He says :
กว่าจะได้ยินสัญญาณว่ามีคนรับโทรศัพท์ก็ภายหลังจากที่นึกขึ้นมาได้ เปลี่ยนเบอร์ที่ใช้โทรออกเป็นเบอร์สำนักงานอีกฝ่ายแทน ผมก็กรอกเสียงพูดลงไปก่อน เพราะรู้ดีว่ายังไงคนรับก็เป็นคนที่ผมต้องการโทรเข้าไปหาอยู่แล้ว เบอร์ภายในสี่หลักที่ผมกดหลังเบอร์ออฟฟิศเป็นสายตรงของเครื่องโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเธอเท่านั้น
ตัวเอง
เสียงอุทานที่ดังต่อตามมา ทำให้ผมนึกรู้ว่าเจ้าตัวคงมีคำถามต่อว่าทำไมไม่โทรเข้ามือถืออีกฝ่าย ซึ่งผมก็เดาไม่ผิด เธอถามคำถามนั้นกับผมแทบจะทันที
โทรแล้วแต่ตัวเองไม่รับ ผมแกล้งต่อว่ากลายๆ เพราะอยากได้ยินน้ำเสียงเป็นกังวลของอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าผมโรคจิตอยากเห็นคนใกล้ชิดกระวนกระวายใจแล้วชอบใจอะไรหรอกนะ เพียงแต่ผมรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของเธอเกิดขึ้นเพราะเธอแคร์ผมมากกว่า
แล้วผมก็ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนกำลังค้นหาอะไรให้วุ่นวาย ก่อนจะได้ยินเสียงหวานๆ แก้ตัวว่าลืมเปิดเสียงโทรศัพท์เพราะต้องเข้าห้องประชุม ซึ่งผมก็เดาได้ตั้งแต่แรกแล้วนั่นล่ะ ซ้ำเธอยังแสร้งถามหาธุระจากผมทั้งที่เคยบอกว่าถึงไม่มีธุระก็อยากให้ผมโทรหาส่งข่าวคราวให้ได้รู้เหมือนที่ผมก็ต้องการแบบนั้นจากเธอด้วยแท้ๆ
ไม่มีอะไรหรอก แค่จะโทรมาบอกว่าเลิกงานแล้วรอเค้าด้วยนะ จะไปรับตัวเองไปกินข้าว
เอ.. วันนี้กรมอุตุไม่ได้เตือนล่วงหน้าเลยว่าจะมีฝน เค้าไม่ได้เอาร่มมาด้วยนะ ผมแทบหัวเราะตอนได้ยินคำพูดรวนๆ ที่ไม่ได้บ่งบอกมากับน้ำเสียงแม้แต่น้อยนั่น ผมได้ยินความยินดีในหัวใจของเจ้าตัวด้วยซ้ำ
ไม่เป็นไร เค้าขับรถไปรับ ต่อให้ฝนตกตัวเองก็ไม่เปียกหรอก วันนี้เค้าไม่ต้องทำล่วงเวลาน่ะเลยได้เลิกเร็ว เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเกือบเดือนแล้ว ยังไงตัวเองเคลียร์งานเสร็จก็รอเค้าด้วยนะ
ผมหันไปยกมะเหงกให้เพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ที่มันล้อเลียนคำพูดของผม พวกมันก็แค่อิจฉานั่นแหละ ลองใครเป็นแบบผมก็ต้องพูดจาหวานเลี่ยนแบบนี้ได้กันทั้งนั้น
เธอรับปากผมเรียบร้อย กำลังจะวางสายผมก็นึกได้ว่ายังไม่ได้บอกเลยว่าวันนี้จะพาเจ้าตัวคนกินยากไปกินอาหารร้านไหน เลยเผลออุทานเรียกเพราะกลัวปลายสายจะวางหูไปก่อนก็ได้ยินเสียงเธออุทานด้วยคำเดียวกันออกมา อ้อ..
