Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
++ พันธะเหนือลิขิต (Acentharia-2) ...ตอนที่ 10/1 ++ ติดต่อทีมงาน

ลูกโป่ง ตอนก่อน:......

[1/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10223038/W10223038.html
[1/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10228655/W10228655.html
[1/3] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10235714/W10235714.html
.................

[8/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10358027/W10358027.html
[8/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10365061/W10365061.html
[8/3] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10370435/W10370435.html
[9/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10378990/W10378990.html
[9/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10385688/W10385688.html


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้ ....................................  ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้




================================
       ดอกไม้  ตอนที่  10/1   ดอกไม้

================================    

                   

                   ด้วยอาการป่วยของหลิงหลิงเวลานี้คงไม่มีแรงเดินออกไปไหนได้ไกลอย่างแน่นอน แต่หากว่า
แค่เดินสองสามก้าวโดยมีเสาน้ำเกลือต้นหนึ่งคอยค้ำยันตัวเองอยู่ ก็ว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง

                   พวกเขาทั้งสองจึงแทบมั่นใจว่า เธออาจจะฉวยโอกาสตอนอยู่ลำพังภายในห้อง แอบใช้ตลับ
คอสมิคเปิดประตูมิติไปหาพวกเขาบนดาดฟ้าตึก ระหว่างตลับคอสมิคของเธอกับอู๋เจ้าหมิงสามารถจับ
สัญญาณเชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเธอล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่ไหน

                   เพียงแต่เมื่อครู่อู๋เจ้าหมิงลองใช้ตลับคอสมิคของเขาหาสัญญาณของเธอแต่ไม่พบ ตอนแรก
ก็นึกว่าตลับของผลึกสีแดงอาจมีปัญหาต่อเนื่องมาจากการต่อสู้บนยาน แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้ว

                   บางที..เธออาจเจตนาปิดสัญญาณตนเองเพื่อซ่อนพิกัดตำแหน่งของเธอกับเขาก็ได้ ?

                   เพราะอะไรหรือ ?

                  เขาไม่กล้าคิดต่อ...


                   บนดาดฟ้าบนตึกสูงห้าชั้น มีลานโล่งว่างแค่ไม่ถึงหนึ่งในสี่ ส่วนที่เหลือถูกยึดพื้นที่โดยแท้งค์น้ำ
ทรงกลมขนาดใหญ่หลายใบและเสาอากาศจานดาวเทียมบดบังสายตาจนดูรก ชายหนุ่มทั้งสองพอก้าวออก
มาจากเงาดำแห่งทวารมิติ ก็รีบแยกย้ายกันออกค้นหา

                   “  หลิงหลิง...”

                   “  อาหลิง...”

                   ไม่มีเสียงขานตอบใดใดจากเงามืดรอบๆกาย หากแต่กลางสายลมเหน็บหนาวของราตรี อยู่ๆก็มี
เสียงไอโขลกๆดังขึ้น

                   “  อาหลิง...”

                   อู๋เจ้าหมิงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด รีบพุ่งปราดไปยังทิศต้นเสียงอย่างรวดเร็ว สายตาพอกวาดมอง ค่อยเห็น
ใต้เงามืดของผนังซีเมนต์ที่ก่อขึ้นสูงเพื่อกั้นหม้อแปลงไฟฟ้า มีร่างเล็กแบบบางผู้หนึ่งนั่งซุกตัวจนห่อคู้อยู่บนพื้น
ข้างๆมีเสาน้ำเกลือ แขวนขวดพลาสติกห้อยโยงไว้กับหลังมือของเธอ

                   “ อย่ามาแตะต้องฉัน...”

