Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิทานหลังฉาก หน้ากากตัวตลก(บทเมืองคนใบ้-4) ติดต่อทีมงาน

 

บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10381644/W10381644.html

บทเมืองคนใบ้-1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10388061/W10388061.html

บทเมืองคนใบ้-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10407169/W10407169.html

บทเมืองคนใบ้-3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10425013/W10425013.html



4

 

          เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง พลันประตูถูกผลักเข้ามาโดยไม่รั้งรอคำอนุญาต ถ้วยชาในมือของบุรุษวัยกลางคนลดลง ก่อนที่จะเบือนสายตาไปมองยังผู้มาเยือนอย่างสงบนิ่ง

          “ขออภัยที่มาช้า”

          ร่างนั้นเอ่ยขออภัย ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มเล็กน้อยขณะพูด สิ้นคำสีหน้าจึงกลับไปราบเรียบดังเดิม ตัวตลกปรายตามองสังเกตตามความเคยชิน เมื่อลดระดับสายตาลงจึงเห็นของบางอย่างในมือของผู้มาใหม่

          “ลงทุนไปหน่อยกระมัง”

          ตัวตลกเปรย พร้อมกับที่ฮิวจ์นำเอาสิ่งนั้นมาวางอยู่เบื้องหน้าขุนนาง เป็นหนังสือปกหนังสีดำล้วน ไร้ชื่อหนังสือ ไร้ชื่อคนแต่ง มองคล้ายของที่เขาดั้นด้นตามหา ทว่าหนังสือปกดำล้วน เพียงมองเผินๆ ทำให้ไม่อาจแยกแยะได้ว่าใช่ของที่ต้องการจริงหรือไม่

          “ขอบคุณมากฮิวจ์”

รอยยิ้มอย่างคนมีแผนการฉาบขึ้นบนใบหน้าของชายยศสูงอีกครา ฮิวจ์เพียงสบตาขุนนางนิ่ง พยักหน้าเล็กน้อยตอบรับคำขอบคุณ กวาดตามองไปยังรอบห้องก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ตัวตลกครู่หนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไป

“ไม่ชวนเขาดื่มชาบ้างหรือ”

เขาละสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยแนะนำ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหวังดี แม้จะรู้ว่าเวลาน้ำชาหมดลงแล้ว

“ตัวตลก ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าต้องการความร่วมมือจากเจ้า”

ขุนนางดึงกลับเข้าเรื่อง รวดเร็วยิ่ง กระทั่งเขายังรู้สึกคล้ายจะตั้งตัวไม่ทัน

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอคำตอบอีกครั้งเช่นกัน เหตุใดจึงเป็นข้า”

“เริ่มแรกข้าบังเอิญเจอเจ้าตามหาของในร้านค้าที่ทำผิดกฎหมาย การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้านอกกฎหมายไม่เพียงแต่เป็นการทำผิดกฏของเมืองนี้เท่านั้น แต่ถึงขั้นผิดกฏที่ออกจากส่วนกลางเพื่อความสันติระหว่างดินแดน” ตัวตลกยกถ้วยชาขึ้นจิบ รับรู้ได้ว่ามีสายตาจากขุนนางมองตรงมา “ข้านั้นเป็นถึงขุนนางใหญ่ และหากเมืองเป็นเช่นนี้ ต่อให้เจ้าไม่มีความผิดอะไร ข้าก็สามารใช้อำนาจได้โดยไม่มีใครติดใจ”

“นี่คือการข่มขู่จากท่านใช่หรือไม่”

ใบหน้าของตัวตลกไม่บ่งบอกอารมณ์ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มที่มักจะมีอยู่เป็นนิจ สายตาเย็นชาประสานกับสายตาของขุนนางยศสูงที่พยายามอ่านใจเขาให้ออก

“ใช่ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะยอมร่วมมือด้วยวิธีการนี้หรอก ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายสูงวัยกว่ากว่า นิ่ง...นาน ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด

“ว่าไป”

บุรุษผู้กุมอำนาจเหนือกว่าชะงักงันไปครู่หนึ่ง

“ข้าใช้เวลาในการสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้า สามารถสืบเส้นทางที่เจ้าเดินทางมาได้ไม่ยาก รวมทั้งคำนวณไปถึงเมืองที่เจ้าคิดจะเดินทางไปต่ออีก เจ้าข้ามทะเลมาจากดินแดนหิมะขาว เลือกเส้นทางลัดดั่งคนต่างเมืองที่มีจุดประสงค์จะทำการค้าผิดกฎหมายกับที่นี่ และตีตราระบุเวลาที่จะอยู่ในดินแดนแห่งนี้ถึงสิบปี”

