Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"แก้วนพเก้า" บทที่ ๒๓(บรรณาการ) -บทที่ ๒๕(ศลภะนครา) ติดต่อทีมงาน

แก้วนพเก้า ตอนที่ ๑-๙
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10094105/W10094105.html

แก้วนพเก้า ตอนที่ ๑๐-๑๕

http://www.hongsamut.com/readniyai.php?NiyaiDetailID=3849&niyaiid=364

บทที่ ๑๖ พลังจากธาตุอัคคีศักดิ์สิทธิ์
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10232809/W10232809.html


"แก้วนพเก้า" บทที่ ๑๗  ปิลันธโมรา

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10259490/W10259490.html

แก้วนพเก้า ตอนที่ ๑๘(สถาปนา) -๑๙(จำจาก)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10336308/W10336308.html

"แก้วนพเก้า" ตอนที่ ๒๐ -๒๒
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10401500/W10401500.html
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"แก้วนพเก้า" บทที่ ๒๓ บรรณาการ



“อะไรนะ!”

พระมเหสีแห่งคีรีรัตน์นครอุทานด้วยความตระหนก

“ระ...เรือพระที่นั่งของพระโอรสธีรวงศ์ถูกพายุซัดจนอับปาง ป่านนี้ยังตามหาพระโอรสไม่เจอเลยเพคะ” นางยี่สุ่นกราบทูลละล่ำละลัก

“ธีรวงศ์ลูกแม่...”

“พระมเหสี!!” พวกนางกำนัลรีบเข้าไปรองรับวรองค์ของมเหสีมณีกานต์เอาไว้ก่อนที่นางจะทรุดลงหมดสติ หลังจากที่ได้ฟังข่าวร้ายของโอรสองค์โต ประคองไปยังแท่นบรรทมและกระวีกระวาดหาพระโอสถมาถวายกันวุ่นวาย

“เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าได้ยินมาไม่ผิดน่ะ” คุณท้าวเพกาถามเสียงสั่น มือก็ยังคงถวายโอสถหอมอยู่ใกล้ๆพระนาสิก

“ฉันกับยี่แก้วได้ยินมาจริงๆนะจ๊ะคุณท้าว ขนาดองค์เหนือหัวยังทรงแทบทรุดเลย” นางยี่สุ่นยืนยันมือก็ยังคงโบกวิชนีให้พระมเหสีอย่างร้อนรน

“ว่ากันว่าท่านอำมาตย์ศักดากับองครักษ์รักษาพระองค์ได้รับความช่วยเหลือจากพวกชาวประมงปลอดภัยทุกคน ยกเว้นพระโอรส ไม่รู้จะทรงเป็นตายร้ายดียังไง” นางยี่แก้วเล่าพลางร้องไห้พลาง

“โถ พระโอรสธีรวงศ์ของหม่อมฉัน...” คุณท้าวทอดอาลัย นี่ขนาดนางเป็นเพียงแค่ข้ารองพระบาทยังเสียใจขนาดนี้แล้วพระมเหสีผู้ทรงเป็นพระมารดาจะทรงรับได้อย่างไรกัน

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

“ส่งทหารออกตามหาให้ทั่ว ไม่ว่าจะแผ่นดินหรือมหาสมุทรก็ต้องหาตัวธีรวงศ์ให้พบ ไม่เช่นนั้นอย่ากลับมาให้เราเห็นหน้าอีก!!” สุรเสียงขององค์ศักรินทร์พิโรธ ที่จนป่านนี้ยังไม่มีใครพบพระโอรสธีรวงศ์เลยแม้แต่คนเดียว

“ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า ตามที่ข้าพระองค์ได้ตรวจดูดวงพระชะตาของพระโอรสธีรวงศ์แล้ว หาได้มีอันตรายอันใดไม่ ขอทรงโปรดพระทัยเย็นไว้ก่อนเถิดพระเจ้าค่ะ” โหราธิบดีกราบทูล

“หึ! เจ้าจะให้เราใจเย็นอย่างนั้นหรือ ลูกเราทั้งคนนะที่เจ้าว่าลูกเราปลอดภัยแล้วทำไมป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอกันล่ะ เราน่าจะเป็นคนไปเองมากกว่า ธีรวงศ์เองก็ยังเด็กนัก นี่เราเป็นพ่อที่ใจร้ายมากเลยใช่มั้ยที่ส่งลูกไปเพียงลำพังเช่นนี้” องค์
ศักรินทร์กำพระหัตถ์แน่นด้วยความรู้สึกผิด

