15 อุบัติเหตุ
คืนต่อมา ฉันไม่ได้ฝันร้ายว่าปั้นเมฆไปมีแฟนใหม่ หรือ รอฉันจนเหี่ยวหงำอีกเลย เพราะฉันยังไม่ทันล้มตัวลงนอนก็รู้สึกเหมือนมือยื่นมาจากไหนไม่รู้ โป๊กหัวฉันหนึ่งที
โอ๊ยยยย!
นี่หล่อน จะอู้งานไปถึงเมื่อไหร่กัน หา?
อ้าว... พระแม่โพสพนั่นเอง หุหุ สวัสดีค่ะ ฉันรีบยกมือไหว้เทพีแห่งข้าวในชุดเขียวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แล้วหันไปไหว้หนุ่มหล่อสะท้านปฐพีในชุดลำลองสีชมพู
สวัสดีค่ะ คุณกามเทพ
นี่ทิ้งงานทิ้งการมาตั้งกี่วันแล้วน่ะ แง...พระแม่โพสพดุฉันใหญ่เลย ...มัวมาอู้อยู่แถวนี้ รอให้เด็กทางโน้นสุกกำลังกิน ...รู้รึเปล่าว่าเขากำลังมีปัญหาอย่างแรง แทนที่เธอจะช่วยทำอะไรสักอย่าง
ใจเย็นๆ น่าแม่โพสพ สงสารหญิงสาวที่กำลังมีความรักมั่งสิ
เย็นไม่ไหวล่ะ มัวแต่อ้อมค้อม นิมิตฝันอย่างที่ท่านทำสองคืนมาแล้ว ไม่เห็นได้ผลเลย ไม่รู้เมื่อไหร่ยัยนี่จะเข้าใจ ...ต้องบอกกันตรงๆ แบบนี้แหละ เน่... รีบๆ ไปทำงานจริงจัง
เดี๋ยวค่ะ ตะกี๊ ท่านว่า ใครกำลังมีปัญหานะคะ?
จะใครล่ะ ก็เด็กเธอไง เขากำลังย่ำแย่ ...ได้เวลาออกโรงของเธอแล้วล่ะ
ได้ยินกามเทพหนุ่มบอกแค่นั้น ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงปั้นเมฆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่ต้องให้เทพีแห่งข้าวสั่ง ฉันก็รีบยกมือไหว้ลาเทพทั้งสองแล้วกระโดดลงกระพ้อมข้าวทันที โดยไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือแก่แค่ไหน ขอให้ช่วยเขาได้ทันก็พอ
ปั้นเมฆ!
ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนก็ได้พบกับคนที่กำลังเป็นห่วงนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวบนระเบียงยุ้ง อา... ค่อยยังชั่วหน่อย อย่างน้อย เขาก็ไม่ได้เลือดตกยางออกนอนหยอดน้ำข้าว มองด้วยตาเปล่าก็ยังอยู่ดีครบสามสิบสองประการ
ปั้นเมฆอยู่ในชุดกางเกงจีนสีดำตัวเก่งแบบที่ชอบใส่ทำงานประจำ เสื้อยืดเก่าๆ ถูกถอดพาดไว้บนบ่า มองจากเบื้องหลังอย่างงี้ รู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าเขาสูงใหญ่ขึ้นมากจากที่เห็นครั้งสุดท้าย ไหล่กว้างและแขนขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อดูแข็งแรงสมส่วนกว่าหนุ่มน้อยปั้นเมฆที่สูงโย่งเก้งก้างคนเก่า อา... แปลว่าฉันหายไปนานใช้ได้ทีเดียว
ฉันแอบย่องเข้าไปใกล้ด้วยใจเต้นระรัว ด้วยความร้อนใจอยากคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงตัดสินใจสัมผัสแผ่นหลังเปลือยเปล่านั้น แล้วรีบหลบเข้าไปในยุ้งข้าวเพื่อกลายร่างกลับเป็นหญิงสาว
เขาหันกลับมาพบกับความว่างเปล่าก็ทอดถอนใจ แต่เมื่อฉันแต่งตัวเรียบร้อยเปิดประตูออกมาให้เขาเห็นเท่านั้น...
