บทที่ 12 : กระซิบสั่งตาย
แม้ที่ผ่านมาชีวิตของประกายแก้ว สกุลสุวรรณจะเผชิญเรื่องตื่นเต้นระคนสยองขวัญมากมายอย่างน่าผิดสังเกต ตั้งแต่ผีเด็กกุมารทองที่ขี่หลังชายชุดขาวบนขบวนหาเสียง อาถรรพ์ซากบ้านพักผีสิงของโรงพยาบาลที่เธอไปดูงาน ไหนจะยังต้องเจอผีในห้องพักพยาบาลทั้งที่เป็นเวลากลางวันแสกๆ แถมยังตบท้ายด้วยวิญญาณคนเป็นของทารกในครรภ์ที่ขอความช่วยเหลือเพื่อให้รอดจากการถูกทำแท้ง ... ซึ่งแน่นอนว่าเด็กสาวช่วยไว้ไม่สำเร็จ กระนั้นเธอก็ยังดีใจที่มีส่วนทำให้วิญญาณทารกไม่ถูกพันธนาการด้วยห่วงโซ่กรรมจนต้องอาฆาตพยาบาทมารดาผู้เป็นนักศึกษาใจแตก
แม้จะตื่นเต้น แม้จะหวาดหวั่น ทว่าฝันร้ายย่อมมีวันจบสิ้น บัดนี้ประกายแก้วรู้สึกโล่งใจที่กลับคืนสู่ชีวิตประจำวันอีกครั้ง เด็กสาวจัดแจงทำบุญ ถวายสังฆทานเป็นที่เรียบร้อย โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้นแก้วตั้งใจถวายให้เพียงแค่สองวิญญาณ แต่สุดท้ายก็ต้องไปซื้อเครื่องสังฆทานมาเพิ่มอีกหนึ่งชุด ... สำหรับวิญญาณเด็กน้อยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเกิดเป็นมนุษย์
บัดนี้ หลังจากถวายสังฆทานเสร็จ วันเวลาก็เคลื่อนคล้อยผ่านมาได้ราวสองสามอาทิตย์ ดูเหมือนช่วงนี้เรื่องประสบการณ์เห็นผีแปลกๆของเธอจะลดหายลงไปโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้แก้วและเพื่อนๆก็มัวแต่ยุ่งทั้งเรื่องการทำโครงงาน รวมถึงรายงานประจำภาคเรียน ไหนจะมีเรื่องการเตรียมตัวสอบเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่กำลังงวดเข้าใกล้ทุกขณะ โดยเฉพาะเด็กสาวที่ตั้งใจจะเรียนต่อคณะแพทยศาสตร์ นับว่าต้องเพิ่มความขยันเป็นเท่าตัว
จะว่าไปแล้วก็มีเพื่อนๆอีกหลายคนที่ตั้งใจจะเรียนต่อคณะแพทย์ ... ทั้งยายมิ้นท์ เพื่อนซี้ ไหนจะยายส้มเช้งที่ยังลังเลอยู่ นอกนั้นเป็นคนอื่นๆที่เธอไม่ค่อยสนิทอีกราวสามสี่คนที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ฯเหมือนกัน แต่หากจะว่าไป ตัวเก็งอันดับหนึ่งของห้องก็คงหนีไม่พ้นยายจิ ... ‘ จิราพร ’ ที่สอบทีไร เป็นต้องได้อันดับที่หนึ่งเสยทุกครั้ง แถมครอบครัวของจิราพรเองก็มีชื่อเสียงและฐานะดี ส่วนตัวเธอคงต้องใช้ความขยันผสานความพยายามเพื่อให้สอบติดให้ได้
ประกายแก้ว สกุลสุวรรณคิดเรื่องอนาคตเพลินๆ เผลอแผล็บเดียวรถแดงก็มาส่งถึงปากทางเข้าโรงเรียนมัธยม ‘ ลานนาวิทยาลัย ’ แล้ว เด็กสาวลงจากรถก่อนจะอ้อมไปจ่ายเงินตรงหน้าต่างข้างคนขับ “ โรงเรียนน้องมีอะไรเหรอ ดูสิ ” คนขับถามพลางบุ้ยใบ้ไปทางโรงเรียน
เด็กสาวมองไปทางทิศที่คนขับบอก เลยจากปากทางที่กำลังยืนอยู่เข้าไปไม่ไกลนักจะสามารถมองเห็นประตูหน้าของโรงเรียนได้ บัดนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า ซึ่งปกตินักเรียน ครู อาจารย์ก็จะคลาคล่ำเป็นปกติทุกวัน ... แต่ก็ไม่ควรจะมีคนยืนแออัดกันมากมายขนาดนี้ ! ที่สำคัญตรงถนนหน้าโรงเรียนมีรถตำรวจ รถพยาบาลจอดเปิดไฟฉุกเฉินอีกด้วย !?
