Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 1 (รีไรท์) - บทที่ 26 - 29 (จบภาค) ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เจ้าชายไร้บัลลังก์กับเจ้าหญิงไร้อำนาจ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิป
บทนำ - บทที่ 5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892447/W9892447.html
6-10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9906021/W9906021.html
11-15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9924896/W9924896.html
16-20
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9958591/W9958591.html
21-25
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10402840/W10402840.html


เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เจ้าชายแห่งความมืดกับเจ้าหญิงแห่งความฝัน

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิป
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9875051/W9875051.html
15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892519/W9892519.html
16
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9907488/W9907488.html
17
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9916888/W9916888.html
18
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9927562/W9927562.html
19
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9939927/W9939927.html
20
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W9980469/W9980469.html
21
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10002038/W10002038.html
22
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10021934/W10021934.html
23
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/12/W10051706/W10051706.html
24
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10085054/W10085054.html
25
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10107249/W10107249.html
26
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10121033/W10121033.html
27
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10132938/W10132938.html
28
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10149703/W10149703.html
29
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10166956/W10166956.html
30 (จบภาค)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10188373/W10188373.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 3

ศึกสองราชินี วิถีสองราชัน

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=689975

พันทิป
บทนำ - 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10366513/W10366513.html
2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10385694/W10385694.html
3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10407703/W10407703.html
4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10421486/W10421486.html


* * * * *


บทที่ ๒๖
คุกกรงน้ำ


เสียงกรีดร้องอื้ออึง...กลิ่นคาวของเลือด..สีดำของความมืด....

สีดำของความมืด...ร่างของเสด็จพ่อที่มีผิวซีดเผือดทอดบนแท่นหินยาว...นิ่งไม่ไหวติงประหนึ่งคนตาย...

ความมืด... แผ่นหลังที่มีรอยแผลยับเยินของแม่...กองซากศพบนพื้นทราย...เลือดที่ย้อมเม็ดทรายใต้แสงแดงฉานแห่งสนธยา...

ความมืด...แผ่นหลังของใครสักคนที่เขารู้จัก...เฟลิม...รอยยิ้มอ่อนๆ ของชายหนุ่ม...เสียงประหลาดเหมือนถุงหนังใส่น้ำตกแตกกระจาย...เลือดที่พวยพุ่งเป็นน้ำพุ...รอยแผลปริแตกน่าสยดสยองที่คอ...เฟลิมล้มลงกับพื้นเหมือนหุ่นชักที่ถูกตัดสาย...นัยน์ตาเบิกกว้างไร้แวว...

ความมืดอีกครั้ง...ที่ใดสักแห่งซึ่งดูเหมือนอาคารก่อด้วยหินทราย...นาสิราตัวน้อยสวมชุดเมื่อตอนอยู่ทะเลทราย กำลังร้องไห้ข้างๆ เตียง...บนเตียงมีแม่นอนหลับอยู่...ผิวซีดขาว...ผมดำแผ่สยายบนหมอน...ความอึดอัดที่คอ...ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของใครคนหนึ่ง...ชายชราผมขาว...ตาสีน้ำเงิน...เยียบเย็นเหมือนประกายเหล็ก...แขนยื่นตรงมาข้างหน้าแต่ไม่เห็นมือ...ความอึดอัดที่คอทวีขึ้น...ลมหายใจแทบขาดห้วง...นัยน์ตาของชายชราสะท้อนภาพอีกใบหน้าหนึ่ง...ใบหน้าของเด็กชายเพิ่งเข้าวัยรุ่น...ผมสีดำยาวสยาย...นัยน์ตาหรี่อย่างเจ็บปวด

...ใบหน้าของเขาเอง...


อาเมียร์สูดหายใจเฮือกใหญ่ อากาศเย็นชื้น ทำให้ศีรษะยิ่งปวดหนึบ ซ้ำร้ายหูมีแต่เสียงสาดซ่าอื้ออึง และร่างกายเย็นเยือกแทบเข้ากระดูก ใช้เวลาครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มจึงรู้ว่าตนกำลังนอนตะแคงบนพื้นแข็งซึ่งเย็นเฉียบเป็นจุดๆ ข้อมือข้อเท้ามีของหนักถ่วง ขยับดูก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกัน

...นี่มันอะไร...

เขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเส้นยาวสีดำ...เรียงเป็นแนวนอน...ตัดกับสีเทามัวและสีขาว ครั้นลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าที่จริงมันเป็นแนวตั้ง เรียงรายล้อมพื้นวงกลมสีดำสลับน้ำตาลรอบตัว เป็นซี่ลูกกรงเหล็กกล้าของกรงทรงกระบอก ซึ่งมีรัศมีพอให้เขานอนเหยียดยาวได้ พื้นและเพดานกรงปูด้วยไม้บนโครงเหล็ก เนื้อไม้ค่อนข้างมีอายุ และผุไปแล้วบางส่วน กระนั้นยังดูทนทาน

อาเมียร์งุนงงอยู่อีกพัก จึงค่อยนึกได้ว่าตนคงอยู่ในห้องขัง...ถึงจะหน้าตาพิลึกพิลั่นไปสักหน่อย ไม่ช้า เขาก็เห็นชัดว่าข้อมือข้อเท้าของตนสวมตรวนเหล็กหนาทึบแข็งแรง เพดานกรงเตี้ยจนต้องค้อมหลังน้อยๆ เวลายืน พื้นกรงไหวส่ายไปมา ขณะเขาก้าวไปยังขอบกรงตรงหน้า ซึ่งมีพื้นหลังเป็นสีเทาขาว เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อเห็นภาพด้านนอกชัดเจน

สีเทาขาวนั่นคือน้ำตกในถ้ำใต้ดิน น้ำไหลโจนจากที่สูงลงสู่โขดหินเบื้องล่าง ใกล้กรงของเขายังมีกรงแบบเดียวกันแขวนไล่เรียงอยู่สามสี่ใบ...ด้วยโซ่เส้นโตซึ่งไม่รู้ว่าทอดสูงขึ้นไปอีกเท่าไร กรงพวกนั้นว่างเปล่า อาเมียร์ค่อยๆ ก้าวไปที่อีกฟากของกรง มองไปตรงข้ามกับน้ำตก เห็นกังหันวิดน้ำหลายอัน หอคอยไม้สลับซับซ้อน และรอกกลไกเรียงราย คงมีไว้ชักดึงกรงเหล็ก มองลงไปข้างล่าง เด็กหนุ่มเห็นว่าข้างใต้กรงมีเพียงน้ำเชี่ยวกราก แต่ก่อนลงไปถึงพื้นน้ำมียกพื้นไม้ ซึ่งดูเหมือนจะมีกลไกให้หมุนไปรองใต้กรงต่างๆ ได้ทีละใบ

ถ้าพูดถึงระบบป้องกันนักโทษหลบหนี ที่ที่เขาเข้าใจว่าเป็นเรือนจำพิเศษในพระราชวังหลวงของธีร์ดีเรดูเหมือนจะไร้ที่ติ แต่ก็เป็นคุกที่ดูซับซ้อน ซ้ำเปลืองทรัพยากรในการสร้างและดูแลไปสักหน่อย

อาเมียร์หัวเราะขื่นๆ เมื่อนึกไปว่าตนคิดอย่างนี้ออกมาได้...ทั้งๆ ที่สถานการณ์ของเขาไม่ได้เหมาะสมจะมานั่งวิเคราะห์สถาปัตยกรรมหรือรสนิยมอันแปลกประหลาดของชาวธีร์ดีเรเลย

“แกบ้าไปแล้วรึ” เสียงขุ่นเขียวดังแทรกเสียงน้ำตก เด็กหนุ่มหันไป เห็นกรงอีกใบแขวนอยู่ด้านที่เขาไม่ได้มองแต่แรก ข้างในมีชาลัวห์ซึ่งถูกจำตรวนเช่นเดียวกัน สีหน้าของอีกฝ่ายบอกอารมณ์บูดได้ที่กว่าทุกครั้ง

“คงใช่” อาเมียร์ยักไหล่น้อยๆ “เจ้าล่ะ วิญญาณท่านเฟลิมมาหลอกหลอนจนบ้าด้วยหรือยัง”

“ท...ทำเป็นปากดี ข...ข้าไม่ยอมเน่าตายที่นี่กับแกหรอก!!” ชาลัวห์เข่นเสียง “ข...ข้าไม่ผิดอะไรทั้งนั้น ด...เดี๋ยวท่านพ่อก็ช่วยให้ข้าออกไปได้แล้ว แกนั่นล่ะ...จะถูกเผาทั้งเป็น...โทษฐานเป็นพ่อมดหมอผี ต...เตรียมตัวไว้เถอะ!!”

