Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 30 - 31 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 30
   
    ความเงียบสงบภายในวัด ทำให้สมาธิของกัญชพรดิ่งลงสู่ความสงบได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะบุญกุศลแต่ชาติปางก่อนของกัญชพรที่เคยได้บำเพ็ญมา เธอจึงก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อจิตสงบ ความว่างเข้ามาแทนที่ ยิ่งว่าง ความสว่างก็ยิ่งเพิ่มทวี มณีนาคินทร์ที่ห้อยคอกัญชพร เปล่งประกายสุกใส สวยงามอย่างหาที่ติไม่ได้ มณีนาคินทร์ค่อยแผ่รัศมีสีเงินยวงครอบร่างของกัญชพร มีเพียงผู้บำเพ็ญฌานเท่านั้นที่จะได้เห็นแสงสีเงินยวงนี้ กรอบโครงแสงสีเงินยวงที่ครอบร่างของหญิงสาวชุดขาวที่นั่งหลับตาพริ้มอยู่เบื้องหน้าองค์พระประธานของโบสถ์ ก็ค่อยๆ เพิ่มรัศมีเข้มขึ้นและแผ่ออกไปเรื่อยๆ พอเริ่มถอนสมาธิคืนกลับมา กัญชพรก็แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นการปิดคอร์สเรียนวันนี้  

หลวงพี่แสงฟ้าลืมตาขึ้นก่อนอย่างช้าๆ  กัญชพรค่อยลืมตาขึ้นตามและมองมาที่พระแสงฟ้า ร่างท่าน ณ เวลานี้ดูใสสะอาดจริงๆ อาจเป็นผลแห่งการเจริญวิปัสสนา พอหันไปข้างๆ ก็พบว่าแม่นิ่มนั่งสัปหงกอยู่

“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”   หลวงพี่เอ่ยถาม

“เบาและสบายตัวสบายใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะ”   กัญชพรตอบ หลวงพี่ยิ้มให้ก่อนพูดต่อว่า

“นั่นเพราะกิเลสมันเริ่มจางลง กิเลสมันเป็นเครื่องรัดตรึงจิตใจเราไว้ นานวันมันก็จะพอกหนาขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เมื่อเราชะล้างหรือชำระกิเลสออกไปเสียบ้าง ความเบาและความสบายก็จะเกิดขึ้น”

กัญชพรนิ่งฟังเงียบ หลวงพี่คอยพร่ำสอน และให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมา กัญชพรตั้งใจและขยันฝึกฝนทางจิตอย่างสม่ำเสมอ


    ณ ดินแดนฉิมพลี...สถานที่ประทับของพญาปักษาผู้ยิ่งใหญ่...ทุกหนแห่งถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำและประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากสีงดงาม ชาวครุฑต่างอยู่กันอย่างผาสุก ภายใต้การปกครองของพญาครุฑิการ จ้าวแห่งทิพยวิมานแห่งนี้ หลังจากทราบข่าวเรื่องของแสงขวัญ ความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นจึงบังเกิด มิมีใครกล้าที่จะทัดทานความประสงค์ของพญาปักษาไ้ด้ ยกเว้นเพียงผู้เดียวที่พอจะทูลทัดทานได้ คืิอ...เทวีศรีบงกช...พระมเหสีแห่งพญาครุฑิการ พระเทวีของพญาครุฑิการเป็นเทพอัปสร พระธิดาพระองค์หนึ่งของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ เพราะความช่วยเหลือของพญาครุฑิการในครั้งที่มหาเทพเข้าสู้รบกับอสูรที่รอบมาทำร้ายพระองค์ พญาครุฑิการเสี่ยงตนเองเข้าบังพระวรกายแห่งมหาเทพไว้ ทำให้ตัวเองบาดเจ็บสาหัส องค์มหาเทพทรงซึ้งในพระทัยยิ่ง จึงทรงตอบแทนโดยการประทานพระธิดาผู้เลอโฉมให้เป็นคู่บารมีนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  พระเทวีศรีบงกช ทรงกำเนิดจากดอกบัวที่ขึ้นอยู่กลางสระของพระเทวีของมหาเทพ พระนางมีพระสิริโฉมงดงาม มีกลิ่นกายหอมกรุ่น


    ในฉิมพลีวิมานแก้ว พระเทวีศรีบงกชทรงเข้าเฝ้าพระสวามีอย่างลำพัง  

“จ้าวพี่เพคะ ศรีบงกชขอทูลอะไรได้มั้ยเพคะ?”  