“ทรงลืมไปแล้วหรือพระเจ้าค่ะว่าพระโอรสธีรวงศ์ทรงเปี่ยมไปด้วยพระบุญญาธิการ ข้าพระองค์เชื่อว่าพระโอรสจะต้องทรงปลอดภัย”

“ปลอดภัย! ท่านก็ดีแต่พูด ธีรวงศ์มีบุญอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วนี่อะไรกัน เกิดพายุทหารที่ตามไปกลับมาปลอดภัยดีทุกคน แต่ลูกเรากลับไร้ร่องรอย เด็กตัวเล็กๆอย่างธีรวงศ์จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพายุใหญ่ได้ยังไงทั้งวันทั้งคืน!” องค์ราชา
ตวาดอย่างควบคุมพระอารมณ์ไม่ได้

“ขอเดชะ นางกำนัลตำหนักพระมเหสีมารายงานว่าพระมเหสีทรงประชวรพระเจ้าค่ะ” นายทหารคนหนึ่งเข้ามากราบทูล

“มณีกานต์ประชวร!” ไหนจะห่วงธีรวงศ์ แล้วนี่มณีกานต์ยังมาป่วยอีก...หรือว่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว…ดำริแล้วก็รีบเสด็จไปตำหนักพระมเหสีอย่างร้อนรน แต่ก็ยังไม่ลืมรับสั่งกับข้าราชบริพาร

“ท่านอำมาตย์ อย่าให้คีรีจักรรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”

ถ้าหากคีรีจักรได้รับรู้ข่าวร้ายด้วยอีกคน คงจะสิ้นอาลัยกันหมดเป็นแน่

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

“มณีกานต์”

“เจ้าพี่เพคะ ไม่เป็นความจริงใช่มั้ย ลูกของเรา..ธีรวงศ์ปลอดภัยดีใช่มั้ยเพคะ” เมื่อได้พบพระสวามี นางก็ทรงลุกขึ้นซักถามทันที

“ลูกของเราต้องปลอดภัย” องค์ศักรินทร์ทรงปลอบ

“จนป่านนี้ยังหาลูกไม่เจออีกหรือเพคะ ทำไมไม่รีบหาล่ะ...โธ่ ธีรวงศ์ลูกแม่” มเหสีมณีกานต์คร่ำครวญน้ำพระเนตรนอง แต่แล้วอยู่ๆ ก็ทรงลุกขึ้นจากแท่นบรรทม

“เดี๋ยว มณีกานต์! น้องจะไปไหนน่ะ” องค์ราชารั้งวรองค์ของพระมเหสีที่ผุดลุกขึ้นโดยไว

“หม่อมฉันก็จะไปตามหาลูกน่ะสิเพคะ ในเมื่อไม่มีใครหาเจอ หม่อมฉันก็จะไปหาเอง!” นางพยายามดึงหัตถ์ที่ยึดแน่นนั้นออก แต่ด้วยกำลังที่น้อยกว่าซ้ำยังอ่อนเพลียจึงทำไม่สำเร็จ

“ใจเย็นก่อนสิ พี่เกณฑ์ทหารทั้งเมืองไปหาแล้ว ต่อให้ต้องทำให้น้ำทะเลเหือดแห้งพี่ก็จะทำ! ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องหาธีรวงศ์ให้พบ อีกอย่างท่านโหราทำนายดวงชะตาธีรวงศ์แล้ว บอกว่าลูกของเราปลอดภัยดี”

“ก็แค่คำทำนายจะเอาอะไรมาเปรียบกับชีวิตทั้งชีวิต ธีรวงศ์ยังเด็กนะเพคะ จะว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางพายุได้ยังไง”

ช่างตรัสเหมือนที่พระองค์เพิ่งรับสั่งกับโหราธิบดีเมื่อครู่ไม่มีผิด เวลานี้จึงกลายเป็นว่าต้องนำคำพูดของท่านโหราธิบดีมาใช้ปลอบพระโลมพระมเหสีต่อ

“ลูกของเรามีบุญญาธิการมากอย่าลืมสิ น้องต้องเชื่อมั่น…ถ้าหากผู้เป็นแม่ไม่เชื่อมั่นในตัวลูกแล้วก็คงไม่มีพรใดที่จะคุ้มครองลูกได้หรอกนะ พี่เชื่อนะว่าธีรวงศ์ต้องปลอดภัย!” องค์ศักรินทร์โอบประคองวรกายพระมเหสีเพื่อปลอบขวัญ

“แต่ธีรวงศ์...”