เด็กหนุ่มจับได้จากเสียงสั่นของอีกฝ่าย ว่านั่นเป็นเพียงข้อแก้ตัว โทสะของอาเมียร์ลุกวาบ เขาเชื่อว่าชาลัวห์ร่วมมือกับนางแม่มดฆ่าเฟลิมอย่างทารุณ...เพียงเพราะความละโมบและโอหังอยากเป็นราชาแท้ๆ

“อย่ามาทำไขสือ คิดว่าข้าไม่รู้หรือ...ว่าเจ้าร่วมมือกับแม่มดนั่นจริงๆ !”

“พ...เพราะแกชักนำข้าต่างหาก! แก...ที่จริงแกคิดยืมมือข้าแล้วกำจัด แต่เกิดผิดแผน...เพราะยายแม่มดนั่นปากสว่างใช่ไหมล่ะ!!”

“กระทั่งเจ้าก็เชื่อว่าเป็นข้าหรือ” เด็กหนุ่มย้อนถาม “ขอโทษเถอะ ถ้าข้าวางแผนกำจัดเจ้าจริงๆ เจ้าคงตายไม่รู้ตัวแล้วด้วยซ้ำ!”

“ทำไม...แกจะใช้ใครมาระเบิดคอข้าเหมือนไอ้งั่งเฟลิมหรือไง!”

อาเมียร์หรี่ตาลงอย่างเย็นชา คิดแวบขึ้นมาว่า...หากเขาทำอย่างนั้นได้จริงคงดีไม่น้อย

“แล้วถ้าข้าทำได้ล่ะ”

ชาลัวห์นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตาโพลง ยกสองมือขึ้นกุมคอของตนพร้อมกับส่งเสียงขัดๆ คล้ายหายใจไม่ออก...แล้วล้มลงฟาดพื้นจนกรงแกว่งเอียดอาด ความโกรธของเด็กหนุ่มผมดำผู้มองอยู่กลับกลายเป็นความประหลาดใจถึงขีดสุด เขาได้แต่มองชาลัวห์ที่กลิ้งเกลือกบนพื้น...พลางภาวนาว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้กำลังจะตายจริงๆ ใช่ไหม

ในที่สุดชาลัวห์ก็หยุดดิ้น และงอตัวไอโขลก สลับหอบหายใจแรงๆ ราวกับเพิ่งถูกเค้นคอ

“เจ้า...เป็นอะไรไป” อาเมียร์ตัดสินใจถาม

ย...อย่าฆ่าข้า!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง “ย...อย่าฆ่าข้า!! อย่าทำอะไรข้าเลย!!

“ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อย”

อย่ายุ่งกับข้า!! อย่ายุ่งกับข้า!! ไอ้...ไอ้ปีศาจ!!

ชาลัวห์ตะเกียกตะกาย คลานออกห่างจนชิดลูกกรงอีกด้านหนึ่ง แล้วก็นั่งกอดเข่าตัวสั่น เด็กหนุ่มผมดำมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง จึงได้เดินไปอีกฟากกรง ทิ้งตัวลงนั่งเช่นกันแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

...เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่...

เมื่อครู่ เขาแค่คิดว่าหากฆ่าชาลัวห์ได้ตอนนี้เลยคงดี...ชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนจะขาดใจตายเสียเฉยๆ เมื่อวานตอนไปพูดกับรูอาร์ค...เขาก็ดึงประตูจนกลอนหัก โดยไม่รู้สึกเลยว่าตนออกแรงมากอะไรขนาดนั้น คืนหลังจากงานประลองและพิธีหมั้น...เขาก็เดินผ่านทหารยามเข้าไปยังวังชั้นใน และพูดกับแอชได้ตามใจนึกโดยที่พวกทหารไม่แม้แต่จะหันมามอง ดูลัสบอกว่าใบแชมร็อคที่ไหม้คามือเขาลงอาคมให้ทำลายตนเองเมื่อผู้มีเวทมนตร์สัมผัส แล้วยังโจรคนแรกที่เขาฆ่า...คนที่ล้มลงตายพร้อมกับเสียงประหลาดในคอ...เหมือนทหารที่แม่มดฆ่าตายต่อหน้าเขาวันนี้

...ทั้งหมดนี้...หมายความว่าเขามีเวทมนตร์หรือ...

