ข้อกังขาตีแสกหน้าเด็กหนุ่มจนมึนชา ราชมัลพวกนี้ไม่ได้ต้องการคำสารภาพ หากต้องการแค่นั้น คงหยุดมือตั้งแต่ชาลัวห์ซัดทอดเขาแล้ว
พวกนั้นต้องการทรมาน...แววตาของราชมัลเฒ่าบอกตั้งแต่ต้นแล้วแท้ๆ ว่าแค่ต้องการใครสักคนให้ทรมาน ไม่มีหนทางหนี ไม่มีทางเลย
เขากลัว...พระวิญญาณของเสด็จพ่อหรือเทพเจ้าพระองค์ใดช่วยทีเถอะ เขากลัวจริงๆ
“ตาแกแล้ว” ชายชราเอ่ยเสียงเย็น
อาเมียร์พยายามดิ้นรน...แต่ไม่เป็นผล พวกผู้คุมกดให้เขาคุกเข่า บิดแขนซ้ายไพล่หลัง ดึงแขนขวาออกมาข้างหน้า เด็กหนุ่มปิดตาแน่น กัดฟันที่สั่นระริกเพื่อข่มเสียงร้อง ขณะที่ปลายนิ้วถูกบังคับให้กางออก ทาบลงบนร่องเหล็กแต่ละร่อง ซึ่งยังมีของเหลวข้นหนืดติดอยู่
ใครก็ได้!! ใครก็ได้ช่วยข้าที!!
ตะปูเกลียวบิดเอียดอาด เหล็กบีบคงกำลังเคลื่อนลงมาเรื่อยๆ และอีกไม่นานก็จะอัดนิ้วของเขา ความเจ็บปวดกำลังจะตามมา
...ทว่าความเจ็บปวดนั้นไม่เคยมาถึง... เสียงตะปูเกลียวต่างหากที่เงียบไป...
“หยุดทำไม” ชายชราถามอย่างประหลาดใจ
“มัน...แข็งมากจนบิดไม่ไปขอรับ” ผู้บิดคงเป็นคนตอบ เสียงครางของเขาตามมาเหมือนกำลังออกแรง
“เจ้าลองดูซิ”
อาเมียร์ลืมตาอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าหันไปมอง เขาได้ยินเสียงฝีเท้า ดูเหมือนผู้คุมจะผลัดเปลี่ยนที่ อีกคนส่งเสียงครางยาวขณะพยายามบิดตะปูเกลียว
“ไม่ไหว ไม่ไปเลยขอรับ”
“อะไรกัน กับคนเมื่อกี้ยังบีบได้สุดอยู่เลย” ชายชราเปรยอย่างสงสัย “ไปเอาน้ำมันมาหยอดเพิ่มซิ”
มีเสียงรับคำ และเสียงฝีเท้า เครื่องบีบเล็บยังคงคาอยู่กับนิ้วเขา เด็กหนุ่มภาวนาอย่าให้มันบีบลงได้อีก ภาวนาอย่างแรงกล้าให้เจ้าเครื่องอุบาทว์นี้พังไปเสีย แต่ไม่ช้า น้ำมันเย็นๆ สองสามหยดก็ตกลงบนปลายนิ้ว เขาเผลอหลับตาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนออกแรงบิดตะปูเกลียวอีกครั้ง
แทนที่เสียงกระดูกแตกและความเจ็บปวด...กลับมีเสียงเหล็กแตกกระจาย...และเสียงร้องโหยหวนที่ไม่ใช่ของเขา
อาเมียร์เงยมองทันทีตามสัญชาตญาณ แล้วก็ก้มหลบแทบไม่ทัน ภาพที่เห็นยังติดตา...ราชมัลผู้พยายามหมุนเครื่องบีบเล็บมีปลายตะปูเกลียวปักคาท่อนแขนตน เลือดไหลชุ่มโชกแดงฉาน
“อะไร...นี่มันอะไรกัน!!”