“เอาอย่างนี้เพื่อความสบายใจของน้อง เราไปขอพรเทวีน้ำค้างที่หุบเขาเดือนห้ากัน น้องจะได้สบายใจขึ้น” ทรงแนะนำพลางซับน้ำพระเนตรให้พระมเหสี

“ถ้าอย่างนั้น ไปตอนนี้เลยนะเพคะ”

“ได้สิเราจะไปตอนนี้”

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

ภายในวิหารสักการะเทวีน้ำค้างบนหุบเขาเดือนห้า มีเพียงสองกษัตริย์ผู้ปกครองคีรีรัตน์นครเท่านั้น และด้านนอกก็มีเพียงองครักษ์รักษาพระองค์ตามเสด็จเพียงไม่กี่นาย กลิ่นธูปกำจายผสานกับบุษปมาลัยที่ถวายเบื้องหน้าเทวรูป

“ข้าแต่เทวีน้ำค้าง เรา...ราชาศักรินทร์และมณีกานต์มเหสีแห่งเรามีเรื่องทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก เพราะโอรสของเราสูญหายไปในทะเลท่ามกลางพายุร้าย ด้วยความเมตตาของเทวีน้ำค้าง โปรดช่วยคุ้มครองธีรวงศ์ให้ปลอดภัยและหาตัวธีรวงศ์ให้
เจอโดยเร็วด้วยเถิด”


“เทวีน้ำค้างเพคะ ได้โปรดปกป้องคุ้มครองธีรวงศ์ด้วยนะเพคะ ให้หม่อมฉันได้พบลูกอีกครั้งด้วยเถิด” มเหสีมณีกานต์พร่ำขอพรด้วยพระทัยที่ปวดร้าวน้ำพระเนตรหลั่งไหลไม่ขาดสายตลอดเวลา
ในประกายแสงเทียนที่วูบวาบบังเกิดรัศมีสีทองสว่างเรืองรองแผ่รอบองค์เทวรูปเทวีน้ำค้างที่เคารพบูชาจนกลบแสงประทีปจนสิ้น ทั้งสองพระองค์ตื่นจากความหม่นหมอง แสงเรืองรองเป็นดั่งปาฏิหาริย์ที่เฝ้ารอ

“เทวีน้ำค้าง!”

“เทวีน้ำค้างใช่มั้ยเพคะ! ได้โปรดช่วยลูกของหม่อมฉันด้วยนะเพคะ” มเหสีมณีกานต์พร่ำรับสั่งต่อเทวรูปที่เปล่งแสงเรืองรอง ก่อนจะมีเสียงกังวานเปี่ยมด้วยเมตตาสะท้อนก้องไปทั่วทั้งวิหารราวกับรับรู้ในคำอ้อนวอนนั้น

“ใจเย็นก่อน มณีกานต์” องค์ราชาทรงรั้งพระมเหสีไม่ให้ตื่นเต้นนัก ถึงแม้ว่าพระองค์เองจะดีพระทัยไม่ต่างกัน

“มเหสีมณีกานต์…ท่านอย่าได้เป็นกังวลไปเลย เวลานี้โอรสของพวกท่านปลอดภัยดี”

เมื่อได้สดับเสียงแห่งเทพธิดาอันเป็นมงคล ทั้งสองพระองค์ก็เสมือนมีน้ำทิพย์โปรยมาชุ่มพระหทัย หาได้ยากยิ่งนักที่เหล่าทวยเทพจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์

“แล้ว...ตอนนี้ลูกของหม่อมฉันอยู่ที่ไหนเพคะ เทวีน้ำค้าง...ช่วยพาธีรวงศ์กลับมาหาหม่อมฉันได้มั้ยเพคะ หม่อมฉันคิดถึงลูกเหลือเกิน”