เด็กหนุ่มกุมหน้าผาก ไม่รู้เลยว่าตนเองมีเวทมนตร์ได้อย่างไร ที่รู้แน่ก็คือเขาบริสุทธิ์ ถึงจะคิดว่าตนเองเป็นเหตุให้เฟลิมต้องตาย...เขาก็ไม่ได้วางแผนฆ่าชายหนุ่ม ไม่ได้ร่วมมือกับชาลัวห์หรือหญิงชราคนนั้น...แม้จะไม่รู้เลยว่าเหตุใดนางจึงเรียกเขาว่า ‘ท่านจ้าว’

...หรือเพราะเขาเป็น ‘เจ้าชายทัมมุซ’...

หลังอาณาจักรล่มสลาย ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ราชินีสิมาริเมสกับเจ้าชายทัมมุซถูกประณาม และตราหน้าว่าเป็นบุตรแห่งอสุรเทพ หรือที่บัดนี้เรียกกันว่าจอมปีศาจ ถึงอย่างนั้น เขาก็รู้มาบ้างว่าทั้งสองยังเป็นที่สักการบูชาของผู้ศรัทธาในอำนาจมืด แต่แม่มดนั้นถึงกับรู้ได้เชียวหรือ...ว่าเขาคือเจ้าชายทัมมุซตัวจริง...

...แล้วนักบวชชื่อมาดาย...ที่จู่ๆ ก็เข้ามาในห้องไต่สวนเล่า...

อาเมียร์รู้สึกเหมือนเคยพบนักบวชนั้นมาก่อน...แต่ก็นึกไม่ออกแน่ชัด เมื่อครู่เขาคิดว่าตนฝัน...ถึงนาสิราในตอนเด็กกว่านี้...กับแม่ที่นอนนิ่งบนเตียง...แม่ไม่สบายเป็นอะไร...หรือจะเกี่ยวกับภาพแม่ได้รับบาดเจ็บหนักที่หลังซึ่งเขาจำได้เลือนราง...แล้วยังนักบวชคนนั้น...นักบวชที่เคยบีบคอเขาแน่นแทบขาดใจ...

...เมื่อไรกัน...

ไม่ใช่พระมหาเถระที่เขาพบกับท่านผู้กล้าลูเธียนแน่ๆ ถึงจะเคยพบแค่ครั้งเดียว...ตอนทั้งสองยกพลมาทำลายอาณาจักรเขา เด็กหนุ่มก็จำได้ว่าพระเถระในตอนนั้นดูแก่ชรากว่ามาดายด้วยซ้ำ

ประหลาด เขานึกไม่ออกเลย แต่ก็เดาว่าหากเคยพบมาดายตามฝันจริง ก็น่าจะเป็นตอนยังอยู่ที่ทะเลทราย เพราะนาสิรายังเด็กอยู่ และสวมชุดเช่นนั้น เขาไม่เห็นชุดของแม่ ซึ่งคลุมผ้าห่มตั้งแต่คอลงไปถึงปลายเท้า แล้วท่านอาไปอยู่ที่ไหน ฟาร์ฮานาห์ด้วย...หรือจะยังไม่เกิด

เดี๋ยวก่อน...ฟาร์ฮานาห์เกิดตอนไหน อาเมียร์เพิ่งสะกิดใจ เขาจำตอนแม่ตั้งท้องนาสิราได้ แต่ฟาร์ฮานาห์เล่า เด็กหนุ่มจำวันเกิดของฟาร์ฮานาห์ได้จากคำบอกของแม่ แต่จำเหตุการณ์ในวันที่แม่คลอดแกไม่ได้ เวลาตั้งเก้าเดือน...ทำไมเขาจำไม่ได้เลยว่าแม่บอกทุกๆ คนในครอบครัวว่ากำลังจะมีสมาชิกใหม่เมื่อไร จำไม่ได้เลยว่าตอนฟาร์ฮานาห์อยู่ในท้องแม่ พวกเขาอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ไม่มี...นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก...เกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของเขากันแน่...