หน่วยใหญ่ในการแบ่งแยกพื้นที่บนโลกนี้คือดินแดน ซึ่งในแต่ละดินแดนก็แยกย่อยลงไปอีกคือเมือง เล็กกว่านั้นคือหมู่บ้าน การเดินทางย้ายข้ามดินแดนค่อนข้างยุ่งยากกว่าระดับเมืองมากนัก เนื่องจากต้องผ่านการตีตราโดยเวทไว้ว่าจะอยู่ในดินแดนนั้นนานเพียงไร หากแค่ชั่วคราวจำต้องระบุระยะเวลาที่จะอยู่ด้วยว่าไม่เกินกำหนดกี่ปี ส่วนหน้าด่านจะอนุมัติหรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่ว่ากันอีกที ทว่าการตีตราที่เขาต้องทำก่อนเข้ามายังเมืองคนใบ้ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านแห่งหนึ่งนั้นนับว่าหละหลวมอย่างที่สุด กี่ปีก็ยินยอมตีตราให้โดยง่าย แม้กระทั่งหน้ากากยังไม่คิดบังคับถอด

ความหละหลวมถึงเพียงนี้ไม่อาจหาได้อีกแล้ว

การตีตราโดยเวทนั้นเปรียบเสมือนบัตรทางผ่าน เป็นเครื่องยืนยันว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้รับการอนุญาตให้เหยียบย่างบนดินแดนนั้นได้หรือไม่ บางคนอาจตีตราว่าจะปักหลักอยู่ตลอดชีวิตก็แล้วแต่ ซึ่งการตีตราถือเป็นหนึ่งในสัญญาที่ทุกดินแดนตกลงร่วมกันว่าต้องมี

“ข้าได้ฟังนิทานของเจ้า นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำคุณสมบัติ ให้ข้าเดา...เจ้าต่อต้านระบบปกครองของดินแดนเราใช่หรือไม่”

“ตัวตลกไม่ใคร่สนใจการเมือง”

เขาแย้มรอยยิ้มบาง ยกมือขึ้นมาลูบหนังเทียบบนใบหน้าให้แนบสนิทผิว ยิ่งขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้ามากกาวยิ่งเสื่อมง่าย

“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดว่าคงเป็นความกลุ้มใจของเจ้า รู้ใช่หรือไม่ว่าการผ่านด่านตีตราเข้ามาในเมืองคนใบ้นับว่าง่ายที่สุด”

มือที่เอื้อมไปแตะถ้วยชาเตรียมจะยกขึ้นจิบของตัวตลกนั้นชะงักไป อดไม่ได้ที่จะชักมือกลับแล้วหันมองรอยยิ้มของขุนนางเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าได้ดี ความเยือกเย็นยังคงเสมอต้นเสมอปลาย หากแต่ความรู้สึกทึ่งในตัวขุนนางผู้นี้กลับเพิ่มพูนขึ้นมา

“พูดไปแล้วก็เปรียบได้กับอ่างเก็บน้ำ ทางเข้ามายังเมืองคนใบ้นั้นแสนง่าย หากอยากจะออกไปก็ต้องกลับทางเดิม ถ้าเพียงแค่นั้นย่อมไม่มีปัญหา แต่หากคิดจะผ่านเมืองคนใบ้ไปยังเมืองอื่นต่อ...ถือเป็นด่านนอกสัญญาระหว่างดินแดน ซึ่งรู้กันในวงในดีว่าหินที่สุด อาจจะเข้มงวดยิ่งกว่าด่านที่พึงมีตามสัญญาของเมืองหน้าด่านที่เคร่งครัดที่สุดก็ได้”

ด่านนอกสัญญาระหว่างดินแดนมีความหมายว่าเมืองนั้นๆ ได้ตั้งด่านขึ้นมาเอง จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เมืองหน้าด่านที่ทำหน้าที่คัดคนต่างดินแดนเข้ามานั้นจำเป็นต้องมีตามสัญญา ซึ่งส่วนกลางหรือนายเหนือหัวของทุกดินแดนได้ตกลงทำสัญญากันเอาไว้

“แล้วยังไงอีก”

บุรุษผู้มีอำนาจคนนี้ฉลาดเสียจนน่ากลัว อ่านออกถึงความกังวลของเขาซึ่งไม่เคยเปิดเผยออกมาได้จากข้อมูลเหล่านี้  ไม่ใช่คณะกบฏกระจอกเลยแม้แต่น้อย คราวนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

          “ตัวตลกพเนจรจะอยู่เมืองคนใบ้ไปด้วยเหตุผลอะไรถึงสิบปีเล่า คงไม่ใช่ทำธุรกิจกระมัง นอกจากของที่เจ้าต้องการ ข้ายังให้สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่านั้นคืออิสระในดินแดนคนบาป”

ดินแดนคนบาป...หรืออาจเรียกได้ว่าดินแดนต้องสาป ดินแดนแห่งบาป แม้กระทั่งดินแดนของราชาปีศาจ แต่ไม่ว่าจะถูกเรียกขานด้วยนามใด ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องหากใครคิดร้ายเข้ามาเหยียบผืนดินแม้เพียงก้าวเดียวก็ยากยิ่งที่จะพ้นออกไปได้ 

