ลิงค์ตอนก่อนหน้่่่านี้ค่าาาา
บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10341205/W10341205.html
ตอนที่1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10342839/W10342839.html
ตอนที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10371674/W10371674.html
*****************************
มาต่อกันแล้วค่ะ กับตอนที่ 3 หายไปนานเลย
ตากลมโตบ้องแบ๊วหยาดเยิ้มสดใสราวกับใส่บิ๊กอายของเด็กน้อยอายุประมาณขวบกว่า ๆ ซึ่งอยู่ในกล่องใบใหญ่ ที่มองตรงมายังมาธวีทำให้หัวใจของเธอเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ แตกต่างกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ยืนตัวแข็งราวถูกสาปหลังจากที่ได้อ่านจดหมายน้อยฉบับนั้น เขาขมวดคิ้วมองเด็กน้อยราวกับเป็นสัตว์ประหลาดจากดวงดาวอันไกลโพ้น ปัณฑ์ธรรู้สึกเหมือนว่าตาข้างขวาของเขาจะกระตุกเล็กน้อย ยิ่งพอได้สบตากับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในกล่องใส่พัดลมกล่องโตนี้แล้วเขายิ่งรู้สึกราวกับว่าชีวิตของเขานับจากวินาทีนี้จะต้องพบเจอกับเรื่องราวที่เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า ‘โคตรซวย’
นักร้องหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างไม่ยอมรับชะตากรรม เขาค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงช้า ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นและพยายามที่จะปิดฝากล่องนั้นอย่างรวดเร็ว มาธวีเห็นดังนั้น
ก็ตกใจนึกว่าผู้ชายชั่วร้ายคนนี้ จะคิดเลวได้ขนาดพยายามฆ่าเด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูคนนี้ได้ลงคอ จึงรีบเข้าไปห้ามเขาไม่ให้ปิดกล่องนั่น ทำให้เกิดสงครามเล็ก ๆ
ขึ้นหน้าห้องพักของมาธวี
“ ป้อ คิ ถึง... ” เสียงพูดอ้อแอ้ ฟังไม่ค่อยชัดเจนจากสิ่งมีชีวิตในกล่องพัดลมเอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งมาธวีและปัณฑ์ธรที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หยุดชะงัก
ปัณฑ์ธรมือสั่นตัวแข็งทื่อราวถูกสาปอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินเสียงของเด็กน้อยคนนี้ เขาบอกไม่ได้ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร มันอึ้ง มันเบลอจนทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ
หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงออกแรงปัดมือยาว ๆ ของเพื่อนรักออก และผลักเขาเต็มแรงจนก้นจ้ำเบ้า แต่ปัฌฑ์ธรก็ไม่บ่นสักคำ เขายังคงตัวแข็งค้างเหมือนถูกสต๊าฟ
มาธวีจึงได้ละความสนใจจากเขา แล้วหันมาเปิดกล่องกระดาษนั้นอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าเด็กน้อยจะหายใจไม่ออก
“ ฟู ฟู ”
คำแรกที่เด็กน้อยเอ่ยออกมาทันทีที่มาธวีเปิดกล่องกระดาษนั้นออก คือคำว่า ‘ฟู ฟู ’ พร้อมทั้งชี้มาที่ผมของมาธวีและหัวเราะเอิ้ก ๆ อย่างมีความสุข
หญิงสาวเค้นหัวเราะอย่างเครียด ๆ ด้วยรู้สึกตกอับอย่างรุนแรง เพราะขนาดเด็กทารกเตาะแตะยังเรียกเธอด้วยชื่อที่ดูละม้ายคล้ายลูกหมาเลย แต่ความรู้สึกนั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเด็กน้อยพยายามยืดตัวขึ้นโงนเงน และยกมือเล็ก ๆ ขึ้นจับผมเธอเล่น แววตาใฝ่รู้ของเด็กน้อยนั้นน่ารักน่าชังจนมาธวีอดจะยกโทษให้ไม่ได้