ขณะเอ่ยถามก็ทรงเยื้องย่างกายเข้ามานั่งใกล้ท้าวปักษาผู้ยิ่งใหญ่  พญาครุ
ฑิการหันมาทางพระมเหสีและทรงเอ่ยถามว่า

“เจ้าจะพูดสิ่งใด?”    

เมื่ออยู่กับพระเทวี พญาครุฑิการ ทรงอ่อนโยนต่อพระนางเสมอมา

“จ้าวพี่เพคะ น้องอยากทูลจ้าวพี่ให้ทรงเลิกพระทัยที่จะระรานเจ้านาคหนุ่มนั้นมิได้หรือเพคะ?”  

“เจ้าว่าอะไรนะ ศรีบงกช เจ้าว่าพี่ระรานมันหรือ?”    

พญาครุฑิการแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่งกับคำทูลขอของพระเทวี

“ไม่ใช่อย่างที่จ้าวพี่คิดนะเพคะ เพียงแต่น้องอยากให้จ้าวพี่คิดตริตรองอีกครั้ง เรื่องนั้นก็เกิดขึ้นไปนานแล้วนะเพคะ อีกอย่างพระอนุชาของพระองค์เองก็เป็นฝ่ายก่อวิวาทกับเขาก่อน พระองค์ก็ทรงทราบพระทัยดี”   พระเทวีทรงทวนความจำให้พระสวามี

“ข้ารู้ดี ศรีบงกช ว่าพระอนุชาของข้าเองก็เกเร แต่เจ้านาคหนุ่มก็ไม่ควรลงมือกับเขาถึงกับกายทิพย์ต้องแตกดับ แูละยังนาถรีและหลานของข้าต้องพลอยจากไปอีก เจ้าจะให้ข้านิ่งดูดายหรือ”
พญาปักษากล่าว

“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะเพคะ”    พระเทวีพยายามเตือนสติ

“เงียบเถอะ!  ศรีบงกช แม้ข้าจะรักเจ้ามากเพียงใด แต่เพลิงแค้นของข้ามันยังลุกโชนอยู่ ข้าไม่มีวันมีความสุขได้ หากแม้นไม่ได้แก้แค้นให้อนุชาและนาถรี จำไว้...ห้ามเจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของข้าเป็นอันขาด”  

ตรัสจบ พญาครุฑิการลุกขึ้นและดำเนินออกจากห้องไปทันที เหลือพระเทวีที่นั่งอยู่เดียวดายภายในห้อง ทรงส่ายพระพักตร์และถอนพระทัย


    ครบเจ็ดวันตามกำหนดหมาย นายเปี๊ยกแอบเอารถตู้สีขาวคันเดิม ขับออกมาจากบ้านพักตากอากาศแต่เช้ามืด และมุ่งหน้าไปยังวัดป่าที่สัญญากับกัญชพรไว้  โดยที่รัศมีและตวงสิทธิ์ยังไม่ตื่นนอน เมื่อถึงหน้าวัดที่เคยจอดส่งกัญชพรและแม่นิ่ม เขาก็ดับเครื่องและรอนายสาวและยายนิ่มอย่างเงียบๆ


    กัญชพรก้มลงกราบหลวงพี่แสงฟ้า หลังจากเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย ใบหน้าของกัญชพรอิ่มเอิบ ผ่องใส ด้วยราศีแห่งบารมีธรรม ก่อนกลับหลวงพี่แสงฟ้ายังเตือนกัญชพรอีกว่า

