17 วอนเธอ
อะไรกัน มันคืออะไร...
สัมผัสนั้น... สัมผัสที่ริมฝีปากของฉันไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ...นุ่มนวลยิ่งกว่าปลายพู่กันขนกระต่าย...หวานละมุนยิ่งกว่าขนมปุยฝ้าย
แต่กลับทำให้ฉันถึงกับหมดแรงทรงตัวแทบไม่อยู่
ปั้นเมฆจูบฉัน! เขาจูบฉันจริงๆ ใช่มั๊ย? ต้องใช่สิ ถึงเขาจะถอนริมฝีปากออกไปแล้ว แต่สัมผัสหวานๆ อุ่นๆ ยังติดอยู่ที่ริมฝีปากฉัน...
เมฆขอโทษ เขาก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างสำนึกผิด
โธ่ ปั้นเมฆ... พี่นางฟ้ายังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ จูบอีกทีก็ได้นะ ตะกี๊มันงงงง ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ (อ้าว จี้...หายโกรธเค้าไปเลยเร๊อะ)
...พี่ผิดหวังในตัวเมฆรึเปล่า?
ไม่ผิดหวังหรอก ทำเอาหมดแรงเลยเชียวล่ะ เพียงแต่...เป็นจูบแรกในชีวิต หุหุ ไม่คาดคิดมาก่อน เขินจัง
...ขอโทษจริงๆ...ที่เมฆพูดอะไรสิ้นคิดแบบนั้นออกไป ทำให้พี่เสียใจ...
อ่อ... ไม่ได้ขอโทษเรื่องจูบหรอกเหรอ? ฉันรีบสะบัดหัวสองที ตั้งสติๆๆ สติสมาธิปัญญาจงกลับคืนมาเดี๋ยวนี้ จริงด้วย ฉันกำลังโกรธเขาอยู่นี่นา
พี่อย่าโกรธเมฆเลยนะ เป็นเพราะเมฆรู้สึกว่าตัวเองได้พยายามทำอะไรตั้งมากมาย เหนื่อยทั้งกายและใจ แต่ก็ช่วยพ่อแม่ไม่ได้ เหมือนเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหน หนังสือก็ไม่ได้เรียน ทำนาก็ไม่ได้ ที่นาโดนยึดไปแล้ว หนี้ก็ยังใช้เค้าไม่หมด พ่อก็ไม่หาย มองไปทางไหน มันก็ตันไปหมดทุกทาง ...เมฆอยากให้พี่นางฟ้ามาอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เมฆ แต่พี่ก็หนีเมฆไปไหนไม่รู้...
เขาซบหน้าลงบนไหล่ของฉัน เหมือนคนเดินทางไกลท่ามกลางความเหน็บหนาวเหนื่อยล้าเต็มที ขอหยุดพักตรงไหนสักที่ที่อบอุ่นและปลอดภัย แม้ชั่วครู่ยามก็ยังดี ...ฟังที่เขาพูดมา ฉันก็พอเข้าใจและสงสารเขาเหลือเกิน ...ฉันไม่น่าปล่อยให้เขารอคอยวันแล้ววันเล่า จมอยู่กับความทุกข์ เผชิญหน้ากับอุปสรรคตามลำพังแบบนี้เลย
...สิ่งที่พี่นางฟ้าสอนเมฆ เมฆก็เข้าใจนะ ถ้าทำนาอย่างที่พี่บอกได้ มันต้องดีแน่ๆ ...แต่ไม่รู้ทำไม ลองทำดูแล้วมันล้มเหลว... เมฆกำลังรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เข็ดกับชีวิตลำบากของชาวนา แล้วพี่ก็มา ...บอกให้เมฆเป็นวีรบุรุษชาวนาในวันที่เมฆไม่มีนา ต่อให้เมฆอยากลองทำนาอย่างที่พี่ว่าดูอีกครั้ง ก็ไม่มีที่นาให้ทำแล้ว
ความจริง เด็กชายปั้นเมฆคนดีของฉันไม่ได้หายไปไหนเลย แต่เด็กคนนั้นถูกปัญหามากมายรุมเร้าจนหลบเข้าไปแอบซ่อนอยู่ในร่างหนุ่มน้อยตัวโตที่กำลังอ่อนล้าหมดแรงซบไหล่ฉันอยู่นี่เอง ทำยังไงหนอ เด็กน้อยคนดีของฉันถึงจะกลับออกมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ฉันอยากยกตัวอย่าง เรื่องของศิษย์เก่าโรงเรียนชาวนาที่เอาความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับนาเล็กๆ ไม่กี่ไร่ที่บ้าน จนกระทั่งมีเงินซื้อที่นาเพิ่มได้ ตอนนี้มีถึงสองร้อยไร่ แต่ไม่รู้จะเล่าให้ฟังยังไงในเมื่อมันเป็นเรื่องในอนาคต...
