Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักร้อยใจ บทที่ 1 [100%] ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 : ความหลัง – ความหวัง

อโณชาเสหันไปหยิบผ้าห่มด้านหลังมาพับเพื่อหลบสายตาคมกริบของผู้เป็นเพื่อนที่กำลังจ้องมองเหมือนเธอเป็นผู้ต้องสงสัย...

...ชิ! ตั้งแต่เป็นผู้กองฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน  ยัยผึ้งก็ทำเหมือนทุกสิ่งต้องผ่านการพิสูจน์ก่อนถึงจะเชื่องั้นแหละ...

“ว่าไงพาย...เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ” มธุการีกอดอก  เอนตัวพิงกรอบประตู  แววตาวาววับทะลุทะลวงถึงความรู้สึกภายในของอีกฝ่าย

ร่างบางหันมาสบตากับเพื่อนก่อนถามขันๆ “เธอยังไมได้บอกสิทธิ ให้ฉันรู้เลยนะ  อีกอย่างเธอโอนมาอยู่ฝ่ายสอบฯ  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะ”

“ย้ายไม่ย้าย ยังไงตอนนี้เธอก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ดี ตอบคำถามมาอย่าอมพะนำ” ผู้กองสาวยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า คนเป็นทนายทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนตอบเสียงอุบอิบในลำคอแทบไม่ได้ยิน

“อืม”

ร่างบางที่สูงกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อยโคลงศีรษะเบาๆ อย่างอ่อนใจ  มธุการีถอนใจเมื่อเห็นใบหน้าเนียนของเพื่อนแดงก่ำ  ก่อนตัดสินใจเอ่ย

“พี่ติย้ายมาประจำที่เชียงใหม่แล้วนะ”

ประโยคนี้ทำให้ประกายในดวงตาเพื่อนวาบขึ้นทันที อโณชาปราดมาจับมือเพื่อนไปเขย่าอย่างเร่งเร้า

“พี่ติมาที่เชียงใหม่นี่จริงๆ เหรอแก  มาเมื่อไหร่อ่ะ  ทำไมฉันไม่รู้...แล้ว...กับพี่กันย์...เป็นยังไงบ้าง”

อีกฝ่ายทอดมองคนที่กำลังเขย่ามือตัวเองอย่างอ่อนโยน “พี่ติมาตั้งแต่วันศุกร์แล้ว  เห็นว่าย้ายจากนราธิวาสเพื่อมาพยาบาลคุณแม่ที่ป่วยหนัก กับพี่กันย์...” เธอกระแอมเว้นจังหวะ “...เลิกกันแล้ว”

“เลิก?”

“อืม”

“ทำไมล่ะ?” ทนายสาวทำท่าอยากรู้สุดขีด

“แล้วทำไมฉันต้องรู้ด้วยล่ะ” คนเป็นผู้กองแหวใส่

“ก็...” ลูกแก้วสีน้ำตาลใสในกระบอกตากลิ้งไปมาตามความคิดที่กำลังแล่นในหัวสมองอย่างรวดเร็ว “...คนอย่างแก  ถ้าได้หาข่าวแกจะได้ข่าวที่ดีที่สุดเสมอ  แล้วเรื่องนี้แกก็ต้องหาข่าวเต็มที่อยู่แล้ว  เพราะแกรู้ว่าฉัน...”

“ยังรักพี่ติอยู่ล่ะสิ”

  “เอาเป็นว่าเป็นห่วงมากๆ ดีกว่ามั้ย...”

“เอาไงก็เรื่องของแก  แต่ความจริงรู้อยู่แก่ใจเองนะ” ผู้กองสาวว่ายิ้มๆ  ก่อนเดินไปยังโซฟาห้องรับแขกแล้วทรุดตัวลงนั่ง

“เห็นว่าพี่ติเลื่อนการแต่งงานบ่อยเกินไปละมั้ง อันนี้ได้ยินมาจากพี่แพรว...” ผู้กองสาวขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนเอ่ยเสริม “...คนที่เป็นหน้าบัลลังก์ ไง  จะว่าไปโลกมันก็กลมเนาะ เพราะพี่แพรวแกเป็นเพื่อนของพี่กันย์  แล้วก็ดันมาทำงานสายเดียวกับเราซะงั้น”

คนฟังพยักหน้าขรึมๆ “พี่เค้าคงเข้ามาทำงานช่วงก่อนรึเปล่า ช่วงที่ฉันลงไปทำคดีคุณอนันต์ที่กรุงเทพฯ น่ะ” อโณชาหมายถึงคดีมรดกของตระกูลดังในกรุงเทพฯ ที่เป็นข่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมา

“คงงั้นมั้ง” ผู้กองสาวเออออ “พี่แพรวเล่าว่าพี่กันย์น่ะโกรธมากที่พี่ติเห็นงานดีกว่า แล้วยังทำเรื่องลงไปนราธิวาสอีกเลยทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน สองคนนี้เค้าระหองระแหงกันมานานแล้ว  แต่สาเหตุจริงๆ ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องนี้หรอก  เพราะพ่อฉันรู้จักกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลดำรงเวช...เห็นว่าลูกชายผู้อำนวยการกำลังจะหมั้น  ว่าที่คู่หมั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก พี่กันย์นี่แหละ”

สีหน้าของคนฟังซีดลงทันควัน...พี่ติจะเป็นยังไงบ้างนะ  แม่ไม่สบายแล้วยังมีเรื่องแฟนสาวที่เลิกร้างไปให้ช้ำใจหนักเข้าไปอีก...

หญิงสาวคิดถึงใบหน้าหล่อเหลากับท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนที่เขาเคยมีให้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย แทบไม่เคยมีใครเห็นอติชาติหงุดหงิดหัวเสีย  หรือโกรธใส่ใครเลย  ชายหนุ่มเป็นคนเยือกเย็น อ่อนโยน ใจดี เป็นที่ปรึกษาให้กับทุกคนในทุกเรื่อง ไม่เคยมีใครรับรู้ถึงปัญหาของรุ่นพี่คนนี้เพราะเขาไม่เคยบอกเล่าปัญหาตัวเองให้ใครฟัง อติชาติเป็นคนดี...มากเสียจนเธอหลงรักไปทั้งใจ

เมื่อยังเป็นนักศึกษา อโณชาเฝ้าติดตามข่าวคราวของรุ่นพี่คนนี้มาตลอด ด้วยดีกรีของเดือนมหา’ลัยทำให้อติชาติเป็นเป้าสนใจของใครต่อใคร หญิงสาวเข้าไปทำความสนิทสนมคุ้นเคยกับเขาด้วยการเลือกเข้าชมรมเดียวกัน ขอให้เขาติวหนังสือให้ ขอให้เขาไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ซึ่งอติชาติก็ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยปริปากบ่น มีแต่รอยยิ้มอ่อนโยนและคำตอบรับเสมอเมื่อหล่อนขอให้เขาช่วยเหลือ อโณชาอยากจะเชื่อเหลือเกินว่าชายหนุ่มก็มีความรู้สึกพิเศษกับหล่อนเหมือนกัน จนถึงวันนั้น...วันที่กิตติยาเดินเข้ามาเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอติชาติต่อหน้าหล่อน

“ติ...” เสียงเรียกนั้นทำให้อติชาติและอโณชาที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องเรียนด้วยกันชะงักหันกลับมามองร่างโปร่งบางที่กำลังเดินเข้ามา ใบหน้าสวยหวานดูโกรธจัด “...ที่ติบอกไม่ว่าง ไปหากันย์ไม่ได้เพราะติเอาเวลามาให้ยัยคนนี้เนี่ยเหรอคะ” หญิงสาวทำท่าจะถลาเข้ามาหาอโณชา มธุการีที่เดินอยู่ห่างๆ ขยับเข้ามาขวางหน้ากิตติยาทันควัน พลางกันเพื่อนให้ถอยหลังหลบไป
อติชาติคว้าแขนคนรักไว้พลางอธิบายร้อนรน “ไม่ใช่นะกันย์ ช่วงนี้มันใกล้สอบแล้ว เราแค่ช่วยติวหนังสือให้น้องเค้าเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนอย่างกันย์ว่าด้วย กันย์เอาที่ไหนมาพูด”

“ก็กันย์เห็น” หญิงสาวยังส่งเสียงดังท่ามกลางความสนใจของผู้คนรอบด้านที่เริ่มเมียงๆ มองๆ ดูคนทั้งสี่

“พี่ติกับพายไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองนะคะ ผึ้งก็ไปด้วยทุกครั้ง คุณมาว่าอย่างนี้เพื่อนผึ้งเสียหายนะคะ” มธุการีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากปกป้องเพื่อน

“หุบปากไปเลย เธอก็ต้องเข้าข้างเพื่อนเธออยู่แล้ว หรือว่าส่งเสริมให้เพื่อนแย่งแฟนคนอื่นเค้าล่ะ!”

“กันย์! เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ ขอโทษนะครับคุณหญิง น้องพาย พี่ขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มฉุดแขนแฟนสาวให้ออกไปจากบริเวณนั้น มธุการีพยักหน้ารับขรึมๆ ก่อนขมวดคิ้วกับเสียงของกิตติยาที่ยังดังแว่วๆ มาให้ได้ยิน “...ก็กันย์เป็นแฟนติ ติยังไม่เห็นสนใจใยดี กลับไปสนใจเด็กคนนั้น...”

ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ก่อนแตะแขนอโณชาที่ดูเหมือนจะตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อโณชานิ่งขึง...ดวงตาเลื่อนลอยเสียจนเธอใจไม่ดี

วันนั้นเธอร้องไห้เสียมากมาย...มากจนมธุการีโกรธชายหนุ่มที่เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนหล่อนเป็นแบบนี้ แต่พอวันต่อมาหญิงสาวก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไปเรียนตามปกติ ยังทักทายอติชาติเหมือนทุกๆ วัน จะต่างไปก็เพียงแต่...อติชาติดูเหมือนจะเว้นระยะห่างระหว่างเขากับเธอมากขึ้น จนวันหนึ่ง...ที่เขาหายไปจากชีวิตเธออย่างสมบูรณ์...วันที่เธอปลุกปลอบใจตัวเองให้กล้าแข็ง ก่อนเข้าไปสารภาพความรู้สึกกับเขา...อย่างตรงไปตรงมาที่สุด

หลังจากวันนั้นแล้วเธอก็ไม่เคยได้คุยกับอติชาติอีกเลย...

................................................

สำหรับเช้าวันจันทร์ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นการทำงานของใครหลายๆ คนกลับเป็นวันที่ค่อนข้างยุ่งวุ่นวายของบรรดาทนายความ อัยการ และผู้พิพากษา เพราะวันจันทร์นั้นถือเป็นวัน ‘นัดไกล่เกลี่ย’ ประจำสัปดาห์ซึ่งเป็นนโยบายของศาลจังหวัดแห่งนี้ที่เปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันในคดีที่สามารถยอมความได้ เพราะหากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ ก็จะลดเวลาและขั้นตอนในการดำเนินการพิจารณาคดีลงไป และยังอาจทำให้คู่กรณีซึ่งอาจเป็นคู่ค้า หรือคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันสามารถอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันได้อย่างเดิมอีกด้วย

หญิงสาวร่างโปร่งบางกำลังก้าวเท้าเข้ามาในห้องไกล่เกลี่ยที่ศาลจัดไว้เป็นสัดส่วนแยกออกมาจากห้องพิจารณาคดีอย่างรีบเร่ง เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้องก็เห็นลูกความของตนเองนั่งหน้าตูมอยู่บนโซฟารออยู่แล้ว ลูกความสาวยกนาฬิกาเรือนสวยขึ้นมาดูเวลาก่อนคลายคิ้วที่ขมวดไว้นิดนึง “อีก 5 นาทีคุณทนายก็จะมาสายเกินเวลานัดแล้วนะคะ”

อโณชายิ้มหวานๆ ส่งไปให้ลูกความที่ตอนนี้เริ่มทำคิ้วผูกกันเหมือนเดิมอีกครั้ง “ขอโทษด้วยค่ะคุณพี่ พอดีเพื่อนพายรถเสีย พายเลยต้องขับไปส่งเพื่อนที่ทำงาน...แล้วตอนนี้คุณพี่ผู้ชายยังไม่มาอีกเหรอคะ?”

“มันน่ะเหรอจะมาตรงเวลา ไม่มีซะหรอกคนพรรค์นั้นน่ะ ไม่รู้ป่านนี้จะลุกจากเตียงของนังเลขาฯ นั่นแล้วรึเปล่า นี่ถ้าไม่ใช่คุณทนายบอกให้พี่ไกล่เกลี่ย...” สายตาของอีกฝ่ายวาววับด้วยความโกรธ “...พี่คงไม่ยอมลงให้มันถึงขนาดนี้หรอกนะ!”

ทนายสาวยิ้มค้าง นึกถึงวันแรกที่ลูกความคนนี้เดินเข้าไปในสำนักงานเล็กๆ ของหล่อนแล้วประกาศลั่น “ฉันไม่ทนกับมันแล้ว ฉันจะฟ้องหย่า!” ได้ดี ลูกความเอาแต่โวยวายกล่าวหาว่าสามีของเธอมีชู้และละเลยไม่สนใจใยดีเธอ รวมทั้งยักยอกเงินในบริษัทที่เป็นของฝ่ายภรรยาเพื่อไปบำรุงบำเรอ ‘แม่เลขาร่านสวาท’ เลขานุการิณีหน้าห้องที่มีตำแหน่งเมียน้อยควบด้วย