“จงจำไว้ สติจะเป็นเครื่องกำหนดทุกอย่าง ทำสิ่งใดใช้สติให้มาก เมื่อมีสติความผิดพลาดจะเบาบางลง”  

“ค่ะ”   กัญชพรรับคำ  แม่นิ่มเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จทีหลัง กำลังคลานเข้ามานั่งใกล้ๆ กัญชพร แม่นิ่มก้มกราบพระแสงฟ้า รอจนแม่นิ่มกราบพระแสงฟ้าเสร็จ กัญชพรก็เอ่ยขึ้นว่า

“แม่นิ่มจ้ะ เดี๋ยวแม่นิ่มไปรอกัญที่รถก่อนนะคะ เดี๋ยวกัญตามไป”  

“ได้ค่ะ”   แม่นิ่มรับคำ แล้วหันมาทางพระแสงฟ้า และพูดว่า

“งั้นแม่นิ่มกราบลาล่ะค่ะพระ”  

แล้วก้มกราบอีกครั้ง แล้วค่อยถอยออกไป เมื่อแม่นิ่มเดินพ้นประตูไปแล้ว กัญชพรจึงหันมาทางพระแสงฟ้า และเอ่ยถามว่า

“หลวงพี่คะ ตอนที่กัญเข้าสมาธิ กัญเห็นพญาครุฑ หน้าตาเขาดูน่ากลัวเหมือนโกรธแค้นใครมา เขาตรงเข้ามาจะทำร้ายกัญ แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางไว้ แล้วกัญก็สะดุ้งจากสมาธิ ภาพที่กัญเห็นเป็นแค่นิมิตหลอกใช่มั้ยคะ?”  

หลวงพี่มองหน้าโยมน้องอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยตอบว่า

“มันเป็นวิบากกรรม นิมิตที่โยมน้องเห็นมันเป็นนิมิตบอกกาลในวันหน้า ในจักรวาลมีภพภูมิมากมายที่ซ้อนเหลื่อมกันอยู่ หากแม้จะเกี่ยวข้องกันก็เป็นเพราะวิบากกรรมที่กระทำไว้ร่วมกันเท่านั้น ที่เป็นตัวเชื่อมให้ภพแต่ละภพมาต่อกันได้”  

“หมายความว่า ต่อไปกัญจะต้องเผชิญกับพญาครุฑหรือคะ?”  กัญชพรถาม  พระแสงฟ้าไม่พูดสิ่งใด ได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบแทน

“เหลือเชื่อจริงๆ”   กัญชพรอุทานออกมา


    รถตู้สีขาวแล่นมาตามถนนสายเล็กๆ ที่ค่อนข้างจะคดเคี้ยวนิดหน่อย กัญชพรนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ รถวิ่งเลาะตามลำน้ำโขง กัญชพรมองเห็นบางอย่างกำลังเล่นน้ำอยู่ไกลริบๆ เห็นไม่ถนัดตานัก เมื่อเธออยากรู้ว่าสิ่งที่กำลังเล่นน้ำอยู่มันคืออะไร  กัญชพรจึงเพ่งมองออกไปอีกครั้ง เหมือนกล้องที่ติดเลนส์ซูมดึงภาพเหล่านั้นเข้ามาใกล้ นั่น...ฝูงนาคกำลังเล่นน้ำ มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ลดหลั่นกันไป เหมือนรู้ตัว ทุกตนหยุดการเล่นน้ำ และหันมองไปทางเดียวกัน

“มีมนุษย์มองเห็นพวกเรา”     หนึ่งในฝูงนาคบอก

“นั่น นางผู้นั้น”    อีกตนบอก

“ข้าเคยเห็นนาง นางชื่อกัญชพร”    อีกตนหนึ่งแหวกฝูงออกมาด้านหน้า กัญชพรยิ้มให้เหล่านาคอย่างเมตตา  

