Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ว่านฟ้ามนต์จันทร์ (บทที่ 5-6) ติดต่อทีมงาน

(อิ..อิ หายหน้าไปนานเกิน สงสัยคนอ่านหายหมดแล้วมังเรา)

ตอนนี้ขอลงเรื่องก่อน แล้วเดี๋ยวคุยกันด้านล่างค่ะ ส่วน บทนำ - บทที่ 4 ได้ลบไปแล้วตามที่ได้แจ้งไว้คราวก่อนนะคะ แต่สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ blog ตามลิ้งค์ค่ะ

บทนำ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=suratiyaa-raveejan&month=01-2011&date=24&group=12&gblog=1

บทที่ 1
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=suratiyaa-raveejan&month=03-2011&date=06&group=12&gblog=2

บทที่ 2
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=suratiyaa-raveejan&month=03-2011&date=12&group=12&gblog=3

ตอนที่ 3-4
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=suratiyaa-raveejan&group=12

---------------------------------------

บทที่ 5  บ้านนับดาว

หลังช่วงเวลารัตติกาลผ่านไปจวบจนถึงเวลาแห่งแสงแรกของยามรุ่งอรุณในวันใหม่ เส้นปลายฟ้าทาบทับด้วยสีเรื่อเรืองจากแสงอาทิตย์เปล่งประกายรัศมีสีทองระยับกระจายรอบขอบเมฆงามจับตา บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเพราะรายล้อมด้วยไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ ทางด้านหนึ่งมีทางเดินยื่นลงไปในน้ำเพื่อเชื่อมต่อไปถึงศาลาสีขาวทรงหกเหลี่ยมตั้งเด่นอยู่กลางสระใหญ่ หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดเสื้อกางเกงลำลองสีเรียบผู้หนึ่งยืนสงบนิ่งอยู่เพียงลำพังใกล้ริมสระ ผมหยักศกสลวยของเธอซอยสั้นสไลด์เป็นทรงสวยรับกับใบหน้าเนียนสีน้ำผึ้ง ดวงตาหวานคมกำลังมองเหม่อผ่านสายหมอกบางทอดจับไปยังกลางผืนน้ำกว้างใหญ่ใสและลึก อันปรากฏแรงกระเพื่อมไหวสะเทือนเป็นพลิ้วระลอกคลื่น เนื่องจากการทำงานของกังหันน้ำที่ช่วยเติมอากาศบำบัดน้ำเสีย

“บรรยากาศตรงนี้ดีมาก..โดยเฉพาะเช้าๆ อย่างนี้”
คนที่ยืนใจลอยถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงห้าวทุ้มทัก พร้อมกับวงแขนแข็งแรงอบอุ่นโอบกระชับจากทางด้านหลัง

“คุณจักร..แหม..มาเงียบๆ ตกใจหมด”
“ขอโทษครับ ขอโทษ”

ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีผิวค่อนขาวแต่งกายสุภาพอย่างคนที่พร้อมจะออกไปทำงานกล่าวกลั้วหัวเราะ..นึกเหมือนกันว่าหญิงสาวอาจตกใจ ใจลอยออกอย่างนั้น
“ตัวคุณหอมจัง ใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรบอกกันบ้างได้มั้ย?”

คนถามถามแบบไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังอะไรนัก เพราะพอพูดจบใบหน้าคมก็ก้มต่ำลงมาจนลมหายใจอุ่นๆ  เป่าปะทะรดตรงต้นคอของหญิงสาว จมูกโด่งเคล้า
เคลียอยู่แถวซอกคองามเพื่อสูดกลิ่นหอม

“ฉันไม่ชอบใส่น้ำหอมหรอกค่ะ คงเป็นกลิ่นดอกไม้แถวนี้มากกว่า”
“ไม่ใช่หรอก..แถวนี้มีดอกไม้หอมๆ ที่ไหนกัน อีกอย่างกลิ่นหอมแบบนี้..”

ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าชู้..พลางทำท่าสาธิตด้วยการจรดจมูกลงกับบนแก้มเนียนใสประกอบคำพูด
“มาจากตัวคุณแท้ๆ เชียว..ลัลธริมา”
“ฮื้อ..ไม่เอาล่ะ..คุณแกล้งเอาเปรียบฉันนี่”
เสียงต่อวาแกมประท้วงทำให้จักรวาลหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง

“รู้มั้ยผมอยากกอดคุณไว้อย่างนี้ทั้งวันเลย”
“แย่จัง!”
“อ้าว ทำไมล่ะ?”
“ถ้ายืนกอดกันอย่างเดียวทั้งวันมีหวังเมื่อยแย่ซิคะ แล้วจะไม่ได้ไปทำงานด้วย”
“ผมยอมเมื่อย”
“ตกงานกันพอดี”
“ว่าแต่วันนี้ลัลตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”
“ที่จริงตื่นเช้าทุกวันแหละค่ะแต่ปกติเดินเล่นอยู่แถวสวนหย่อมหน้าบ้าน เพิ่งได้มีโอกาสเดินเลยไกลออกมาถึงสระก็วันนี้”
“ผมเข้าใจ” จักรวาลพยักหน้า
“ตลอดหลายเดือนมานี่คุณแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย ต้องดูแลคุณพ่อเกือบตลอดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พอคุณพ่อเสียคุณยังต้องมาพยาบาลคุณแม่อีกคน”
ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกเลื่อนมือมากุมมือหญิงสาวไว้

“ผมกำลังหาพยาบาลพิเศษที่ไว้ใจได้มาช่วยผ่อนแรง แต่งงานแล้วคุณจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตอนนี้ผมอนุญาตให้คุณมีอิสระได้มากเท่าที่ต้องการ..จะทำอะไรก็ได้ในบ้านหลังนี้  ยกเว้นอย่างเดียว..”
“อะไรคะ?”
“นอกจากผมแล้ว..ห้ามมองผู้ชายคนอื่นอีก”
“โธ่! คุณนี่ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย”
“ไม่เล่นล่ะ ผมเอาจริงนะ ลืมไปแล้วหรือว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน ผมเต็มใจที่จะทำทุกอย่างให้คุณมีความสุข  แล้วคุณจะรู้ว่าคุณจะไม่มีวันผิดหวังจากผมแน่นอน”
“หรือคะ?”
“ทำไมต้องหรือคะ..ไม่เชื่อที่ผมพูดหรือ?”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ คุณดีกับฉันมากเสียจนเกรงใจไปหมดแล้ว..ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉันจะเอาอะไรไปตอบแทนคุณได้ล่ะคะ?”
“อย่าเกรงใจเลย ผมเต็มใจน่ะ”

ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังจริงใจ แววตาคมบอกความรู้สึกในใจที่มีต่อหญิงสาวอย่างเปี่ยมล้น“

ถ้าคิดจะตอบแทน ไม่ต้องถึงกับรักผมเท่าฟ้าอะไรอย่างนั้นหรอก แค่รักผมเท่าหัวใจคุณผมก็พอใจแล้ว”

แม้ใบหน้าสวยของหญิงสาวจะไม่มีรอยยิ้มระบายอย่างเปิดเผย..หากดวงตาหวานคมที่ปรากฏแววยิ้มจรัสทำให้จักรวาลพอใจที่ได้เห็นความสุขบนใบหน้านั้น

ลัลธริมาอาจจะผิวคล้ำไปสักนิดแต่ก็สะสวยอย่างสาวเชื้อสายไทยผสมบราซิล-ลาตินอเมริกัน ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอเปิดใจรับตัวเขามากกว่านี้ เพราะเท่าที่สังเกตดูจักรวาลรู้สึกว่าลัลธริมายังคงครึ่งๆ  กลางๆ ระหว่างเต็มใจกับความลังเลที่จะเป็นเจ้าสาวของเขา คงเป็นเพราะชีวิตที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ทำให้หญิงสาวดูมีบุคลิกที่ซับซ้อน

ลัลธริมาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในบราซิล จนอายุย่างเข้าเจ็ดขวบคุณยายรัตน์ รัตตยา หญิงหม้ายวัยหกสิบหน้าตาท่าทางใจดีมาขอรับเธอไปเลี้ยงเป็นหลานบุญธรรม จากนั้นชีวิตของลัลธริมาก็พลิกผันได้เหินฟ้ามาอยู่เมืองไทย  อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของบิดาซึ่งหญิงสาวไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้า รู้แต่ว่าเป็นคนไทยเท่านั้น