อาเมียร์แทบเค้นสมองครุ่นคิด แต่ไม่ทันได้ความ เขาก็ได้ยินโซ่เหล็กดังเกรื่องกร่าง...และรู้สึกได้ว่ากรงของตนค่อยๆ เลื่อนลงไปข้างล่าง

เด็กหนุ่มชะโงกมอง เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนบนพื้นข้างล่าง...รวมแล้วราวๆ ห้าหกคน หนึ่งในนั้นอยู่บนหอไม้ กำลังหมุนรอกให้กรงของเขาเลื่อนลงมา เมื่ออยู่ในระนาบใกล้กันจนเห็นได้ชัดเจน อาเมียร์ก็พบว่าพวกเขาสวมเครื่องแบบคล้ายทหารยาม แต่สวมหมวกคลุมสีดำคล้ายถุงแทนหมวกเกราะ เจาะช่องให้เผยเพียงดวงตา

คงเป็นราชมัลผู้ดูแลคุกนี้...เด็กหนุ่มพยายามมองโลกในแง่ดีว่าพวกนั้นคงไม่ได้มาร้าย แต่นัยน์ตาเป็นประกายของคนหนึ่งในนั้น ซึ่งจ้องมองเขาเหมือนสัตว์กินเนื้อเห็นเหยื่ออันโอชะกลับบอกอีกอย่าง เมื่อกรงลงมาถึงยกพื้นไม้ พวกเขาก็ไขกุญแจเปิดประตู ชายสองคนซึ่งร่างกำยำที่สุดเข้ามาดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน แล้วคุมตัวไว้ กระนั้น อาเมียร์ก็ไม่ได้คิดหนี และถึงอยาก...ก็ไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว

“นำนักโทษอีกคนลงมา” ชายที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มร้องสั่งคนหน้ารอกกลไก ยังผลให้กรงของชาลัวห์ถูกหมุนลงมาช้าๆ เช่นกัน

“พวกท่านจะพาเราไปไหน” อาเมียร์เสี่ยงถาม

“หึ” ชายคนเดิมหัวเราะเบาๆ “ก็ ‘ไต่สวน’ น่ะสิ”

“ไต่สวน...โดย...ท่านมาดายหรือ” เด็กหนุ่มถามต่อ

“อะไรกัน นี่จำไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่” ชายอีกคนพูดหยันๆ เสียงแหบพร่าของเขาฟังดูมีอายุไม่น้อย อาจเข้าวัยชราซึ่งถือว่าแก่เกินเป็นทหารองครักษ์ต่อไปด้วยซ้ำ “พวกแกช่างเป็นคนนอกรีตที่มีเกียรตินัก ไอ้หนูทะเลทราย ทางการธีร์ดีเรถึงกับต้องเชิญพระเถระลูเธียนจากซาเกรดา โซล มาเพื่อไต่สวนพวกแกโดยเฉพาะทีเดียว”

“พระเถระลูเธียน...” อาเมียร์พึมพำเบาๆ

คือคนเดียวกับท่านผู้กล้าลูเธียนที่เคยมาเยือนอาณาจักรของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเสด็จแม่ และเคยเป็นคู่ซ้อมแนะนำกลวิธีดาบให้เขา ก่อนจะนำกำลังพลมาบุกทำลายอาณาจักรของเขาในครั้งต่อมาใช่ไหม เด็กหนุ่มไม่รู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายออกบวชแล้ว ซ้ำยังได้รับการแต่งตั้งเป็นพระเถระ อดีตผู้กล้ายังจำเจ้าชายทัมมุซได้หรือไม่...ยังเคืองแค้นอาณาจักรของเขาอยู่หรือไม่...และจะทำอย่างไรกับเด็กหนุ่มกันแน่

“แล้วเขา...พระเถระลูเธียนมาถึงที่นี่แล้วหรือ”

“ต่อให้ยังไม่มาถึง...” ชายชราเอ่ยช้าๆ “...เราก็ดำเนินการ ‘ไต่สวน’ ได้”

สังหรณ์ของอาเมียร์เริ่มทำงาน...ในทางไม่ดีนัก แต่เขาก็ปลอบใจว่าตนคงคิดมากไปเอง ขณะที่กรงอีกใบลงมาถึง และนักโทษในนั้นถูกนำตัวออกมาเช่นกัน