“นางยิ้มให้พวกเรา เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ยิ้มให้พวกเรา ทุกครั้งเมื่อมีใครพบเห็นพวกเรา พวกเขาต้องกลัวลนลานไปหมด”    หนึ่งในฝูงบอก

“นางคือผู้ที่จ้าวของเราหมายปอง”    ตัวที่เคยเห็นกัญชพรบอกกับฝูง

“งั้นนางก็จะมาเป็นจ้่าวนางของพวกเราหรือ?”    อีกตนตื่นเต้น

“ข้าไม่รู้”     นาคตัวเดิมตอบ

“แต่ข้าว่าพวกเจ้ารีบกลับลงไปบาดาลได้แล้ว หากแม้มีมนุษย์ที่มีวิชามาพบเข้า พวกเจ้าจะเดือดร้อน”

เสียงแม่เฒ่านาคีประกาศเตือนมาจากท้ายฝูง  

“แม่เฒ่า!”     ฝูงนาคเรียกผู้มาใหม่พร้อมกัน แม่เฒ่าแหวกฝูงนาคและมาอยู่ด้านหน้าสุด มองไปทางที่รถตู้สีขาวที่วิ่ง กัญชพรก้มศีรษะนิดหนึ่งเป็นการแสดงความเคารพ แม่เฒ่าเองก็ก้มหัวทำความเคารพเหมือนดั่งว่าได้พบเจ้านาย นาคทุกตนทำตามแม่เฒ่า จนรถตู้สีขาววิ่งผ่านและเลี้ยวโค้งหายไป  

“นางมีพลังแห่งจ้าวนางแสงมณีอยู่”  แม่เฒ่าบอก

“ถูกต้องแล้ว แม่เฒ่า”     อัญญานีปรากฏกายขึ้น เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แม่เฒ่า

“โอ้! ท่านอัญญานี”    แม่เฒ่าร้องเรียกอย่างดีใจ  แม่เฒ่าก้มหัวทำความเคารพ อัญญานียิ้มรับ

“ตามสบายเถอะแม่เฒ่า เราไม่ใช่พระครูหรือพระพี่เลี้ยงอีกแล้ว เราก็แค่นาคีธรรมดาเท่านั้น”    อัญญานีบอก

“ท่านอัญญานีก็กล่าวเกินไป ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังเห็นท่านเป็นพระพี่เลี้ยงและพระครูของจ้าวแสงมณีอยู่ดี”   แม่เฒ่ากล่าว

“เอาเถอะ เรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้เรามีหน้าที่ใหม่ที่ได้รับมาจากจ้าวแสงขวัญ ข้าต้องดูแลและปกป้องนางมนุษย์ผู้นั้น เพราะนางคือคู่บุญแห่ง
จ้าวนาคาของพวกเรา”    อัญญานีบอก

“มิน่าเล่า นางถึงเห็นพวกเราได้ คำทำนายกำลังจะกลายเป็นจริง”   แม่เฒ่าตอบ

“คำทำนายอะไรหรือแม่เฒ่า?”   นาคหนุ่มในฝูงถามแทรกขึ้นมา

“คำทำนายมีอยู่ว่า เมื่อถึงกาลหนึ่งจะเกิดศึกระหว่างพญานาคและพญาครุฑ อันเกิดจากมนุษย์และจะมีนางมนุษย์ที่ต้องแก้คำสาปของศึกครั้งนี้ หรือว่าคือนางผู้นี้”    แม่เฒ่ากล่าว

“ก็อาจใช่”   อัญญานีตอบอย่างไม่มั่นใจ อัญญานีเองก็หันไปมองทิศทางที่รถตู้นั้นวิ่งหายไป



ตอนที่ 31


    จอมนาคาแสงขวัญค่อยๆ ลืมตาขึ้น จากสมาธิ การบำเพ็ญตนครั้งนี้เป็นการเพิ่มอิทธิฤทธิ์แห่งนาคา แสงขวัญค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ และลุกจากที่นั่งประทับเข้าฌาน และสิ่งแรกที่พระองค์นึกถึงคือ...กัญชพร นางเดียวในดวงใจของเขา พระองค์จึงทรงตั้งใจไว้แน่วแน่ว่าจะขึ้นไปพบนางในคืนนี้


