นจึงรีบถาม
ท่านแม่ทัพต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ไม่มี ขอบใจเจ้ามาก โซลย์ตอบ ทหารผู้นั้นจึงทำความเคารพต่อเขาก่อนจะเดินออกไป แม่ทัพแห่งมอร์เซลยืนเคาะโต๊ะสองสามครั้งจึงตัดสินใจก้าวออกจากห้องและตรงไปที่กำแพงค่ายทันที
แสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องลงมาปลุกทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในค่ายให้ตื่นขึ้นและเริ่มปฏิบัติภาระกิจของตัวเองด้วยความกระฉับกระเฉง พลเมืองและทหารทุกคนซึ่งเดินออกมาจากที่พักต่างพากันหยุดยืนมองร่างในเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตาที่ยืนสงบนิ่งอยู่บนกำแพงค่ายด้วยความรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจ เพราะร่างนั้นกำลังเปล่งประกายสีขาวสว่างเจิดจ้าสะท้อนรับกับแสงสีทองของดวงตะวันยามเช้า อำนาจของพลังแสงนั้นราวกับขับไล่สิ่งชั่วร้ายทุกอย่างให้พ้นไปจากสถานที่แห่งนี้ จนทุกคนบังเกิดความปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นภายในใจซึ่งแม้แต่ตัวของโซลย์เองก็เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ข้าเพิ่งเคยเห็นชาวมาร์วัลลัสเป็นครั้งแรก ชาวบ้านคนหนึ่งพูดเบาๆ ได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นจอมเวทที่มีพลังมากมาย ไม่คิดว่าจะได้มาเจอตัวจริง
ข้าก็เคยได้ฟังมาว่าชนพวกนี้ไม่รู้จักแก่หรือตาย แต่ไม่คิดว่าเขาจะงามตาแบบนี้
อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาบ้าง โซลย์ถึงกับนึกขำอยู่ในใจเมื่อคิดว่าคนเหล่านี้จะรู้สึกยังไงหากได้เห็นจอมเวทที่พวกเขาชื่นชมในอีกสภาพหนึ่ง
อรุณสวัสดิ์ ท่านโซลย์
เสียงห้าวๆเอ่ยทัก แม่ทัพหนุ่มหันหน้าไปทางเจ้าของเสียงซึ่งกำลังยืนยิ้มกว้างอยู่ทางด้านหลัง
อรุณสวัสดิ์ท่านบรุค เขาเอ่ยทักตอบ ผู้บัญชาการค่ายหันไปร้องทักทายกับชาวบ้านสองสามคนก่อนจะหันมาทางโซลย์
ไม่คิดว่าท่านจะตื่นเช้าเช่นนี้
อากาศในวันนี้แจ่มใสเสียจนข้าทนนอนอยู่บนเตียงต่อไปไม่ได้ และอีกประการหนึ่งพวกข้าต้องเร่งออกเดินทางโดยเร็ว
พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดกันแน่ บรุคถามและยกมือทั้งสองข้างชูขึ้นเสมอไหล่ ขออภัยที่ถามออกไปเช่นนั้น มันเป็นนิสัยเคยตัวของข้าเสียแล้วกับการซักไซ้ไต่ถามเรื่องราวจากนักเดินทางทั้งหลาย
มันเป็นหน้าที่ของท่าน แม่ทัพแห่งมอร์เซลกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ถึงอย่างไรข้าคงจะบอกรายละเอียดทั้งหมดให้ท่านทราบไม่ได้เช่นเดียวกันแม้ว่าจะมีคมดาบมาจ่อไว้ที่คอหอยก็ตาม
ใครเล่าจะกล้ากระทำการอันจาบจ้วงเช่นนั้นกับแม่ทัพแห่งราชอาณาจักรมอร์เซลได้ บรุคกล่าวกลั้วหัวเราะ ราชกิจคือราชกิจ ข้ามิบังอาจล่วงละเมิดสู่รู้มากเกินไปกว่าที่ท่านบอกได้
ผู้บัญชาการค่ายหยุดนิ่งเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
ข้าทราบดีว่าพวกท่านจะรีบเร่งออกเดินทางในตอนเช้าจึงได้ให้คนจัดเตรียมเสบียงอาหารไว้ให้ แม้จะไม่ดีนักแต่ก็คงพอกินให้อิ่มท้องไปได้ราวสองอาทิตย์
ขอบใจท่านมาก โซลย์กล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนร่วมกองทัพ บรุคสั่นหน้า
อย่าได้กล่าวราวกับเกรงใจข้าเลยท่านโซลย์ อ้อจริงสิแล้วเจ้าเพื่อนตัวเล็กของท่านยังไม่ตื่นอีกรึ จะให้ข้าส่งทหารไปปลุกเขาหรือไม่