พี่นางฟ้า! ร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าหาทันที แขนยาวกางออกทำท่าเหมือนจะโอบเอาตัวฉันเข้าสู่อ้อมกอด แต่แล้วกลับหยุดไว้ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปแล้วก้าวลงจากยุ้งโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
เดี๋ยว... เดี๋ยวสิ หยุดก่อน!
ปั้นเมฆยอมหยุด แต่ไม่ยอมหันกลับมา
ทำไมพี่เพิ่งมา? นี่หรือเปล่า คือเหตุผลที่ทำให้เขามีท่าทางอย่างงี้ เขากำลังงอนฉัน ทำไงดี? ...หลังจากที่ฉันเคยบอกเด็กชายปั้นเมฆให้มั่นใจว่าพี่นางฟ้าไม่มีวันทิ้งเขา ต่อให้หายไปนานแค่ไหนก็จะกลับมา เขาก็ไม่เคยงอแง โกรธ งอนฉันเลย อย่างมากก็ซึมๆ จ๋อยๆ เวลาที่ฉันไม่ปรากฎตัวเป็นพี่นางฟ้านานๆ พอเจอหน้าฉันอีกทีก็ดีใจ ไม่ใช่แสดงกริยาแบบนี้
อ่า... ไม่รู้ว่า ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วเหรอ แฮะๆ ฉันลองแย๊บๆ ถามดูเพราะแค่อยากรู้เท่านั้น แต่แล้วกลับได้คำตอบแบบที่ฉันคาดไม่ถึง
1 ปี 2 เดือนกับอีก 17 วัน จากที่เราเจอกันครั้งสุดท้าย! ปีกว่า... ก็ไม่ได้ช้าหรือเร็วกว่าที่ฉันคาดคิดไว้สักเท่าไหร่ แต่ที่น่าตกใจคือปั้นเมฆสามารถหันกลับมาตอบฉันได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด แสดงว่าเขาถึงกับนับวันรอฉันมาเลยเหรอเนี่ย
แองจี้เอ๋ย ทำไมถึงได้เห็นแก่ตัวอย่างงี้นะ เป็นเพราะเธอไม่ยอมรักกับเด็ก ก็เลยขี้โกงอยู่รอในมิติโน้น ปล่อยให้เวลามิตินี้ผ่านไป เพื่อให้เด็กที่แอบหลงรักโตทันกัน โดยไม่สนใจเลยว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไงกับการรอคอย
ขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ได้แต่สัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก
ว่าแต่ อ่า... มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ฉันนึกถึงที่พระแม่โพสพบอกว่าเขากำลังแย่ ถึงแม้ว่าเขาจะดูแข็งแรงดี แต่ฉันก็ไม่รู้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ เขามีปัญหาอะไรบ้าง
พี่นางฟ้าไม่ได้ยินที่เมฆภาวนาเหรอ เอาล่ะสิ
นางฟ้าเก๊อย่างฉันจะไปได้ยินเสียงภาวนาได้ไงล่ะ...
ครั้งก่อนที่เจอกัน ปั้นเมฆอายุสิบห้า เขาบอกว่าฉันไม่มาปีกว่า ก็หมายความว่าตอนนี้เขาอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดแล้ว ทำไมยังไร้เดียงสาหลงเชื่อว่าฉันเป็นนางฟ้าอยู่อีกเหรอเนี่ย โธ่...
เมฆอ้อนวอนทุกวัน...ทุกวัน ขอให้พี่กลับมาหาเมฆ เวลาที่เมฆต้องการพี่อยู่เคียงข้างที่สุด แต่รอแล้วรอเล่า พี่นางฟ้าก็ไม่มา... ใบหน้าคมคายมีแววเศร้าตอนที่เขาบอกฉันว่า
เมฆลาออกจากโรงเรียนแล้วล่ะ
อะไรนะ?
ในเมื่อพี่นางฟ้าไม่มา เมฆไม่รู้จะปรึกษาใครดี เลยตัดสินใจเอง... เมฆไม่เรียนต่อแล้ว
หา? ทำไมล่ะ?
เมฆเรียนไม่ไหว เทอมนี้เมฆก็สอบตกด้วย ไม่อยากซ้ำชั้นมศ.3 อีกปี เปลืองเงินเปล่าๆ
ทำไม? เป็นไปได้ยังไง? เด็กชายที่เคยเรียนเก่งจนครูทุกคนชื่นชมเนี่ยอ่ะนะเรียนไม่ไหวและสอบตก?