ประกายแก้วรู้สึกใจหวิวๆพิกล ชีวิตประจำวันอันปกติสุขกำลังจะแปรเปลี่ยนอีกแล้วหรือ ? เดี๋ยวนี้เหตุร้าย สถานการณ์ไม่ดีมักเกิดที่โรงเรียนและรอบตัวเธอบ่อยๆ แก้วรีบสืบเท้าตรงไปยังโรงเรียน เด็กสาวเบียดฝ่าผู้คนที่เรียกว่า ‘ ไทยมุง ’ เข้าไปถึงประตูหน้าจนได้ “ หนู ... รีบเข้าไปดูเพื่อนเร็ว บางทีหนูอาจช่วยได้ ” แว่วเสียงใครบางคนจากกลุ่มไทยมุง “ คะ ? ” แก้วหันไปตามเสียง และก็ได้เห็นใครคนหนึ่งยืนพิงที่เสาข้างประตู
ผู้ชายอายุราวสักห้าสิบกว่าๆ การแต่งกายอยู่ในชุดขุนศึกสมัยโบราณ ประกายแก้วจำได้ดีว่าเป็นคุณลุงที่มาเตือนเธอให้รีบกลับบ้านในครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับเปรตปริศนา ทว่าที่แตกต่างจากคราวก่อน ... บัดนี้วิญญาณทหารหาญกลับดูอ่อนแรงและอิดโรยยิ่งนัก ! ที่ข้อมือ ที่แขน ขา ตลอดจนลำตัวของนายทหารถูกตรึงมัดแน่นด้วยโซ่สีดำ !?
และแต่ละข้อของโซ่ที่พัวพันรัดรึงนั้นปรากฏอักขระขอมแปลกๆที่เรืองแสงสีเหลืองแกมเขียว ? ลักษณะคล้ายกับอักขระที่เธอเคยเห็นที่หน้าผากของวิญญาณร้ายที่ฆ่าครูฝึกสอน รวมถึงที่ปรากฏตรงหน้าผากของผีเปรตที่บุกรุกเข้าเขตโรงเรียน
เปรตที่มีคนเลี้ยง ? เธอยังจำคำบอกเล่าของนายทหารเจ้าที่ได้ อักขระขอมที่เห็น ... กับเปรตที่มีคนเลี้ยง หรือเรื่องร้ายแรงที่เกิดในโรงเรียน ... มีใครบางคนวางแผนชักใยอยู่เบื้องหลัง !?
“ หนูรีบไป ... ” น้ำเสียงแหบแห้งทว่าเร่งเร้าจากวิญญาณนายทหารผู้ถูกพันธนาการ ได้ยินเช่นนั้น ประกายแก้วจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านใน แต่ปรากฏว่ายิ่งเข้าใกล้จุดเกิดเหตุมากขึ้นเท่าใด ปริมาณคนที่ยืนเบียดเสียดกันก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น
“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ ? ” ประกายแก้วถามเมื่อพบว่าบุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือนายพยนต์ เพื่อนร่วมห้องนักกีฬาฟุตบอล “ แก้วดูเอาเองสิ ” คำตอบจากพยนต์ เด็กหนุ่มแทบไม่หันมามองเพื่อนเสียด้วยซ้ำ เด็กสาวสังเกตเห็นว่าสายตาพยนต์จับจ้องไปเบื้องหน้า ทิศทางเงยขึ้นเล็กน้อย และนั่นทำให้เธอมองตามด้วยสัญชาตญาณ
ตึกอำนวยการที่อยู่ด้านหน้า ที่พื้นซีเมนต์เบื้องล่างเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังมุงดูบางอย่าง ทุกคนล้วนเงยหน้าแหงนมองขึ้นทิศด้านบนของตัวตึก และเมื่อประกายแก้วมองตามสายตาเหล่านั้นขึ้นไป ใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้า ... หนำซ้ำยังยืนอยู่นอกรั้ว ! ร่างนั้นอยู่ในชุดนักเรียนหญิง และร่างนั้นเป็นคนที่เด็กสาวรู้จัก !