ตอนยายบุญธรรมเสียชีวิต ลัลธริมาเพิ่งได้ทำงานเป็นพยาบาลพิเศษใหม่ๆ ดังนั้นปัจจุบันจึงเท่ากับว่าหญิงสาวตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้จริง

ก่อนหน้านี้ลัลธริมาทำงานอยู่ที่กุหลาบทอง ศูนย์พยาบาลเอกชนใหญ่โตแห่งหนึ่งในกรุงเทพ จักรวาลติดต่อไปที่ศูนย์เพราะเชื่อถือในชื่อเสียงของศูนย์กุหลาบทอง เขาแจ้งความประสงค์ว่าต้องการพยาบาลพิเศษ สามารถไปทำงานประจำอยู่ที่จังหวัดระยองได้ ทางศูนย์จึงได้ส่งประวัติของพยาบาลพิเศษมาให้เขาพิจารณาสี่คน รวมทั้งนางสาวลัลธริมา รัตตยา ด้วย ชายหนุ่มตกลงรับลัลธริมาในทันที

แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันจะเป็นเวลาเพียงแค่สี่เดือน แต่เป็นสี่เดือนที่จักรวาลทั้งสุขที่สุดและทุกข์ที่สุดในเวลาเดียวกัน สุขเพราะได้พบกับลัลธริมา..หญิงสาวที่เขาประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา

ทุกข์เพราะรู้ว่าบิดาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก โรคเบาหวานแทรกซ้อนด้วยโรคหลอดเลือดสมองทำให้สมองหยุดทำงานอย่างเฉียบพลันส่งผลให้บิดาเขากลายเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก เรียกว่าเสียการทำงานของระบบประสาทไปอย่างถาวร ทุกคนในครอบครัวอยากให้กฤษณ์รักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของแพทย์ หากเป็นความประสงค์ของกฤษณ์เองที่ต้องการกลับมาอยู่บ้าน ในตอนที่บิดายังพอพูดได้ กฤษณ์เคยสั่งกับผกาวัลย์ผู้เป็นภรรยาไว้ว่า

‘พาพ่อกลับบ้าน..พ่ออยากกลับบ้าน ถ้าจะต้องตายขอใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอยู่ในบ้านของเราดีกว่า’
บิดากลับมาอยู่บ้านได้ไม่นานอาการกลับทรุดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุดเมื่อสามเดือนที่แล้ว

ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ รู้สึกตัวว่าความคิดของตนกำลังเรื่อยเปื่อยไปไกล จักรวาลรีบดึงความคิดกลับมาสู่จุดที่กำลังสนทนา เขาเอ่ยถามเสียงนุ่มกับหญิงสาวว่า
“อีกไม่กี่วันเราจะแต่งงานกันแล้ว..กลัวหรือเปล่า?”
“ถ้ากลัวคงเป็นพยาบาลไม่ได้ซิคะ”
ลัลธริมาเข้าใจดีว่าเจ้าของบ้านหนุ่มหมายถึงอะไร แต่แสร้งทำเป็นตอบไปกันคนละเรื่องเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามใกล้ตัวแบบนั้น
“คนละเรื่องกันเลย..ไม่เห็นเกี่ยวกับการเป็นพยาบาลสักหน่อย ไอ้เรื่องนั้นมันอย่างหนึ่งแต่ไอ้เรื่องนี้ก็อีกอย่างหนึ่ง”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ นึกขำกับคำพูดของเขาที่ว่า..เรื่องนั้น..เรื่องนี้ เพราะถ้าบังเอิญมีใครมาได้ยินปลายประโยคก็จะไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
“เอาเถอะ ไว้ค่อยตอบผมทีหลังก็ได้ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนานนัก”

