รัตติลวง บทที่ 18
หลังจากวางสายวโรณิกา ภควก็ไปหาเธอถึงที่บ้าน พวกเขาขับรถออกจากกรุงเทพฯ โดยมีปลายทางอยู่ที่หัวหิน ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าไม่มีที่ใดจะดีไปกว่าที่พักใจนี้
ภายในรถเงียบเชียบ สองหนุ่มสาวต่างไร้ซึ่งคำพูด ไม่ใช่เพราะไม่มีเรื่องใดจะพูด ทว่าสายตาที่ต่างมองกันและกันเป็นระยะได้พูดแทน พวกเขาละทิ้งเรื่องยุ่งยากใจไว้เบื้องหลัง ไม่มีใครกล่าวถึงปริศนาลับที่ยังค้างคา ต่างพอใจที่มีกันและกันในเวลาสับสน
ภควเลี้ยวรถเข้าไฮเปอร์มาร์เก็ต...ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ก่อนเข้าบ้าน ซื้ออาหารสดสำหรับทำบาร์บีคิวเย็นนี้
“ณิกาอยากกินอะไรอีก” เขาหันมาถาม พลางวางปลาทับทิมตัวโตที่ตั้งใจจะเอามาห่อฟอยล์ย่างเกลือใส่รวมในตะกร้ารถเข็นซึ่งมีกุ้ง ปู ข้าวโพด และมันฝรั่งอยู่ก่อนหน้า
“อืม...เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วมั้งคะ” แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นเมื่อนึกได้
”อ้อ น่าจะมีไวน์สักขวด คงจะดีไม่น้อย” เธอโปรดปรานไวน์เป็นพิเศษ
“ตกลงครับ ณิกาได้ตามนั้น” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
พวกเขาได้ไวน์ขาวมาหนึ่งขวด วโรณิกาเป็นคนแย่งจ่ายเงิน ไม่ยอมให้ภควออกเงินให้เหมือนค่าของสด เขาไม่ดื้อดึง ยอมตามแต่โดยดี เข้าใจว่าเธอชอบให้ทุกอย่างระหว่างพวกเขาเสมอภาค
แดดร่มลมตกเมื่อสองหนุ่มสาวถึงที่พัก ภควะยกเตาไฟฟ้าออกมาวางตรงลานอเนกประสงค์ข้างสระน้ำ วโรณิกาเตรียมของสดอยู่ในครัว เมื่อจัดพื้นที่เสร็จ เขาก็เข้าไปช่วยเธอ
“ทำอะไรครับเนี่ย” เขาถาม ตามองเธอเอาฟอยล์สีเงินห่อมันฝรั่งที่มีรูเล็กๆ พรุนไปทั่ว
“ทำมันอบค่ะ”
“ไม่คิดว่าณิกาจะทำอาหารเป็น” หน้าตาท่าทางของวโรณิกาดูเป็นคุณหนูทุกกระเบียดนิ้ว...เป็นคุณหนูหน้าหยิ่งเสียด้วยสิ
“อย่าเรียกว่าทำเป็นเลยค่ะ มันอบทำง่ายจะตาย” หญิงสาวย่นจมูกนิดๆ เธอทำอาหารง่ายๆ พอได้บ้าง เพราะไม่ได้สนใจการครัวเท่าไหร่ และนอกจากนี้ก็มีแม่บ้านทำอาหารให้กินเป็นประจำ
“แค่เจาะรูมันให้ทั่ว...จะได้สุกไวๆ เอามาห่อฟอยล์ แล้วก็อบ หรือปิ้งหรือย่างก็ได้ พอร้อนก็ใส่เนย สักพักใหญ่ๆ มันสุกก็กินได้แล้วล่ะค่ะ นี่ถ้ามีซาวครีม ต้นหอม กับเบคอนทอดกรอบโรย จะอร่อยยิ่งกว่านี้ แต่สำหรับตอนนี้ มีเนย เกลือ พริกไทย โรยนิดๆ ก็ถือว่าหรูแล้ว” เธอวางมันที่ห่อเรียบร้อยใส่ชามแล้วหยิบมันลูกใหม่มาจิ้มให้พรุนด้วยส้อม
“ก็ถือว่าทำเป็นล่ะครับ”
วโรณิกาไม่เถียงเขา เธอถาม “คุณภาคทำอาหารเป็นหรือเปล่า” ก่อนจะนึกได้ว่า “เอ...ไม่น่าจะทำเป็นแหงๆ เลย มีแต่อาหารสำเร็จรูปเต็มตู้เย็นขนาดนั้น” เธอล้อยิ้มๆ
“โห...ดูถูกกันนี่นา” ภควร้องโวยวาย “ผมทำเป็นนะ อร่อยด้วย”
“โวหรือเปล่าคะเนี่ย” วโรณิกายังคงไม่เชื่อ “ที่ทำเป็นหมายถึงอาหารไข่หรือเปล่าคะ ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น อย่างนั้นณิกาก็ทำเป็น” แล้วเธอก็หัวเราะ