    เหมือนใจสองใจตรงกัน ค่ำคืนนี้ แม้พระจันทร์เต็มดวงสว่างนวล สวยงามเพียงใด แต่ความงามของแสงจันทราก็ไม่ได้ทำให้ใจของกัญชพรหายคิดถึงแสงขวัญได้ หญิงสาวนับวันรอคอยการกลับมาของพี่แสงขวัญ กัญชพรได้แต่ทอดถอนใจ

“พี่แสงขวัญคงต้องลำบาก กัญคิดถึงพี่เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพี่คิดถึงกัญบ้างหรือเปล่า?”  

กัญชพรพูดพึมพำกับแสงจันทรา  

“ใครบอกว่ากัญคิดถึงพี่ฝ่ายเดียวกันเล่า”    

เสียงของแสงขวัญกระซิบอยู่ที่ข้างหูของกัญชพร หญิงสาวรีบหันกลับหลังไปทันที แสงขวัญยืนยิ้มมองหน้าเธออยู่ กัญชพรดีใจ โผเข้ากอดเขาทันที แสงขวัญสวมกอดร่างกัญชพรไว้ เหมือนดั่งว่าไม่อยากให้นางหลุดจากอ้อมกอดของเขาไปอีก จอมนาคาก้มลงจุมพิตที่เส้นผมของกัญชพรเบาๆ หญิงสาวยิ้มและอิงแอบอกของแสงขวัญ นานเท่านานที่ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน


    แสงจันทราส่องสว่างนวล ลอดช่องบานหน้าต่างห้องนอนของกัญชพรเข้ามา  ร่างสองร่างนั่งอิงแอบกันอยู่บนเตียงนอนของกัญชพร จอมนาคาจุมพิตที่หน้าผากของกัญชพรอย่างทะนุถนอม

“พี่จะไม่ข่มเหงน้ำใจของกัญก่อนถึงเวลาของเรา”    แสงขวัญบอกพร้อมกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก ร่างกัญชพรเบียดอิงแอบอยู่ภายใต้อกอันอบอุ่นของผู้ที่เธอคิดถึงอย่างมีความสุข

“ตอนแรก กัญนึกว่ากัญฝันไป”   กัญชพรเอ่ย จอมนาคาหนุ่มคลายอ้อมกอดออก และเชยคางกลมมนของกัญชพรขึ้นสบตาเขา และพูดว่า

“แล้วตอนนี้กัญว่าฝันไปหรือเปล่า?”  

กัญชพรยิ้ม และตอบแสงขวัญไปว่า  “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ฝัน แต่ถ้ามันเป็นความฝัน กัญก็ไม่ขอตื่นขึ้นมาเด็ดขาด”  

แสงขวัญยิ้ม และก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางอันอ่อนนุ่มของกัญชพร หญิงสาวหลบตาพริ้มรับรสจูบจากชายอันเป็นที่รัก เมื่อถอนจุมพิตออก เขากระชับร่างอันบอบบางของนางมนุษย์เข้ามาชิดลำตัว  และพูดเบาๆ ว่า

“พี่รักกัญมาก พี่ไม่รู้ว่าพี่รักกัญตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่รู้แต่ว่าถ้ากัญเป็นอะไรไป พี่ต้องมีชีวิตอยู่ไม่ได้แน่ๆ”    

“กัญก็เหมือนกันค่ะ กัญคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่แสงขวัญอยู่เคียงข้าง”  กัญชพรตอบ เหมือนน้ำทิพย์รดชโลมลงกลางหัวใจของแสงขวัญให้ชุ่มชื่น หลังจากที่หัวใจของเขาต้องแห้งผากมานาน แสงขวัญเคยคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่คงอยู่ได้อย่างไร้จุดหมาย แต่บัดนี้ชีวิตนี้ที่เหลืออยู่ของเขาต้องอยู่เพื่อนางผู้เป็นที่รักเท่านั้น