“ยังไม่ถึงเวลานั้น ชะตากรรมโอรสของท่านยังต้องพลัดพรากบ้านเมืองไปอีกนาน เขาต้องกระทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน จึงจะได้กลับคืนบ้านเมือง”

“แต่หม่อมฉันเป็นห่วงลูก ธีรวงศ์ยังเด็กนัก เกิดมาก็ไม่เคยจากไปไหนไกล แต่นี่ต้องไปผจญกับอันตรายต่างๆนานา จะอยู่ได้ยังไงกัน โปรดช่วยลูกธีรวงศ์ด้วยเถิดนะเพคะ”

องค์ราชาทรงปลอบพระมเหสีให้ระงับความร้อนรนก่อนจะเจรจากับเสียงเทวีน้ำค้างบ้าง และขอร้องด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

“เทวีน้ำค้าง…เราจะขอเดินทางไปยังเทือกเขาอินทาเอง ได้โปรดช่วยธีรวงศ์ให้กลับมาด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ”

“เราเสียใจที่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ทุกชีวิตมีกรรมเป็นครรลองของตน โอรสของท่านเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องกระทำให้สำเร็จ แม้แต่เราเองก็มิอาจฝืนชะตาลิขิตได้ แต่อย่ากังวลไปเลย โอรสธีรวงศ์ปลอดภัยดี”

เมื่อสิ้นเสียงปาฏิหาริย์ รัศมีสีทองที่ส่องประกายออกมาจากเทวรูปก็ดับลง กลับเป็นเพียงศิลาที่สลักเสลาเป็นเครื่องบูชาไร้ชีวิตเช่นเดิม

“เดี๋ยวเพคะ เทวีน้ำค้าง! อย่าเพิ่งไป หม่อมฉันอยากเจอลูก ให้หม่อมฉันทำอะไรก็ได้ โปรดช่วยธีรวงศ์ด้วยเพคะ” นางสะอื้นคร่ำครวญปานจะขาดพระทัย

“พอเถิดมณีกานต์ เทวีน้ำค้างยืนยันแล้วว่าธีรวงศ์ปลอดภัย องค์เทวีไม่มีทางโกหกเราหรอก ลูกเรามีอำนาจบารมีของเทพคอยรักษาเป็นสิ่งที่ประเสริฐแล้ว หยุดร้องไห้เถอะนะ ถ้าคีรีจักรมาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ ต่อให้ปิดลูกยังไงก็ไม่มิด
หรอก น้องต้องเข้มแข็งต่อไปเพื่อธีรวงศ์และคีรีจักรนะ เข้มแข็งเพื่อรอคอยวันที่ธีรวงศ์จะกลับมา”

นางฟังแล้วก็พยายามระงับพระทัย

“เพคะ หม่อมฉันจะเข้มแข็งเพื่อลูก…” สาเหตุหนึ่งก็เพราะไม่อยากให้โอรสองค์เล็กต้องมาโศกเศร้าเสียใจไปด้วยอีกคน

องค์ศักรินทร์ทรงพาพระมเหสีกลับตำหนัก หากเมื่อออกจากตำหนักของนาง ก็มีพระกระแสรับสั่งแก่เสนาอำมาตย์ที่ไม่มีบุญญาพอที่จะได้ประสบกับปาฏิหาริย์แห่งเทพ

“ส่งกำลังออกตามหาธีรวงศ์ต่อไป เรายังไม่ละความพยายามง่ายๆหรอก”

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

แสงสุริยายามบ่ายสาดส่อง ใบพฤกษาไหวตามกระแสวาโยที่พัดเย็นระรื่นไปทั่วทั้งอุทยาน ทว่าในพระทัยของมเหสีมณีกานต์กลับร้อนรุ่มโศกสลด ด้วยคิดถึงโอรสองค์โตที่หายสาบสูญไปเสมือนฝันร้าย พักตร์อันงดงามเศร้าหมองอยู่ตลอด
เวลา

“เสด็จแม่”

“คีรีจักรมานี่สิลูก” รับสั่งอ่อนโยน เมื่อโอรสองค์น้อยเดินเข้ามาใกล้ นางก็คว้าไปกอดแน่น