จักรวาลว่าแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย เขาพยักหน้าไปทางเรือนศาลาสวยกลางบึงใหญ่
“เป็นยังไง ชอบหรือเปล่าครับ? ข้างในมีชุดนั่งเล่นมีเก้าอี้ปรับเอนไว้นอนเล่นได้ ร้อนนักก็เปิดพัดลมกลางเพดาน กลางคืนไม่ต้องกลัวยุงหรือแมลงเพราะทำบานเลื่อนบุมุ้งลวดไว้เรียบร้อย เรียกว่าเป็นทั้งศาลานั่งเล่น..พักผ่อนหรือจะใช้เป็นห้องนอนก็ได้ทั้งนั้นเรียกว่าเอนกประสงค์เลยล่ะครับ” เจ้าของบ้านสาธยายน้ำเสียงภูมิใจ

“ตอนแรกกะจะสร้างเป็นศาลานั่งเล่นธรรมดา แต่เห็นบรรยากาศรอบๆ แล้วคิดว่าทำเป็นกึ่งเรือนกึ่งศาลาเสียเลยดีกว่า เรือนไทยที่เราอยู่ทุกวันผมกับคุณพ่อช่วยกันออกแบบ แต่เรือนศาลานี่ผมทำคนเดียวล้วนๆ”
“ความคิดสร้างสรรค์สมกับเป็นสถาปนิกจริงๆ ค่ะ”

ชายหนุ่มเล่าเสริมต่อไปว่า
“บึงนี่ความจริงมีมาแต่แรก ต่อมาได้ความคิดแต่งให้กลายเป็นสระสวยๆ แทนที่จะเป็นแค่บึงเฉยๆ ตอนแรกผมยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าท่าหรือเปล่า..กลัวน้ำเสียน่ะครับ แต่ใช้กังหันน้ำเข้ามาช่วยก็หมดปัญหาไป..ถ้าคุณชอบผมยกให้ เอาไปได้เลย”
หญิงสาวหัวเราะเปิดเผย ทำให้ใบหน้านั้นแลกระจ่างสดใสขึ้นทันตา
“พูดเป็นเล่นไป เรือนทั้งหลังจะยกไปไหนได้ยังไงกันคะ”
“ไม่ต้องยกซิครับ ถือเป็นของขวัญแต่งงานชิ้นแรกที่ผมมอบให้กับว่าที่เจ้าสาว ต่อไปเรือนศาลาจะเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณเพียงคนเดียว ดีมั้ย?”
“ไม่ดีแน่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ..ให้ผมทำอะไรเป็นการตอบแทนบ้างได้ไหม?”
“คุณจักรไม่ได้ติดค้างอะไรลัลสักหน่อย จะได้ต้องตอบแทนกัน”
“ทำไมจะไม่ติดค้าง..อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมได้รู้จักความรักในช่วงเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา”
“แน่ใจหรือคะ?”
“แน่ใจอะไร? เรื่องความรู้สึกของผม หรือเรื่องเรือนศาลา?”
“เรื่องคุณน่ะค่ะ”
“ถามอะไรอย่างนั้น” สีหน้าจักรวาลยิ่งจริงจังมากขึ้นไปอีก
“เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วยังถามแบบนี้อีกนะ สี่เดือนไม่สั้นเกินไปหรอกสำหรับคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน คุณดูแลคุณพ่อผมเป็นอย่างดีจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของท่าน จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องรับหน้าที่ดูแลคุณแม่ด้วยอีกคน”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบก เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าขยับปากคล้ายจะค้านคำพูดเขา
“ผมรู้เป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำอยู่แล้วในฐานะพยาบาลพิเศษ แต่คุณแสดงให้เห็นน้ำใจในทุกเรื่องไม่ใช่แค่เฉพาะดู แลคุณพ่อเท่านั้น คุณไม่เคยนิ่งดูดายที่จะช่วยเหลือทุกเรื่อง แม้กระทั่งในช่วงงานศพตั้งแต่สวดวันแรกจนถึงวันเผา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ธุระที่คุณจะทำให้พวกเรามากมายขนาดนี้”

ชายหนุ่มรวบมือเรียวนุ่มไว้ในอุ้งมือแข็งแรงของเขา น้ำเสียงห้าวเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจริงใจ ตาคมจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างแน่วแน่

“ผมรักคุณ..ลัลา..รักทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณไม่ได้รักผมเท่าที่ผมรักคุณ ตอนนี้คุณไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหลืออีกแล้ว..ขอให้ผมเป็นคนรับผิดชอบชีวิตคุณเถอะนะ..ลัลธริมา”
“แม้ว่าคุณแม่ของคุณจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้อย่างนั้นหรือคะ?”