โอ... ต้องเป็นเพราะเขารักฉัน วันๆ มัวแต่คิดพร่ำเพ้อละเมอหาแต่ฉันแน่ๆ ความรักในวัยเรียนทำให้เด็กใจแตกเสียผู้เสียคน ไม่น่าเลย บาปกรรมจริงๆ แองเจลล่า เสน่ห์เธอแรงจนทำให้เยาวชนของชาติหมดอนาคตไปคนหนึ่งเลย เห็นมั๊ย
พ่อไม่สบายมาก...
โอ... ความรักในวัยเรียนทำให้ผู้ปกครองไม่สบายมาก เอ๊ะ?...ได้ด้วยเหรอ??? ไม่ใช่แล้วยัยบ้า
เมฆต้องหยุดเรียนมาช่วยงานแม่ในนาตอนเช้า บ่ายทำงานพิเศษในโรงงานจนถึงเย็น กลางคืนรับจ้างเขานั่งเฝ้าโกดังถึงตีสองทุกวัน ไม่มีเวลาเลย เทอมที่แล้วขาดเรียนจนครูไม่ให้เข้าสอบ
เฮ่ย...ทำไม (เมฆ) ต้องหักโหมทำงานเยอะขนาดนั้นล่ะ?
ไม่งั้นเราจะไม่มีเงินพอจ่ายค่ารักษาพ่อ นี่ขนาดเมฆทำงานแบบนี้ ยังไม่พอเลย
(พ่อของเมฆ) ไม่สบายมากเหรอ เป็นอะไรน่ะ?
พ่อเป็นมะเร็ง!
นายอาทิตย์ซูบลงๆ ทุกครั้งๆ ที่ฉันกลับมาเห็น ก็เพราะเขาป่วยเป็นมะเร็งมาสักพักแล้ว แต่เขาไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาถึงกับล้มอยู่กลางนา เมื่อตรวจพบเนื้อร้าย นายแพทย์จึงส่งเขาไปทำการรักษาเฉพาะทางในโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ปั้นเมฆเลยต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยพ่อกับแม่ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาต้องลำบากและเป็นทุกข์มากขนาดไหน
พี่นางฟ้า... อย่าทิ้งเมฆไปเวลาที่เมฆต้องการมีพี่อยู่ข้างๆ แบบนี้อีกได้มั๊ย
ฉันรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกที่คอ เลยไม่มีเสียงจะตอบเขา ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ตัดสินใจไม่กลับโลกปัจจุบันสักพักใหญ่ กะว่าจะอยู่ดูแลปั้นเมฆจนกว่าอะไรๆ ทางนี้ให้ดีขึ้นก่อน
เฮ่อ... แล้วค่อยหาทางแก้ตัวกับทัพพีน้อยเอาทีหลังก็ละกัน ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องสะสางกับเขาอีกเรื่อง เกี่ยวกับคดีระหว่างเขากับยัยแม่มด ตกลงความจริงมันเป็นยังไง เขาทำอีท่าไหนถึงไปโดนชีข่มขืนเอาได้ คิดไปคิดมา... ฉันอาจจะใช้มันมาเป็นข้ออ้างซะเลย ที่ป้าจี้หายตัวไปเพื่อสืบคดีหลานชายถูกข่มขืน เหอๆ
ใจจริง ฉันไม่อยากให้ปั้นเมฆลาออกจากโรงเรียนทั้งๆ ที่ยังไม่จบ มศ.3 เลย (มศ.3 เท่ากับม.4 ในยุคปัจจุบัน) เพราะฉันก็รู้ว่าในโลกอนาคตของปั้นเมฆ คนจะเห็นความสำคัญของระดับการศึกษามากขึ้นทุกที ยิ่งวุฒิการศึกษาต่ำ โอกาสของเขาก็ยิ่งน้อย แต่ทำไงได้ล่ะคะ เด็กหนุ่มไม่ใช่แค่ขาดแคลนทุนการศึกษา ปัญหาของเขาหนักหนากว่านั้นมาก...