“ จิราพร ? ” แก้วครางออกมา คนที่ยืนอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารอำนวยการคือเพื่อนร่วมห้องของเธอ ! ยายจิ ... หรือจิราพรผู้ซึ่งมีความรู้ ความฉลาดดีเยี่ยม อนาคตเธอใฝ่ฝันอยากเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ซึ่งใครต่อใครก็มั่นใจว่าเธอต้องสอบผ่านอย่างแน่นอน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น !?
“ ยายจิทำอะไรอยู่บนนั้น ? ” แก้วถามพยนต์ ซึ่งแท้จริงคำตอบก็อยู่ในใจของเด็กสาวแล้ว เพียงแต่เธอไม่อยากให้มันเป็นจริงตามที่คาด “ เราก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินตำรวจเขาคุยกัน รู้สึกว่าอยู่ดีๆก็มีคนเห็นจิราพรยืนอยู่บนดาดฟ้าแล้ว ” นายพยนต์ตอบ
“ บางทีจิราพรอาจจะแอบขึ้นไปคนเดียว เพราะปกติเธอเป็นคนมาเช้า ” ประกายแก้วออกความเห็นขณะที่สายตาเฝ้าดูสถานการณ์ตรงหน้า ที่สนามริมตึก พ่อแม่ของจิราพรรวมถึงตำรวจ นักจิตวิทยากำลังเจรจาด้วยโทรโข่งเพื่อเกลี้ยกล่อมยายจิให้ใจเย็นๆ และขอร้องให้ถอยห่างจากริมขอบของดาดฟ้า
“ เราได้ยินคนเขาพูดกันว่าจิราพรอาจจะเครียดเรื่องพ่อ ” พยนต์คุยต่อระหว่างที่ลุ้นภาวนาให้การเกลี้ยกล่อมเจรจาสัมฤทธิ์ผล “ เรื่องพ่อ ? ” แก้วทวนคำ
“ ใช่ ... พ่อของจิราพรเป็นคนสนิทของนายภูวดล ตัวเต็งในบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งสภาเขตคราวนี้ยังไงล่ะ ... จะว่าเป็นหัวคะแนนก็ยังได้ ” เด็กสาวรู้สึกตงิดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ภาพรถหาเสียงของนายสมเดชที่เธอเจออยู่ครั้งสองครั้ง ชายชราชุดขาวผู้มีผีกุมารทองขี่คอได้ร่วมอยู่ในขบวน ?
ถึงตอนนี้ประกายแก้วรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันชักจะยังไงๆ ... ชักจะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันแปลกๆ
“ เขาลือกันว่านายภูวดลใช้งานพ่อของจิราพรมากเกินไป จนถึงขั้นไม่ได้กลับบ้าน แต่นั่นไม่เท่ากับการบังคับให้ทำเรื่องผิดๆอย่างเช่นการซื้อเสียง ” พยนต์กระซิบกระซาบยืดยาวตามที่เขาได้ยินจากคนอื่น
“ จริงหรือ ? ” ประกายแก้วถามอย่างไม่ค่อยเชื่อข่าวลือ ด้วยเพราะแม้เธอไม่สนิทสนมกับจิราพร แต่เท่าที่ดูยายจิไม่น่าจะเป็นคนอ่อนแอมากขนาดนั้น “ เราก็ฟังเขาพูดๆกัน ส่วนตัว เท่าที่ได้เคยคุยกับจิ เราก็ไม่คิดว่าจิจะอ่อนแอถึงขั้นคิดสั้นด้วยสาเหตุเพียงแค่นั้น ” พยนต์ตอบขรึมๆ
แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 54 11:25:22
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
7 เม.ย. 54 10:06:49
|
|
|
|