18 ผูกพันเธอไว้ในอ้อมกอดฉัน
เสียงกรีดร้องนั้นไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะ อ้าวก็ฉันจะถอดโชว์เค้าอยู่แล้วนิ แล้วก็ไม่ใช่ของตาทัพพีด้วย ก็เขาไม่ใช่แต๋ว แต่มันดังมาจากด้านหลังของฉันต่างหาก
แล้วฉันก็หันไปเห็นคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเจ้าของเสียงกรี๊ด ยัยแม่มด!
โอ้แม่เจ้า ชีเข้าฉากได้ประจวบเหมาะมาก ภาพที่ชีเห็นคือ ฉันยืนจังก้าหันหลังให้ประตู ส่วนตาทัพพีนั่งคุกเข่าดึงกระโปรงฉันลงมาพอดี หน้าเขาจึงอยู่ระดับเดียวกับก้นฉัน มองจากมุมนั้นอาจเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังเอาหน้ามาซุกไซ้อะไรฉันอยู่ก็ได้ มิน่าล่ะ กรี๊ดสนั่นเลย
ขอโทษนะ ที่เข้ามาขัดจังหวะ ว่าแล้วชีก็รีบปิดประตูดังปัง!
เดี๋ยวก่อน ขวัญ... มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ทัพพีแทบจะวิ่งวิญญาณปลิวตามไปติดๆ
เหอๆ คราวที่แล้วเจอฉากน้ำแข็งถูหลัง คราวนี้ก็เจอฉากซุกไซ้ โถ...ทับบี้น้อยโดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้จะแก้จะตัวยังไงไหวน้อ?
ฉันกลับมาถึงบ้านหลังน้อยอีกที ก็ปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางและข้าวของของยัยแม่มดดำหายไป นี่ชีโมโหหึงถึงขนาดหนีกลับกรุงเทพเลยเหรอ อา... อย่างงี้ก็เป็นจังหวะเหมาะที่สุดที่จะได้กลับไปหาปั้นเมฆแล้วสิ หัวใจของฉันกระโดดลงกระพ้อมไปถึงไหนแล้ว แต่ตัวกลับเกิดอาการลังเล ในหูได้ยินคำพูดของตาทัพพีสะท้อนก้องกลับไปกลับมา...
วันหลังป้าห้ามหายไปแบบนี้อีกนะ ทัพพ์จะขาดใจให้ได้
ทัพพ์กำลังกลุ้มใจมากนะ ขอร้องล่ะ ป้าจี้อยู่เฉยๆ ...อย่าหายไปไหนให้ทัพพ์กลุ้มใจอีกเรื่องได้มั๊ย
เดี๋ยวๆ ป้าจี้ก็หายตัวไปเฉยๆ ...ทัพพ์เป็นห่วงป้าจี้เหลือเกิน กลัวถูกเค้าหลอกเอา
จะให้ฉันหายไปเฉยๆ ก็รู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน ยิ่งถ้าเกิดครั้งนี้ ฉันต้องไปอยู่ทางโน้นนานกว่าปกติล่ะ ฤดูทำนาตั้งแต่เริ่มหว่านจนเกี่ยวได้ ฉันตั้งใจว่า ไปคราวนี้ จะอยู่ช่วยปั้นเมฆทำนาอินทรีย์ให้ได้ผลดีสักสามสี่ครั้งจนมั่นใจก่อนแล้วค่อยกลับมา น่าจะใช้เวลาอยู่ทางโน้นราวสองสามปี ไม่รู้ต้องหายจากทางนี้ไปนานแค่ไหน ทัพพีน้อยคงเป็นห่วงกระวนกระวายน่าดู
ฉันควรเขียนโน๊ตสั้นๆ ให้เขาสักหน่อย
ป้าจี้ไปช่วยชาตินะ ไม่ต้องตามหา อย่าเป็นห่วง จุ๊บๆ รักทับบี้ที่สุด ป้าจี้
อ่า... แต่เดี๋ยวทัพพีน้อยเข้าใจว่าฉันไปรวมพลคนเสื้อแดงกับเค้าล่ะยุ่งเลย ขยำๆ ทิ้งลงถัง งั้นเอาใหม่...
หรือว่า... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันควรหลอกให้ตาทัพพีเข้าใจผิดคิดว่าฉันหนีตามผู้ชายไปดี? หนีตามผู้ชายเหรอ? จะว่าไป...ก็ไม่ถือว่าหลอกนะ
ทัพพีน้อยคนดีของป้าจี้...