“เสด็จแม่เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือพระเจ้าค่ะ” คีรีจักรถามก่อนจะยกมือแตะนลาฎพระมารดาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่แค่คิดถึงธีรวงศ์...คีรีจักรลูกอย่าทิ้งแม่ไปไหนนะ” มเหสีมณีกานต์ตรัสพลางน้ำพระเนตรก็ไหลอย่างมิอาจหักห้ามได้ ยิ่งมองหน้าโอรสน้อยที่อยู่ในอ้อมพระกรก็ยิ่งคิดถึงอีกองค์ที่ไร้ร่องรอย

“เสด็จแม่อย่าทรงร้องไห้ไปเลยนะพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจะอยู่กับเสด็จแม่ ไม่ทิ้งเสด็จแม่ไปไหน อีกไม่นานเจ้าพี่ธีรวงศ์จะต้องกลับมาพระเจ้าค่ะ” ปลายนิ้วน้อยๆเช็ดหยาดอัสสุชลให้พระมารดาอย่างไร้เดียงสา

ทั้งคุณท้าวและเหล่านางกำนัลต่างมองภาพโอรสน้อยที่ปลอบพระทัยพระมารดาอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตาก็พาลไหลไปตามๆกัน

“อ้าวคุณท้าว ยี่สุ่น ยี่แก้วก็ร้องไห้เพราะคิดถึงเจ้าพี่ธีรวงศ์เหมือนกันหรือ” คีรีจักรผละจากอ้อมกรพระมารดา เดินมาที่คุณท้าวและนางกำนัลทั้งสองซับน้ำตาให้อย่างไม่ถือองค์

“โอ๋ๆๆ อย่าร้องไห้นะคุณท้าว ยี่สุ่น ยี่แก้ว เราอยู่ทั้งคน”

“โถ พระโอรสของหม่อมฉัน” พวกนางกำนัลต่างปลาบปลื้มกับกริยาที่น่าเอ็นดูของพระโอรสองค์เล็ก

“คีรีจักรมาหาแม่มาลูก มาให้แม่กอดอีกที” พระมเหสีที่บัดนี้หยุดกรรแสงแล้ว เรียกคีรีจักรกลับไปกอดประคองไว้ด้วยความรัก…ยังดีที่มีคีรีจักร มิเช่นนั้นนางก็คงหทัยสลาย

“วันนี้มีราชทูตจากต่างเมืองมาขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการ ลูกอยากไปดูมั้ยล่ะคีรีจักร” หลังจากตกอยู่ในความเงียบกันไปชั่วขณะ มเหสีมณีกานต์ก็ตรัสถามด้วยสุรเสียงอ่อนโยน

“ลูกไปได้หรือพระเจ้าค่ะ” คีรีจักรถามด้วยความตื่นเต้น

“ได้สิลูก ราตรีนี้จะมีงานฉลองต้อนรับคณะราชทูต แต่ลูกต้องนั่งเฉยๆอย่าซุกซนให้ขายหน้าแขกเมืองของเสด็จพ่อนะ”

“พระเจ้าค่ะ ลูกจะไม่ดื้อไม่ซนจะนั่งเฉยๆพระเจ้าค่ะ” คีรีจักรรับคำมั่นเหมาะ ดวงหน้าน้อยแจ่มใสขึ้นเมื่อจะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ

:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:*:

เจ้าชายอธิศจากหิรัญญะนคราเข้าเฝ้าองค์ราชาศักรินทร์ในงานฉลองต้อนรับคณะราชทูต พลางส่งสัญญาณให้ทหารของตนยกเครื่องบรรณาการที่จัดเตรียมมาให้องค์ศักรินทร์ทอดพระเนตร

ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ภูษาผ้าสักหลาด และผ้าโกไสย เขาสัตว์ งาช้างสีดำอันเป็นสิ่งหายากยิ่ง รวมทั้งถนิมพิมพาภรณ์อัญมณีล้ำค่าเหลือคณา

“พระปิตุลาของหม่อมฉันชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์มาก เนื่องจากบรรดาสิ่งของที่พวกพ่อค้าวาณิชย์ของหิรัญญะนครามาแลกเปลี่ยนซื้อหาที่คีรีรัตน์นคร ล้วนแล้วแต่มีค่ายิ่งช่วยเหลือเมืองของหม่อมฉันไว้มาก ทั้งยังได้ข่าวว่า
เมื่อไม่นานมานี้ทรงสถาปนาองค์รัชทายาท จึงได้ให้หม่อมฉันนำของกำนัลเล็กๆน้อยๆเหล่านี้มาถวายเพื่อแสดงความยินดีและเจริญสัมพันธไมตรีกับพระองค์พระเจ้าค่ะ”

