Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด ภาค2..............บทที่ 2 (จอมมารคอหอย) ติดต่อทีมงาน

==============
กระบี่รันทด ภาค 2
บทที่ 2
จอมมารคอหอย
==============


ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10415462/W10415462.html

กระบี่รันทด ขณะเดินทางออกจากเมืองไม่มากไม่น้อย
กับพบกับขบวนคุ้มกันภัยของเฒ่าซกมก กับเฒ่าซกเล็ก
และถูกสงสัยว่าเป็นยสายให้โจร
จึงถูกคุมตัวกลับเมืองอีกครั้ง


+++++++++++++++


“ข้าต้องรีบกลับไปค้นหา”

พูดจบเฒ่าซกเล็กก็หมุนกายหันหลังวิ่งวิ่งปราดออกไปดุจลมพายุ เฒ่าซกมกออกปากร้องห้ามไม่ทันเสียแล้ว มันจึงส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนรวบรวมลมปราณแล้วตะโกนออกมากึกก้องสะท้านสะเทือน

“ทุกคน...หยุดมือหยุดเท้า!”

เสียงของมันมีประสิทธิภาพไม่แพ้เสียงนกหวีด ฝีเท้าหยุดยั้ง รถหยุดนิ่ง เสียงดนตรีขาดหาย ท่วงท่าชะงักค้าง ฝุ่นควันเจือจางร้างรา ผู้คนเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง ชีวิตปกติของเมืองไม่มากไม่น้อยเริ่มดำเนินตามปกติต่อไปอีกครั้ง

ทันใดนั้นเองโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมก็มองเห็นกระบี่รันทด


กระบี่รันทดก็มองเห็นนาง


ประกายตาของนางเป็นประกายทันที ประกายตาของกระบี่รันทดกลับสั่นพร่าวูบวับ

ขอเพียงเป็นบุรุษหนุ่มเห็นประกายตาของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม จิตใจต้องสั่นพร่าหวั่นไหว ประกายตาของอิสตรีมีพลานุภาพเร้นลับ กระทบกระเทือนไปทั้งกายและใจ หากกระบี่รันทดตอนนี้ไม่ต้องการพานพบนัยน์ตาแบบนี้เป็นที่สุด เนื่องเพราะมันมีประกายตาอีกชนิดหนึ่งอยู่เบื้องหลัง

เป็นประกายตาของธิดาหมู่ตึกไร้รัก

นางไม่ได้ติดตาม แต่คล้ายติดตาม ไม่ได้อยู่ใกล้แต่คล้ายอยู่ในใจ ไมติดตามแต่คล้ายมาคล้องคอคล้องใจด้วยสายใยไร้สภาพ ไม่มาเฝ้ามองก็คล้ายถูกจับจ้องผ่านหัวใจ

นางยิ้มแย้มกล่าวอ้อยอิ่งว่า

“ท่านมา”

“ข้ามา” บุรุษหนุ่มพยักหน้ารับคำ

เฒ่าซกมกหัวร่อกังวาน เดินอาดๆ นำหน้าคนของมันเข้าประตูโรงเตี๊ยม บอกด้วยสีหน้าซกมกเบิกบาน

“ข้าก็มา คนของข้าก็มา”

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมพยักหน้า ผายมือเชิญชวน เชิญชวนทั้งสีหน้าท่าทางแววตา

“พวกท่านมา ข้าต้อนรับขับสู้”

“เมื่อพวกข้ามา พวกข้าย่อมกินย่อมพักผ่อน”

“ข้าย่อมตระเตรียมที่พัก ท่านต้องการสิบห้อง ข้าเตรียมสิบห้อง ท่านต้องการร้อยห้องข้าย่อมมีวิธีหาให้จนพอเพียง”

“ประเสริฐมาก”

ดังนั้นคณะของเฒ่าซกมกจำนวนยี่สิบกว่าคนจึงมานั่งดื่มกินในห้องอาหารโอ่อ่าของโรงเตี๊ยม รวมทั้งกระบี่รันทดซึ่งยังสวมกุญแจมือจากด้านหน้าก็ถูกนำมาวางตัวกับโต๊ะอาหารด้วย แต่สินค้าสำคัญยังคงอยู่บนรถม้าไม่ได้นำเข้ามาเก็บไว้แต่อย่างไร มันเป็นสินค้าสำคัญประเภทใดกัน