“อาหารไข่ผมก็ทำได้ แต่อย่างอื่นก็ทำได้เหมือนกัน ไม่ได้คุยโวนะ ไว้วันหลังผมจะทำให้ณิกากิน แล้วถ้าอร่อย ณิกาจะต้อง...ต้องให้รางวัลผมด้วย”
หญิงสาวหัวเราะหึๆ ริมฝีปากโค้งขึ้น ตาเป็นประกายวาว “งั้นณิกาจะแกล้งบอกว่าไม่อร่อย”
“อ้าว! แล้วกัน ถ้าอร่อยก็ต้องบอกว่าอร่อยสิครับ” เขาท้วง
“ไม่เอาค่ะ อยากแกล้งคุณภาคเล่นๆ”
“ณิกาใจร้าย แบบนั้นเสียกำลังใจคนทำนะครับ”
“คนทำมั่นใจขนาดนี้ ไม่เสียกำลังใจง่ายๆ หรอกค่ะ”
“มีณิกาคนเดียวที่ทำให้ผมเสียกำลังใจได้” ภควสบตาเธอ บ่งบอกว่าคำพูดของเขามีนัยยะมากกว่านั้น และเธอก็เข้าใจ...เธอมีความหมายสำหรับเขา
หัวใจของเธอเต้นแรง หญิงสาวเบือนหน้าหลบเพื่อซ่อนแก้มที่ร้อนขึ้นมาอัตโนมัติ แม้จะซ่อนได้ไม่มิดเอาเสียเลย แต่ก็ดีกว่าเล่นเกมจ้องตากับเขา ที่จะยิ่งเพิ่มอุณหภูมิบนใบหน้าไปมากกว่านี้
“คุณภาคคะ มาช่วยณิกาตรงนี้ดีกว่า” เธอเปลี่ยนเรื่อง มือเลื่อนถุงอาหารทะเลไปทางเขา
ภควไม่เซ้าซี้ เขารับถุงพลาสติกมาจากเธอ ไม่ต้องรอคำสั่ง เขาก็เข้าใจว่าเธอต้องการให้เขาทำอะไร เขาแกะของสดทั้งหมดใส่จานใบใหญ่ ก่อนจะขยับไปช่วยเธอทาเนยและห่อข้าวโพดด้วยกระดาษฟอยล์ ไม่กี่นาที พวกเขาก็พร้อมจะปิ้งย่างของกินทั้งหมด
สองหนุ่มสาวช่วยกันยกทุกอย่างที่เตรียมไว้ไปจัดเรียงใกล้เตาปิ้งไฟฟ้า แล้วช่วยกันย่างอาหารทะเลกินไปพลาง คุยไปพลาง เสียงหัวเราะคลอเคล้าในความเงียบ อาหารค่อยๆ ร่อยหรอ เช่นเดียวกับไวน์ในขวดแก้ว
“อีกนิดไหมณิกา” ภควชูขวดไวน์ขึ้นถาม
หญิงสาวส่ายหน้า “พอแล้วค่ะ” เธอดื่มไวน์ไปแล้วสองแก้ว ยังเหลืออีกครึ่งแก้วก็จะครบแก้วที่สาม ปรกติเธอดื่มไม่มาก แม้จะชอบไวน์ขนาดไหน แต่เธอระมัดระวังตัวเสมอ เธอเคยเห็นสภาพไม่น่าดูของคนเมา และบอกตัวเองว่าจะไม่ยอมเป็นอย่างนั้น
ชายหนุ่มจึงเทไวน์ให้ตัวเองแทน เขาจิบไวน์ช้าๆ ปล่อยให้รสชาติหวานละมุนกำซาบในปาก เหมือนที่เขากำลังลอบมองหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างไม่วางตา
“คืนนี้อากาศดีมาก” เป็นประโยคแสนเชยที่วโรณิกาเอ่ยเอื้อยออกมาเมื่อลมรำเพยพัดผ่าน เธอทอดสายตามองออกไปในความมืด ดาวประดับบนฟ้าทอแสงระยิบระยับดุจเกล็ดเพชร พระจันทร์ยิ้มอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนร่วมนภา ผืนภาพธรรมชาติดูงดงาม เช่นเดียวกับบรรยากาศในตอนนี้
“นั่นสิครับ”
หญิงสาววางแก้วไวน์ที่ไม่ว่างเปล่าบนโต๊ะ ยกขาขึ้นมานั่งชันเข่าบนเก้าอี้ ก่อนจะซบหน้าลงกับหัวเข่าตัวเอง และยิ้มให้เขา