หญิงสาวย้อนถาม จักรวาลถึงกับอึ้งไป ในตอนแรกมารดาชอบลัลธริมาเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนขยัน ไม่เคยละเลยต่อหน้าที่ที่รับผิดชอบแล้วยังแสดงน้ำใจเลยไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่พอรู้ว่าลูกชายคนเดียวจริงจังกับพยาบาลพิเศษถึงขั้นจะแต่งงานกัน มารดากลับไม่เห็นด้วย เขากำหนดพิธีแต่งงานขึ้นอย่างดันทุรังไม่ฟังเสียงทัดท้านของมารดา เป็นเหตุให้ผกาวัลย์เสียใจและประท้วงด้วยการมักจะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่พูดคุยสนิทสนมกับเขาเช่นเดิม

“อย่าไปใส่ใจเลย เพราะคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคือผม”
พอนึกถึงมารดา น้ำเสียงชายหนุ่มกลับห้าวห้วนขึ้นมาทันที
“คุณจักรวาล” น้ำเสียงอุทานเรียกฟังตกใจแกมตำหนิ
“พูดอย่างนั้นได้ยังไง..นั่นคุณแม่คุณนะคะ..ฉันจะเป็นสะใภ้บ้านนับดาวได้ยังไงถ้าคุณป้าผกาวัลย์ไม่ต้อนรับฉันเข้าร่วมวงศ์ตระกูลกานต์ไท”
ตอนที่หญิงสาวเข้ามาบ้านนับดาวแรกๆ ผกาวัลย์เอ็นดูเธอมาก ชมเสมอว่าเธอเป็นคนขยันไม่เคยละเลยต่อหน้าที่ที่รับผิดชอบแล้วยังมีน้ำใจสารพัดอย่าง ครั้นลัลธริมาตกลงใจตอบรับคำขอแต่งงานของจักรวาล ผกาวัลย์ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นต่อต้านจนออกนอกหน้า
“เราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้กันเลย..ลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้คุณมีแขก”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพูดเสียเมื่อเห็นสีหน้าคมเริ่มส่อเค้าหงุดหงิด
“จริงซิ..ผมเกือบลืม..เรามีแขกนี่นา เรียกได้ว่าเป็นแขกชุดแรกที่จะมาร่วมงานของเรา”

จักรวาลตอบรับเมื่อนึกขึ้นได้ เขานึกเลยไปถึงคำพูดที่ได้คุยกับนันท์นพินทางโทรศัพท์เมื่อสองสามวันก่อน
‘นึกยังไงถึงพาเพื่อนมาตอนนี้..อีกตั้งเป็นอาทิตย์กว่าจะถึงวันงาน..พี่อุตส่าห์บอกแล้วว่าจะเชิญแต่ญาติสนิทเท่านั้น เพิ่งผ่านงานศพคุณพ่อไปไม่ทันกี่เดือนไม่อยากจัดเลี้ยงให้เอิกเกริกมากไป’
‘เฮ่อ อย่าทำเสียงดุอย่างนั้นซิ ไม่ดีใจหรือว่าจะได้เจอแฟนเก่า..จะแต่งงานทั้งที่ไม่บอกเขาได้ยังไง’
‘พูดมากน่า..แฟนกงแฟนเก่าอะไรที่ไหน’
เสียงน้องสาวตัวดีหัวเราะกวนประสาทมาตามสาย
‘ถ้าจะบอกว่าเสียดายคงสายเกินไปล่ะ..รู้สึกว่าแฟนน้องพริมจะหล่อเท่ห์ไม่เบา’
‘จะพาเพื่อนมาก็ไม่ว่าล่ะ แต่ใครที่เป็นนักเขียนอะไรนั่นบอกตรงๆ ว่ามันพิลึกอยู่นะ อยู่ๆ จะเอาบ้านเราเป็นฉากเขียนนิยาย ถ้าจะมากันจริงๆ ก็ดูแลตัวเองกันด้วย พี่คงไม่มีเวลารับแขกมากเท่าไหร่ ไหนจะต้องดูแลเรื่องสถานที่จัดเตรียมงานแต่ง ไหนจะต้องดูแลคุณแม่ แล้วยังต้องสะสางงานที่ออฟฟิศอีก’