                   เสียงอ่อนล้าปนสะอื้นตวาดเบาๆออกมาแทบทันทีที่มือของเขายื่นเข้าไปสัมผัสแขนอันร้อนรุ่มด้วย
พิษไข้ของเธอ  คนฟังแม้รู้สึกเจ็บปวดและไหวหวั่นในใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังพยายามทำเป็นเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น ส่งเสียงปลอบโยน

                   “ อาหลิง..เธอเป็นอะไรไป ? ฉันอาหมิงไง.. เธอเงยหน้าขึ้นมองฉันสิ ”

                   “ ไม่.. คุณไม่ใช่อาหมิง.. ฉันรู้ ..คุณไม่ใช่อาหมิง.. คุณคือราโอมินต่างหาก คุณหลอกลวงฉัน..”

                   มือเรียวเล็กยกขึ้นผลักไสเขาอย่างชิงชัง จนอีกคนถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง

                   แล้วเพราะอ่อนแอจนไร้เรี่ยวแรง แรงผลักที่ราวกระทำใส่กำแพงหนา จึงสะท้อนกลับใส่ตนเอง
จนผงะแทบหงายล้มไปเสียเอง พลันอีกร่างหนึ่งก็ถลันเข้ามายื่นแขนเข้ารับประคองไว้ หลิงหลิงพอเหลียว
หน้าไปเห็นว่าอีกฝ่ายคือหมอกั๋วอี้เสียน จึงผวาเข้าฟุบกันอกของเขาร้องไห้จนตัวโยน

                   “  บอกฉันสิ.. อาหมิงถูกคนพวกนั้นฆ่าตายแล้วใช่ไหม ? ”

                   “  หลิงหลิง.. อย่าร้องไห้  ”

                   “  ฉันได้ยินพวกคุณคุยกันหมดแล้ว ทำไมคุณถึงต้องปิดบังฉันเรื่องอาหมิงด้วย ? ”

                   “ งั้นหรือ...เธอได้ยินหมดแล้วหรือ ? ”

                   หมอกั๋วอี้เสียนถึงกับนิ่งซึมไปด้วยความสะท้อนใจ กระชับวงแขนโอบรัดเธอแน่นกว่าเดิม
อย่างไม่รู้ตัว เค้นเสียงตนเองถามอย่างยากเย็น

                   “  ถ้าอย่างนั้น... เธอก็คงรู้เรื่องอาการของเธอแล้วสินะ..”

                   “  ฉันไม่สนอีกแล้ว..”

                   “  ทำไมถึงพูดแบบนี้.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตต่อไปนะหลิงหลิง โลก
ของเธอไม่ได้มีอาหมิงแค่คนเดียวเสียที่ไหน..เธอยังมี... ”

                   คำว่า “ ฉันอีกคน..”  ราวถูกกลืนลับหายเข้าไปในลำคออย่างขมขื่น ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวต่อไป

                   “  พี่ชายของเธอ..มาซาอิ ไง ?  เธอไม่อยากกลับไปหาพี่มาซาอิของเธอแล้วหรือ ? ”

                   “  พี่มา..ซา..อิ...”

                   เด็กสาวครางปนสะอื้นออกมาเบาๆอย่างนึกได้ อาการสะอึกสะอื้นเพิ่งสงบลง แต่แล้วก็พลัน
ส่งเสียงไอรุนแรงออกมาอีกครั้ง ไอจนพ่นเลือดแดงฉานออกมาเปียกชุ่มเต็มอกเสื้อของเขา

                   “  หลิงหลิง..”

                   “  อาหลิง...”

                   สองคนโพล่งเรียกชื่อเธออย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างเล็กผู้นั้นฟุบแน่นิ่งไปเสียแล้ว

                   ……………………..

                   

                   กริ๊ก !

                   เหรียญบันทึกทำจากผลึกคริสตัลอันหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฉลองพระองค์ชุดเก่าแล้วกลิ้งไป
บนพื้นยาน เจ้าหญิงไอบิรินทรงอุทานดัง ‘อุ๊บ’ เบาๆ พอก้มลงมองก็เห็นเจ้าเหรียญจอมซนอันนั้นกำลังกลิ้ง
ออกไปจากห้องพักผู้โดยสาร

                   “ จะไปไหน ? ”

                   วางพระภูษาในพระหัตถ์ลงบนที่นอนซึ่งเพิ่งตื่นบรรทมขึ้นมายังไม่ทันจัดเก็บ แล้วรีบสาว
พระบาทตามออกไป เจ้าเหรียญนั่นกลิ้งไปเรื่อยๆทรงตัวได้ดีแทบไม่ล้มจนหายเข้าไปในเขตห้องควบคุม
การบิน

                   “ แย่จริง..”

