Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 5 ติดต่อทีมงาน

บรรพที่ 5


ดามิสา ชลันธีร์ นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ เปลือกตาคู่สวยปิดลงสนิทปล่อยแพขนตายาว
ระบายไปทั่วกรอบตา ดวงหน้าหวานปานจะหยดนั้นยังคงงดงามไม่ต่างกับครั้งที่ยังมีลมหายใจ
จะต่างกันเพียงแค่บัดนี้ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มร่าเริงอยู่เป็นนิตย์ซีดเซียวไร้เลือดฝาดใดหล่อเลี้ยง
นวลแก้มชมพูจึงซีดจางไร้สีสัน พลเอกภัณฑิลไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ร่างสูงใหญ่นั้นหันหลัง
ให้กับร่างงามที่นอนนิทรา แต่แล้วก็ต้องรีบหันกลับมาเมื่อได้ยินบุตรชายคนโตร้องเรียกหามารดา


“มามา...มามาตื่นสิ ผมกับปอปอมาแล้ว” อคิลเขย่าร่างมารดาเป็นการใหญ่ แต่ชามีดามิสา
ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง


“อคิล...อย่า!!” ผู้เป็นบิดารีบดึงเด็กชายออกจากร่างมารดา


“ทำไมล่ะ? ปอปอ มามาหลับก็ต้องปลุกสิ”


“มามาไม่ได้หลับ...มามาเขา...เขาไปแล้วลูก” หยาดน้ำตาลูกผู้ชายรินรดแก้มไม่ขาดสาย
แต่เด็กชายทำเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่บิดากล่าว


“ไปแล้ว? ไปไหน? ก็มามานอนอยู่นี่ไง ปอปออย่างร้องไห้สิ เดี๋ยวผมปลุกมามาให้”
เด็กชายสลัดแขนบิดาแล้ววิ่งเข้าไปเขย่าร่างชามีดามิสาเป็นการใหญ่ สร้างความสลดใจ
แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก


“มามา...มามา ทำไมไม่ตื่นล่ะ ตื่นสิ ปอปอร้องไห้แล้วเห็นไหม? ตื่นๆ กลับบ้านกันได้แล้ว”


เสียงเด็กคนเดียวดังกังวานไปทั่วห้อง เพราะไม่มีผู้ใหญ่คนใดเอ่ยเอื้อนถ้อยคำใดๆ ออกมาได้
โดยเฉพาะพันเอกภัณฑิลไม่มีแม้แต่คำปลอบโยนบุตรชาย สิ่งที่เขาทำให้เวลานี้คือแกะมืออคิล
ออกจากศพมารดา แล้วดึงร่างเล็กนั้นมาสวมกอดไว้แนบแน่น น้ำตายังคงไหลรินจากดวงตาคม
ไม่ขาดสาย สร้างความสะเทือนใจให้กับคนในห้องนั้นจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้


อีกครู่ใหญ่ต่อมากว่าจะมีคนกล้าหาญพอจะดึงพ่อลูกออกจากอารมณ์โหยไห้ อาวรณ์หญิงงาม
ผู้จากไปตลอดกาล กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้

“ท่านครับ...ผมเสียใจด้วย ชามีไปดีแล้ว เธอยังงดงามเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่เลย
ร่างกายเธอไม่มีแผลเลยครับ แต่ตอนที่มาถึงหัวใจเธอหยุดเต้นไปแล้ว เลยไม่อาจช่วยชีวิตได้”


“ผมเข้าใจหมอ...ผมเข้าใจ พวกคุณพยายามแล้ว” เสียงตอบนั่นกระท่อนกระแท่นนัก
และยังเจืออาการสะอื้นไห้อยู่


“แล้วลูกผมอีกคนล่ะ แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เห็นบอกว่าแกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
แล้วตอนนี้ภามินอยู่ไหน?”