เด็กหนุ่มอยากถามเช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าตะปูเกลียวหักครึ่ง แล้วกระเด็นไปทิ่มราชมัลคนนั้นได้อย่างไร
“เจ้าพาเขาไปทำแผล” ชายชราร้องสั่งในเวลาไม่นาน ตามด้วยเสียงตอบรับ อาเมียร์รู้สึกได้ว่าชายคนหนึ่งที่คุมตนอยู่ผละออกไป แต่เขาอ่อนเปลี้ยและสับสนเกินกว่าจะใส่ใจ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงร้องกลั้วสะอื้นของคนเจ็บ และเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังออกห่าง
“ลากตัวมันไปตรงนั้น” ราชมัลเฒ่ายังออกคำสั่ง
อาเมียร์หวังว่าพวกนั้นจะพาเขากลับห้องขัง แต่ชายชรากลับเข้ามาช่วยราชมัลอีกคนคุมตัวเขาแทน ทั้งสองกระชากเด็กหนุ่มขึ้นยืน...ก่อนจะดึงตัวไปยังแท่นเอียงที่มีเชือกและรอก ปลดโซ่ข้อมือข้อเท้า รัดแทนด้วยปลอกหนังที่มุมทั้งสี่ของกระดานนั้น
“อย่าคิดว่ายืดตัวทรมานน้อยกว่าบีบเล็บล่ะ” ชายชราพูดเหี้ยมเกรียม “สารภาพเสีย ก่อนข้อต่อในตัวแกจะหลุดเป็นชิ้นๆ โชคดีไม่มีเป็นครั้งที่สอง”
“ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร...พวกแกก็ตั้งใจทำอย่างนั้นอยู่แล้วนี่!” เด็กหนุ่มพยายามกัดฟันข่มความกลัว
“หึ...” ราชมัลเฒ่าหัวเราะ “เอาอย่างนั้นก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนว่าเราไม่มีบริการต่อข้อกลับ...ลงมือได้!”
เกิดเสียงเอียดอาดเมื่อราชมัลอีกคนหมุนรอกที่ข้างแท่น อาเมียร์หลับตาลง รู้สึกได้ว่าข้อมือข้อเท้าถูกยืดห่างกันจนแขนขาเริ่มตึง เด็กหนุ่มพยายามอย่างหนักที่จะผ่อนลมหายใจ นึกถึงเสด็จพ่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวให้เขารับความทรมานเหล่านี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี...
...แต่แล้ว...เชือกทั้งสองเส้นพลันขาดดังผึงก่อนความทรมานมาถึง...
เด็กหนุ่มเสี่ยงลืมตา เห็นชายชรามองแท่นยืดตัวที่เพิ่งใช้การไม่ได้ตาค้าง กระนั้น เมื่อราชมัลสองคนที่คุมตัวชาลัวห์กลับห้องขังย้อนมา...เขาก็ได้ยินคำสั่งที่ทำให้รู้ว่าความทรมานยังไม่จบสิ้น
...เพียงแต่เด็กหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว ว่าเป็นความทรมานของใครกันแน่...
* * * * *
ดูเหมือนราชมัลเฒ่าจะเป็นพวกไม่ยอมแพ้...
เขาสั่งให้นำตัวอาเมียร์ไปนั่งเก้าอี้ตะปู...ตะปูทุกตัวบนพนักพิงและที่นั่งก็หักงอราบไปกับพื้นเก้าอี้ก่อนร่างเด็กหนุ่มทันสัมผัส เขาสั่งให้พวกนั้นนำปลอกเหล็กมาสวมขาเด็กหนุ่ม และตอกลิ่มตามรูบนปลอกให้กระดูกขาแตก ราชมัลที่ได้รับคำสั่งก็เหวี่ยงค้อนหลุดมือไปถูกอีกคน...รุนแรงจนต้องถูกพาไปพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ครั้นราชมัลเฒ่าสั่งให้พวกนั้นคีบถ่านร้อนมานาบตัวเด็กหนุ่ม คีมก็ละลายในกองถ่าน...ซ้ำตะกร้อถ่านเหล็กหลุดมือ ลวกแขนราชมัลผู้ถือเสียเอง จึงต้องถูกพาตัวไปพยาบาลแผลไฟลวกเป็นรายที่สาม
อาเมียร์เริ่มไม่แน่ใจว่าตนกลัวหรือไม่...และกลัวอะไรมากกว่า ระหว่างความเป็นไปได้ที่ยังเหลืออยู่ ว่าเขาจะไม่โชคดีทุกครั้งไปกับเครื่องทรมานซึ่งยังไม่พังไปด้วยวิธีใดสักวิธี...หรือกลัวอำนาจลึกลับที่ยังคงคุ้มกันเขาอย่างเหนียวแน่น
ราชมัลลำดับรองที่ยังปลอดภัยเพียงคนเดียวเริ่มหน้าเสียและขอให้พอ...หลังจากเห็นเพื่อนร่วมงานบาดเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อถึงสามคน แต่ดูเหมือนราชมัลเฒ่าจะเป็นพวกชอบเอาชนะยิ่งกว่านั้น...