เมฆผลัดหนี้มาสี่เดือนแล้ว ไม่ได้จ่ายเค้าเลยทั้งต้นทั้งดอก เพราะหามาได้เท่าไหร่ก็เอาไปจ่ายค่าหมอหมด นอกจากทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตแล้ว ปั้นเมฆยังต้องรับภาระทำหน้าจ๋อยคอยเจรจาประนอมหนี้ให้พ่อกับแม่ด้วย
สองเดือนที่แล้ว เมฆบอกเขาไปตรงๆ ว่าไม่มีเงินให้ เดือนก่อน ก็บอกเขาว่าไม่มีเงินอีก ...นี่วันนี้ครบกำหนดแล้ว เค้าต้องมาอีกแน่เลย จะบอกเค้าว่ายังไงดี เมฆไม่มีเงินจ่ายจริงๆ
ก็บอกไปเหมือนเดิมนั่นล่ะว่าไม่มีเงิน ฉันเขียนปลอบใจเขาไป... ลูกผู้ชายอย่างเราต้องพูดคำไหนคำนั้นนะเมฆ ^_^Y บอกเค้าไปแล้วว่าไม่มีเงิน ก็ต้องยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ...หุหุ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
... ปั้นเมฆยิ้ม (เศร้า) ...ขอบคุณครับพี่นางฟ้า
อ่ะนะ ฉันก็กลุ้มใจเหมือนกันที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยทำให้เขายิ้มได้สักสองวินาทีก็ยังดี
น่าเสียดายที่ฉันไม่มีเงินติดตัวมาเลย ทั้งๆ ที่เงินในธนาคารซึ่งฉันสะสมไว้ตั้งแต่เด็กนั้น เมื่อกลายเป็นค่าเงินในสมัยของปั้นเมฆ อย่าว่าแต่แค่ส่งเสียเขาเรียนได้จนจบดอกเตอร์เลย มันมีมากพอที่จะล้างหนี้สินของเขาทั้งหมดได้สบายๆ ยังเหลือเลยด้วยซ้ำ
จะบ้าเหรอเธอ โอนเงินข้ามมิติ? คิดได้ไง ฉันไม่ใช่โพสพแบงค์กิ้งนะยะ มาขออะไรอย่างงี้
ใจเย็นๆ น่า
พระแม่โพสพไม่ช่วยหนู กามเทพขา ช่วยหนูหน่อยได้มั๊ยคะ?
โทษทีสาวน้อย เราไม่รู้เรื่องการเงินเลย ...เหอๆ แม้ว่าเราจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมที่ปรึกษากิติมศักดิ์ตอนเค้าก่อตั้งธนาคารสเปิร์ม ถึงจะชื่อธนาคารเหมือนกัน แต่มันคนละแบบนี่นา
นายโต...ลุงของปั้นเมฆก็ร้อนเงินไม่แพ้กัน เขาขายที่นาส่วนที่ตาของปั้นเมฆแบ่งสมบัติให้ไปจนหมด และใจดีเผื่อแผ่ประกาศขายที่ดินให้น้องสาวของเขาด้วย
ขายเหอะว่ะฝน ได้เงินเป็นก้อน เอาไปลงทุนทำอะไรได้เยอะแยะ ดีกว่ามานั่งทำนาขาดทุนทุกๆ ปี หรือถ้าอยากออกกำลังกายนักล่ะก็ เช่าที่นาเค้าเอาก็ได้ เข้าไปลึกกว่านี้ ที่มันถูกๆ
จากนั้นมา ก็มีนายหน้าค้าที่ดินมาติดต่อขอซื้อที่นากับปั้นเมฆหลายเจ้า ในยุคนี้ เริ่มมีโรงงานเกิดขึ้นแถบปทุมธานีมากมาย ที่นาของบ้านปั้นเมฆนับว่าเป็นทำเลทองสำหรับเก็งกำไรในอนาคต มีเพื่อนบ้านหลายคนเริ่มขายที่นาแล้วอพยพออกไป บ้างก็เช่าที่นาตัวเองทำนาไปก่อน ระหว่างที่นายทุนเจ้าของที่ใหม่ยังไม่ได้สร้างอะไร
อย่าเพิ่งปฏิเสธซี่ ราคาที่พี่เสนอให้ ใช้หนี้เถ้าแก่ไปแล้วยังเหลือตั้งหลายหมื่น ยังไงก็ดีกว่าถูกเค้ายึดไป ไม่ได้อะไรเลยนะน้อง คิดดูดีๆ ก็แล้วกัน
ครับๆ แล้วยังไง ผมจะลองคุยกับแม่ดู
แม่ฝนนั้นอยากขายที่นาเอาเงินมารักษาสามี เพราะค่ารักษาโรคมะเร็งของชาวนา ไปเบิกใครไม่ได้ กู้ธกส.ก็ไม่ได้ ที่ทำได้คือขายสมบัติ แต่ฉันห้ามปั้นเมฆไว้
ขายได้ไง ที่ดิน ขายไปแล้วจะเอาที่ไหนปลูกข้าวกิน?