หากตัดเรื่องของเมืองคนใบ้ออกไป เมืองหน้าด่านอื่นๆ ของดินแดนคนบาปล้วนแต่เคร่งครัด เข้ายากออกยาก ทว่าส่วนใหญ่แล้วคนมักจะไม่ค่อยเดินเส้นทางมายังเมืองคนใบ้ เนื่องจากเส้นทางการเดินเรือนั้นลึกลับซับซ้อน เส้นทางนี้เป็นที่รู้กันเพียงไม่กี่คน อีกทั้งเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องออกไปทางนั้น หากไม่มีเส้นสายหรืออำนาจจริงๆ ก็ไม่อาจไปเมืองอื่นต่อได้

ดังนั้นนอกเหนือจากผู้ที่คิดมาทำการซื้อขายผิดกฎหมายแล้ว จึงไม่มีใครสิ้นคิดหลงเข้ามาทางเมืองคนใบ้ หากคิดจะเข้ามาแล้วไปยังเมืองอื่นต่อ ก็ควรเข้าทางเมืองหน้าด่านอื่น

ขุนนางผู้นี้อ่านทุกอย่างขาด ยื่นข้อเสนอในสิ่งที่เขาต้องการที่สุด

“เจ้าอาจมากความสามารถ อาจสามารถเดินทางเล็ดลอดข้ามเมืองข้ามดินแดนมาได้ด้วยวิธีการที่แม้แต่ข้ายังคาดไม่ถึง แต่ดินแดนคนบาปแห่งนี้จะไม่เหมือนกับที่เจ้าเคยผ่านมา”

“ข้ายอมแพ้ท่านจากใจ เช่นนี้แล้วก็ว่าข้อเรียกร้องของท่านมาเถิด”

“แค่ทำสัญญาเข้าร่วมกลุ่มกบฏของเรา”

ชายต่างวัยสบตากันราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปถึงความคิดของอีกฝ่าย สุดท้ายตัวตลกกลับต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยหนักใจถึงเพียงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

“ท่านยื่นข้อเสนอให้ข้าเดินทางจากเมืองนี้ไปโดยง่าย ทว่ากลับให้ข้าทำสัญญาเข้ากลุ่ม”

ตัวตลกเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ โคลงหัวให้กับความคิดของตน

“กลุ่มกบฏของเรามีผู้เข้าร่วมแค่เพียงเท่าที่เจ้าเห็น ซึ่งน้อยเกินกว่าจะทำการใดได้ แค่เพียงการสะสมอำนาจก็กินเวลาเกือบสามสิบปีแล้วตัวตลก จากพลเมืองต้อยต่ำ จนกระทั่งเวลานี้เป็นถึงขุนนางใหญ่ ยามนี้เรื่องอำนาจถือว่าประสบความสำเร็จในขั้นหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการเป็นอย่างยิ่งขณะนี้คือกำลังคน”

“ขนาดท่านยังหาคนได้เพียงเท่านี้ แล้วจะฝากความหวังไว้กับตัวตลก? ไม่อารมณ์ขันมากไปหน่อยหรือ”

เขาพูดพลางหัวเราะ ทว่าขุนนางกลับมีเพียงความจริงจังที่ฉายแววในดวงตา น่าขันยิ่งนัก ให้อิสระแก่เขาเพื่อให้เขาตกลงยอมรับข้อเสนอ ขณะเดียวกันก็เป็นการให้อิสระแก่เขาเนื่องด้วยจำเป็นต้องใช้งาน

“นั่นเพราะข้าจำเป็นต้องอยู่คุมอำนาจในเมืองนี้ หากต่อไปขึ้นเป็นเจ้าเมืองก็เหมือนเพิ่มโอกาสสำเร็จอีกโข เทียร่าเป็นอิสตรี ทั้งความสามารถยังไม่เพียงพอ บาร์นยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตามืดบอดเมื่ออยู่ใต้แสงสว่าง ขณะที่เจ้าเป็นตัวตลกเร่ร่อน  ข้าเข้าใจความลำบากของการเอาตัวรอดอย่างคนพเนจรดี ว่ามันหนักหนาและโดดเดี่ยวเพียงไร วางใจเถิด เมืองอื่นไม่กดหัวชาวบ้านเท่าเมืองนี้หรอก รับรองว่าการหาพรรคพวกจากเมืองอื่นไม่ยากเกินความสามารถ”

ฟังถ้อยคำอันยืดยาวของขุนนางมานานแล้วเขาก็อดถอดถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้ ตัวตลกเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มือเอื้อมไปแตะถ้วยชาพร้อมกลับกล่าวคำอย่างเนิบช้า

“แล้วเสือกใช้หนังสือที่ข้าหาแทบพลิกแผ่นดินเป็นเพียงของแถมเสียนี่”



จากคุณ : w.ra
เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 19:00:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com