    กัญชพรตื่นแต่เช้า หน้าตาสดใส เธออารมณ์ดีผิดปกติ จนแม่นิ่มแปลกใจ

“เอ๊ะ เช้านี้คุณกัญอารมณ์ดีจังนะคะ”   แม่นิ่มถาม ขณะที่กัญชพรกำลังเลือกดอกไม้สีสดใสเพื่อจัดแจกัน หญิงสาวหันมาส่งยิ้มให้แม่นิ่มก่อนตอบว่า

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะแม่นิ่ม เพียงแต่วันนี้กัญรู้สึกอารมณ์ดีก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรเลย”  

“แต่มันผิดปกติค่ะ”   แม่นิ่มแกล้งเถียง

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ แม่นิ่มคิดมากไปเองหรือเปล่า”   กัญชพรตอบ แล้วเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ปักแจกัน โดยไม่ได้สนใจสายตาที่แม่นิ่มที่กำลังคอยจ้องมองอย่างแปลกใจ

“ทำอะไรหรือคะน้องกัญ?”     เสียงตวงสิทธิ์ดังมาก่อนที่ตัวเขาจะเดินมาถึงสองสาวต่างวัยที่นั่งทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ เสียงนั้นทำให้อารมณ์ของกัญชพรเริ่มเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่กัญชพรก็ยังหันไปยิ้มให้ตวงสิทธิ์ที่เดินเข้ามานั่งตรงข้ามเธอ ตวงสิทธิ์หันไปทางแม่นิ่มและพูดว่า

“แม่นิ่มครับ เช้านี้มีอะไรทานบ้างครับ ผมหิวแล้วล่ะ”  

“อ๋อ มีข้าวต้มปลาค่ะ งั้นเดี๋ยวแม่นิ่มไปตั้งโต๊ะให้นะคะ”   แม่นิ่มบอกและหันไปทางกัญชพร และถามเธอว่า

“คุณกัญ ทานเลยนะคะ แม่นิ่มจะได้จัดให้ทีเดียว”

“ค่ะ”  กัญชพรตอบและยิ้มรับ  ก่อนแม่นิ่มจะไปหันไปถามถึงรัศมี

“คุณรัศมีตื่นหรือยังคะ?”  

“คงยังมั้งครับ”   บุตรชายของรัศมีตอบ

“งั้น แม่นิ่มตั้งสองที่ก่อนแล้วกัน รอก่อนนะคะ”   พูดจบแม่นิ่มก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้สองหนุ่มสาวนั่งอยู่กันลำพัง  กัญชพรเลือกดอกไม้ปักแจกันต่อ ไม่ได้สนใจชายหนุ่มตรงหน้า  

“วันนี้พี่ว่าน้องกัญสวยกว่าวันก่อนๆ ที่พี่เห็นมานะ”   ตวงสิทธิ์หยอดคำหวานทันที   กัญชพรยิ้ม แต่มือก็ยังหยิบดอกไม้ปักลงในแจกันเหมือนเดิม และตอบไปว่า

“ขอบคุณค่ะ ที่อุตส่าห์ชม”  

เหมือนไม่ได้สนใจในคำพูดของญาติผู้พี่คนนี้นัก

“กัญ วันนี้ไปเที่ยวในเมืองกับพี่ตวงมั้ยคะ?”  ตวงสิทธิเปลี่ยนเรื่องและถือโอกาสชวนหญิงสาว

“ไม่ล่ะค่ะพี่ตวง กัญไม่ชอบเที่ยวแบบพี่ตวงหรอกค่ะ ขอบคุณค่ะทีชวนกัญ”    กัญชพรปฏิเสธเรียบๆ

“แต่กัญยังไม่เคยไปเลยนะ กัญรู้ได้ยังไงว่ากัญไม่ชอบ เถอะน่า ไปเปิดหู เปิดตากันดีกว่า”  