ถึงตรงนี้เสียงลัลธริมาถามแทรกภวังค์ความคิดชายหนุ่มขึ้นมาว่า
“แล้วนี่แขกของคุณจะมาถึงตอนไหนคะ?”
“แขกของเรา”
เขาแก้คำพูด เพราะแขกที่จะมาก็มาเพื่อร่วมยินดีในงานแต่งงานของคนทั้งสอง
“น่าจะไม่เกินเย็นนี้หรอก เดี๋ยวผมต้องไปทำงานก่อนแต่จะรีบกลับมาให้ทัน อ้อ..ผมสั่งให้ป้าภู่จัดเตรียมห้องพักไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเขามากันก่อนผมกลับ คุณออกหน้าต้อนรับได้เลยครับ”
“สี่คนใช่ไหมคะ?”
“ครับ..เห็นว่ายกทีมลาพักร้อนกันมา มี นันท์นพิน พริมมธุรสกับแฟน ส่วนอีกคนที่เป็นนักเขียนนั่นชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว”
“ทางบริษัทเขาไม่ว่าหรือคะที่พักร้อนพร้อมๆ กันอย่างนั้น”
“ขอโทษทีผมคงพูดไม่ชัดเจน เขาไม่ได้ทำงานที่เดียวกันหรอก คือต่างคนต่างลาพักร้อนมาน่ะครับ พริมเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัท ส่วนแฟนเป็นนักจิตวิทยา..รู้สึกว่าจะทำงานที่เดียวกับนพินหรือยังไงอันนี้ผมไม่แน่ใจ”
“อ้อ” หางเสียงรับรู้นั้นฟังคล้ายสะดุดนิดๆ ปนอยู่ในน้ำเสียง
“พริมมธุรสคนนี้สวยไหมคะ?”
คำถามของหญิงสาวทำให้จักรวาลถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความเอ็นดู
“ผู้หญิงนี่นะ”
“แล้วสวยหรือเปล่าล่ะคะ?”
“น่ารักมากกว่าสวย แต่ผมไม่ได้เจอน้องพริมมาหลายปีแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มตอบแล้วถามต่อแบบล้อเล่นว่า
“หึงหรือ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย..แค่จำได้ที่คุณเล่าให้ฟังว่าเคยจีบเพื่อนสนิทของน้องสาวอยู่ครั้งหนึ่ง คงจะเป็นคนนี้แน่ๆ”
“โธ่..นั่นมันนานมาแล้ว..แค่คิดเล่นๆ  แต่ถึงจีบจริงๆ คงไปกันไม่รอดหรอก”
“ทำไมล่ะคะ?”
“อือม์..คงเป็นเพราะผมกับน้องพริมไม่เคยมีเรื่องขัดคอกันเลย ผมว่าการที่เป็นแฟนกันมีขัดแย้งกันบ้างก็ทำให้ชีวิตมีรสชาติมากขึ้นนะ แต่ถ้าไม่ลงรอยทะเลาะกันมากไปก็ทรมานไม่มีความสุข แต่คล้อยตามกันไปเสียทุกเรื่องยิ่งจืดชืดน่าเบื่อ”
“แล้วอย่างเรา ยังไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง แบบนี้คงเป็นคู่ที่น่าเบื่อแย่ซิคะ”
“สำหรับคุณ..ผมไม่เคยเบื่อ”

“จริงใจจัง!”
ลัลธริมาแกล้งกระแทกเสียงนิดๆ ปรายตาเหมือนจะค้อนอันเป็นกิริยาที่หญิงสาวไม่ได้ทำบ่อยนัก จักรวาลรู้สึกเอ็นดูจนต้องรวบตัวเธอเข้ามากอดเต็มอ้อมแขนอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แสนจะรักจับใจ

(มีต่อ)

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 20:56:53

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 20:54:03

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 15:40:42

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 15:13:40

แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 54 15:10:15

จากคุณ : สุรติญา-รวีจันทร์
เขียนเมื่อ : วันจักรี 54 15:02:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com