“ป...ปล่อย! พวกเจ้าจะพาข้าไปไหน!!” ชาลัวห์โวยวายทันทีที่ถูกชายอีกสองคนคุมตัว

อาเมียร์ปิดปากเงียบ กวาดมองรอบด้านเท่าที่สภาพการถูกฉุดดึงไปตามทางที่มีเพียงแสงคบไฟตามไว้เป็นระยะๆ จะอำนวย ดูเหมือนพวกเขาอยู่ในถ้ำใต้ดินที่มีน้ำตก และเพดานถ้ำสูง คนกลุ่มนั้นนำตัวเขากับชาลัวห์ไปยังอาคารหินทรงสี่เหลี่ยมทึมทึบหลังหนึ่ง ใต้เงาเงื้อมของผาซึ่งมีเสียงคลื่นดังก้อง ท้องฟ้ามืดมิดคลุ้มเมฆ บ่งบอกว่ายามนี้คงเป็นกลางคืน

ในอาคารเป็นห้องกว้างห้องเดียว สว่างไสวกว่าภายนอก ทว่ากลิ่นภายในเหม็นอับอย่างประหลาด อาเมียร์ถึงกับเบิกตาโพลง ผงะเมื่อชายที่นำหน้าเดินเลี่ยงไปอีกทาง ให้เขาได้เห็นเต็มตาว่าสถานที่นี้คืออะไร

ในห้องมีกระถางไฟใส่ถ่านคุแดงตั้งอยู่มุมหนึ่ง คีมคีบและตะกร้อใส่ถ่านวางอยู่ใกล้ๆ มีดขนาดใหญ่เล็ก ลูกตุ้มหนาม และของมีคมที่เขาไม่อาจบรรยายรูปร่างได้ชัดเจนแขวนเป็นแถวกับตะขอบนผนัง โซ่หลายเส้นห้อยลงมาจากเพดาน ส่วน ‘เครื่องเรือน’ ชิ้นใหญ่ในห้องนั้นมีทั้งแท่นนอนรูปร่างหน้าตาประหลาดติดเชือกเส้นใหญ่กับรอก เก้าอี้ที่มีปลอกเหล็กไว้รัดแขนขา และหนามเหล็กแหลมพราวเป็นแถวบนที่นั่งกับพนักพิง ซ้ำยังมีโลงเหล็กรูปทรงรับกับรูปร่างคน ซึ่งบัดนี้เปิดแง้มจนเห็นหนามแหลมยาวหลายอันภายใน

เด็กหนุ่มเข่าอ่อน แทบทรุดล้มเมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งใดรออยู่ ริมฝีปากของเขาได้แต่เผยอค้างโดยไร้เสียง ผิดกับชาลัวห์ที่ร้องเสียงหลง

“ย...อย่า!! อย่าทำอะไรข้าเลย!! ถ...ถ้าพ่อข้ารู้...ต้องเล่นงานพวกแกทุกคนแน่ๆ!!”

“พ่อแกจะมาคุ้มหัวอะไรแกได้ ไอ้ฆาตกร ลิ้มรสความเจ็บปวดแล้วสารภาพมาเสียโดยดี” ชายชราซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าราชมัลเอ่ยเสียงเย็น “ไอ้อ่อนอย่างแก...ดูแล้วก็เห็นๆ กันอยู่ว่าโกงการประลองแน่ๆ ปากพล่อยอย่างนี้มีปัญญาได้คะแนนสูงสุดด้วยรึ”

“ไอ้แก่! ก...แกเป็นใครถึงมีหน้ามาดูถูกข้า!!”

“เป็นคนที่จะทำให้แกจำความเจ็บปวดไปจนวันตาย...อีกไม่นานนี้หรอก” ชายชราหันไปมองเพื่อนร่วมงานทุกคน “ว่าอย่างไร จะเริ่มจากใครก่อนดี”

ชาลัวห์หันมาทางอาเมียร์

“ม...มันก่อน!! ทรมานมันก่อน!!”

เด็กหนุ่มผมดำหวาดหวั่นมากกว่าจะโกรธ เขากลืนน้ำลายฝืดๆ ขณะก้มลงมองจี้เขี้ยวสัตว์ของเสด็จพ่อที่แกว่งไกวอยู่เหนืออก พยายามระลึกถึงสิ่งที่พระองค์เคยตรัส

...จงอย่าให้ความเจ็บปวดทำลายศักดิ์ศรีของตน...