ตวงสิทธิ์ยังคงตื้อไม่เลิก กัญชพรหยุดมือจากการจัดดอกไม้ในแจกัน และมองหน้าพี่ชายตรงหน้าตรงๆ และพูดว่า

“พี่ตวงคงชวนผิดคนแล้วล่ะค่ะ พี่ตวงต้องชวนคุณพินทิพย์มากกว่าจะชวนกัญนะคะ เดี๋ยวเธอก็โทรหาพี่ พี่ตวงลองชวนเธอซิคะ ส่วนกัญขอตัวค่ะ”  

ตวงสิทธิ์อึ้งไปนิดหนึ่งเมื่อโดนกัญชพรเอ่ยถึงพินทิพย์

“กัญ...”   ยังไม่ทันที่ตวงสิทธิ์จะได้พูดสิ่งใดต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ตวงสิทธิ์หยิบโทรศัพท์ออกจากซองที่แหนบไว้ที่เอวขึ้นมาดู ชื่อพินทิพย์โชว์ขึ้นมา...กัญชพรรู้ได้ยังไงว่าพินทิพย์จะโทรมา?...เขาสงสัย  กัญชพรกลับยิ้มหวานและพูดว่า

“รับสิคะ เดี๋ยวเธอจะรอนาน กัญขอตัวก่อนนะคะ จะเอาแจกันดอกไม้นี้ไปถวายพระก่อน”  

พูดจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้น และเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับแจกันสองใบพร้อมๆ กันและยกขึ้น แล้วหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ตวงสิทธิ์นั่งงงกับอากัปกิริยาของกัญชพรในเช้าวันนี้

“เหลือเชื่อ บังเอิญมากกว่าน่ะ”    ตวงสิทธิ์บอกกับตัวเองเบาๆ เสียงโทรศัพท์มือถือยังคงดังต่อเนื่อง ตวงสิทธิ์รีบกดปุ่มรับสายทันที

“ครับ”    

“ตวง ทำไมคุณรับช้าจังคะ?”   เสียงพินทิพย์บ่นมาตามสาย

“เอ่อ...ผมเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ”    ตวงสิทธิ์แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ

“แล้วไป”   พินทิพย์ตอบ

“มีอะไรหรือจ๊ะ?”      ตวงสิทธิกรอกเสียงกลับไป

“วันนี้คุณว่างหรือเปล่าคะ ไปเที่ยวในเมืองเป็นเพื่อนพินหน่อยสิ พินคิดถึงคุณนะ”  

พินทิพย์อ้อน ตวงสิทธิ์ยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วตอบกลับไปว่า

“ว่างสิ สำหรับพิน ตวงว่างเสมอ อีกครึ่งชั่วโมงเดี่ยวตวงไปรับนะ แต่งตัวสวยๆ รอนะ”

ตวงสิทธิ์กดปิดโทรศัพท์ แล้วเก็บเข้าซองที่เอวเหมือนเดิม และลุกขึ้นเดินออกไป  


    แม่นิ่มกำลังตั้งโต๊ะอาหาร มีข้าวต้มปลาร้อนๆ หอมกรุ่น สองที่ แต่แล้วเห็นเพียงกัญชพรเดินเข้ามานั่งเพียงคนเดียว เธอจึงชะเง้อมองหา แต่ไม่พบใครจะเดินตามกัญชพรมา

“คุณกัญคะ แล้วคุณตวงล่ะ”      แม่นิ่มเอ่ยถามนายสาว  กัญชพรยิ้มให้แม่นิ่ม ก่อนตอบว่า

“แม่นิ่มเก็บข้าวต้มของพี่ตวงไปเถอะค่ะ พี่ตวงเขามีนัดแล้ว ต้องรีบไป”  

“อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าหิวนี่”    แม่นิ่มบ่น

“เถอะค่ะ แม่นิ่ม เดี๋ยวสักพักน้ารัศมีก็ลงมาแล้ว แม่นิ่มเอาข้าวต้มนี่ไปอุ่นรอน้ารัศมีก็ได้นี่คะ”     กัญชพรแนะให้

