Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 8 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10401402/W10401402.html

บทที่ 8

งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อยพอดีเลย ในจังหวะที่ปุราณย้อนกลับเข้ามาในห้องทำงาน เขาวางหน้าเคร่งขรึม ไม่สนองกิริยายิ้มกว้างลิงโลดของสาวแม่บ้าน เธอถูมือเบาๆ แล้วใช้น้ำเสียงตื่นเต้นพูดออกมาว่า

"แหม โชคดีจัง งานเสร็จพอดีเป๊ะเลย"

"เสร็จ แล้วเรียบร้อยหรือเปล่าล่ะ เร็วแต่ชุ่ย ก็ไม่ไหวหรอกนะ"

"แหม มือชั้นนี้นะคะ ถึงจะเป็นสาวกระโดกกระเดก แต่ทุกงานที่รับผิดชอบเนียนละเอียด ขอบอก นี่ไม่ได้โม้เลยนะ อาจารย์ชมเปาะท่านไหนท่านนั้นเลยล่ะ"

ปุราณฟังไปเฉยๆ วัสอรแอบค่อนขอดว่า 'เก๊ก' ตอนรีบลุกจากเก้าอี้ เพื่อให้เจ้านายพ่อหม้ายนั่งแทนที่

เขาเลื่อนเมาส์ พลางสำรวจตรวจสอบความเรียบร้อยของเอกสารหน้าแล้วหน้าเล่า นานมากเสียด้วย เพราะวัสอรต้องเปลี่ยนจากยืนรอฟังผลลัพธ์เป็นนั่งกันเลยทีเดียว

"ก็ดีนะ แบบนี้ก็พอจะวางใจให้ช่วยงานด้านนี้ได้บ้าง"

มันอาจไม่ใช่คำชมโต้งๆ แต่แม่บ้านวัยใสก็ยิ้มแต้ สีหน้าก็เผยความภาคภูมิใจนักหนา จนอีกฝ่ายอดปรายตามองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

"ไปหยิบแฟ้มในชั้นเหล็กมาหน่อย กระดาษด้วย แล้วลงไปยกอาหารกลางวันขึ้นมาบนนี้ ระหว่างที่ฉันกินข้าว เธอก็พิมพ์ออกมาให้หมด จัดเข้าแฟ้มเสียให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปกินข้าว ทำได้ไหม"

"ได้ค่ะ" วัสอรรีบตอบ "แล้วจะให้ทำอะไรก่อน ลงไปยกอาหารกลางวันก่อน หรือว่าหยิบ.. "

"ตามใจ ทำอะไรก่อนก็ได้ ไปเถอะ"

เสียงทุ้มเข้มตัดบทไร้ไมตรี กรอบหน้าขรึมประดับเคราเขียวน่าลูบหันมาให้ยลแบบเต็มตาทีเดียว

วัสอรก็ไม่ยอมเสียโอกาสล่ะ ใจจะค่อนขอดยังไงก็ช่าง แต่เรื่องอาหารตา มีมาให้เสพก็อย่าได้ปฏิเสธ และหลังจากเสพจนอิ่มตาแล้ว สาววัยใสก็รีบออกมายืนพิงบานประตูข้างนอก คราวนี้ก็ปล่อยใจค่อนขอดต่อไปอีกว่า

'ผู้ชายอะไร ไม่โรแมนติก ไม่มีเสน่ห์ ยิ้มก็ไม่เป็น มนุษยสัมพันธ์ก็ไม่มี คุณยายยกยอเจ้านายตัวเองมากไปหรือเปล่า'

เธอหัวเราะกับตัวเอง แต่ต้องแลกกับนิ่วหน้าระบมปากกันเล็กน้อย อาการเคล็ดขัดยอกก็ดูว่ายังเกาะกุมกล้ามเนื้ออย่างเหนียวแน่น ขณะลงบันได สมองก็ทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนวาน

ตอนกลับเข้าห้องพักมาแล้ว เธอโดนสรัลเล่นงานหนักเอาการ แต่ก็แปลกที่จำไม่ได้ว่าหลับไปยังไงและตอนไหน พยายามนึกทบทวนช้าๆ ยังไง ก็นึกไม่ออก




พริ้มเพราตาโตไม่หยุดเลย ขณะฟังแม่บ้านวัยใสเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญในห้องพักให้ฟังด้วยน้ำเสียงเนิบเนือย

หล่อนทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า ผีเกเรคือสรัล และทราบเหตุผลที่ตนโดนระรานเป็นอย่างดี ตอนฟังวัสอรเล่าว่าโดนข่มขู่ ด้วยประโยคคล้ายคลึงกัน หล่อนก็กลืนน้ำลายตื่นเต้น

"คุณฝนกลัวไหมคะ"

"อ้าว ถามแบบนี้ เห็นฉันเป็นสาวเก่งหรือยังไง ถ้าสู้กับคนน่ะ ฉันไม่มีถอยหรอก กับพวกเด็กบาร์สาวบาร์ ฉันก็เคยตบมาแล้ว ฟัดกันนัวเนียจนบาร์แทบแตก จนแม่เกือบจะถูกไล่ออกเสียด้วยซ้ำ แล้วฉันก็เป็นฝ่ายชนะด้วย"

"หรือคะ" พริ้มเพราถามเหมือนไม่เชื่อ เพราะดูจากภายนอก วัสอรเป็นสาวกระโดกกระเดกที่ค่อนไปทางหวาน

"ใช่ แต่กับผีนี่ไม่ไหวนะ แล้วผีขี้หึงนี่ก็ยิ่งไม่ไหวใหญ่ เคยเห็นแต่คนขี้หึง แล้วเอะอะอาละวาดไม่ฟังเหตุผล ฉันก็ว่าน่าตำหนิมากแล้วนะ แต่นี่มาเจอผีที่ลอยไปลอยมา หน้าตาตัวตนไปหยุดหน้าหยุดหลังหรือลอยอยู่บนหัวเรายังไงก็ไม่เห็น อันนี้ ฉันไม่สู้หรอก"

"แล้วจะทำยังไงคะ"

"ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่ฉันโทรบอกแม่แล้ว ให้แม่ช่วยหางานให้ใหม่ เฮ้อ" วัสอรถอนใจเฮือกออกมาดังๆ แล้วเปรยว่า "อันที่จริง ฉันก็ไม่มีทางให้ไปแล้วละนะ แต่ว่า ให้ฉันทู่ซี้อยู่ที่นี่ รอเวลาปะทะกับผี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ นาทีไหน ฉันก็ขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า"

พริ้มเพรากลืนน้ำลายเศร้าใจอีกหน วัสอรไม่มีทางให้ไป แต่เธอก็ยังมีมารดา ยังมีแม่นมอ่อน และยังมีเรี่ยวแรงฮึดสู้กับชะตากรรมที่ไม่อาจหยั่งรู้ในอนาคต

ไม่เหมือนหล่อน ที่ไร้สิ้นทางไปอย่างแท้จริง บ้านช่องก็กลับไม่ได้ คนทางโน้นคงตัดหางปล่อยวัดถาวร เพราะหล่อนไม่ตามใจขายตัว ไม่โอนอ่อนให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อสวาทเถื่อน

และนอกจากเหตุผลนี้แล้ว หัวใจดวงนี้ก็ภักดีต่อปุราณ จนเกินกว่าจะตัดใจพรากจาก แม้ไม่ได้ครองเคียงร่วมคู่ ก็ขอให้อดสูอยู่ใต้ชายคาเรือน ได้มองอย่างรักแสนรักอยู่ห่างๆ และอย่างเงียบๆ เช่นนี้ตลอดไปเถอะ