“ครับ น้องภามินไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ปลอดภัยดีทุกประการ...เพียงแต่ว่า”


“แต่อะไร?” นายแพทย์ไม่อาจตอบได้ในทันที สีหน้านั้นคล้ายลำบากใจยิ่งนักที่จะอธิบาย
สร้างความวิตกกังวลในใจพลเอกภัณฑิลให้เพิ่มพูนมากขึ้น


“เอ่อ...เชิญทางนี้ดีกว่า ท่านไปพบเขาจะเข้าใจเอง”


ผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษแห่งชาติที่ทรงอำนาจสูงสุดทางการทหารนั้น บัดนี้เป็นเพียงแค่
ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเพิ่งสูญเสียภรรยาไป แม้สง่าราศียังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่ดวงตาคู่นั้น
อ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงนัก แล้วยังเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเขาจูงมือมาด้วยนั่นเล่า นายแพทย์
มองตามด้วยความเป็นห่วงนัก คนเป็นบิดาอาจต้องใช้เวลาเยียวยาความเสียใจครั้งนี้
ไปอีกนานแสนนาน แต่คงมีวันที่หายจากความเจ็บปวดนี้ แต่เด็กชายอคิลเล่า...


ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว อคิลยังทำท่างงงันคล้ายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนไม่รับรู้
ความสูญเสียครั้งนี้ แม้ดูไม่เศร้าโศกเท่าบิดาแต่สำหรับนายแพทย์เด็กดูน่าเป็นห่วงกว่า
หลายเท่านัก หากร้องไห้ออกมาดังๆ เสียยังจะดีกว่า แล้วยังเด็กอีกคนในห้องถัดไปเล่า...


ไร้น้ำตา...ไร้วาจา...ไร้กระทั่งจิตใจ...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อคิลยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ภามินนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงผู้ป่วย น้องชายของเขาไม่ได้หลับ
เพราะภามินลืมตาอยู่ แต่ไม่รับรู้สิ่งใดรอบตัว บิดาของเขาเห็นเข้าก็ลืมตัวผวาเข้าไปช้อน
ร่างเล็กจ้อยนั้นขึ้นมาโอบกอดอย่างแสนรัก แต่น้องชายของเขาไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ มือเล็กนั้น
ตกอยู่ข้างตัวมิได้สวมกอดตอบอย่างที่ควรทำ ยิ่งภามินไม่พูดพันเอกภัณฑิลก็ยิ่งเขย่าตัว
แล้วร้องเรียกชื่อ จนแพทย์ผู้รักษาต้องเข้ามาห้ามปราม และแยกตัวบิดาของเขาไปสนทนา
ถึงอาการป่วยของน้องยังอีกห้องหนึ่ง ทิ้งบุตรชายคนโตไว้ในห้องกับน้องน้อย


“ภามิน...เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า?” อคิลถามออกไปแต่ไร้คำตอบ


“ไม่ต้องตามมามาไปนะ มามาบอกว่าจะไปช็อปปิ้งไม่อยากให้พวกเราไปด้วย...เชื่อพี่นะ”
เด็กชายจับมือเล็กของน้องชายมากำไว้แน่น


“ปอปอร้องไห้ด้วยล่ะ ฉันไม่เคยเห็นปอปอร้องไห้เลย” อคิลยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ แม้ภามิน
ยังเหม่อลอยไม่รับรู้สิ่งที่เขาบอกเล่า


“เดี๋ยวคงต้องไปโอ๋ปอปอหน่อยแล้ว แล้วนายล่ะ...อยากให้ฉันโอ๋ด้วยหรือเปล่า?”ยังไม่มีคำตอบ
ออกจากร่างเล็กนั้น แต่มือที่ถูกกุมไว้เริ่มบีบตอบกลับมา


“อยากใช่ไหมล่ะ? งั้นหลับตาสิ เดี๋ยวพี่จะเล่านิทานให้ฟังนะ เรื่องอะไรดี? นายต้องไม่ชอบ
เจ้าชายกบแน่ๆ เจ้าหญิงในเรื่องนั้นเอาแต่ใจจะตาย งั้นเอาเรื่องนี้ดีกว่า...เรื่องนางพราย
กับราชินทร์ไทวาวัตแล้วกันนะ” แล้วอคิลก็เริ่มเล่านิทานเรื่องโปรดของตนเองให้น้องชายฟัง


“นานแล้ว...แต่ฉันจำไม่ได้ว่ามันนานเท่าไรนะ รู้แต่ว่าน๊าน..นาน ก่อนฉันเกิดตั้งหลายร้อยปี
มีคน 7 คนเดินทางมาจากทิศตะวันตก หนึ่งในนั้นเป็นบรรพบุรุษของราชินทร์ไทวาวัต
องค์ปัจจุบัน พวกเขาหนีมาจากดินแดนไกลๆ ที่นั่นมีคนใจร้ายไม่อยากให้ไทวาวัต
ขึ้นครองบัลลังก์เลยไล่เขาออกมา...เขาก็เดินมาจนถึงที่นี่...ที่วิปุลา เอ่อ ตอนนั้น
ยังไม่มีชื่อนะ...”