ไม่ใช่ไม่มีนาเหลือเลยสักหน่อย ยังมีเหลือที่ตรงนี้
แค่สิบกว่าไร่นี่เหรอ? เขาเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน
เป็นที่ปู่ทวดไม่ใช่เหรอ? สมัยก่อน ...ถางป่ามาทำนาเท่านี้ แสดงว่า ทำแค่นี้ก็พอกิน ...ลองดู มีหนึ่งไร่ก็ทำหนึ่งไร่ มีสิบไร่ก็ทำสิบไร่ ทำได้แล้วค่อยซื้อเพิ่มจากสิบเป็นยี่สิบ เป็นสามสิบ...เป็นร้อย... ค่อยๆ ทำไป เริ่มจากน้อยๆ
แต่รถไถเครื่องไม้เครื่องมือไม่เหลือแล้ว จะเช่าเขาก็... เมฆไม่มีทุนเลย
มีสิ... มีทุนที่แม่ให้มา... ฉันนึกถึงสิ่งที่แอบได้ยินพ่อลูกคุยกัน ลุงสิบขา ขอยืมคำพูดที่คุณย่าสอนลุงมาใช้สอนเด็กน้อยของหนูหน่อยนะคะ ...สิบนิ้วและสองมือนี่ไง
เขาก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง แล้วงอนิ้ว กำมือแน่น
ขอบคุณพี่นางฟ้านะที่อุตส่าห์ช่วย... วันนั้น หมอว่าถ้าไม่ได้น้ำแข็งนั่น เนื้อมันจะตาย ต่อนิ้วไม่ได้
โชคดีจังนะ ที่หมอช่วยมันเอาไว้ได้ ฉันจับมือทั้งสองข้างของเขาชูขึ้นมา
เห็นไม๊ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง อยากให้ปั้นเมฆเก็บมันทั้งสิบนิ้วไว้ใช้งานไง
ที่พี่นางฟ้าเขียนท้องของเมฆว่าสิบนิ้ว ก็เพื่อเตือนสติเมฆใช่มั๊ย?
เอ่อ... ใช่... ใช่แล้ว แหะๆ ฉันรู้สึกหน้าร้อนวูบๆ เมื่อรับสมอ้าง อายจัง...ปั้นเมฆช่างมองพี่นางฟ้าของเขาในแง่ดีจริงๆ นี่ถ้าเขารู้ว่าฉันคิดอะไรทะลึ่งๆ ตอนเขียนแกล้งเขาล่ะก็ คงไม่มีสายตาหวานซึ้งแบบนี้ให้ฉันแน่
พี่นางฟ้า... มือใหญ่ที่ฉันกุมอยู่หมุนเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายกุมมือฉัน... แล้วมือเล็กๆ ขาวๆ ก็หายเข้าไปในอุ้งมือหยาบใหญ่สีคล้ำที่อุ่นระอุ ...ขอเป็นยี่สิบนิ้ว ...สี่มือได้ไหม?
เขามองหน้าฉันนิ่งด้วยสายตาเปี่ยมหวัง
พี่อยู่ช่วยเมฆได้หรือเปล่า?...อยู่ด้วยกัน อย่าหนีจากเมฆไปไหนอีก ...เมฆไม่ได้ต้องการให้พี่ลงมือทำอะไรหรอกนะ ขอแค่...มีมือนุ่มนิ่มคู่นี้จับสองมือเมฆไว้แบบเมื่อกี๊ เวลาที่เมฆเหนื่อยล้ากลับบ้านมาก็พอ
ปั้นเมฆ พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง แล้วทำไมฉันต้องถึงรู้สึกหัวใจพองโต เหมือนมีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่ข้างในอกเต็มไปหมดเลย (สมองแองจี้ช้ากว่าหัวใจ ตามความรู้สึกไม่ทันค่ะ)
เอาไปสิบห้านิ้วสามมือละกันนะ ขาดตัว ห้ามต่อ เหอๆ ฉันเขินหรอกนะ ถึงได้พยายามขำแก้ขวย... แต่ปั้นเมฆไม่ขำไปด้วย
ถ้าพี่ต้องการแค่สามมือจริงๆ เมฆยอมตัดมือหนึ่งแลก เพื่อให้พี่อยู่ด้วย เขาจริงจังกับสิ่งที่พูดออกมาจนฉันก็ชักขำไม่ออกเหมือนกัน
ล้อเล่นน่า
แต่เมฆไม่ล้อเล่นนะพี่นางฟ้า... ถ้าเมฆเป็นชาวนาที่ดีอย่างที่พี่อยากให้เมฆเป็น พี่อยู่กับเมฆที่นี่ตลอดไปได้ไหม?