"เอ้อ ถามหน่อยสิพริ้มเพรา" วัสอรยกถาดอาหารขึ้น แล้ววางลง เมื่อนึกได้ว่าตนมีเรื่องข้องใจ "เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้คุณปูฟังบ้างหรือเปล่า"

สาวใช้อาภัพส่ายหน้า ใครจะไปกล้าเล่า หากเขาเชื่อก็ดีไป แต่ถ้าไม่เชื่อ หล่อนจะโดนตะเพิดออกจากบ้านแทบไม่ทัน โทษฐานไปปรักปรำภรรยาสุดที่รักของเขา

มีใครไม่ทราบบ้างเล่าว่า แม้ภรรยาจะพรากจากไปนานกว่าสามปีแล้ว แต่ในหัวใจดวงนั้นของสามี ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความภักดี แล้วหล่อนก็รับรู้ด้วยความรู้สึกอิจฉายิ่ง

"เดี๋ยวฉันจะลงมาคุยด้วยใหม่นะ ขอยกอาหารกลางวันไปให้คุณปูก่อน อ้อ ต้องทำงานเอกสารให้เขาด้วย กว่าจะลงมาอีกที อาจจะใกล้ถึงเวลาอาหารว่างตอนบ่ายโน่นแหละ"

วัสอรถอนใจอีกเฮือก ก่อนจะยิ้มเซ็งจับจิตให้สาวใช้ยิ้มแห้งแล้งตอบกลับ พอลับร่างแม่บ้านวัยใส พริ้มเพราจึงค่อยถอนใจเฮือกบ้าง
ตั้งแต่โดนผีเกเรคุกคามอยู่ในที่เร้น หล่อนก็ต้องคอยระมัดระวังทุกอากัปกิริยาของตัวเอง

การพูดคุยสุงสิงกับคนอื่นก็ลดน้อยลงไปเอง เก็บตัวมากขึ้น ความร่าเริงสดใสที่เคยมี ก็ค่อยโบกมือลาไปทีละวัน กระทั่งเหลือเพียงสาวใช้พริ้มเพราคนใหม่ เจ้าของอิริยาบถซึมเซาเฉื่อยเศร้า

ก็เพิ่งจะมีวัสอรนี่เอง ที่ย่างกรายเข้ามาบนเส้นทางชีวิตอับเฉา เธอเป็นกันเอง ไม่ถือตัว โลกที่เธอมอง บางครั้งก็บวก บางครั้งก็ลบ

แต่อย่างน้อย เธอก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คุยกันรู้เรื่องกว่าคนอื่นๆ แล้วมิหนำซ้ำ ยังมาเจอเหตุร้ายพิลึกพิลั่นเหมือนกันอีก จะเรียกว่าหัวอกเดียวกันก็ไม่ผิด

ครั้นพอฟังว่าเจ้าตัวตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะไปจากเรือนริมน้ำ เพราะไม่หาญกล้าพอจะต่อกรกับผีเกเร ใจของพริ้มเพรา ที่ชุ่มฉ่ำขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็ค่อยๆ แห้งลงอีกครั้ง

แม้ใจหนึ่ง ปรารถนาทัดทานให้เธออยู่ต่อ หากแต่อีกใจก็นึกยินดีว่า การไปจากเรือนริมน้ำเสียได้ จะช่วยให้เธอปลอดภัยจากการถูกคุกคามเกเร

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมจึงเกิดความเชื่อมั่นว่า วัสอรจะไม่นึกหลงใหลพ่อหม้ายพฤติกรรมประหลาดอย่างปุราณ และเมื่อเธอไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งอย่างนั้น ก็ยิ่งไม่ควรต้องมาโดนสรัลรังแกอย่างไร้เหตุผลไม่ใช่หรือ



เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะวัสอรมีงานให้ง่วนกว่าวันก่อนๆ เธอเพลิดเพลินกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ฉวยจังหวะตอนเจ้านายพ่อหม้ายเผลอ ก็แอบท่องโลกอินเทอร์เน็ตบ้าง เปิดเมลตัวเองบ้าง ก็เผื่อๆ ไปว่า อาจจะมีบริษัทไหนสักแห่ง หลงหูหลงตาเข้ามาแจ้งข่าวดีว่า 'บริษัทยินดีต้อนรับคุณเข้าทำงาน'

พองานบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อย นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง วัสอรเตรียมตัวลงข้างล่าง เพราะเดาได้ว่า ปุราณคงรับอาหารว่างในห้องทำงานนี่ล่ะ

แต่พอหันไปดูอีกที เจ้านายหนุ่มก็นอนหลับปุ๋ย กอดอกไว้ตัวไม่เปลี่ยนเลย เธอก็เลยย่องมาชะโงกสำรวจ ตอนนี้ ก็เผลอไผลลืมผีไปชั่วขณะ เพราะแรงปรารถนาต่อการโลมลูบเคราเขียวมันเยอะจัด

นิ้วสั่นค่อยหย่อนลงแตะแผ่ว แล้วลูบเลื่อนไปตามแนวขากรรไกร มันก็สากระคายนิดหน่อย แต่ก็เร้าใจไม่หยอก ปากสวยของเขาก็ไม่เลวเลย ยามเม้มบ้างปล่อยบ้าง มันก็ชวนมองได้เพลิน

เพราะมองได้เพลินนี่เอง ร่างชะโงกจึงหย่อนลงเป็นนั่งยอง พร้อมกับดึงนิ้วกลับ จะว่าไปแล้ว เขาก็หน้าตาหล่อเหลา มีเค้าร่าเริงแจ่มใสไม่น้อยอยู่หรอก

บางที คุณยายอาจไม่ได้ยกยอเกินไปก็ได้ การสูญเสียภรรยาสุดที่รัก มันคงแปรชายร่าเริงคนหนึ่ง ให้เปลี่ยนเป็นหนุ่มเคร่งขรึมและปิดกั้นตัวเองจากผู้คนและจากโลกใบปกติ

"เฮ้อ" วัสอรถอนใจออกมาดังๆ แล้วพึมพำปรารภว่า "ฉันไม่รู้ว่าจะอิจฉาคุณดีไหม ที่คุณยายรักคุณ มากกว่ารักแม่กับรักฉันเสียอีก ขนาดว่าป่วยหนักแท้ๆ แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงเป็นใย แปลกจริงๆ ลูกแท้ๆ ก็ไม่ใช่สักหน่อย"

"อะไรนะ"

"ฉันบอกว่าลูกแท้ๆ ก็ไม่ใช่สักหน่อย อุ๊ย คุณปู"

วัสอรสะดุ้งโหยง เสียงตอบเนือยๆ แกมรำคาญหดหาย พร้อมกับร่างตระหนกก็ผลุงเหมือนไม่เข็ดหลาบกับบทเรียนหนก่อน บั้นท้ายสาวสวยก็เลยมีอันกระแทกตึกเข้ากับขอบโต๊ะอีกครั้ง

เธอเสียหลักแรงกว่าคราวก่อน แต่สองขาก็ยังยืนหยัดขยับหนี เพราะความตกใจมันบัญชา สุดท้ายก็แค่เคลื่อนไปหงายหลังไม่เป็นท่าตรงปลายเก้าอี้ยาวนั่นเอง

"โอ๊ย เจ็บๆ ก้นกบพังหรือเปล่าละนี่ คนอะไร ตื่นก็ไม่บอกด้วย โอ๊ยๆ "

ปุราณหัวเราะแผ่วในคอ ไม่นึกว่าการหลับการตื่นต้องคอยรายงานแม่บ้านจอมจุ้นด้วย เธอต่างหากที่ไร้มารยาท มานั่งยองเท้าคาง แอบสำรวจอะไรเขาตอนหลับหรือเปล่า ทำนานแล้วหรือยัง