นางพยาบาลที่เฝ้าไข้เด็กชายภามินถึงกับต้องหันหน้าหนี แล้วแอบหลั่งน้ำตาเงียบๆ
ให้กับความผูกพันของสองพี่น้อง ภามินยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายเดือน แพทย์ผู้รักษา
บอกว่าเด็กชายเจ็บป่วยทางจิตไม่ใช่ร่างกาย อาจเป็นเพราะกระทบกระเทือนใจกับเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้น การลอบสังหารก็น่าตื่นตระหนกสำหรับเด็กอายุแค่ห้าปีแล้ว แต่การที่เห็นมารดา
สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตานี้เป็นความรุนแรงเกินกว่าภามินจะรับแล้ว เด็กชายนอนกอดศพมารดา
อยู่ร่วมสองชั่วโมงกว่าจะมีผู้ช่วยเหลือนำมาส่งโรงพยาบาล เมื่อแรกผู้ประสบเหตุคิดว่า
ภามินเสียชีวิตไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะเด็กน้อยนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนกอดศพมารดาแน่น
จนแทบกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน


ภามินยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายเดือนเพื่อบำบัดจิต บรรเทาความเจ็บปวดในจิตใจ
แต่ก็ยังไม่ยอมพูด ไม่มีเสียงใดออกจากปากเด็กชายอยู่เกือบสองปีจนเกือบจะสิ้นหวัง
แต่เมื่อบุตรชายคนเล็กเรียกพันเอกภัณฑิลว่าปอปอได้อีกครั้ง ผู้เป็นบิดาก็สาบานกับตนเอง
พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ว่าเขาจะปกป้องทะนุถนอมบุตรคนนี้เผื่อในส่วนของชามีดามิสา
ผู้ไม่มีโอกาสจะได้เห็นบุตรเจริญวัยอีกต่อไป


ช่วงแรกอคิลก็เห็นดีเห็นงามด้วยอยู่หรอก แต่ต่อมาชักรู้สึกว่าน้องชายกำลังอาศัยความสงสาร
ของบิดา และใบหน้าที่คล้ายคลึงมารดามาเป็นข้อเรียกร้องต่างๆ นานา ยามขี้เกียจไป
โรงเรียนบ้าง หรือยามที่อยากได้อะไรแล้วบิดาไม่ตามใจบ้าง แค่ภามินทำหน้านิ่งๆ
เหมือนตุ๊กตาไร้วิญญาณอยู่ครู่หนึ่ง แค่นี้บิดาก็ไม่กล้าขัดใจแล้ว น้องชายของเขาก็สมหวัง
ในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ ทำเอาอคิลรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ราวกับโดนวิญญาณของมารดา
ที่สิ้นไป มากรอกหูว่า...ให้สั่งสอนน้องชายแทนมารดาที หาไม่แล้วภามินคงเสียผู้เสียคน
เป็นแน่แท้ เมื่อทุกคนในบ้านพากันตามใจไม่ต่างกับบิดา โดยเฉพาะคุณป้าแม่บ้าน
ด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ว่าภามินต้องการอะไรคุณป้าก็รีบกุลีกุจอหาให้ทันที


หลังจากครุ่นคิดอยู่ห้าวันว่าจะทำอย่างไรดี...อคิลก็จำได้ว่าชามีดามิสาเคยอ่านสุภาษิต
ของประเทศที่เคยไปเที่ยวมาให้ฟัง แต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นประเทศใด มันคงจะอยู่สักแห่ง
ในโลกนี้นี่แหละ ก็ตอนนั้นเขายังเล็กอยู่นี่นะ นึกไม่ออกก็ไม่แปลกนี่...รู้สึกสุภาษิตบทนั้น
จะบอกว่า....


‘รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี รักน้องให้เตะ....’ ใช่แล้ว...รู้สึกมามาจะบอกว่าอย่างนั้นนะ
ดังนั้นเพื่อมารดาด้วยความรักและปรารถนาดีที่มีต่อน้อง....



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 00:03:49

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 00:03:18

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 00:02:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com