“ บ๊อก บ๊อก ” เด็กน้อยพูดอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนหงายหลังตึงลงไปด้วยความที่เสียการทรงตัว
ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่หน้าห้องแล้วที่ปัณฑ์ธรหยุดหัวเราะไม่ได้ เขาแอบหรี่ตามองเพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งขดตัวอยู่มุมห้องไม่พูดไม่จา โดยมีเด็กประหลาดนั่นวนเวียนส่งเสียงร้อง บ๊อก บ๊อก อยู่ใกล้ ๆ เธอดูเหมือนคนจิตหลุดเช่นนี้ตั้งแต่ที่โดนเรียกเหมือนหมาตั้งแต่ที่หน้าห้องแล้ว จนบัดนี้เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีเธอก็ไม่มีทีท่าว่า
จะเชิญพระขวัญของตัวเองกลับมาได้เลย
“ ป้อ ”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เด็กน้อยนั้นล้ม ๆ ลุก ๆ เดินมาถึงตัวเขา แต่พอรู้ตัวอีกทีเด็กคนนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ปัณฑ์ธรบอกไม่ได้ว่า
ความรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ แล้วไอ้ความรู้สึกมหัศจรรย์ที่เขาเหมือนได้เห็นตัวเองตอนเด็ก ๆ วิ่งอยู่รอบห้องนี้มันคืออะไรกันแน่
ไหนจะความสุขที่เกิดขึ้นจากสัมผัสที่มือเล็ก ๆ นั้นวางลงมาบนเข่าของเขาอีกล่ะ
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือทาบที่ใบหน้าเล็กนั้นเบา ๆ
“ น่ารักว่ะ ” เขาพึมพำ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยยิ้มหวาน
“ ฉันเชื่อแล้วที่เขาว่ากันว่า ดีเอ็นเอมันฟ้องอยู่บนหน้าของเด็ก ” มาธวีที่กลับมาสู่โลกของความจริงเอ่ยขึ้น ก่อนจะทรุดตัวลงข้าง ๆ ชายหนุ่ม
แล้วหันไปสบตาเพื่อให้กำลังใจกับปัณฑ์ธรอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งจะสามารถให้เพื่อนได้ยามที่เพื่อนกำลังมีปัญหา ซึ่งนักร้องหนุ่มก็แบ่งรับความอบอุ่น
และความหวังดีที่ผ่านมาทางสายตากลมหวานนั้นเต็มหัวใจ และตอบแทนด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“ ฉันจะไม่ละลาบละล้วงเรื่องของแกด้วยการขอแกอ่านจดหมาย
นั่นหรอกนะ แต่ฉันก็พอจะเดาเหตุการณ์ออกว่าแม่ของเด็กคงจะท้องกับแก แล้วเอาเด็กคนนี้มาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านฉัน ”
หญิงสาวพูดเองก็งงเอง
“ เอ๊ะ !?!! แล้วทำไมต้องมาทิ้งหน้าบ้านฉันอ่ะ ทำไมไม่ทิ้งหน้าบ้านแก ”
ปัณฑ์ธรยักไหล่ “ ฉันคิดว่าเขาคงจะสะกดรอยตามฉันน่ะ ”
มาธวีพยักหน้าอย่างพยายามเข้าใจ ก่อนจะมองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“ แกน่าจะติดต่อกับแม่ของเด็ก แล้วก็รับผิดชอบเธอนะ เด็กคนนี้ต้องมีพ่อมีแม่ ฉันไม่อยากให้ต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาแล้วจะกลายมาเป็น
ปัญหาของสังคมภายหลัง ” มาธวีแนะนำเพื่อนอย่างหวังดี และดูมีความใส่ใจในสังคม แต่ในใจนั้นเธอเองก็แอบคิด(ชั่วร้าย)ว่า ถ้าไอ้เพื่อนบ้าของเธอแต่งงาน
มีลูกพร้อมสรรพแล้ว เธอก็จะได้หลุดพ้นจากวงเวียนชีวิตอับเฉาเช่นนี้สักที
“ แม่ของเด็กเป็นใคร....ฉันยังจำไม่ได้เลย ”
“ อะไรนะ !!! ”
คำพูดเรียบ ๆ ของปัณฑ์ธรทำเอามาธวีตกใสจนร้องเสียงหลง ไม่เข้าใจว่าไอ้บ้าปัณพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร ทำใครท้องก็ไม่รู้ แถมยังพูดได้
หน้าตาเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องคอคาดบาดตายอะไร
“ เมื่อสองปีที่แล้วแกไปเรียนต่อต่างประเทศมานี่ แกได้..เอ้ย...แกมีอะไรกับใครที่นั่นบ้าง แหม่มกะปิ สาวเกาหลี สาวยุ่น ใครล่ะที่แกมีอะไรด้วย