ผู้มีสายเลือดขัตติยะย่อมเป็นเป้าหมายที่ชาติศัตรูหมายปอง...การทรมานคนเหล่านั้นให้กระทำสิ่งน่าอดสูคือการทำลายศักดิ์ศรีอย่างรุนแรงที่สุด อาเมียร์ตั้งใจว่าถึงอย่างไรเขาจะสารภาพความเท็จออกไปด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ แต่กระนั้น...เขาก็นึกไม่ออกว่าตนจะทนความเจ็บปวดมหาศาลได้อย่างไร อย่าว่าแต่รอดพ้นจากเครื่องทรมานเหล่านี้ในสภาพปลอดภัยทุกประการเลย...

“ดี” ชายชราพยักหน้า แล้วโบกมือให้ผู้คุมที่คุมตัวชาลัวห์ดึงเขามาข้างหน้า

“ไอ้เวร! ข...ข้าบอกให้ทรมานมันก่อนอย่างไรเล่า!! หูตึงรึ!!!”

“ก็เพราะหูไม่ตึงน่ะสิ...ถึงได้เคารพการเสียสละของแก” ชายชราหันไปพยักพเยิดกับราชมัลอีกคน “อย่างเบาที่สุดก่อน”

อาเมียร์เห็นราชมัลคนนั้นหยิบเครื่องมืออย่างหนึ่งขึ้น มันมีลักษณะเป็นแถบเหล็กยาวโค้งหยักสองเส้นขนานกัน แต่ละแถบหนาราวหนึ่งข้อนิ้ว ยึดด้วยตะปูเกลียว ซึ่งดูจะหมุนให้แถบเหล็กทั้งสองขยับเข้าชิดจนประกบกันได้

เด็กหนุ่มหลับตาลงทันที เมื่อพวกราชมัลดึงมือข้างหนึ่งของชาลัวห์ออกมา วางปลายนิ้วของเขาลงบนร่องเหล็กแต่ละร่อง

“ถ้าอยากให้หยุด ก็สารภาพมา”

“สารภาพอะไร!! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด!! อย่า...อย่าทำอย่างนี้กับข้าเลย!!”

เสียงพูดละล่ำละลักกลายเป็นร้องโหยหวนในไม่ช้า พร้อมกับเสียงเหล็กบิดฝืดฝืน...เอียดอาด ไม่ถึงนาที...เสียงพูดกลั้วสะอื้นก็ตามมา

“ยอมแล้ว!! ข้ายอมแล้ว!!”

เด็กหนุ่มผมดำลืมตาขึ้น รู้สึกเหมือนตนได้กลิ่นคาวเลือด แต่ก็ไม่กล้ามองดูให้แน่ใจ

“รีบคายออกมา”

“อ...เอาไอ้เครื่องนี่ออกไปก่อน...”

“มีอะไรก็คายออกมา” ชายชรายังพูดเสียงเหี้ยมตามเดิม “เจ้าวางแผนฆ่าพระคู่หมั้นของเจ้าหญิงจริงใช่ไหม”

“จ...จริง...แต่ข้า...ข้าไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน...” ชาลัวห์เค้นคำพูดออกมาเป็นห้วงๆ “ข...ข้าถูกบังคับ...อ...ไอ้คนทราย...มันบังคับข้า!”

เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากกลั้นคำผรุสวาท แล้วพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า ในศาลก่อนหน้านี้ นางแม่มดบอกว่าคนที่พาเจ้าไปหานางสวมผ้าคลุมปกปิดหน้าตาไม่ใช่หรือ”

“จะไม่ใช่แกได้เหรอ! ก็นังแม่มดเรียกแกว่า ‘ท่านจ้าว’ ให้ข้าเห็นจะๆ อย่างนั้น!”

“เรื่องแค่นั้นใช้เป็นหลักฐานได้ที่ไหน!!”

“นั่นสินะ” ชายชราเอ่ยราบเรียบ “เรื่องแค่นั้นยังใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะฉะนั้น...”

เสียงเหล็กบิดอีกครั้ง...เช่นเดียวกับเสียงร้องไม่เป็นภาษา

“ไอ้นี่น่าจะกระตุ้นความจำแกได้มากกว่านี้”

“ข...ก็ข้าสารภาพแล้ว...จะเอาอะไรกับข้าอีกเล่า!!”

“แค่นี้ยังไม่พอ” ราชมัลเฒ่าสำทับ “จงนึกดู มันมีตำหนิอะไรชี้ตัวได้อีก ตรงแขนขามีไหม นึกให้ดี”

อาเมียร์เบิกตาโพลงกับคำถามนั้น

มันประหลาดเกินไป...มันชี้เฉพาะจนเกินไป แต่ทว่า...