“ลองสาวพรหมจรรย์เหล็กอีกเครื่องเดียวพอ ถ้ายังไม่ได้อีกค่อยว่ากัน!”
เด็กหนุ่มถูกผลักหัวซุนไปยังโลงเหล็กที่มีหนามภายใน เขาเริ่มหวั่นใจรุนแรงอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังถูกปลายหนามบางอันสะกิดเข้า
ดูจากหนามแหลมที่ปักพราวไม่เว้นกระทั่งใบหน้า...หนำซ้ำยังตรงกับดวงตาทั้งสองข้าง ดูเหมือนพวกนี้จะตั้งใจให้เขาพิการ ไม่ก็ตายเสียแน่แล้ว ถึงอย่างนั้น...อาเมียร์ก็ได้แต่สูดลมหายใจลึก ก่อนจะหลับตารอรับชะตากรรม
โลงเหล็กปิดพร้อมเสียงสะท้อนก้อง...แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามเดิม
ข้างนอกมีเพียงความเงียบ จนกระทั่งใครเปิดโลงให้แสงไฟสาดเข้ามา เด็กหนุ่มเสี่ยงลืมตา เห็นหนามยาวทุกอันในโลงหักงอเป็นมุมฉากหรือมุมที่แหลมกว่านั้น ไม่มีอันใดทิ่มแทงเขาเลย
“ท...ท่านหัวหน้า” ราชมัลที่เสียงหนุ่มกว่าพูดสั่นๆ “ข...ข้าว่ามันไม่ใช่คนแล้ว”
“พูดบ้าๆ!” ชายชราตวาด “มันแค่มี ‘เวทมนตร์’ เท่านั้นเอง! แต่พระเถระสะกดเวทมนตร์มันไว้แล้ว!!”
“ถึงสะกดไว้...มันยังทำได้ขนาดนี้...ข...ข้าว่ามันน่ากลัวเกินไปนะขอรับ! พอทีเถอะ!!”
ราชมัลเฒ่าแค่นเสียงไม่สบอารมณ์ แต่ก็ออกคำสั่งคุมตัว และปราดเข้ามากระชากตัวอาเมียร์ออกจากโลงเหล็กที่เสียหายยับเยินอย่างประหลาด ถึงราชมัลอีกคนจะจับตัวเด็กหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชายชรากลับมีแรงมากเกินวัย จนเด็กหนุ่มซึ่งถูกจำตรวนไม่กล้าเสี่ยงขัดขืน...ในเมื่อยังไม่เห็นทางหลบหนี
“อย่าเพิ่งนึกล่ะ...ว่ามันจะจบแค่นี้!” ชายชราเข่นเสียง
“คิดจะทำอะไรข้าอีก” อาเมียร์รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตนเหนื่อยหน่ายพิกล
“เขาว่ากันว่าพวกแม่มดหมอผี ‘กลัวน้ำ’ ใช่ไหมนะ” อีกฝ่ายหัวเราะเหมือนคลั่ง
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดๆ เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดคุ้มครองตนจากเครื่องเคราทรมานทั้งหลาย แต่...การจมน้ำตายน่าจะเป็นคนละเรื่อง ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดก็คุ้มกันไม่ได้เสียแล้ว
“เบื้องบนจะไม่ลงโทษพวกท่านหรือ หากนักโทษตายไปก่อนพิจารณาคดี” อาเมียร์พยายามใช้เหตุผลเอาตัวรอด “เจ้าหญิงกับท่านผู้สำเร็จราชการคงไม่ทราบเรื่องที่พวกท่านทรมานเราใช่ไหม หากเลิกเสียตอนนี้ พวกท่านยังมีโอกาสเก็บเรื่องเงียบไว้ และข้าจะไม่บอกใคร...”