นี่... นี่เขามาขออะไรฉันอย่างงี้ ถึงจะไม่ใช่ขอแต่งงาน แต่... อา... อยู่กับเขาตลอดไปเชียวนะ ...แล้วจะให้ฉันตอบเขาว่ายังไงดี
พี่นางฟ้าอย่าหาว่าเมฆเห็นแก่ตัวเลยนะ เมฆรู้ว่าตอนนี้เมฆไม่มีอะไรเลย ไม่มีทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ไม่มีสิทธิ์ขออะไรจากพี่ทั้งสิ้น ตัวเองยังเอาตัวไม่ค่อยรอด มองแทบไม่เห็นอนาคต ไม่รู้จะทำที่พี่ต้องการสำเร็จหรือเปล่า แต่เมฆสัญญาว่าจะพยายามสุดความสามารถ ขอแค่รู้ว่ามีพี่อยู่เคียงข้าง... จะได้มั๊ย?
มันเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันจนสับสนไปหมด ...ทั้งดีใจ ทั้งเขินอาย ทั้งหวามลึกๆ ข้างในอกอย่างหญิงสาวที่เพิ่งได้ยินชายหนุ่มที่ตัวเองหลงรักขอให้เธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไป... หลังจากถูกเขาจุมพิตอย่างอ่อนหวาน แต่ก็กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จนเหลือเชื่อที่ชายหนุ่มตรงหน้า คือคนเดียวกับเด็กชายตัวน้อยที่ฉันเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเขาเรื่อยมา ...และรู้สึกหวาดกลัวกับอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง ไม่แน่ใจ... ถ้าฉันตัดสินใจอยู่ในมิตินี้ แล้วโลกของฉันล่ะ? ตาทัพพี... เพื่อนๆ... และทุกสิ่งทุกอย่างทางโน้น...
ปั้นเมฆเห็นฉันนิ่งเงียบไป ก็ไม่ได้รุกเร้าเอาคำตอบ
ตอนแรก เมฆคิดว่าถ้าพี่นางฟ้าไม่มา เมฆจะไปเสี่ยงโชคทำงานในกรุงเทพฯ
กรุงเทพเหรอ?
ใช่... ตอนที่เมฆส่งพ่อไปโรงพยาบาล เจอเค้าถ่ายหนังกันอยู่ พอดีกำลังเกณฑ์ตัวประกอบเข้าฉากไทยมุง เมฆอยากได้เงินเลยไปสมัคร ปรากฎว่าผู้กำกับเค้าเห็นเมฆ บอกว่าหน้าตาท่าทางใช้ได้ เลยชวนไปทำงานด้วย
งานอะไร? อย่าบอกนะว่า...
เค้าจะลองให้รับบทละคร ถ้าเมฆเล่นได้ดี เรื่องต่อไปเค้าว่าอาจจะให้เป็นพระเอก
ว่าแล้วเชียว! หน้าอย่างงี้ หุ่นอย่างงี้ ฉันบอกแล้วว่าเป็นดาราได้สบายๆ ถึงยุคฉันจะฮิตหนุ่มเกาหลี แต่ยุคนี้หนุ่มหน้าไทยน่าจะยังฮอตอยู่
...เป็นดาราแบบที่ดูในทีวีก็ไม่เลวนะ เห็นเค้าบอกว่ารายได้ดี พอมีชื่อเสียง ไปทำงานพิเศษ แค่ใส่เสื้อผ้าของห้องเสื้อแล้วเดินไปเดินมาให้คนดูสองสามรอบก็ได้เงินแล้ว ถ่ายรูปลงหนังสือก็ได้เงินเพิ่มอีก ไปโชว์ตัวงานโน้นงานนี้ก็มีซองให้ด้วย ถ้าเมฆร่ำรวย เมฆจะได้เลี้ยงพ่อแม่กับพี่นางฟ้าให้อยู่สบาย
พี่จะว่ายังไง?
จะว่ายังไงล่ะ แค่เขารวมเอาฉันไปเลี้ยง นับเป็นคนในครอบครัวของเขาด้วย ก็รู้สึกปลื้มใจเหลือเกินแล้ว
เมฆอยากรู้ว่าพี่คิดยังไง? พี่ชอบดารารึเปล่า? หรือว่าชอบให้เมฆเป็นชาวนามากกว่า?
ถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันคงตอบไม่ต้องคิด ระหว่างดารา กับ ชาวนา... ฉันก็ต้องเลือกเอาดาราแน่นอนอยู่แล้ว แต่มาวันนี้ ฉันกลับไม่อยากตอบ เพราะอนาคตเป็นของเขา... เขาต้องตัดสินใจเอง ฉันแค่เขียนบอกอะไรบางอย่างให้เขาได้คิด
ที่ผ่านมา คนไทยเราเป็นชาวนากันหมด ไม่เคยมีใครอดตาย ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่ในอนาคต... ถ้าลูกหลานชาวนาเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นกัน แล้วคนไทยรุ่นลูกหลานเหลนโหลนต่อๆ ไป เราจะเอาข้าวที่ไหนกิน ในเมื่อไม่เหลือใครเป็นชาวนาแล้ว เราคงต้องซื้อข้าวจากประเทศอื่น หรือแย่กว่านั้น ...อาจต้องซื้อข้าวจากคนต่างชาติที่เข้ามาทำนาในประเทศเราก็ได้
จริงๆ เมฆก็รู้อยู่แล้วว่าพี่นางฟ้าต้องอยากให้เมฆเป็นชาวนามากกว่าดารา
เพราะในโลกที่ฉันจากมา มีแต่เด็กไทยฝันอยากเป็นดารานักร้องกันเต็มไปหมด ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนไหนฝันอยากเป็นชาวนาเหมือนปั้นเมฆตอนเด็กๆ เลยสักคน ก็เลยอยากเห็นเด็กที่ฝันอยากเป็นชาวนาคนนั้นได้เป็นชาวนาที่ประสบความสำเร็จ ...เป็นชาวนาหนุ่มที่หล่อกว่าพระเอกในทีวี ...และถ้าเป็นไปได้ ขอให้เป็นวีรบุรุษคนนั้นที่สวรรค์ส่งฉันมาตามหาถึงนี่
^_^...ชาวนาไม่ดูทีวีก็ไม่ตาย แต่พระเอกไม่มีข้าวกินน่ะ อดตายนะเมฆ
พี่นางฟ้า...ตกลง ถ้าเมฆเป็นชาวนาอย่างที่พี่ต้องการ พี่นางฟ้าจะอยู่กับเมฆที่นี่ตลอดไปหรือเปล่า?
ปั้นเมฆย้ำคำถามเดิม มันทำให้ฉันสับสนใจอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้านิ่งมองดูมือคู่เล็กๆของตัวเองจมหายเข้าไปในมือคู่ใหญ่ของเขา
แต่แล้ว ยังไม่ทันรอให้ฉันตอบอะไรเลยสักคำ เขาก็โน้มตัวต่ำลงมาปิดปากฉันจนสนิทแนบแน่นด้วยริมฝีปากของเขาอีกครั้งโดยไม่ให้ฉันตั้งตัว คราวนี้ เขาไม่ได้หยุดแค่จุมพิตเพียงแผ่วเบาทิ้งสัมผัสอ่อนหวานไว้ที่ริมฝีปากแล้วจากไปอย่างทีแรก แต่เขาจูบฉันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี ทุกสัมผัสในปากของฉันยามนี้ คือความรักความปรารถนาปรี่ล้นหัวใจที่เขาต้องการระบายถ่ายทอดมาให้ฉัน
โอ...ปั้นเมฆ... รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้ พี่นางฟ้าจะขาดใจแล้ว ฉันกำลังจะจมน้ำตาย ...แต่น้ำที่ไหลทะลักเข้ามาในปากกลับเป็นน้ำผึ้งรสหอมหวานอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน ยิ่งเมื่อถูกเขารุกเร้าทวงเอาความรู้สึกลึกซึ้งที่ฉันเก็บซ่อนไว้ออกมาเพื่อดูดกลืนกลับไปอย่างโหยหา
ฉันปล่อยตัวปล่อยใจยอมให้เขาจูบแล้วจูบเล่าอยู่เนิ่นนาน ราวกับแรงรักแรงปรารถนาที่เขามีต่อฉันส่งผ่านมากับจูบนั้นไม่หมดไม่สิ้น และเรียกร้องเอาจากฉันไปอย่างไม่รู้อิ่มรู้พอ
เวลาก้าวเดินช้าๆ ผ่านไป นานแค่ไหนฉันไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นหอบเอาอากาศเข้าปอดของตัวเอง ...ริมฝีปากฉันได้รับอิสรภาพแล้ว แต่ริมฝีปากของปั้นเมฆไปได้จากไปไหน กลับเคลื่อนไหวอย่างอ้อยอิ่งไปทั่ว...ทั้งหน้าผาก ปลายจมูก ข้างแก้ม เรื่อยมาจนถึงติ่งหู... สัมผัสนั้นแผ่วเบาแต่ทำเอาฉันขนลุกไปหมดทั้งตัว สัญชาติญาณหญิงกรีดร้องเตือนทันทีที่ลมหายใจของเขาเป่ารดซอกคอ ถ้าฉันตามใจปล่อยให้เขาจูบไปทั่วแบบนี้ละก็ มีหวังได้โดนเขา... อา... โดนเขา...