เดี๋ยวข้าจะจัดการกับเขาเอง ท่านไม่ต้องกังวลไปกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอกท่านบรุค แม่ทัพหนุ่มตอบ อีกฝ่ายผงกศีรษะ
อีกอย่างหนึ่ง ข้าต้องขอบใจท่านและเพื่อนของท่านเป็นอย่างมากที่ช่วยเหลือค่ายแห่งนี้ให้รอดพ้นจากหายนะจากฝูงหนอนปิศาจเมื่อคืน หากไม่มีพวกท่านแล้วเราคงทำอะไรไม่ถูก ข้ายอมรับว่าไม่เคยเจออะไรที่มันน่ากลัวมากเท่านี้มาก่อนเลยตั้งแต่เข้ามาอยู่ในค่ายแห่งนี้
พวกเราเองก็เป็นต้นเหตุนำปิศาจเหล่านั้นมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน
ถึงไม่มีพวกท่าน สักวันเจ้าปิศาจน่าขยะแขยงเหล่านั้นก็จะบุกมาทำลายที่นี่อยู่ดี บรุคกล่าว ที่น่ายินดีก็คือการที่ได้ชาวมาร์วัลลัสมาช่วยเหลือ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหล่าจอมเวทจะมีเมตตาต่อคนนอกอาณาจักรของพวกเขา
เจ้าอาจจะเสียใจในภายหลังที่กล่าวประโยคนี้ออกมา เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น เพราะพวกจอมเวททั้งหลายไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่พวกเจ้าคิด
โซลย์และบรุคหันไปมองฟอร์เซ็ตติที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาสีฟ้าทอประกายแปลกๆออกมาวูบหนึ่งก่อนจะสลายหายไป แม่ทัพแห่งมอร์เซลเลิกคิ้วน้อยๆ
ข้าไม่เคยได้ยินว่าพวกมาร์วัลลัสเป็นคนโหดร้าย
เจ้าก็เคยเห็นกับตามาแล้วครั้งหนึ่งมิใช่หรือ ท่านโซลย์
ฟอร์เซ็ตติกล่าวอย่างเคร่งขรึม โซลย์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อคิดถึงภาพคุ้มคลั่งของจอมเวทที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาสั่นศีรษะแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตรงกันข้ามกับบรุคที่มีสีหน้าฉงน
หากพวกท่านเป็นผู้ไร้น้ำใจจริง ก็คงไม่ช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน
ข้าอาจจะทำไปเพราะความรักตัวกลัวตายก็ได้ จอมเวทหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นโมไดกำลังเดินตีสีหน้ายุ่งเข้ามาหา
ช่างใจดีกันเหลือเกินนะที่ปล่อยข้าเอาไว้ในห้องคนเดียวแบบนั้น เด็กหนุ่มบ่นขึ้นทันที โซลย์ยิ้ม
ยังดีที่เจ้าตื่นขึ้นมาทัน ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงจะฝากเจ้าไว้กับท่านบรุคและจะกลับมารับเมื่อภาระทั้งหลายสิ้นสุดลงแล้ว
ข้าจะวิ่งตามเจ้าสองคนไปจนกว่าจะทัน ต่อให้ต้องฝ่าดงผีดิบไปก็ตาม
ทั้งโซลย์และบรุคหัวเราะออกมาด้วยความขบขันในคำพูดและกิริยาของเด็กหนุ่ม เขาขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคืองใจก่อนโพล่งเสียงดัง
แล้วนี่พวกเราจะออกเดินทางกันได้หรือยัง
พวกเราคงจะออกไปกันได้เช้ากว่านี้หากไม่ต้องรอเด็กขี้เซาบางคน ฟอร์เซ็ตติย้อน โมไดหันไปถลึงตาใส่เขาพร้อมกับบ่น
ปากดีนักนะฟอร์จีเซล
โซลย์รีบยกมือขึ้นห้ามศึกของคนทั้งสองทันทีเมื่อเห็นดวงตาวาววับของจอมเวทหนุ่ม เขาหันไปดุโมไดสองสามคำและกล่าวกับบรุคด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
พวกข้าคงต้องเร่งออกเดินทางกันแล้ว ขอบคุณสำหรับที่พักและอาหาร
พวกเรายินดีเสมอ บรุคตอบขณะที่มองดูทหารใต้บังคับบัญชาส่งห่อเสบียงอาหารให้กับโซลย์ และขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จในภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา
เขาพูดระหว่างเดินไปส่งนักเดินทางทั้งสามที่ประตูค่าย ผู้บัญชาการค่ายค้อมศีรษะลง