พี่นางฟ้าไม่ต้องกลัว เมฆขายไม่ได้หรอก พ่อสอนเมฆไม่ให้ขายแผ่นดินกิน ...แต่แม่สิ บอกว่าชีวิตของพ่อสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร แม่ก็ยอม
ฉันเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน แม่ฝนรักนายอาทิตย์มากเหลือเกิน ส่วนปั้นเมฆนั้น ฉันก็รู้ว่าเขาทั้งรักทั้งผูกพันกับพ่อของมากแค่ไหน ...ไม่ใช่แค่ รัก แต่ เข้าใจ พ่อด้วย
เมฆไม่รู้จะทำยังไงดี ใจหนึ่ง เมฆก็คิดเหมือนแม่ ขอแค่ให้พ่อหายป่วย ไม่ว่าอะไร พวกเราก็ยอมแลก แต่พ่อรับไม่ได้หรอก ถ้าต้องขายที่นาจนหมดเนื้อหมดตัวเพราะพ่อ เมฆรู้นะ ว่าพ่ออยากเก็บไว้...ให้เมฆ...ให้ลูกของเมฆ ถึงคนเป็นพ่อจะประกาศว่า อยากให้ลูกชายเรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องลำบากมาเป็นชาวนา แต่ใจลึกๆ แล้ว ฉันคิดว่าเขาก็เสียดาย อยากให้ลูกหลานได้สืบทอดสิ่งที่เป็นของเขาเหมือนกัน
ปั้นเมฆ เชื่อพี่นางฟ้ามั๊ย ว่าถ้าเมฆกล้าพอ เลิกใช้ปุ๋ยใช้ยา แล้วทำนาอินทรีย์อย่างที่พี่สอน เมฆจะมีเงินรักษาพ่อ ใช้หนี้เค้าได้ และเลี้ยงแม่อย่างสบาย ฉันเขียนบอกเขาไป ใจอยากบอกมากกว่านี้ด้วยว่า ในอนาคตมีชาวนาหลายคนที่โรงเรียนชาวนายกเป็นเกษตรกรตัวอย่าง พวกเขาทำนาอินทรีย์ลดต้นทุน จนมีเงินส่งเสียลูกเรียนจบปริญญาโทได้หลายคน ซื้อที่ดินหลายร้อยไร่ ซื้อสิบล้อได้หลายคัน และมีคุณภาพชีวิตดีกว่าคนทำงานออฟฟิสในเมืองเสียอีก
จริงเหรอ?