นึกสิวะ ” หญิงเริ่มเอ็ดเสียงดัง พลางกระตุกแขนเพื่อน
“ ก็...ทั้งหมดที่แกพูดมา ฉันก็เคยทั้งนั้น แถมมีอะไรกับใครบ้างฉันก็ไม่เคยจำได้เลยว่ะ มัน..หลายคนอยู่นะ นึกไม่ออกหรอก ” ปัณฑ์ธรตอบยิ้ม ๆ
เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
คำตอบของเขาทำให้มาธวีอึ้ง เธออยากจะบ้าตายกับความมักง่ายของไอ้บ้านี่ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่เลือกหน้า
ปีที่น่าจะเป็นปีที่ผู้หญิงคนนั้นตั้งท้อง ไอ้ปัณฑ์ธรหน้าม่อดันไปมีอะไรกับผู้หญิงหลายสิบคน จนไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่
“ แล้วเด็กนี่จะทำยังไง น่าสงสารแกนะ ยังเด็กมากแถมน่ารักด้วยเนี่ย ” เธอบอก ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าตัวเจ้าตัวกลมที่นั่งง่วงอยู่ใกล้ ๆ มาไว้บนตัก
และลูบหัวเหม่งนั้นเบา ๆ เหมือนกล่อมให้หลับ ปัณฑ์ธรเห็นภาพนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง
“ แกไง มายฮันนี่ ” เขาบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาดแขนแข็งแรงลงบนไหล่บอบบางของมาธวี “ แกก็เลี้ยงเด็กคนนี้กับฉัน ช่วยฉันเลี้ยงในฐานะแม่ของเด็กคนนี้ไง ”
มาธวีตาโต
“ ไอ้บ้าปัณ ” หญิงสาวเรียกชื่อเขาด้วยเสียงลอดไรฟัน เพราะกลัวจะทำให้เด็กที่เริ่มเคลิ้มหลับจะตกใจตื่น “ ร้องเพลงอินดี้มากจนบ้าเลยรึไง หรือว่าแกไม่สบายหา
แกพูดออกมาได้ไงว่าให้หญิงสาววัยยี่สิบห้าอย่างฉันหาห่วงมาผูกคอด้วยการรับเป็นแม่บุญธรรมให้เด็กคนนี้ สิ่งที่แกคิดมันไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ นะ ถ้าฉันรับเลี้ยงเด็กคนนี้แล้ว
ชีวิตโสดของฉันล่ะ ถ้าผู้ชายคนไหนจะมาจีบฉัน เขาก็ต้องตัดใจไม่อยากจีบเพราะฉันมีลูกแล้วน่ะสิ ”
“ ไม่มีหรอก...ผู้ชายแบบนั้นน่ะ ” เขาบอก พลางทำหน้าสมเพช “ แกอย่าคิดมากเลย ถ้าแกอายุสักสามสิบห้าแล้วไม่มีใคร เดี๋ยวฉันยอมให้แกเป็นเมียเลยเอ้า ”
“ เป็นพระคุณมาก แต่จะเป็นพระคุณมากกว่าถ้าแกจะไม่คิดแบบนั้นนะปัณฑ์ธร ” หญิงสาวบอก “ เดี๋ยวฉันเอาเด็กไปนอนก่อนนะ แล้วค่อยมาคิดกันต่อว่าจะทำยังไง
คืนนี้ฉันอยู่ดึกได้เพราะว่าพรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงาน แกรอฉันด้วยล่ะ ”
กล่าวจบ มาธวีก็อุ้มเด็กน้อยเข้าไปในห้องอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนเลยในชีวิต ด้านปัณฑ์ธรก็มองตามร่างบางที่เดินหายเข้าห้องไปอย่างใช้ความคิด
เสียงเด็กน้อยที่กรีดร้องแหลมลั่น ทำให้มาธวีค่อย ๆ รู้สึกตัว หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างงุนงงด้วยจำไม่ได้ว่าเสียงเด็กที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของใครกันแน่ หญิงสาวค่อย ๆ ยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างแสนยากลำบาก ก่อนจะพยายามปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างจ้าที่ลอดผ่านกระจกใสบานใหญ่เข้ามา เธอใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรู้สึกว่าไหล่และต้นแขนนั้นปวดหนึบ ๆ อย่างรุนแรง มาธวีพยายามมองรอบ ๆ ตัว หญิงวาวขยี้ผมยุ่ง ๆ ของตัวเองอย่างสงสัย เธอมานอนที่ห้องโถงได้อย่างไร....
แล้วทำไมใกล้ ๆ ตัวเธอถึงมีชิ้นส่วนเสื้อผ้า สร้อยคอ สร้อยข้อมือของปัณฑ์ธรกองอยู่ได้ล่ะ ?