“ข...ข้านึกออกแล้ว” ชาลัวห์ละล่ำละลักทันควัน “มัน...มันมีแผลเป็น...เหมือนรอยบาดแถวข้อมือ...ข...ข้าเคยเห็นตอนมันยื่นมือออกมา”

เด็กหนุ่มเย็นหลังวาบ เขามีรอยหินบาดที่ข้อมือซ้ายจริงๆ ตอนช่วยท่านอาดึงแม่ขึ้นจากเหว เมื่อครั้งอาณาจักรล่มสลาย แต่ชาลัวห์รู้ได้อย่างไร...หรือสังเกตเรื่องนี้ได้อย่างไร

คำถามนี้มันชี้นำเกินไป...แต่ขณะเดียวกันก็มีมูลความจริงเกินไป คนที่ใส่ร้ายเขารู้ลึกกระทั่งตำหนิเล็กเพียงนี้เชียวหรือ

พวกราชมัลบิดข้อมือของเด็กหนุ่มไพล่หลังทั้งสองข้าง ขอบเหล็กของตรวนมือบาดผิวเนื้อให้แสบแปลบ

“มันมีแผลเป็นเล็กๆ ที่ข้อมือซ้ายขอรับ”

“เห็นไหม! เป็นอย่างที่ข้าบอกจริงๆ! ข...ข้าพูดความจริงทั้งหมดนะ...ป...ปล่อยข้าได้แล้ว!!” ชาลัวห์พูดได้เท่านั้นก็ร้องโหยหวนอีกครั้ง

ตะปูเกลียวของเครื่องบีบเล็บส่งเสียงเอียดอาดบาดแก้วหู...ตามด้วยเสียงกร็อบไล่กันสองสามครั้ง...และเสียงร้องปานจะขาดใจ...ของเจ้าของกระดูกนิ้วซึ่งคงเพิ่งแตกละเอียดไป

เหมือนเสียงร้องที่เคยตามหลอกหลอนเขา...เสียงกรีดร้องในความมืดของคนใกล้ตาย...

“พอที!” อาเมียร์กลั้นใจพูดทั้งปิดตาแน่น น้ำตาเริ่มรื้น “เขายอมสารภาพแล้วนี่!!”

“ถึงไม่อยากพอ ก็คงต้องพอ” ชายชรารับ “เพราะเครื่องบีบจนสุดพอดี บีบต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”

ปีศาจ...เด็กหนุ่มนึกขึ้นมา พวกนี้มันปีศาจชัดๆ!!

“พามันกลับห้องขัง ‘จัดการ’ แผลกับคราบสกปรกให้เรียบร้อยด้วย”

ชาลัวห์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะที่เสียงฝีเท้าซวนเซของเขากับผู้คุมทั้งสองห่างออกไป เด็กหนุ่มไม่กล้าเงยมอง...แต่กลิ่นคาวเลือดยังโชยเข้าจมูก...พร้อมกลิ่นเหม็นของสิ่งขับถ่าย ซึ่งคงเล็ดลอดจากร่างชายหนุ่มด้วยความกลัว ใจของอาเมียร์เต้นรัว ศีรษะร้อนผ่าว เขาไม่อยากมีสภาพเช่นเดียวกับชายอีกคน...ไม่อยากเจ็บปวดและอับอายอย่างนั้น

แต่เขาจะทนได้หรือ ทั้งความเจ็บปวด...แล้วยังความพิการที่จะตามมา เด็กหนุ่มรู้ว่าหากกระดูกปลายนิ้วของตนแหละเละไปทุกนิ้ว...มือข้างถนัดของเขาคงใช้การไม่ได้คล่องอีก ไม่ว่าจะจับอาวุธหรือเขียนหนังสือ...ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม

หรือจะสารภาพ...แกล้งสารภาพไปก่อนเพื่อเอาตัวรอด แล้วรอให้พระเถระเดินทางมาสอบสวนเอง ท่านลูเธียนดูเหมือนจะไม่เห็นเขาเป็นศัตรูจริงๆ ไม่ใช่หรือ หากสารภาพตอนนี้ เขาคงพอไปตายเอาดาบหน้าได้...

...จริงๆ หรือ...

แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 54 22:45:46

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 22:36:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com