บรรยากาศของร้านครึกครื้นขึ้นมาทันใด แถมด้วยยอดฝีมือเจ้าของท่าร่างมูน วอร์คเกอร์ ยังคงออกลีลาไม่ยอมหยุด ยังคงยึกยักโยกย้ายส่ายพลิ้วกับกระจกและบันใดเลื่อนลื่นไร้สภาพ จัดเป็นความแปลกใหม่ในวงการ หลายคนอยากดูเพลงกระบี่ของมันว่าจะร้ายการพิสดารเช่นนี้หรือไม่เพียงใด

สักพัก เฒ่าซกเล็กพลันเดินเข้ามา สีหน้าของมันเหนียมเขินสุดแสน

เฒ่าซกมกร้องถามอย่างกังวลใจว่า

“ท่านเจอนกหวีดไร้เงาของท่านหรือไม่”

“ย่อมเจอ”  น้ำเสียงตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก

“เจอที่ใด”

“เราเผลอเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงใน แต่เราพาลไปค้นหาในแขนเสื้อ แบบนี้จะเจออย่างไร ค้นหาในแขนเสื้อสิบปีก็ไม่มีวันพานพบสิบปี”

หลายคนหัวร่อครืนทันที

ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่อันตรายที่สุด จะมีใครคาดคิดได้ว่ามันซ่อนนกหวีดไว้ในกระเป๋ากางเกงในได้ในเวลากระชั้นสั้นเปิดเผยเช่นนี้

เฒ่าซกเล็กคงคงมีสีหน้าเหนียมเขินไม่หยุดยั้งขณะกล่าวต่อไปว่า

“แต่การกลับไปครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่า ข้ามีโอกาสคุยกับชาวบ้านซึ่งกำลังเก็บเห็ดเผาะอยู่ข้างทาง คนพวกนั้นคิดว่าขบวนของเราเป็นขบวนแห่ขันหมาก หรือขบวนแห่งานบวชนาค เลยกล้าคุยอย่างเปิดเผย ทราบข่าวว่ามีคนกำลังมีคนจับตามองและจ้องจะขโมยสินค้าบางอย่างในเมืองนี้ เร็วๆนี้”

“ผู้ใดบังอาจหมายปองสินค้าของพวกเรา”

“ข้าไม่ทราบ แต่ทราบว่าพวกมันมีกันหลายคน จัดเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น”

เฒ่าซกมกถอนใจ เค้าความยุ่งยากคล้ายก่อตัวมืดทะมึนมาแต่ไกล แต่พวกมันเป็นมือคุ้มกันระดับมืออาชีพย่อมไม่เสียอาการมากมาย

“พวกเราอุตส่าห์เดินทางอย่างเป็นธรรมชาติไม่สะดุดตา ยังมีคนจับจ้องสังเกตการเดินทางของพวกเราได้ นับว่าร้ายกาจจริงๆ”

เฒ่าซกเล็กก็ถอนใจ พาลหันไปสั่งเด็กดูแลโต๊ะ ตะโกนดังๆ

“เอาซกเล็กมาห้าจาน เนื้อต้องสดไม่ค้างคืน เลือดต้องไม่คาว คั้นกับตะไคร้ให้พอดี ห้ามนำเข้าใกล้ไฟในรัศมี ห้าวาเด็ดขาด จะทำให้เสียรส”

มันนับว่าเชี่ยวชาญซกเล็กศาสตร์โดยแท้

กระบี่รันทดนั่งอยู่โต๊ะด้านข้าง มันถูกใส่กุญแจมือ การดื่มกินย่อมรันทดปางตาย
โฉมสะคราญเดินมาทักทายอย่างยิ้มแย้ม ก่อนนั่งลงด้านข้างพลางเอ่ยอย่างมีมิตรไมตรีว่า

“ดูท่าทางท่านทุลักทุเล ให้เราป้อนท่านหรือไม่”

ว่าพลางไม่รอคำตอบ หยิบช้อนขึ้นตักใส่อาหารในจาน แล้วยื่นช้อนปราดมาจ่อใส่ปากของบุรุษหนุ่มทันที

การยื่นมือหยิบช้อน – ตักอาหาร – ยกช้อนขึ้น เต็มไปด้วยกำลังฝีมืออันลือเลื่อง อาหารที่ตักขึ้นมาช้อนนี้คือ “ไก่พะโล้”  อันขึ้นชื่อลือชาของร้าน ซึ่งถ้าตักไม่เป็นก็จะขาดรสชาติที่แท้จริงไปโดยสิ้นเชิง