ภควะยิ้มตอบตาลอย ยอมรับว่าตนเองพอใจเพียงแค่เธอยิ้มให้ และก็เป็นอีกครั้งที่เขาเผลอไผลชะโงกเข้าไปจุมพิตเธอด้วยความปรารถนา ดูเหมือนว่าเขาจะต่อต้านเธอได้ยากขึ้นเรื่อยๆ สองมือลูบไล้เกาะเกี่ยวและดึงมาแนบชิด ร่างของเธออุ่นนุ่มและเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองดึงเธอมานั่งตักตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่สนใจ เธอเองก็เช่นกัน สัมผัสผะแผ่วและจุมพิตวาบหวามล่วงเลยเนิ่นนาน...และทวีความร้อนแรง ก่อนที่บางความคิดจะวาบขึ้นในอก เตือนสติภควไม่ให้เอาเปรียบเธอเหมือนอย่างในคืนนั้น เขาหักใจหยุดยั้งมือและริมฝีปากด้วยความยากลำบาก วโรณิกาหยุดตาม สีหน้าเธอดูงุนงง เสียงหายใจผะแผ่วและเสียงหอบสะท้อนอยู่ใกล้ๆ ใบหูเขา
“ณิกาครับ” เขากระซิบ ฟังเกือบไม่รู้ว่าเป็นเสียงตัวเอง เพราะมันช่างแหบพร่าเหลือเกิน
“ผมว่า...เราควรต้องหยุด” ชายหนุ่มดันร่างเธอออกห่าง และช้อนมองดวงตาสีน้ำตาลอมแดงที่หวานหยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์พิศวาส
“ถ้า...ถ้าณิกาไม่อยากให้หยุดล่ะคะ” วโรณิกากลืนน้ำลายและถามออกไปอย่างอาจหาญ ทว่าน้ำเสียงของเธอก็พร่าเลือนไม่ต่างจากเขา
ภควมองเธออย่างไม่เชื่อ “ณิกา” เขาร้องอย่างตกใจ
“ณิกาไม่อยากให้คุณภาคหยุด” มือแบบบางบนไหล่เขากดย้ำเช่นเดียวกับคำพูดและสายตา
“ณิกาแน่ใจนะ” กลับเป็นภควที่ไม่แน่ใจ...ไม่ใช่ไม่แน่ใจในตัวเอง เขารู้ว่าเขาต้องการเธอ...ทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาไม่แน่ใจการตัดสินใจของวโรณิกา เธอพูดจริงหรือพูดเล่น เธอยอมตามแรงอารมณ์หรือเปล่า บางทีเขาไม่ควรผลักดันเธอเร็วเกินไป เขาน่าจะให้เวลาเธอ
“เมาหรือเปล่า”
คำถามของเขาทำให้วโรณิกาหัวเราะกิ๊ก
“ไวน์แค่สองสามแก้วไม่ทำให้ณิกาเมาหรอก” เธอยิ้มพร่างพราว
“ณิกาแน่ใจนะ” ชายหนุ่มถามซ้ำ
“ค่ะ ณิกาแน่ใจ” หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ แววตาที่สบมองหนักแน่น
“คราวนี้ณิกาเป็นคนเลือกเอง” ไม่ใช่เพราะถูกใครบางคนเล่นงานลับหลัง และบังคับให้เธออยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เธอเลือกเขาเพราะต้องการเขา วโรณิกาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงบางคนจึงยอมปล่อยตัวให้ชายคนรักง่ายๆ หากบัดนี้เธอเข้าใจกระจ่างแจ้ง เธอสะกดกลั้นอารมณ์ต่อไปไม่ได้ และอยากร่วมแบ่งปันกับเขา...เขาคนเดียว
ภควควรจะสะดุดหูในประโยคหลัง แต่ก็ไม่ ความปรารถนากำลังรุมเร้าจนปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ เขาต้องการเธอเหลือเกิน และคำยืนยันอีกครั้งทำให้เขาเชื่อวโรณิกา
ชายหนุ่มดึงร่างเธอเข้าหา เธอโอนอ่อนอย่างน่ารักในอ้อมแขนเขา ภควจุมพิตหนักหน่วงประทับตราอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ วโรณิกาตอบสนองเป็นอย่างดี เขาตวัดแขนอุ้มเธอขึ้นแนบกาย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบมองเธออย่างรักใคร่ลึกซึ้ง ครั้งนี้เธอจะเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่อย่างในคืนหลอกลวงนั้น - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
จากคุณ |
:
มิถุนายน
|
เขียนเมื่อ |
:
วันมหาสงกรานต์ 54 21:04:39
|
|
|
|