แล้วที่พึมพำให้ได้ยิน มันก็เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเจ้าตัวอิจฉาเขาอยู่ แล้วอีกอย่าง เขาก็แค่ถามดีๆ เบาๆ ด้วย เธอต่างหากที่ตกใจไปเอง ลนลานผลุนผลันหนีจนเกิดเรื่องเจ็บตัวอย่างนั้น

"ยังจะมาตำหนิฉันหรือ เธอมานั่งทำอะไรตรงนี้ งานเสร็จแล้วหรือ ไปหยิบมาดูซิ"

"เดี๋ยวได้ไหม ฝนเจ็บก้นกบ ขอนั่งสักแป๊บนะ"

"แผลเก่าหรือเปล่าล่ะ"

"น่าจะใช่ เอ๊ะ คุณปูนี่"

คุณปูก็หัวเราะขำๆ ออกมา เวลาเธอเสียรู้เสียเหลี่ยม ตอบอะไรซื่อๆ ออกมา ก็น่าเอ็นดูไม่หยอก เขาน่ะคิดเพียงเท่านี้ แต่วัสอรนี่สิ เธอตาปรอยขึ้นมาเลยเชียว เพราะเพิ่งจะได้ยลรอยยิ้มสว่างบนกรอบหน้าขรึมเป็นครั้งแรก

'โอ้โฮ มิน่าล่ะ คุณสรัลถึงได้ทั้งรักทั้งหลงและทั้งหวง สามีหล่อบาดจิตขนาดนี้เชียววุ้ย'

เธอพูดกับตัวเองในใจ ด้วยความทึ่งแก่ตาว่า พ่อหม้ายหนุ่มหล่อบรรเจิดยิ่ง รู้สึกเข้าใจในความเกเรของผีภรรยาขึ้นมาทันที หากเป็นเธอ ก็อาจต้องยืนกรานไม่ไปผุดไปเกิดล่ะ สามียังหนุ่มเปรี๊ยะหล่อเป๊ะเสียขนาดนี้

ปุราณก็ไม่รู้ว่านึกยังไง ถึงอารมณ์ดีลุกไปดีดนิ้วเปาะใส่แสงตาปรอยทื่อของสาวแม่บ้าน เธออยากจ้องมอง เขาก็ไม่ว่าหรอก แต่มองค้างเหมือนต้องมนตร์แบบนั้น มันตลกไปหน่อย

แล้วที่ห่วงก็ตรงที่สรัลอาจโผล่มาเห็นเข้า แล้วไม่พอใจ คราวนี้เธอจะโดนเล่นงาน เพราะภรรยาอาจเข้าใจว่าเธอมีใจอยากฝากเสน่หากับสามี

"อุ๊ย คุณปู"

วัสอรสะดุ้งและตื่นจากบ่วงรอยยิ้ม เธอกระแอมในคอ ทำทีวางมาดแม่บ้านแสนขรึม แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะตอนลุกขึ้น ก้นกบร้าวชอบกล

แล้วท่าเดินเขยกกับทำหน้าเหยเก มันก็ไม่ได้ช่วยส่งเสริมมาดขรึมให้ดูดีตรงไหน พ่อหม้ายหนุ่มเลยปรายตามองแล้วรู้สึกอยู่สองอย่างคือขบขันกับ 'เอ็นดูจัง'

"เป็นไงบ้างคะ เรียบร้อยดีไหม" สาวบั้นท้ายเดาะมายืนถามไปพลาง ลูบตำแหน่งที่เจ็บร้าวไปพลาง

"ก็ใช้ได้ ฉันจะตรวจให้ละเอียดอีกที ก่อนจะส่งให้ลูกค้า เอ้อ ลงไปยกของว่างเถอะ ฉันกินบนนี้แหละ ไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็.. "