เธอถามผมเพราะรู้ว่าหลังคำอุทานนี้ จะต้องมีอะไรที่ผมอยากพูดต่อ แต่ผมให้เธอพูดก่อน เพราะรู้ว่าเธอก็กำลังจะคิดพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
แต่รายการอาหารที่ได้ยินเธอเอ่ยถึง เล่นเอาผมถึงกับงงไปชั่วครู่ทีเดียวนะ
แปลกจัง ปกติตัวเองไม่ค่อยชอบอาหารพวกนี้ไม่ใช่เหรอ เคยบอกว่าทั้งมันทั้งเลี่ยนไง ทำไมวันนี้กลับนึกอยากกินซะได้ ผมถามกลับ สงสัยจริงๆ นะนั่น คนกินยาก บ่นทุกครั้งที่ผมพาเข้าภัตตาคารจีน มาวันนี้กลับนึกอยากกินอาหารจีนไปได้ยังไง เธอไม่ยอมตอบผม แต่ถามผมกลับว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม
ผมยิ้มๆ ก่อนจะกรอกเสียงตอบ ซึ่งเป็นรายการอาหารที่ผมจำได้ขึ้นใจว่าเธอชอบ ซึ่งก็คิดจะบอกตั้งแต่ตอนนึกได้ตอนแรกนั่นล่ะ
วันนี้เค้าอยากกินแหนมเนือง ปอเปี๊ยะญวน กุ้งพันอ้อยด้วยนะ จริงๆ ผมว่าอาหารเวียดนามเกือบทุกอย่างนั่นแหละที่เธอชอบ แต่แหมผมพอรู้สึกว่ากินได้หน่อยก็ไอ้สามอย่างนี้ พวกอื่นๆ ที่มันเต็มไปด้วยผักเยอะๆ แค่คิดถึงผมก็แขยงแล้ว
ทำไมถึงได้นึกอยากกินของพวกนี้ ปกติตัวเองไม่ชอบไม่ใช่เหรอ
ก็ของโปรดตัวเองนี่ วันนี้เค้าตั้งใจจะพาตัวเองไปกินข้าวก็ต้องพาไปกินของโปรดไม่ใช่เหรอ ผมตอบคำถามเธอตรงๆ ถึงผมไม่ค่อยชอบอาหารเวียดนาม แต่ผมชอบเวลาเห็นคนกินยากของผมกินอาหารเวียดนามด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แม้จะคิดว่ามื้อนี้ผมคงไม่อิ่มแน่ๆ ก็ช่างมัน กลับบ้านไปต้มบะหมี่สำเร็จรูปสักชามก็คงช่วยให้คืนนี้ผมนอนหลับฝันดีได้เหมือนกันนั่นแหละ ตัวเองไม่ตอบเค้าเลยว่าทำไมวันนี้อยากกินอาหารจีน เค้าไม่คิดหรอกว่าตัวเองเปลี่ยนใจมาชอบอาหารจีนน่ะ
ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะเค้ารู้ว่าตัวเองชอบ เค้ากำลังหัดทำซี่โครงหมูตุ๋นยาจีนกับแม่อยู่ แต่ยังไม่ค่อยได้ที่ วันนี้เราซื้อเขากินไปก่อนก็ได้เนอะ
คำตอบที่ผมคาดคั้นถามเพราะไม่ปักใจเชื่อคนกินยาก ก็ทำเอาผมยิ้มแก้มปริออกมาอีกหน ผมวางหูโทรศัพท์ ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงเป่าปากเปี๊ยวป๊าว ใจลอยไปถึงเวลาเลิกงานที่นานๆ ทีจะไม่มีงานด่วนมาเร่งให้ต้องอยู่ทำล่วงเวลาจนเวลาส่วนตัวแทบจะต้องนับเป็นเศษชั่วโมงซึ่งไม่รวมเวลานอน แม้จะแค่นัดกินข้าวด้วยกันเฉยๆ ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะรับคนกินยากของผมไปภัตตาคารจีนหรือร้านอาหารเวียดนามดี แต่แค่รู้ว่าเธอรู้ใจผมทุกอย่างเหมือนที่ผมก็รู้ใจเธอ แค่นี้ผมก็รู้สึกมีความสุขราวกับจะติดปีกบินได้อยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนจากนัดกินข้าวเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน เป็นการอยู่ด้วยกันเพื่อจะได้กินข้าวด้วยกันทุกวันเร็วๆ ได้ก็ดีสินะ
..
ไม่รู้จะตรงคอนเซ็ปต์กับใครเขาไหม คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะคะ ต้องขอบคุณเจ้าของโปรเจคดีๆ คุณ Mnemosyne ที่ทำให้เกิดการคิดสร้างสรรค์ของเพื่อนๆ พอมาอ่านเลยก่อเกิดความคิดอยากเขียนกับเขาบ้าง ปกติก็ไม่ค่อยจะเขียนอะไรสั้นๆ ได้ง่ายๆ หรอกค่ะ มีอารมณ์อยากเขียนถึงเขียนเท่านั้น
ส่วนเวลา แหะๆ รู้สึกว่านานอยู่น่ะค่ะ เขียนไปแว่บไปดูทีวี กลับมาถึงได้เขียนต่อแล้วก็ต้องเขียนสองตอนให้เชื่อมกันด้วยเลยรู้สึกว่าแอบนาน ^ ^
แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 54 00:25:56