จริงซี่ ...แล้วถึงตอนนั้นนะ ถ้าเมฆยังอยากเรียนต่อ ค่อยส่งตัวเองเรียนก็ยังได้ เค้ามีระบบการศึกษานอกโรงเรียน อยากได้วุฒิก็ค่อยสอบเทียบเอา
สมัยก่อน พี่นางฟ้าเคยสอนปั้นเมฆไปบอกพ่อเขาให้เลิกใช้ปุ๋ยยา แต่ว่ามันไม่เคยสำเร็จ ก็ได้แต่ถ่ายทอดแนวความคิดกับทฤษฎีเกษตรอินทรีย์ที่ฉันได้จากโรงเรียนชาวนามาบรรยายให้เด็กชายได้รู้ไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ปั้นเมฆลงมาทำนาแทนพ่อเต็มแบบนี้ ก็แปลว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องออกโรงมาทำหน้าที่พระอาจารย์ตัวจริง
ต่อมาไม่นาน ลานนวดข้าวข้างยุ้งก็มีเพิงไม้ไผ่ที่ปั้นเมฆต่อเองกับมือเพิ่มขึ้นมา ใต้หลังคาจากมีโอ่งใบใหญ่สามใบ โต๊ะไม้ไผ่หนึ่งตัว บนโต๊ะมีภาชนะใส่เครื่องปรุงต่างๆ ใกล้ๆ กันนั้น มีกองดินผสมรำข้าวกับน้ำตาลคลุมด้วยฟางอีกหลายกอง
ได้ผลแน่นะ พี่นางฟ้า ใบหน้าของปั้นเมฆเหมือนยังไม่ค่อยเชื่อ
หวังว่าจะไม่เหมือนคราวโน้น เขาคงเข็ดขยาดกับสูตรน้ำสะเดาผีบอกของฉันจนถึงวันนี้
ใช้ได้ซี่ ฉันยืนยัน น้ำหมักสามโอ่งนี้มีแต่สูตรที่ฉันท่องได้จนขึ้นใจ ได้แก่ หัวเชื้อจุลินทรีย์ น้ำหมักจากพืชสีเขียว และน้ำหมักก้างปลาเปลือกหอย อันไหนไม่ชัวร์ ไม่กล้ามั่วนิ่มอีกแล้ว ไม่พลาดแน่คราวนี้... นี่เค้าเรียกว่า วิธีปรับปรุงดินด้วยชีววิธี เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน ฉันเขียนยืนยันให้น่าเชื่อถือ
กลิ่นมันเปรี้ยวๆ
ถูกแล้ว ต้องกลิ่นนี้แหละ ใช่เลย
แล้วมันใช้ยังไงล่ะ?
นั่นสิ... ใช้ดมใช้ทาในโอ่งเดียวกันรึเปล่าหว่า มาถึงคำถามนี้ ชักไม่ชัวร์
เอามาผสมน้ำ แล้วใช้แทนปุ๋ยได้เลย (มั๊ง) ใส่ดินก็ได้ (มั๊ง) หรือฉีดพ่นต้นใบก็ได้ (มั๊ง) ...ฉันก็รู้แต่สูตรกับทฤษฎี ไม่เคยทำกับมือจริงๆ ซักที อยากกระโดดกระพ้อมกลับไปถามตาทัพพีกับพี่:-) แต่ก็กลัวปั้นเมฆจะคิดว่าฉันทิ้งเขาไปอีก ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาต้องการกำลังใจจากฉันมากกว่าอะไรทั้งหมดจึงไม่กล้าจากเขาไปไหน ทำให้ปั้นเมฆต้องเดาต่อเอาเอง ว่าปุ๋ยสามโอ่งนั่นใช้ยังไงในอัตราส่วนเท่าไหร่
นอกจากเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำนาที่บ้านแล้ว เวลาที่เหลือ เด็กหนุ่มยังคงขยันไปทำงานพิเศษในโรงงานใกล้ๆ ในช่วงบ่ายถึงค่ำ แต่ตอนกลางคืน เขาไม่ไปเฝ้าโกดังแล้ว กลับมานั่งจุดตะเกียงอ่านหนังสือเรียนด้วยตัวเอง โดยมีพี่นางฟ้าอยู่เป็นเพื่อนจนดึก แล้วพอถึงเวลานอน ฉันก็หาโอกาสบอกลา แว๊บออกไปแปลงร่างเป็นเจ้าชมพูกลับเข้ามานอนกับเขา ...หุหุ... ไม่ได้หรอกค่า ไม่ได้ๆ เป็นพี่นางฟ้านอนกับปั้นเมฆไม่ได้หรอก ถึงเขาจะอายุแค่สิโหะสิเจะ แต่ตัวโตดูเป็นหนุ่มเกินวัย มันจะไม่งามนะค้า
สู้อยู่ในร่างเจ้าชมพูปั้นหน้าไร้เดียงสาให้เขานอนกอดเป็นหมอนข้างดีกว่า ถึงแม้ว่าหัวใจจะเต้นแรง รู้สึกหวามลึกในอกจนปวดลงไปถึงท้อง แถมยังต้องกลั้นใจไม่ให้หอบหรือครางออกมาสุดแสนจะทรมาน แต่... ไม่รู้ทำไม ...มีความสู๊ข มีความสุขจังเลย แอร๊ยยยย
แอบเขิน
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 54 21:15:15
|
|
|
|