"ก็อะไรคะ"

"ก็ฝืนๆ เอาหน่อย"

'โอ้โฮ' วัสอรทำหน้าเหลอหลาเจือตัดพ้อ ผู้ชายอะไร ใจร้ายใจดำจริงๆ พูดจบก็หันหลังให้เลย จะไม่ดูดำดูดีความเจ็บความปวดของเธอสักนิดเลยใช่ไหม เพราะเสียงเบาๆ ของเขา กับคำถามเฉื่อยๆ เมื่อครู่นี้ เป็นต้นเหตุแท้ๆ เลย ทำไมไม่รับผิดชอบบ้าง

วัสอรบ่นปนติเตียนระงมอยู่แต่ในใจ ขณะเขยกกลับออกมาแล้วลงไปยังห้องครัว เดาว่าพริ้มเพราคงเตรียมอาหารว่างรอท่าอยู่แล้ว เธอไม่เห็นหรอกว่า ปุราณยิ้มขบขันกับคำตอบของตัวเองยังไงบ้าง ตอนหมุนตัวหันหลังให้ แล้วหยิบแฟ้มเอกสารติดมือไปทำทีเปิดดูลวกๆ




พริ้มเพราตาโต พลางรีบมาช่วยประคองแม่บ้านวัยใสอย่างใจดี หล่อนช่วยลากเก้าอี้ แล้วประคองสาวเดินเขยกนั่งลง พลางถามว่า

"เกิดอะไรขึ้นคะ เจอดีกับคุณสรัลอีกแล้วหรือ"

"เอ๊ะ พริ้มเพรานี่ยังไง จะไปพูดถึงเธอทำไมกัน เดี๋ยวก็โผล่มาจริงๆ เอ้อ แต่พอพูดแล้ว ก็ดีเหมือนกัน ฉันเพิ่งจะรู้สึกว่าวันนี้แดดแรงกว่าทุกวัน ผีคงไม่กล้าไม่เก่งพอที่จะโผล่ตัวมาต่อกรกับแสงแดดจัดๆ อย่างนี้หรอก จริงไหม"

พริ้มเพราสั่นหน้าเป็นเชิงว่า 'ตอบไม่ถูกหรอก' บางที อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับแดดจัดแดดแรง แต่น่าจะขึ้นอยู่กับภาวะอารมณ์ของผีในยามนั้นเสียมากกว่า

พลังและอำนาจของผี น่าจะกร้าวแกร่งขึ้นได้ ด้วยอารมณ์หึงหวงอันแรงกล้า และพลังอำนาจเช่นนี้ ก็คงไม่มีแดดจัดผืนไหนยับยั้งขวางทางพิโรธได้แน่ๆ

สาวใช้ใจดีนั่งยองๆ พลางช่วยทายาให้สาวแม่บ้าน ที่ยังทำหน้าบิดเบี้ยว ร้องโอดครวญกับเคราะห์ซ้ำกรรมหนักไม่หยุดหย่อน เธอเปรยติดตลกว่า

"ปกติไม่เคยเชื่อเรื่องเคราะห์เรื่องดวงเลยนะ เห็นทีต้องคิดเสียใหม่แล้ว จำได้ว่ามีคนทักด้วยว่าฉันกำลังมีเคราะห์ แม้จะไม่ร้ายแรงมาก แต่ก็เรียกว่าเคราะห์ แถมยังแนะนำให้ฉันรีบสะเดาะด้วยการบริจาคโลงศพอะไรพวกนี้แหละ"

"เมื่อไหร่คะ"

"ก็ไม่นานนักหรอก แต่ก็ไม่แน่ใจ น่าจะก่อนเดินทางมาที่นี่สักเดือนสองเดือน เพื่อนฉันคนนี้ มันบ้าหมอดู ถูกทักอะไรสักที เป็นหลับหูหลับตาเชื่อหมด ให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้น ฉันยังเคยหัวเราะเยาะมันด้วยซ้ำว่ามันงมงาย"