สมองอันน้อยนิดของมาธวีพยายามประมวลผล นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หลังจากที่เธอกลับมาจากผับที่ปัณฑ์ธรไปทำงาน เธอและเขาก็พบ
วัตถุประหลาดที่แสนน่ารักอยู่หน้าห้อง หลังจากเอาเข้ามาในห้องสักพัก ก็พาสิ่งมีชีวิตนั้นไปนอนในห้องนอนของเธอ และออกมาคุยกับปัณฑ์ธรต่อถึงเรื่องของเด็กคนนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้ข้อสรุป
“ ไอ้ฮัน ทำอะไรอยู่วะ ลูกร้อง...มาช่วยกันดูหน่อยดิ ” เสียงแหกปากตะโกนของปัณฑ์ที่ฟังดูแปลกหู ทำให้มาธวีต้องลุกจากที่นอน แล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ ทำไงดีอ่ะ เด็กร้องไม่หยุดเลย ฉันเอาขึ้นบ่าแล้วก็ตบตูดเหมือนที่เคยเห็นในละครก็ไม่เห็นหยุดเลย ”
ผู้ชายคนที่ยืนพูดอยู่หันมาถามเธอหน้าเครียด แต่วินาทีแรกที่มาธวีเห็นเขาเธอแทบจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลย ได้แต่ยืนอึ้งตะลึงอยู่กับภาพที่เห็นมากกว่า
ภาพผู้ชายหน้าหวาน ตัวขาวโอโม่ไม่ใส่เสื้อโชว์มัดกล้ามที่แม้ว่าจะไม่ได้มีมากมายอะไรแต่ก็ดูดีอย่างที่สุด ขัดตาหน่อยก็กางเกงขาเดฟเอวต่ำ ที่มันค่อนข้างจะต่ำไปหน่อย แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นเขาโชว์ท่อนบน เพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็เคยเห็นทุกครั้งที่ไปทะเลด้วยกัน แต่พอมาเห็นเขาในตอนนี้แล้ว ทำให้รู้เลยว่าตอนนั้นน่ะ มัน’เด็กๆ’ หญิงสาวยกมือขึ้นทาบที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างพยายามห้ามอารมณ์ และความรู้สึกลามกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่มันห้ามได้ง่ายที่ไหนล่ะ ดูดวงตาหวานเซ็กซี่ที่มองมายังเธอสิ...
“ มาธวี !!! แกทำอะไรอยู่ ลวนลามฉันทางสายตาอยู่ได้ สนใจลูกก่อนได้ป่าวล่ะ ถ้าแกอยากจะดูฉันโป๊มากนักล่ะก็ วันหลังจะแก้ผ้าให้ดูทั้งวันเลย แต่ตอนนี้ของเหอะ มาทำไงก็ได้ให้หยุดร้องสักที !!! ”
ปัณฑ์ธรตะโกนอย่างอารมณ์เสีย
“ อ๊ายยยย ใครว่าฉันลามกแบบนั้นยะ ”
มาธวีหน้าแดงแปร๊ดด้วยความเขินอาย ก่อนจะถลาเข้าไปรับเด็กน้อยน่ารักคนนั้นมาอุ้ม และพยายามคิดว่าเด็กน้อยน่าจะเป็นอะไรถึงได้ร้องไห้ดังขนาดนี้ และผลที่สุดก็คิดว่าเด็กคงจะต้องหิวนมหรือไม่ก็คงจะคิดถึงแม่ของตัวเองอย่างแน่นอน อย่างเดียวที่เธอพอจะทำได้ก็คงจะเป็นการให้เด็กน้อยคนนี้กินนมหรืออะไรซักอย่าง ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เลิกกินนมแม่หรือยัง เด็กปกติเขาเลิกกินนมกันกี่ขวบและเธอก็ไม่มีนมผงเลยด้วย จะให้กินนมข้นชงก็คงจะไม่ดีต่อสุขภาพเด็ก หญิงสาวรีบวิ่งไปที่กล่องพัดลมที่ใส่เด็กคนนี้มา ปรากฏว่ามีกระเป๋านม เสื้อผ้า และผ้าอ้อมอยู่ หญิงสาวจึงได้สั่งการคุณพ่อของเด็กน้อยเสียงดัง
“ ปัณ เดี๋ยวแกหาเอาหม้อใส่น้ำไปตั้งไฟนะ แล้วก็เอาขวดนมนี่ไปวางในหม้อจะได้ให้เด็กกิน ส่วนฉันจะพาไปอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนผ้าอ้อมนะ โอเคป่ะ ”
ปัณฑ์ธรพยักหน้ารับรู้ ก่อนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 19:47:37
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 19:46:05
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 10:00:07
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 09:50:26