ลาก่อนท่านแม่ทัพ ขอให้ท่านโชคดี
ขอบคุณท่านมาก ลาก่อน
โซลย์กล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง และเดินออกจากค่าย โมไดรีบกล่าวคำขอบคุณบรุคก่อนวิ่งตามหลังแม่ทัพหนุ่มไปติดๆ โดยมีฟอร์เซ็ตติเดินรั้งท้าย ผู้บัญชาการค่ายมองตามหลังคนทั้งสามจนหายไปจากสายตาจึงหันหน้าเดินกลับคืนเข้าไปในค่าย
*/*/*/*/*/*
อาจจะสงสัยว่าทำไมคราวนี้มูนนี่ลงศาสตราแห่งเดราเนียร์เร็วนักทั้งที่ปรกติแล้วต้องลงทุกวันพุธ พอดีเมื่อกี้เปิดบทที่แล้วอ่านแล้วเจอคอมเม้นท์สุดท้ายของคุณ zeros เลยรีบตอบค่ะ
ศาสตราแห่งเดราเนียร์เคยได้รับการตีพิมพ์มาแล้วโดยสนพ.เพื่อนกัน(เราเพื่อนกัน) ราวสี่หรือห้าปีก่อน มูนนี่เองก็ไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากหมดสัญญาประกอบกับยังไม่เคยนำนิยายเรื่องนี้มาโพสต์ในถนนนักเขียนเลยตัดสินใจนำมาลงค่ะ อย่างที่เคยแจ้งไว้แล้วตั้งแต่ตอนต้นว่ามูนนี่เขียนนิยายเรื่องนี้ไว้นานแล้ว แต่ไม่อยากแจ้งเรื่องการตีพิมพ์เท่านั้นเอง
หากผู้อ่านท่านใดสนใจหรือต้องการรู้ตอนจบเร็วๆ สามารถหาซื้อได้ในงานหนังสือที่บูธเพื่อนกัน โซน C บูธW06 ค่ะ งานมูนนี่ออกกับที่นี่สองเรื่องคือศาสตราแห่งเดราเนียร์และบาบิโลน อาณาจักรนักรบทมิฬ
มาคุยกันค่ะ
ฟอร์เซ็ตติตอนนี้ใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์มากขึ้น (อ้าว..หมายความว่าไง ^^... ฉากแรกยี้..กับซอมบี้หนอนมาก คุณมูนนี้วาดภาพสวยจนน่าทึ่ง จากคุณ : GTW - อยากจะให้ฟอร์เซ็ตติพัฒนาตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไปน่ะค่ะ ตอนเขียนฉากหนอนมูนนี่เปิดสารคดีประกอบเลยนะคะ จะได้บรรยายได้น่าแหวะ แหะๆ
เพิ่งมาเก็บได้จนจบ ขนาดมีแค่สามคน ยังชุลมุนวุ่นรัก เอ้ย วุ่นวายมากขนาดนี้ ถ้ามีครบคนจะขนาดไหนกัน เป็นกลุ่มที่ไปกันไม่น่ารอดเลยนะเนี่ย จากคุณ : zoi - แหะๆ ที่ชุลมุนตัววุ่นน่าจะเป็นโมไดมากกว่าค่ะ โซลย์จะออกแนวผู้ใหญ่มากกว่าในขณะที่ฟอร์เซ็ตติจะมาแนวนิ่งๆ ลองลุ้นกันว่าจะไปกันรอดหรือเปล่านะคะ
อีตาโมไดนี่น่าเขกกะโหลกจริงๆ แต่ดูเป็นกลุ่มที่เข้ากันดีค่ะ ช่วยกันเรียนรู้ จากคุณ : scottie - เด็กหนุ่มอายุ 15 แนวกวนอารมณ์ แต่เวลาเอาจริงโมไดก็เก่งเหมือนกันนะคะ
มาส่งเสียงครับว่าตามอ่านอยู่ จากคุณ : kaburapat - ขอบคุณค่า ^^
ไม่หรอกค่ะ ชอบจอมมารที่ซู๊ดดด ส่วนพี่ฟอร์ มนเอาหนีบรักแร้ขวาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ หนีไปไหนไม่ได้แล้ว อิๆ จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) - แหม ฟอร์เซ็ตติโดนหนีบแบบนั้นระวังจะหายใจไม่ออกนะคะ
เอ สงสัยอย่างครับ คือเรื่องนี้ จขกท เคยตีพิมพ์ไปแล้วนี่ครับ หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้วเลยเอามาโพสต์ได้เหรอครับ? เผอิญไปค้นหนังสือในห้องหนังสือแล้วเห็นเล่มนี้ผ่านตาพอดี จากคุณ : zeros - ค่ะ เคยพิมพ์มาแล้วแต่นานมาก มูนนี่ได้อธิบายไว้ข้างต้นแล้วนะคะ
มาแจ้งข่าวนิยายเรื่องเซ็นซูค่ะ ทางสนพ.ส่งข่าวมาว่าไม่ทันงานหนังสือ แต่จะวางเดือนนี้แน่นอนค่ะ
วันนี้ปิดท้ายด้วยรูปฟอร์เซ็ตติอีกนะคะ เพราะเป็นตัวละครที่วาดไว้เยอะที่สุด
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่ค่ะ
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 54 16:47:23
|
|
|
|