“ค่ะ ได้ค่ะ งั้นแม่นิ่มเก็บไปเลยนะคะ”   แม่นิ่มบอก  กัญชพรพยักหน้า

แม่นิ่มยกชามข้าวต้มเดินออกมา ไม่วายหันหน้ากลับไปมองกัญชพร แล้วพูดเบาๆ กับตัวเองว่า

“วันนี้ดูคุณกัญแปลกๆ ยังไงชอบกล”  

แล้วก็หันหลังถือชามข้าวต้มเข้าครัวไป  กัญชพรนั่งกินข้าวต้มเงียบๆ คนเดียวอย่างสบายใจ  


    พินทิพย์สวมเสื้อแขนกุดสีเหลืองปล่อยชายยาวคลุมสะโพก สวมกางเกงผ้ายืดสี่ส่วนสีดำ คาดเข็มขัดทีร้อยจากเชือก มีเปลือกหอยประดับประดาน่ารักสวยงาม สะพายกระเป๋าใบเก๋ นั่งคอยตวงสิทธิ์อยู่บนบ้านพัก ลุงเพียรเดินกลับมาจากเดินออกกำลังกาย เดินขึ้นบ้านมาเห็นหลานสาวนั่งชะโงกหน้ามองแต่หน้าบ้าน จึงเอ่ยทักว่า

“โอโห วันนี้แต่งตัวเสียสวยเชียว จะไปเที่ยวกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกล่ะสิ”

“ค่ะ เดี๋ยวตวงจะมารับค่ะ”    พินทิพย์ตอบหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เพียรเดินเข้ามาหาหลานสาว และพูดว่า

“พินเอ้ย ลุงอยากเตือนเรื่องเจ้าหนุ่มคนนี้หน่อย มันจริงใจกับหลานหรือเปล่า มันรักหลานของลุงเหมือนที่หลานรักมันหรือไม่ คิดดูให้ดีนะลูก อย่าให้มันหลอกไปวันๆ ลุงขอเตือน”  

พูดจบลุงเพียรก็เดินไปแตะไหล่หลานสาว ก่อนเดินเข้าห้องไป คำเตือนของลุงเพียรทำให้พินทิพย์ได้คิด


    พินทิพย์นั่งเงียบไปตลอดทาง คำเตือนที่ลุงเพียรเพิ่งเตือนสติเมื่อก่อนออกมา ทำให้เธอต้องมานั่งคิดตริตรอง ระหว่างเรื่องของเธอและตวงสิทธิ์  ตวงสิทธิ์เองก็แปลกใจ กับอากัปกิริยาของหญิงสาวคนรักในเช้านี้ จนทำให้เขาอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า

“พิน วันนี้พินเป็นอะไรไป ตอนคุยกันทางโทรศัพท์ เสียงก็ยังดูสดชื่นอยู่เลย”    

พินทิพย์หันมามองหน้าชายคนรัก  ยิ้มและตอบว่า

“เปล่าหรอกค่ะ พินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเท่านั้น”

“คิดอะไรอยู่หรือ บอกตวงได้มั้ย?”  

ตวงสิทธิ์ทำเสียงอ้อน พินทิพย์เงียบอีก ตวงสิทธิ์จึงเงียบตาม สักพักพินทิพย์ก็หันมาพูดกับตวงสิทธิ์ว่า

“ตวงคะ วันนี้เราไปทานข้าว แล้วตวงส่งพินกลับเลยนะคะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ ไหนเราจะไปสนุกด้วยกันต่อไม่ใช่เหรอ?”  ตวงสิทธิ์ร้องถาม

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้พินรู้สึกไม่ค่อยสบาย มึนหัวนิดหน่อยค่ะ”   พินทิพย์ตอบ ทำเอาตวงสิทธิ์หน้าม่อยไปเล็กน้อย

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 00:07:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com