ควรทราบว่าแม้แต่การตัก ก็จะมีผลต่อรสของอาหาร อาหารแต่ละชนิดจะมีเคล็ดลับในการตักแตกต่างกันออกไปหลายสาขาหลายแขนงวิชาชีพ การตักอาหารต้องคำนึงถึงทิศทางของช้อน ความเร็วของช้อนจะต้องถูกต้องทั้งตำแหน่งและแง่มุม

แต่สำคัญสุดยอดคือปากจะต้องไม่อาจหลับหูหลับตาอ้ากว้างสุดหล้าฟ้าเขียวเกินไปเด็ดขาด เพียงอ้าปากกว้างไปแม้เพียงเล็กน้อยรสอาหารก็จะเสื่อมสลาย อ้าเร็วเกินไปก็จะกลายเป็นมูมมาม หรือคล้ายลูกวิหครออาหารจากมารดานก อ้าช้าเกินไปก็จะกลายเป็นเย่อหยิ่งถือตัว

กระบี่รันทดไม่อ้าปาก กระทั่งฟันยังขบแนบแน่น

อาหารมาจ่อปากจ่อจมูก มันกลับมิบังอาจกิน กับบางคนอย่าว่าแต่จะป้อน แค่ถือช้อนเดินผ่านก็แทบจะลุกขึ้นอ้าปากวิ่งงับตาม

โฉมสะคราญมีรอยยิ้มในดวงตา เอ่ยถามว่า

“อาหารเร่งรุดมาประชิดปาก ท่านไฉนไม่ยอมอ้าปากกิน”

กระบี่รันทบส่ายหน้า กล่าวเสียงแหบแห้งว่า
“ข้ามิอาจกิน ในสภาพแบบนี้ข้ายังสามารถกินอาหารได้”

“ท่านย่อมสามารถกินเพราะข้าป้อนท่าน ในโลกนี้ข้าไม่เคยป้อนอาหารมนุษย์ตนใดมาก่อนเลย ดังนั้นข้าวิงวอนท่านอ้าปากกิน ประกันว่าอร่อยปางตาย”

“ข้ายังไม่หิว”

“ท่านหิว ข้ารู้”

บุรุษหนุ่มถอนใจ กับสตรีรับมือแสนยาก

สตรีบอบบางไม่แข็งแรง บุรุษดีดนิ้วเพียงเล็กน้อยก็กระเด็นกระดอนไปตามสายลม สตรีไม่อาจหาญตวาดกึกก้องควงดาบแกว่งทวนเข้าสู่สนามรบ

แต่รอยยิ้มครั้งเดียวของสตรีอาจสามารถทำให้หัวใจของนักรบหลอมละลายตกวูบหรือโบยบิน เสียงหวานๆใสๆของสตรีเพียงคำเดียว อาจยิ่งกว่าดาบฟันเข้าใส่กลางใจ บันดาลให้หัวร่อก็ย่อมได้ ร่ำไห้ก็ย่อมได้ แสนหวานก็ย่อมได้ เจ็บปวดขมขื่นเจียนคลั่งก็ย่อมได้  พร่ำเพ้อละเมอหาหรือคร่ำครวญหวนไห้อย่างมหัศจรรย์ จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์มีชีวิตอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง

“ข้ายังไม่อาจอยากจะกินจะดื่ม”

“ทำไม”

“หากท่านถูกใส่กุญแจมือ ถูกจับขึ้นรถม้า ถูกหาว่าเป็นโจร ท่านยังสามารถหิว”

“ข้าสามารถหิว ยิ่งลำบากเคี่ยวเข็ญยิ่งหิว ว่าแต่ท่านไม่ยอมกินจริงๆ หรืออยากกินทั้งน้ำตา”

กระบี่รันทดพลันรู้สึกว่าตัวเองตกลงไปในหล่มชนิดหนึ่ง อยู่ใกล้สตรีคราใดมันรู้สึกถูกก่อกวนจนสมองปั่นป่วนไม่ทราบว่าจะจัดการอย่างไร อยากหลบลี้หนีห่างแต่หัวใจกลับอิงแอบแนบชิด

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมหัวร่อเสียงใสพูดต่อไปว่า

“ถ้าท่านไม่ยอมกินจริงๆ เราจะกระโดดขึ้นนั่งตักท่าน กอดให้ท่านเขินอายจนน้ำตานองหน้า อับอายผู้คนเตลิดหนีหาย หากท่านยังไม่ยินยอมต่อไปเราจะ.....”