                   นั่นเป็นเหรียญบันทึกซึ่งเจ้าผู้ครองพลังสีน้ำเงินผู้นั้นบอกว่าได้ถ่ายโอนพลังชีวิตและความ
ทรงจำของเจ้าของร่างกายที่แท้จริงที่เจ้าพี่ราโอมินทรงสวมร่างพลังครอบครองอยู่ หลังจากได้รับมันมาก็
เกิดเรื่องขึ้นมากมายจนแทบทรงลืมมันไปเสียแล้ว

                   หากไม่ใช่มันกลิ้งตกลงมาให้ทรงเห็น ราวกับจะกระทุ้งเตือนให้คนเก็บนึกขึ้นมาได้ว่า

                   ฉันยังอยู่ตรงนี้นะเว้ย !

                   มันกลิ้งไปได้เรื่อยๆจนกระทั่งไปกระทบรองเท้าของใครบางคนเข้า จึงค่อยล้มลงหยุดนิ่งไป
ตรงนั้น  เจ้าหญิงน้อยยอบพระวรกายหลบอยู่หลังฉากกั้นห้อง เพ่งพระเนตรมองตำแหน่งที่เหรียญบันทึก
นอนแผ่อยู่บนพื้นแล้วต้องถอนพระทัยเฮือก นอนตรงไหนไม่นอน ดันไปนอนข้างรองเท้าของนายผู้พันน้ำแข็ง
คนนั้น ช่างหาเรื่องให้พระองค์งานเข้าได้จริงๆเจ้าเหรียญบ้า

                   อันที่จริงจะทำเป็นไม่สนพระทัยมันก็ได้ ดีเสียอีกที่เจ้าพี่ราโอมินจะได้ครอบครองร่างนั้นแล้วอยู่
กับพระองค์ตลอดไป เพียงแต่ความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีบางอย่าง ยังคอยสะกิดให้สำนึกละอายพระทัยต่อ
เจ้าของร่างเดิม จนทิ้งหรือทำลายเจ้าเหรียญนั่นไปไม่ลง

                   ก่อนเข้าบรรทมเมื่อสี่ห้าชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทรงได้ยินมาว่าพวกเขาจะนำยานไปจอดบนพื้น
ดาวโลก คาดว่าเวลานี้ยานได้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนั้นแล้ว เพียงแต่ที่ยังไม่นำ
ร่อนลงจอดคงเพราะต้องการสำรวจหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเตรียมตัวลงไปใช้ชีวิตชั่วคราวบนดาว
เคราะห์ดวงนั้น

                   พระองค์รู้ว่าพวกเขาไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลาทำงาน แต่เจ้าเหรียญจอมกวนนั่นเหมือนนอน
ผึ่งพุงกวักมือเรียกพระองค์ให้เข้าไปหาอย่างน่าหมั่นไส้  เจ้าหญิงน้อยกลอกพระเนตรอย่างครุ่นคิด ว่าทำ
อย่างไรดีที่จะเข้าไปเก็บมาก่อนที่ใครบางคนจะเตะมันกลิ้งหายไปทางอื่นเสียก่อน สุดท้ายจึงตัดสินพระทัย
หมอบพระองค์กับพื้นแล้วคลานเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

                   คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นพอรู้สึกว่ามีตัวอะไรมาคลานอยู่ข้างๆเก้าอี้ต้องรีบขยับขาหนีอย่างลืมตัว
จึงเผลอไปเตะเจ้าเหรียญอันนั้นจนกระเด็นเข้าไปใต้โต๊ะควบคุมที่เขานั่งอยู่  เจ้าหญิงน้อยอุทานดังเฮ้ย
รีบมุดพระวรกายตามเข้าไปใต้โต๊ะทันที