“ช่างมัน!” ชายชราแผดเสียง “ข้าไม่สน! ข้าทำงานที่นี่มาตั้งแต่เจ้าหญิงหรือแม้แต่ฝ่าบาทรัชกาลก่อนจะเกิดเสียอีก!! ข้าไม่ยอมให้นักโทษคนไหนหยามข้ากับห้องทรมานของข้าเป็นอันขาด!! ต่อให้มันเป็นจอมขมังเวทหรือปีศาจจากนรกขุมไหนก็เถอะ!!”
เด็กหนุ่มเงียบไป ใช่เพราะจำนน แต่เพราะคำคำหนึ่งที่ชายชราพูดตอกย้ำบางสิ่งในใจเขาเสียจนไม่อาจนึกอย่างอื่นได้อีก
คงไม่ใช่ว่า ‘เจ้าชายทัมมุซ’ รอดจากเครื่องทรมานพวกนั้นมาได้เพราะเป็นปีศาจจริงๆ ตามที่สาวกของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเคยกล่าวหาใช่ไหม
อาเมียร์สั่นศีรษะอยู่ในใจ
บ้าที่สุด! ข้าจะเป็นปีศาจทั้งๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นปีศาจได้อย่างไร!
* * * * *
เด็กหนุ่มถูกผลักหัวคะมำเข้าไปในกรงว่างเปล่า ร่างล้มกระแทกพื้นด้วยน้ำหนักตรวน แล้วประตูก็ปิดลง
“หย่อนกรงลงไปในน้ำ” ราชมัลเฒ่าเอ่ยอย่างเย็นชาทันที
“ต...แต่ว่า...”
“นี่เป็นคำสั่ง! กะแค่นักโทษประหารตายไปสักคน...จะเป็นอะไรหนักหนา!!”
“ต...แต่เขายังไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดนะขอรับ”
“หรือเจ้าอยากเข้าห้องทรมานแทนมัน ข้าวของที่ยังใช้ได้ก็พอมีอยู่นี่”
ความเงียบผ่านไปครู่หนึ่ง ก่อนโซ่จะค่อยๆ ขยับเกรื่องกร่าง กรงของเด็กหนุ่มลดต่ำลงเบื้องล่าง อารามเร่งร้อนทำให้อาเมียร์ผุดลุกขึ้นเกาะลูกกรงทันควัน
“พวกท่านจะถูกลงโทษ! ถ้าข้าตาย...พวกท่านต้องถูกลงโทษแน่ๆ!!”
“แล้วอย่างไร” ชายชรากลับเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
“พวกท่านอยากถูกออกจากราชการ...หรือลงโทษหนักยิ่งกว่านั้นหรือ! คิดถึงครอบครัวของพวกท่านบ้างเถอะ!! พวกเขาย่อมไม่อยากให้ท่านถูกคุมขัง...ทรมาน...หรือกระทั่งประหารชีวิตไม่ใช่หรือ!!”
“ไอ้หนู คิดว่าราชมัลประจำคุกกรงน้ำอย่างพวกเรามีครอบครัวได้หรือ ...เจ้าเป็นคนต่างชาติ คงยังไม่รู้สินะ เอาเป็นว่าข้าจะสงเคราะห์ประวัติของ ‘คุกกรงน้ำ’ ให้สักเล็กน้อยก่อนตายแล้วกัน” ราชมัลเฒ่าเอ่ยช้าๆ “นี่เป็นคุกที่ฝ่าบาทรัชกาลก่อนหน้าฝ่าบาทพระองค์ก่อน หรือพระราชอัยกาของเจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงมีพระบัญชาให้สร้างขึ้นหลังการกบฏของพระอนุชา...เพื่อกักขังพระอนุชาของพระองค์เอง...รวมทั้งพระญาติและครอบครัวของขุนนางที่สนับสนุนพระอนุชาให้ตายไปช้าๆ เครื่องทรมานที่เจ้าเห็นพวกนั้นลิ้มรสเลือดและความทรมานของพวกเขามานานนมแล้ว พวกเราราชมัลที่ดูแลคุกนี้แต่เดิมก็ล้วนเป็นเด็กกำพร้าไร้ครอบครัว จึงถูกคัดเลือกมา ตอนเริ่มทำงานทีแรก ข้ายังอายุน้อยกว่าเจ้าด้วยซ้ำ!”