มเหสีมณีกานต์และโอรสคีรีจักรเสด็จตามเข้ามาในท้องพระโรง เพื่อร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูต

เมื่อเห็นกุมารน้อย สัญชาติยักษ์ต่ำทรามของพวกทหารแปลงก็เริ่มหิวกระหาย ลอบจ้องมองคีรีจักรตาเป็นมัน จนอธิศต้องหันไปกำราบด้วยสายตาเด็ดขาด เหล่าทหารเลวต่างหลบตาเป็นพัลวัน

“มณีกานต์มาพอดีเลย...อธิศ นี่คือมเหสีมณีกานต์และก็คีรีจักรโอรสของอา...มณีกานต์ ราชฑูตผู้นี้คือเจ้าชายอธิศแห่งหิรัญญะนครา เขาต้องการมาผูกสัมพันธ์ทางการค้ากับเรา”

แววตาของอธิศเกิดแสงวาบขึ้นดุจสีทับทิมตามเชื้อชาติก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันมีผู้ใดสังเกตเห็น

“พระโอรสน้อยองค์นี้คือองค์รัชทายาทสินะพระเจ้าค่ะ”

อธิศไม่ใส่ใจว่าคำทักทายของเขาจะส่งผลให้แก่ทั้งสามเช่นไร เพราะสิ่งที่เขามาดหมายคือกุมารน้อยตรงหน้า!

องค์ศักรินทร์เก็บพระอาการไว้เพื่อรักษาพระพักตร์กษัตริย์แห่งคีรีรัตน์นคร แม้จะรู้สึกเสียดแทงพระทัยอย่างไรก็ยังทรงแย้มสรวลตอบ

“ผิดแล้ว รัชทายาทของคีรีรัตน์นครคือธีรวงศ์โอรสองค์โตของอา แต่พอดีเขายังติดภารกิจของรัชทายาทอยู่จึงไม่สามารถมาร่วมงานต้อนรับหลานอธิศได้ อาต้องขอโทษด้วยนะ”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันขอประทานอภัยที่เดาอะไรโดยไม่รู้จริงพระเจ้าค่ะ”

มเหสีมณีกานต์จึงเบี่ยงเบนประเด็นออกจากหัวข้อการสนทนาที่เริ่มจะหม่นหมอง ทำทีเป็นตรัสถามพระสวามี

“ของพวกนี้ช่างงดงามนัก เป็นสินค้าหรือเพคะ”

“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ นี่คือของกำนัลที่พระปิตุลาของหม่อมฉันตั้งใจนำมาถวายเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับคีรีรัตน์นครพระเจ้าค่ะ” อธิศตอบแทน

“เราฝากขอบใจไปถึงท้าวหริทัศน์ด้วยนะหลานชาย”

การสนทนาดูจะเป็นไปโดยปกติอีกครั้ง พวกผู้ใหญ่ต่างมีหัวข้อสนทนากัน ไม่มีเรื่องใดจะน่าสนใจสำหรับพระโอรสองค์น้อย จึงนั่งเงียบ

...คิดถึงเจ้าพี่...

...ถ้าหากเวลานี้เจ้าพี่ประทับอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี...

…เจ้าพี่ธีรวงศ์ ป่านนี้จะอยู่ที่ไหนนะ...

…ทรงกำลังลำบากอยู่รึเปล่า หม่อมฉันอยากให้เจ้าพี่กลับมาเร็วๆ เหลือเกิน...