ป้าจี้เสียใจจริงๆ ที่ไม่สามารถพาเขามาหาทัพพีได้ แต่ป้าจี้กลับต้องเป็นฝ่ายไปกับเขา ทัพพีไม่ต้องตามหาป้าจี้นะ ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย เขาเป็นเด็กดี คนดี ไม่มีพิษมีภัยอะไร...
(เขียนมาถึงตรงนี้ ฉันเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนทำไปเพื่อลบความรู้สึกร้อนวูบริมฝีปากเมื่อนึกถึงรอยจูบที่เขาประทับฝากไว้... ยืนยันว่า เขาไม่มีพิษมีภัยจริงๆ) ...ป้าจี้มั่นใจว่าเขาไม่ได้หลอกป้าจี้อย่างที่ทัพพีคิด เขาจริงใจและรักป้าจี้มากเหลือเกิน ป้าจี้ก็รักเขามากเกินกว่าจะทิ้งเขาได้ ทัพพีน้อยอย่าเสียใจนะที่ป้าจี้ตัดสินใจจากทัพพีไป ไม่ว่าไกลแค่ไหนนานเท่าไหร่ ถึงยังไงหัวใจของป้าจี้ก็ยังมีทัพพีน้อยคนดีอยู่เสมอ ไม่มีใครแทนที่ได้ตลอดไป ป้าจี้
ฉันรีบเช็ดหยดน้ำที่ตกใส่จดหมายถึงหลานชายออกไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าแค่เขียนประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำ ฉันถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม หรือว่า... จากไปคราวนี้ ฉันจะไม่ได้กลับมา?
ไม่... คงไม่หรอกน่า
อย่าเพิ่งคิดอะไรให้ไกลไปกว่านี้เลย รีบไปก่อนดีกว่า ป่านนี้ปั้นเมฆจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ???
กลับมาอีกครั้ง ยุ้งข้าวหลังน้อยว่างเปล่า นอกจากกระพ้อมข้าวใบใหญ่ที่ฉันใช้ข้ามมิติแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย กระพ้อมข้าวใบอื่นๆ ไปไหนหายหมด ที่นอนหมอนมุ้ง สมุดหนังสือเครื่องเขียน และข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ของปั้นเมฆที่เขาค่อยๆ ขนมาใส่ไว้ตั้งแต่เด็กจนโตหายเกลี้ยง เสื้อผ้าของฉันที่ซ่อนไว้ก็ไม่มีด้วย จะว่าขโมยขึ้นยุ้งก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่ได้เก็บข้าวหรือผลผลิต และไม่มีของมีค่าอะไรเลย
ดูจากฝุ่นที่เกาะบนพื้นหนา ฉันเข้าใจว่าปั้นเมฆคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่สักพักแล้ว... หรือว่า เขา... ฉันไม่อยากคิดเลยว่าเขาย้ายไปอยู่ที่อื่น?
สมมุติฐานของฉันยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อเปิดประตูยุ้งออกไป นาข้าวที่เคยเห็นจนชินตา กลับกลายเป็นป่าหญ้า มีวัชพืชที่ฉันไม่รู้จักชื่อออกดอกสีเหลืองสะพรั่งเต็มไปหมด นาที่ลุ่มมีน้ำขังกลายเป็นหนองน้ำตื้นๆ มีต้นกกขึ้นเป็นหย่อมๆ นกกระยางสีขาวฝูงใหญ่กำลังหาปลากิน พอได้ยินเสียงฉันเปิดประตูก็พากันบินห่างออกไป
ถึงภาพตรงหน้าฉันจะเป็นภาพธรรมชาติในชนบทที่ดูสงบงดงาม แต่ฉันกลับเกิดความรู้สึกวังเวง เหมือนเหลืออยู่คนเดียวในโลกกว้างเปลี่ยวร้าง อ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก มองทางไหน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน
ปั้นเมฆ...!!! ฉันพยายามเรียกหาเขา แต่หูของฉันกลับได้ยินเสียงร้องของลูกควายตัวหนึ่งก้องกังวาลไปทั้งทุ่ง เสียงของฉันทำฝูงนกกระยางตกใจบินหนีไปทั้งฝูงจนลับตา พร้อมๆ กับความหนาวยะเยือกแผ่ซ่านเข้ามาเกาะกุมหัวใจ
อา... ปั้นเมฆจากไปแล้วจริงๆ เขาทิ้งได้แม้แต่ยุ้งข้าวที่เขาบอกว่าหวงนักหนา คงโกรธ เสียใจ น้อยใจที่ฉันไม่ยอมอยู่กับเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันได้แต่บอกให้เขารอ... รอ... รอ... เขารอฉันมากี่ปีแล้วไม่รู้ ...จนถึงวันนี้ เขาคงถอดใจ ไม่รอพี่นางฟ้าคนนี้อีกต่อไปแล้ว
นี่ฉันควรทำยังไงดี จะไปตามหาเขาได้ที่ไหน? ไม่น่าเลย... วันนั้นฉันไม่น่าจากเขาไปเลย ฮือๆๆๆ...