อาเมียร์เบิกตาโพลง คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ใจเขาเย็นวาบกว่าน้ำทะเลที่บัดนี้ท่วมถึงอกเสียอีก
“ชีวิตของพวกเราเหลือแต่คุกกรงน้ำ...แต่พอผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน คุกกรงน้ำก็ถูกปลดประจำการ ถึงอย่างนั้น...ฝ่าบาทรัชกาลก่อนก็ยังทรงให้พวกเรารับราชการเฝ้าคุกเปล่าๆ ต่ออย่างเสียไม่ได้ เราทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากทรมานนักโทษ เจ้าไม่รู้หรอกว่าการได้รับคำสั่งให้ทรมานนักโทษอีกครั้งมีความหมายอย่างไรกับพวกเรา!” ชายชราหัวเราะออกมา
“แล้วใคร!!” เด็กหนุ่มอดร้องถามไม่ได้ “ใครสั่งพวกเจ้า!!”
ไม่มีคำตอบจากราชมัลเฒ่า หรือมิเช่นนั้น...เขาก็ให้คำตอบหลังจากกรงของอาเมียร์จมน้ำจนมิด
เด็กหนุ่มกลั้นหายใจ พยายามลอยตัวอย่างยากเย็น ในเมื่อต้องรบกับโซ่ตรวนที่ถ่วงทั้งข้อมือข้อเท้า เขาว่ายไปที่ลูกกรงด้านหนึ่ง พยายามอย่างจนตรอกเพื่อแหกซี่กรงออกห่างจากกันเพียงเล็กน้อย...ให้แทรกตัวออกไปได้...
ข้ายังตายไม่ได้...แม่...นาสิรา...ฟาร์ฮานาห์...อาซิซ....ท่านอา...พวกเขายังรอข้าอยู่...ยังอยากให้ข้ากลับไป...ข้าจะตายไม่ได้!!
และยังมีคนอื่นๆ อีก ลีชาที่เกล็นต้องการคนปกป้อง กับรูอาร์คที่เพิ่งเสียพี่ชาย...โดยอาเมียร์มีส่วนเป็นต้นเหตุแท้ๆ...แต่ก็ยังเชื่อใจเขา และรับปากจะรีบกลับไปแจ้งข่าวให้ครอบครัวเขาโดยเร็วที่สุด
แล้วก็แอช เธอจะเสียใจเพียงไร หากเขาต้องมาตายในคุกตามเฟลิม เพราะคำสั่งที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนี้
สุดท้ายลูกกรงเหล็กก็แยกออก อาเมียร์ไม่มีเวลาคิดว่าเขาใช้แค่มือเปล่าถ่างพวกมันได้อย่างไร เขาถีบขาพยายามว่ายขึ้นมา อากาศคือสิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้...ต้องรีบขึ้นสู่ผิวน้ำ...และหาทางขึ้นฝั่งโดยเร็ว
แต่แล้ว...เด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งยึดขาตนไว้
น่าแปลก น้ำทะเลตอนกลางคืนน่าจะยิ่งมืดมิด ทว่าอาเมียร์กลับรู้สึกเหมือนเห็นสิ่ง...หรือที่ถูกควรจะเป็น ‘คน’ ที่ใช้มือทั้งสองจับขาของเขาไว้แน่นหนาชัดเจน...ผิวขาวเผือด ร่างเปลือยเปล่ากลางห้วงน้ำ ผมดำยาวสยายพัดปลิวเหมือนสาหร่าย และใบหน้าเย็นชาของเด็กชายอายุราวสิบสามสิบสี่
เด็กนั้นมีหน้าตาเหมือนเขาไม่มีผิด เว้นเพียงนัยน์ตาสีทอง ส่องประกายเหมือนไม่ใช่ดวงตามนุษย์
...ไยจึงลืม... เสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่ใช่จากปากของร่างตรงหน้า ไม่ใช่ดังในหู แต่เสียดแทรกเข้ามาในใจ ...ไยจึงลืม...
เด็กหนุ่มมองร่างนั้นตะลึงงัน กระทั่งตระหนักได้ว่าอากาศในปอดกำลังจะหมดลง เขาพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แต่ก็ไม่อาจเอาชนะภูตพรายนั้น และสติที่เริ่มรางเลือนในห้วงมืดของคุกกรงน้ำ
* * * * *
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
11 เม.ย. 54 22:36:31
|
|
|
|