นิมิตร้ายเมื่อราตรีที่ผ่านมายังแจ่มชัดทำให้ความรู้สึกหวาดกลัว...สูญเสีย...โดดเดี่ยว...อ้างว้าง…กลับเข้ามาเกาะกุมจิตใจของคีรีจักรอีกครั้ง แต่เกรงว่าจะเป็นที่รำคาญพระทัยของพระบิดาพระมารดาจึงทำทีเป็นสนใจเครื่องราชบรรณาการ
เบื้องหน้าแทน  

วัตถุสีดำแวววาวโดดเด่นขึ้นมาเหนือกว่าเพชรพลอยมีค่าทั้งปวงที่อยู่ในกำปั่น ทั้งที่เป็นเพียงกำไลหินขัดเงาธรรมดาที่ไร้อัญมณีประดับ ทว่ากลับดึงดูดความสนใจของโอรสน้อยได้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด



                กำไลนิลหินแก้วแววสดใส      ต้องหทัยคีรีจักรเป็นหนักหนา
         โอรสน้อยเพ่งพิจปิลันธโมรา             ดังมนตราร่ายเวทย์อาเพศพาล
         แก้วปิลันเรืองแสงฤทธิ์แรงกล้า      โอรสาแว่วสำเนียงเสียงเพรียกขาน
         ให้เดียงสาหาได้รู้ถึงกลมาร              มิอาจต้านมายามนตร์ที่ดลใจ



ราวกับมีเสียงกระซิบเร่งเร้าอยู่ในโสต คีรีจักรเคลื่อนกายเข้าใกล้สิ่งที่จับจ้องเรื่อยๆ ก่อนจะเอื้อมหยิบกำไลสีทมิฬที่ดูโดดเด่นนั้นขึ้นมาตามใจปรารถนา

“คีรีจักรอย่าเสียมารยาทสิลูก!” มเหสีมณีกานต์ทรงเหลือบมาเห็น จึงกล่าวตักเตือนที่โอรสองค์เล็กหยิบจับของผู้อื่นโดยพลการ

คีรีจักรก้มหน้าไม่โต้เถียงคิดว่าต้องถูกพระบิดากริ้วและตำหนิอีกแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่อาจหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นว่ามันคืออะไรได้

“ไม่เป็นไรหรอกพระเจ้าค่ะ ของเหล่านี้มอบให้แก่ชาวคีรีรัตน์นครแล้ว พระโอรสคีรีจักรมีสิทธิ์ในทุกอย่างพระเจ้าค่ะ”

อธิศหันไปทางคีรีจักรที่วางกำไลโมราใส่กำปั่นไว้ตามเดิม เพราะเกรงพระอาญาจากพระบิดา

“มีแก้วแหวนเงินทองมากมายในหีบนี้ พระโอรสคีรีจักรปรารถนาชิ้นไหนก็ทรงเลือกได้ตามแต่พระทัยเลยพระเจ้าค่ะ”

คีรีจักรมองเจ้าชายจากต่างเมืองอย่างขอบคุณ หากแต่ก็ยังไม่กล้าเลือกหยิบสิ่งของชิ้นใด มีเพียงสายตาที่เฝ้ามองกำไลวงนั้นอย่างเสียดาย อธิศเห็นดังนั้นจึงยื่นกลักที่เก็บกำไลสีทมิฬนั้นส่งให้ราวกับพี่ชายมอบให้น้องชาย

โอรสน้อยมองพระบิดาพระมารดาด้วยความหวั่นเกรง

“ถ้าเจ้าชอบก็รับไว้เถอะ พ่อไม่ว่าอะไรหรอก”

เมื่อองค์ศักรินทร์ตรัสอนุญาต คีรีจักรจึงยอมรับของจากอธิศ เรียวโอษฐ์น้อยแย้มยิ้มด้วยความถูกใจ มือแกร่งที่ยื่นส่งให้ยังคงจับกำไลหินแน่น จนคีรีจักรแปลกใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง อธิศก็ปล่อยมือออกทันที

“กำไลวงนี้ชื่อว่าปิลันธโมรา เป็นแก้วโมราสีน้ำเงินที่เข้มและมีค่ามาก เก็บรักษามันให้ดีล่ะพระเจ้าค่ะ”

คีรีจักรสบตาที่แฝงไปด้วยนัยยะของอาคันตุกะหนุ่ม

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”


ท่านจ้าว...

ข้าได้ทำงานแรกที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงแล้ว...

ปิลันธโมราตกอยู่ในมือของมนุษย์น้อยตามที่พระองค์ทรงต้องการ...

แต่...มันจะเกิดผลอันใดเมื่อมาอยู่ในมือมนุษย์น้อยตัวเล็กๆเช่นนี้…

***************************************

จากคุณ : บทเพลงปีศาจ
เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 54 10:07:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com