ไม่รู้ว่าฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกครั้ง ก็เมื่อหูแว่วเสียงเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกล...
รถ! เสียงรถนี่นา ปั้นเมฆกลับมาแล้วเหรอ?
ฉันรีบวิ่งแจ้นไปตามที่มาของเสียง แต่ปรากฎว่า คนที่มากับรถยนต์คันนั้น ไม่ใช่คนที่ฉันกำลังคิดถึง กลับเป็นชายแปลกหน้าสามคน ฉันจึงรีบหลบเข้าไปในพงหญ้าใกล้ๆ แอบฟังเขาคุยอะไรกัน
ตกลง เค้ายอมขายแปลงนี้แล้วรึ? ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดที่ก้าวลงมาจากหลังรถเอ่ยถาม
ยอมแล้วครับ ผมตะล่อมกล่อมจนได้ ชายร่างเล็กซึ่งนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถตอบนอบน้อม
งั้นก็ดี แล้วทำไมไม่รีบๆ นัดโอนล่ะ เงินเราก็พร้อม
ฟังแค่นั้นฉันก็แทบไม่ต้องเดา เขาต้องเป็นเจ้าหนี้ปั้นเมฆที่ยึดนาเขาไปแล้วพยายามขอซื้อที่ดินที่เหลือแน่นอน
ผมพยายามนัดโอนตั้งหลายครั้ง แต่ลูกชายนายอาทิตย์ผลัดเรื่อยมา บอกว่าพ่อยังไม่ทันเผา จะให้เอาสมบัติออกขายเลย รู้สึกไม่ดี
อา... ฉันได้ยินแล้วรู้สึกตกใจจนเกือบเปล่งเสียงร้องไห้โฮออกมา... นายอาทิตย์ตายแล้วเหรอ? หัวใจของฉันตอนนี้เหมือนถูกบีบคั้นอย่างแรงจนเจ็บหน้าอก ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่า เขาเป็นคนในอดีต ยังไงก็ไม่มีชีวิตเหลืออยู่ในโลกของฉันอีกแล้ว แต่ฉันก็ได้ย้อนเวลากลับมาเห็นเขาตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่ม ขยันขันแข็ง ประหยัดและอดทน... เคยเห็นเขามีความรักหลบๆ ซ่อนๆ แอบพาหญิงสาวเข้ากระท่อม จนกระทั่งมีลูกชายน่ารักออกมาให้ฉันเล่น เป็นพ่อที่แสนดี เลี้ยงลูกขำๆ ทำให้ฉันหัวเราะได้ตลอดทุกครั้งที่แอบฟังพ่อลูกคุยกัน... เขาป่วย ฉันก็รู้สึกสงสาร แต่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย จนตอนนี้ ต้องมารับรู้ว่าเขาตายจากไป น้ำตาที่ยังไม่แห้งก็กลับไหลทะลักทะลายลงมา
ฉันยังเสียใจขนาดนี้ แล้วปั้นเมฆล่ะ ลูกชายที่ผูกพันกับพ่อเหลือเกินคนนั้น จะเศร้าเสียใจขนาดไหน?
แล้วเมื่อไหร่จะเผาล่ะ?
เพิ่งเผาไปเมื่อวานครับ หลังจากเก็บศพมาเกือบห้าเดือน
เฮ่ย... เก็บเกินร้อยวันแล้วมันไม่เน่าเหรอวะ หรือว่าไม่มีเงินจัดงาน? ทำไมลื้อไม่บอกอั๊ววะ จะได้ให้เค้ายืมไปก่อน
เรื่องของเรื่องคือ เมียนายอาทิตย์ทำใจไม่ได้ ไม่ยอมเผาผัวซักที นี่ถ้าไม่ได้ลูกชายกับหลวงพ่อที่วัดช่วยกันเกลี้ยกล่อม ป่านนี้ก็ยังไม่ยอมให้ใครแตะ
แล้วนี่พวกเค้าไปไหนล่ะ บ้านปิดเงียบเชียว หรือย้ายออกไปแล้ว?
