นิยายมันก็แค่....นิยาย บทที่ 28
|
 |
บทที่ 28 รับปริญญา ก็ตามเรื่องแหละครับโดนหลอกรอบ 2 ในชีวิตใครอยากมีประสบการณ์ก็ไม่ท้าให้ลองนะเพราะแล้วแต่ดวงตอนเช้าก็มาถามน้องตอนเดินทางกลับกันว่าโดนอะไรหรือเปล่าสรุปต้นไม้ไม่เกินแต่แค่ไหวน่ากลัวแต่น้องที่ร้องกรี๊ดโดนจับขาทั้งๆที่ไม่มีคนเกินไปกว่าตรงที่น้องนั้งหลังจากเก็บข้าวเก็บของกันก็ผ่านวัดไปไหว้ซักหน่อยแล้วกก็กลับมหาวิทยาลัย
จบมหาวิทยาลัยก็เรื่อยเปื่อยครับกับชีวิตบอกทุกคนที่รู้จักว่าจะไม่ทำงานนักรังสี
ทั้งๆที่อาจารย์บอกว่าน่าเสียดายความสามารถแต่ก็ยังไม่ทำ และไม่ใช่เพราะตามน้องบางคนยุเพราะสมัยนั้นน้องบางคนเริ่มแอนตี้ที่ต้องรับคำสั่งแพทย์ ทั้งๆที่บางเรื่องแพทย์ต้องพึ่งเรา
แต่ผมว่าหลายอย่างก็ต้องพึ่งกันนะเพราะเรื่องหมอเราก็ไม่เข้าใจแต่ก็ใช้เหตุผล ที่ว่าพ่ออยากให้ช่วยงาน เพราะเหตุผลจริงๆก็ไม่อาจบอกใครได้คือ
อย่างแรกเพื่อนและพี่ที่รู้เรื่องผมกับทิพย์ถ้าเจอผมคนเดียวก็อาจจะถามว่าแล้วทิพย์ไปไหนเพราะไม่อยากจะตอบอยากให้รอจนแน่ใจว่าเรื่องจะออกมาเป็นยังไง
อีกเหตุผลหนึ่งคือถ้าทิพย์พอใจที่จะอยู่ที่อเมริกาแล้วผมมีงานอยู่ที่นี้คงเป็นเรื่องลำบากหากต้องลาออกจากงานหากสนิทกับคนที่ทำงานแล้วและผมก็กลัวจะเผลอไปคบกับใครอีกเพราะทุกสิ่งที่ทำมาก็ไม่เคยรู้สึกดีกับมัน
ก็โชคดีหน่อยที่แม่ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการสมัครงานเพราะจริงๆผมมีใบรับรองการจบมหาวิทยาลัยอยู่แล้วสามารถไปงานสมัครที่ไหนก็ได้แต่แม่คิดว่าต้องมีปริญญาก่อนถึงไปหางานได้แต่ก็ไม่บอกแม่
ไปทำงานให้พ่อทุกวันครับตอนเช้าตรู่กับตอนเย็นส่วนใหญ่เก็บตังอย่างเดียวเรื่องการบริหารก็พอรู้บ้างแต่ลูกน้องบางคนก็อยู่กับพ่อมานานทำงานกับพ่อมานานเลยต้องเกรงใจ
อ้อพ่อผมเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่นะลืมบอกไป
ลูกน้องที่อยู่กับพ่อมานานผมก็มีเกรงใจกันบ้างจนโดนเบี้ยวค่าเช่าบ่อยๆจนต้องให้พ่อมาคุย จริงๆก็รู้ว่าบางครั้งต้องโหดแต่ผมมีพ่ออยู่ไม่ให้พ่อจัดการผมก็รู้สึกเหมือนข้ามหน้าพ่อครับ
เรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับความเครียดในตัวก็ยังคงอยู่แต่เพียงไม่รุนแรงไม่มีปวดตาหรือทานอะไรไม่ได้อีกจริงๆกินมากกว่าเดิมจนอ้วนซะด้วยซ้ำเพราะตอนนั้นเข้าใจว่ากินชาช่วยล้างไขมันก็เลยลองดูแต่ดันไปกินชามะลิใส่น้ำตาลซะก็เลยบวมเอาๆแถมไม่หลับกลางคืนมาหลับกลางวันอีกต่างหาก ตอนนี้ก็ยังดีที่ไม่มีใครมาถามให้รู้สึกคิดถึงทิพย์แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเพราะก็ยังไปตามข่าวในบอร์ดคณะที่เพื่อนในรุ่นตั้งกลุ่มมา