"หรือคะ"

"ฮื่อ แต่ตอนนี้ก็น่าคิดนะ ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันเจ็บตัวอยู่เรื่อย ปากก็ยังไม่หายเจ่อเท่าไหร่เลย บั้นท้ายก็แทบพัง แถมยังเจอผีแผลงฤทธิ์ใส่เข้าอีก เอ๊ะ แบบนี้จะเรียกว่าเราเห็นผีหรือยัง"

"แล้วเห็นหรือยังละคะ"

วัสอรส่ายหน้า แค่ปะทะฤทธิ์เดชในที่เร้นที่ซ่อน แต่ยังไม่เคยเห็นโจ่งแจ้ง หรือเท่าที่เห็นมาแล้ว ก็แค่โครงโปร่งใส เบาบางและรางเลือนเกินไป

'อุ๊ย แบบนั้นมันก็เรียกว่าเห็นเหมือนกันนี่หว่า'

สาววัยใสเบิกตากว้าง สะท้านสะเทือนไปเลยกับข้อสรุปที่ผุดวาบปุบปับขึ้นในใจ คราวนี้ก็ยกมือทาบอก ท่าทางก็ตกใจจริงจัง เคยมีคนชอบพูดให้ได้ยินว่า 'คนเจอผี แสดงว่ากำลังมีเคราะห์หนัก จิตตกและอ่อนปวกเปียก ผีมันจึงสำแดงพลังปรากฏตัวให้เห็นได้'

"ตายแล้ว นี่ฉันต้องมีเคราะห์หนักจริงแน่ๆ เลย ฉันเห็นผีนี่"

"อะไรนะคะ" พริ้มเพราถามอย่างตกใจ มือที่ทายาก็ชะงักกึก "เห็นหรือคะ มะ.. หมายถึง.. หะ.. เห็นคุณ.. "

"ใช่" วัสอรตอบโพล่งออกมาเลย "ฉันเห็นคุณสรัล เห็นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนั่นแหละ แต่ก็แวบเดียวเองนะ ตอนนั้น ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นคุณสรัล"

"เห็นยังไงคะ ปะ.. เป็นร่างผะ.. ผี"

"ใช่ ร่างผีนั่นแหละ โปร่งๆ บางๆ ลอยไปลอยมาได้ พลิ้วไปพลิ้วมาเหมือนพวกสายรุ้งสายผ้าอะไรพวกนั้นน่ะ"

"เห็นที่ไหนคะ"

"กลางสะพาน"

สาวใช้อาภัพพอฟังก็ตบอกตาโต หยุดทายา แล้วพานลุกขึ้นมานั่งข้าง จากนั้น ก็ไม่พูดไม่จากันอีกเลย นอกจากจ้องมองตาขึงขังกันเองอย่างตื่นเต้นเจือหวาดกลัว

ปุราณข้างนอก ก็ชะงักเท้ากึก ตรึงร่างสูงเพรียวนิ่งไว้หน้าประตูอย่างตื่นเต้นเช่นกัน เขากลืนน้ำลายตั้งสองสามหน ความตื่นเต้นมันพลุ่งไอร้อนขึ้นไปฉ่าเต็มห้วงสมอง ตั้งแต่ได้ยินวัสอรตอบโพล่งว่าเห็นสรัลโน่นแล้ว

ก็มันไม่น่าเป็นไปได้ไม่ใช่หรือ หากจะมีคนสักคน สามารถมองเห็นร่างโปร่งใสคล้ายหลอดแก้วของภรรยาสุดที่รัก ลอยไปลอยมาอย่างอิสระทั่วบริเวณเรือนริมน้ำหลังนี้ คนคนนั้น ก็ควรจะเป็นเขา 'คนเดียว' เท่านั้น

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 54 17:55:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com