เห็นเค้าว่า สองแม่ลูกย้ายไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ ครับ
กรุงเทพเหรอ? โธ่... กรุงเทพกว้างใหญ่ไพศาล แล้วฉันจะไปหาเขายังไงล่ะ? แค่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในร่างนี้โดยไม่โดนใครจับไปทำลูกชิ้นยังยากเลย หรือต่อให้แปลงร่างเป็นคน ผู้หญิงตัวคนเดียวไม่มีเงินติดตัวสักบาท ไม่มีเสื้อผ้าใส่ จะให้เข้าเมืองยังไง?
ความจริงไม่ต้องรีบย้ายออกไปก็ได้นะ กว่าเราจะวางผัง ขออนุญาต ทำเรื่องสินเชื่อก็ใช้เวลาเป็นปีๆ ถ้าไม่มีที่ไปก็ให้เค้าอยู่ไปก่อน อั๊วไม่ไล่
อย่างงี้ดีแล้วครับ เราจะได้มั่นใจว่าไม่ต้องฟ้องไล่ที่กันทีหลัง
งี้ลื้อก็รีบโทรนัดจัดการซื้อขายซะให้เรียบร้อย เดี๋ยวเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะยุ่ง
ครับ... ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
อา... เขาติดต่อปั้นเมฆได้ แต่ตอนนี้ สมองฉันตื้อไปหมด คิดหาวิธีสื่อสารกับพวกเขาไม่ออกเลย ได้แต่มองผ่านม่านน้ำตาดูพวกเขาก็เดินไปเดินมา ชี้ตรงโน้นตรงนี้ และถ่ายรูปที่ดิน ก่อนจะขึ้นรถจากไปเหลือฉันไว้คนเดียว
สุดท้ายฉันก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทิ้งตัวลงปล่อยเสียงที่กลั้นไว้ ร้องไห้โฮออกมาอยู่ในพงหญ้านั่นเอง
ฉันนั่งร้องไห้จนท้องฟ้าเปลี่ยนสีถึงได้รู้ตัว ดวงอาทิตย์ยามเย็นวันนี้ทอแสงเศร้าเกินกว่าฉันจะรับได้ จึงเดินคอตกกลับไปนอนขดตัวอยู่ในยุ้งข้าวที่ว่างเปล่า ปล่อยให้ความมืดค่อยๆ กลืนกินฉันหายเข้าไปช้าๆ อากาศค่ำคืนนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่ฉันกลับรู้สึกหนาวจับใจ เมื่อไม่มีแสงอบอุ่นจากตะเกียงเจ้าพายุดวงนั้น ที่ปั้นเมฆจุดสว่างไว้อ่านหนังสือกับพี่นางฟ้าตอนหัวค่ำ และหรี่แสงลงเมื่อเห็นเจ้าชมพูมุดเข้ามุ้งนอนตอนดึกอีกแล้ว มีแต่ความมืดมิดในคืนเดือนมืด... กับความรู้สึกมืดในหัวใจฉันที่มืดมิดยิ่งกว่า...
เสียงท้องฉันร้องดังแทรกขึ้นมาผสานกับเสียงหรีดริ่งเรไรและเสียงใบไผ่เสียดสีกัน ฉันไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย ได้แต่กล้ำกลืนความขมขื่นที่เอ่อล้นขึ้นมาจุกคอเข้าไป
ตอนนี้ปั้นเมฆของฉันอยู่ที่ไหน ...รู้บ้างไหมว่าพี่นางฟ้าของเขาคิดถึงเหลือเกิน
ฉันได้แต่เฝ้ารอด้วยความหวัง และภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลใจให้เขากลับมา... กลับมาเถอะนะปั้นเมฆ... กลับมาหาพี่นางฟ้าอีกสักครั้ง ได้โปรด...
นี่ใช่ไหม ความรู้สึกของปั้นเมฆที่รอคอยฉันกลับมาหาเขา หรือว่ามันเป็นกรรมที่ตามสนองฉัน ถ้าอย่างนั้น ไม่รู้ว่าฉันต้องรอคอยเขาไปอีกกี่เดือนกี่ปีถึงจะสาสมกับที่เคยให้เขาเฝ้ารอ...
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
12 เม.ย. 54 22:36:08
|
|
|
|