แต่ก็มีบางข่าวที่ไม่สู้ดีนักเพราะเหมือนเกดจะโพสมาคุยในเวปว่าทิพย์กำลังคบกับใครบางคนที่อเมริกา เครียดก็เครียดแต่ทำอะไรไม่ได้ครับรอทิพย์มาแล้วจะถามเองดีกว่าเพราะจริงๆก็เตรียมใจรับเรื่องนี้ไว้เหมือนกันแต่ข่าวก็เงียบไปเฉยๆหลังจากนั้น จะทำไงได้หละครับตอนนี้นอกจากรอให้ถึงวันรับปริญญาแต่เพียงอย่างเดียวกระวนกระวายตลอดว่าจะเป็นไงทิพย์จะมาไหมแต่ผมเองไปแน่ๆ และแล้ว 3 เดือนแห่งความทรมานก็ใกล้จะจบลงผมก็ได้รับจดหมายจากทางมหาวิทยาลัยถึงการเตรียมตัวในการรับปริญญาอุปกรณ์ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ก็ไม่ใช้ชุดครุยของทางมหาวิทยาลัยหรอกครับเพราะยังไงสำหรับผมคงไม่มีขนาดให้ยืมเพราะสูง 185 สมัยนั้นเขาสูงเฉลี่ย 175 ยังไงก็ต้องไปตัดเองแน่ๆ
ก็เลยไปถามร้านจากพี่ชายเพราะพี่เพิ่งรับไปกลางปีตอนที่ผมยังเรียนอยู่ก็เลยได้ยินว่าร้านแถวหน้ารามดีสุดก็ไปหาที่หน้าราม ก็วุ่นวายดีครับหน้ารามเจอแต่ร้านขายข้อสอบอยู่เต็มไปหมดก็เลยเดินหาไปซักพักก็เจอพอวัดตัวเสร็จพี่ก็บอกว่าที่ให้เช่าหนะไม่มีนะเพราะขนาดน้องเกินมากอ้วนอีกต่างหากน้ำหนักเกินจากตอนเรียนเกือบ 10กิโลแต่ถ้าจะเอาต้องตัดเช่านะก็โอเคครับแต่ราคารวมค่ามัดจำแพงกว่าซื้อเกือบเท่าหนึ่ง ชุดด้านในของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ต้องใส่ใต้ชุดครุยต้องเป็นสูทขาวครับแต่ก็ไม่รู้หาไหนเพราะไม่ได้ทำงานโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้ก็เลยไม่มีครับก็เลยได้ความจากเพื่อนว่าก็ไปเช่าสูทแต่งงานสิเพราะมันก็สีขาวเหมือนกัน ก็เรื่องเดิมครับไม่มีขนาดต้องเข้าไปหาถึง 5 ร้านถึงได้ขนาดที่ใกล้เคียงแต่ก็ต้องให้เขาแก้ให้ได้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับวุ่นวายดีแท้ ตอนจะไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีทุกอย่างแล้วก็ยังขาดตั๋วรถอีกครับไหนต้องหาโรงแรมอีกตั๋วมีแต่ก่อนวันนัดเตรียมตัวเกือบ 3 วันครับนอกนั้นไม่มีแล้วไม่งั้นต้องไปรอลุ้นคนตกรถเอาก็เลยต้องจำยอมครับ
ส่วนโรงแรมเนื่องด้วยไม่ได้ทำงานครับเลยโทรหาน้องที่เคยไปสิงห้องอยู่ว่าจะไปขอความช่วยเหลืออีกซักครั้งเพราะต้นทุนตอนนี้กู้ยืมพ่อแต่เพียงอย่างเดียวเพราะทำงานกับพ่อไม่มีเงินเดือนให้ครับ แต่ที่ลุ้นแล้วรอคอยมากที่สุดก็ไม่ใช้เรื่องอะไรครับนอกจากเรื่องที่ว่าทิพย์จะมารับปริญญาหรือเปล่าเพราะคิดว่าคงต้องมาแต่เพียงอย่างเดียวเชื่ออย่างที่เคยเชื่อว่ามันต้องมีอีกซักครั้งหนึ่ง วันเดินทางก็กระวนกระวายใจครับว่าจะเป็นไงจะเกิดอะไรขึ้นทิพย์จะยอมคุยกับผมไหมเขาจะเปลี่ยนไปคบคนใหม่หรือยังและเขาดีพอไหมเตรียมใจไว้ทุกรูปแบบที่เจอและทำใจหากเขามีคนที่ดีพอก็จะขอให้ได้เป็นเพื่อนก็ยังดี ไปใช้ชีวิตเถลไถลอยู่ 3 วันก่อนวันลงทะเบียนครับพอถึงวันก็ไปรออยู่แถวๆที่ลงทะเบียนครับแต่ก็ไม่เจอแต่ก็คิดว่าคงมาแต่ผมไม่เจอมั้งจนกระทั้งวันที่เขานัดมาซ้อมกันที่คณะ
จากคุณ |
:
Peera Ler
|
เขียนเมื่อ |
:
8 เม.ย. 54 20:54:45
|
|
|
|