วูบนั้น...รู้สึกผิดชอบชั่วดีบังเกิดขึ้นกระทันหัน พร้อมกันนั้นใบหน้าพระแม่โพสพก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด
นี่เธอ เราส่งมาทำงานนะ ไม่ใช่ให้มาทำบัดสีในยุ้งข้าว ช่างไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจเราเลย
ตามติดมาด้วยใบหน้ากามเทพ
ไม่บัดสีหรอกน่า... สงสารเด็กตาดำๆ ให้มันมีความสุขบ้างเหอะ ปัญหาชีวิตเยอะเหลือเกิน
โอ... แองจี้จะเลือกเชื่อเทพองค์ไหนดีล่ะเนี่ย?
แล้วเรื่องงานเราล่ะจะว่ายังไง? เทพีแห่งข้าวทวงถาม
อา... จริงด้วย ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมนาอินทรีย์ที่ฉันจำมาถ่ายทอดให้ปั้นเมฆทำถึงได้ล้มเหลว ฉันควรกลับโรงเรียนชาวนา ถามพี่:-)กับตาทัพพี ศึกษาให้ดีๆ ก่อนกลับมาช่วยเขาเพิ่มเป็นยี่สิบนิ้วสี่มือ
เอาให้เสร็จก่อนก็ด๊าย แล้วค่อยไป๊... เอ่อ แม่โพสพ อย่ามองหน้าเราอย่างงั้นซี่ ...เราหมายความว่า ทำอะไร ก็ควรเอาให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป กามเทพรีบเนียน
พอเสร็จแล้ว เธอก็หมดแรงไปไหนไม่รอดน่ะสิ
ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า นอนพักหน่อยก็ไหวแล้ว ที่ไปไหนไม่รอดน่ะ เพราะโดนเค้าซ้ำอีกรอบมากกว่า อ๊าก ท่านกามเทพเจ้าขา พูดอะไรออกม๊า หนูอายน้า
บ้า... ฉันหมายความว่า ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เขาผูกพันเธอไว้ จะทำให้เธอหมดแรงใจจะปฏิบัติหน้าที่ ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในมิติโน้น รวมทั้งพี่ชายพิการคนนั้น มาอยู่กินกับเขาในมิตินี้ตลอดไปน่ะสิ
เทพีแห่งข้าวพูดถูก ขนาดยังไม่มีอะไรกันฉันก็แทบไม่อยากจากเขาไปไหนแล้ว ถ้าเกิดว่าฉันกับเขา... เรา... โอ... ฉันคงใจอ่อนไปไหนไม่รอดจริงๆ ...ไม่ ฉันอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ ...คุณหญิงกับท่านเจ้าสัว คุณพลคุณพลอยคงไม่มีใครสนใจฉันนักหรอก แต่ทัพพีน้อยสิ ป่านนี้คงเป็นห่วงป้าจี้ของเขาแย่แล้ว ถ้าฉันหายไปจากโลกนั้นตลอดกาล เขาจะทำยังไง เศร้าเสียใจขนาดไหน แล้วยังเรื่องคดีของทัพพีกับยัยแม่มดนั่นอีก มันคาใจเหลือเกิน...
ไม่นะ... ฉันยังตัดใจไม่ได้... มีสิ่งที่ฉันยังอยากทำตั้งมากมาย ฉันยังไม่มีผลงานศิลปะอวดชาวโลกเลยสักชิ้น เสื้อผ้าเครื่องประดับทั้งหลายที่ฉันทำมากับมือก็จะไม่มีใครชื่นชมอีกต่อไป
ที่สำคัญ ใจคอท่านกามเทพจะให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีกระทำเรื่องเช่นนี้ก่อนวัยอันควรหรือ ขนาดแค่ชมภาพยนตร์เรทยังมิได้ มันผิดกฎหมายนะท่านก็รู้ เธออาจโดนข้อหาพรากผู้เยาว์
หา?...ตะกี๊ฉันได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า เขาอายุ...
สติฉันกลับคืนมาทันใดราวกับโดนสายฟ้าฟาด
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 54 23:22:30
|
|
|
|