อโณชาอยากกุมขมับแล้วบอกเลิกเคสนี้เสีย เพราะวันนี้นอกจากเป็นวันที่งานเยอะที่สุดของเธอแล้ว ยังเป็นวันที่เธอไม่สบายอย่างหนักด้วยอาการปวดไมเกรนที่ไม่ได้เป็นมานานแล้ว ยิ่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงยุ่งจนหญิงสาวไม่สามารถปลีกตัวไปหาหมอได้ ไอ้ครั้นจะให้วีรยา เพื่อนสาวที่เป็นหมอเพียงคนเดียวในกลุ่มมาดูอาการให้ก็ไม่กล้า เพราะวีรยาเป็นหมอจริง...แต่เป็นหมอนิติเวช...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ผลักบานประตูเข้ามา ทันทีที่ลูกความของเธอเห็นเข้าก็สะบัดหน้าพรืด...สีหน้าผสมอารมณ์ทั้งรักทั้งชัง จนอโณชาอดไม่ไหวที่จะเอื้อมมือไปแตะมือเรียวของอีกฝ่ายที่กำแน่นบนตักแผ่วเบา

ทนายสาวหันหน้ามาดูคู่กรณี...อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวจัด เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอยู่ในชุดสูทพร้อมทำงานเรียบร้อย ใบหน้าเรียบเฉยของว่าที่ ‘อดีต’ สามีของลูกความเธอไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ นอกจากประกายตาแวววับที่ปรายมองมา...ก่อนหยุดสายตาที่เธอ นานจนอโณชาเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัด แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา น้ำเสียงแหลมสูงของลูกความก็ดังขึ้น

“ต๊ายยยยย!!! นี่ขนาดคุณกับฉันยังไม่ได้หย่ากันนะคุณกริช คุณยังมองสาวคนอื่นตาละห้อยต่อหน้าฉัน  ขนาดทนายความที่ฉันจ้างมาทำเรื่องหย่ากับคุณก็ยังไม่เว้นอีกเหรอ เลวที่สุด...”

จากคำพูดเปลี่ยนเป็นการกระทำ เมื่อหญิงสาวลุกจากที่นั่ง ก่อนโผเข้าหาสามี ระดมทุบ หยิก ข่วน ทุกๆ ที่ที่หล่อนเอื้อมถึง โดยที่เขายกมือขึ้นปัดป้องพร้อมร้องโวยวายไปด้วย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! จะบ้าแล้วเหรอไง...ก็คุณจะหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ แล้วมันเรื่องอะไรของคุณถ้าผมจะมองผู้หญิงคนอื่นบ้าง  จำสถานะของตัวเองหน่อยสิว่าคุณไม่ใช่เมียผมแล้วนะ!”

ลูกความของอโณชากำหมัดแน่น ก่อนทิ้งแขนลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลพรากอาบใบหน้านวล รำพึงรำพันไปมา “คุณทำได้ยังไง...คุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง...”

“ทำยังไงเหรอครับ”

เสียงก้องของผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูดึงความสนใจของทุกคนที่อยู่ในห้องไปที่เขา กริชลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินผ่านเก้าอี้ที่มีร่างของภรรยานั่งอยู่ไปดึงแขนเขาให้เข้ามาก่อนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกาย

“คุณอย่าบอกนะว่านี่ก็คู่เกย์ของคุณ!!!” ลูกความสาวร้องเสียงหลง

“คุณจะบ้าเหรอ! ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ และนี่...อติชาติ ผู้ไกล่เกลี่ยของผม” ชายหนุ่มหันไปแนะนำตัวคนมาใหม่กับทนายสาว แต่เมื่อสบสายตาตกตะลึงของอโณชา กริชจึงถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “...คุณทนายครับ ได้ยินที่ผม...”

“พี่ติ!!! พี่ติจริงๆ เหรอคะ?”

“คุณ...” อติชาติขมวดคิ้ว เพ่งมองร่างบางตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ “...เราเคยรู้จักกันมาก่อน...”

“อโณชา...พายไงคะพี่ติ รุ่นน้องพี่ติไงคะ จำพายได้ใช่มั้ยคะ...”

หญิงสาวถามพลางจ้องหน้าเขาอย่างลุ้นคำตอบ แม้จะผิดหวังกับการที่เขาจำเธอไม่ได้ตั้งแต่แรกพบ แต่ไม่เป็นไร...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะลืมกันไปบ้างก็ไม่แปลก...เธอไม่ใช่คนสำคัญของเขาอยู่แล้วนี่...

“พาย...น้องพายคนนั้นน่ะเหรอครับ?” อติชาติถาม น้ำเสียงงุนงง

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันตอบคำถามของเขา เสียงของลูกความเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดรนทนไม่ได้


“นี่! ไประลึกความทรงจำกันในเวลาอื่นได้มั้ย ตอนนี้ช่วยมายุติความทรงจำระหว่างฉันกับหมอนี่ก่อนเถอะ!”

จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า
เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 00:06:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com