                   “  ทำอะไรของเธอ ? ”

                   ลูเปอร์เซียสแค่นเสียงอย่างรำคาญ  แต่เจ้าหญิงไอบิรินทรงเห็นว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ดังนั้น
เหยียดพระหัตถ์ออกจนสุดเอื้อม ใช้ปลายนิ้วพระดรรชนีเขี่ยให้มันเลื่อนออกมา คนที่นั่งค้ำหัวมีอะไรมุด
อยู่ข้างขาชักทนไม่ไหวรีบผุดลุกขึ้นยืน จึงประจวบเหมาะบังเอิญไปเหยียบทับเจ้าเหรียญนั่นไว้ใต้ฝ่าเท้า
โดยไม่ตั้งใจ

                   “ เฮ้ย...อย่าเหยียบ..”

                   เสียงอุทานแหลมเล็กพร้อมกับมือที่ยื่นเข้ามาปัด ทำเอาเจ้าของรองเท้าข้างนั้น ต้องรีบหด
ขาหนี แทบไม่ทัน นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงและไม่เกรงพระทัยว่าใครนั่งอยู่ด้วยในห้องนั้น ใครบางคน
คงโดนเขาเตะกลิ้งออกจากห้องนี้ไปแล้ว

                   “ ลุกขึ้นแล้วออกไปซะ ! ”

                   คราวนี้เสียงขู่เย็นชายิ่งแข็งกร้าวขึ้น นัยน์ตาพิฆาตกำลังขึงจ้องคนบนพื้นอย่างเอาเรื่อง คำว่า
ขนหัวลุกมันเป็นอย่างไร เวลานี้เจ้าหญิงน้อยทรงรับรู้แล้ว หากแม้จะเริ่มขวัญหนีดีฝ่อแต่ก็ยังมีพระสติรีบ
ตะครุบเก็บเจ้าเหรียญตัวก่อเรื่องมาใส่ในกระเป๋าฉลองพระองค์ไว้ก่อน

                    “ ถ้าเธอจะอยู่นิ่งๆ หยุดก่อเรื่องสักวินาที จะเป็นไรไหมไอบิริน ? ”

                   เสียงทุ้มห้าวทรงอำนาจที่ลอยอยู่เหนือพระเศียรดังมาจากทางใครอีกคนซึ่งประทับนั่งอยู่บน
เก้าอี้อีกตัว  สุรเสียงนั้นแม้จะเรียบเรื่อยเย็นชาแฝงแววรำคาญ แต่สำหรับเจ้าหญิงน้อยแล้ว มันคือ
‘เสียงช่วยชีวิต’ ของพระองค์โดยแท้ เพราะนั่นสามารถทำให้ใครอีกคนยอมสลายประกายตากราดเกรี้ยวลง

                   ร่างที่กำลังคลานยุกยิกสี่ขาอยู่บนพื้นจึงเงยพระพักตร์ขึ้น มองไปทางด้านนั้นแล้วยิ้มแหยๆ

                   “  แหะๆ หม่อมฉันก็หยุดไปนอนมาตั้งสี่ห้าชั่วโมงแล้วนี่เพคะ...เจ้าพี่ไม่พักบรรทมบ้างเหรอ ?”

                   “  เรากำลังจะนำยานร่อนลงจอด..เธอไปหาที่นั่งแล้วรัดเข็มขัดซะ..”

                   แม้จะไม่มีคำตอบนอกจากคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอีกเช่นเคย หากแต่เจ้าหญิงน้อยก็ทรงรีบ
ปฏิบัติตามอย่างรวดเร็วด้วยความเต็มพระทัย

                   เย่..จะได้ลงไปเที่ยวบนพื้นที่กว้างๆซะที เบื่อเจ้ายานแคบๆนี้เต็มทนแล้ว !

                   ……………………………………….



ดอกไม้
.

จากคุณ : ธีตภากร
เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 54 11:12:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com