กระบี่รันทดรีบอ้าปากทันที กลืนกินไก่พะโล้ช้อนนั้นด้วยความรวดเร็วปานประกายไฟ

สีหน้าของโฉมสะคราญเปล่งประกายยินดีทันที ยิ้มแย้มจนหยาดเยิ้มพลางบอกว่า

“ดีมาก ทำตัวว่าง่ายแบบนี้เรายกหนี้สินที่ท่านติดค้างเราให้หมดสิ้น ไม่ต้องมาล้างจานให้เราอีกต่อไป”

เฒ่าซกเล็กเอียงคอรับฟังอยู่อย่างมีมรรยาทตบโต๊ะฉาด ร้องดังๆ

“เป็นเราไฉนไม่มีสาวงามมาป้อนบรรจงส่งถึงปาก ถ้ามีสาวงามมาป้อนแบบนี้ อย่าว่าแค่ช้อนเดียว ต่อให้เป็นเนื้อตุ๋นซุปสุนัขหม้อใหญ่เราก็จะกินจะไล่งับให้หมดสิ้น กินกระทั่งช้อนกระทั่งตะเกียบ กินทั้งคนป้อน”

“ผายลมน้องภรรยาท่าน” เฒ่าซกมกด่าขึ้นทันที

“วาจาผีสางของท่าน ยังมีมนุษย์ตนใดกินช้อนกินตะเกียบ กระทั่งจะกินคน ท่านนับเป็นตัวอุบาทว์มาตรฐานสากลตัวจริงเสียงจริง”

“ท่านอย่าตอแยอย่าพาดพิงถึงน้องภรรยานางนั้น นางไม่เคยผายลมให้เราได้รับชมรับฟังทั้งในที่ลับและที่แจ้ง มีเพียงพี่สาวของนางที่ผายลมให้เราทั้งรับฟังรับชมทั้งในที่ลับที่แจ้งจนสนิทสนมคุ้นเคย ”

“เฮอะ...เราไม่พาดพิงก็ได้ แต่ท่านยังคงเป็นเลวร้ายอยู่ดีไม่ว่าในที่ลับหรือในที่แจ้ง”

เฒ่าซกเล็กแค่นเสียงในลำคอ แต่ไม่อยากตอแยกับสหายร่วมทาง หันไปมองซกเล็กในจานครู่หนึ่งด้วยสายตาชื่นชมหิวกระหายแล้วค่อยใช้ช้อนตักขึ้นมาอย่างแช่มช้า

ยามขุ่นมัวมันชอบกินซกเล็กดับอารมณ์

อ้าปากสุดล้า

เห็นชัดๆว่าซกเล็กในช้อนจะถูกกินลงไปต่อหน้าต่อตา

ช้อนส่งเข้าปาก ฟันของมันงับลงเพื่อสัมผัสสุนทรียรสเลิศล้ำซึ่งเฝ้ารอโหยหาเนิ่นนาน

เฟี้ยว...!!

เสียงวัตถุผ่านอากาศตัดหน้าของมันไป เป็นจังหวะเดียวกับฟันของมันงับโครมลงจนสุดแรง แต่แล้วเฒ่าซกเล็กพลันใจหายวาบตัวเย็นเฉียบท่วงท่าชะงักค้างในบัดดล

มันควรงับใส่ซกเล็กแบบเต็มปากเต็มคำ แต่ภายในปากของมันกลับปราศจากซกเล็กแม้แต่เสี้ยวคำ ราวกับว่าซกเล็กได้อันตรธานกลับกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว

พริบตานั้น ผู้คนในร้านเงียบงัน เกิดอาถรรพ์อันใด

มีเสียงหัวร่อค่าก ๆ ขึ้นมาจากมุมห้อง ทุกคนหันไปมอง

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งผมยาวรุงรังรูปร่างสันทัดในชุดยาวลายดอก สีหน้าท่าทางพิสดารมองปราดเดียวก็สะดุดตาเนื่องเพราะเป็นใบหน้าที่ไม่ว่าใครชมดูแล้วจะต้องเกิดอารมณ์อยากกกระโดดใส่แล้วเตะใส่สิบสองเท้า อ้าปากงับสิบสองปาก สายตาแหลมคมหรี่เรียวกลอกมองซ้ายขวาตลอดเวลาชวนให้คลั่งใจสุดแสน

ในปากของมันถึงกับเคี้ยวซกเล็กอยู่อย่างแช่มช้าท่าทางอร่อยนรกแตก

ย่อมเป็นซกเล็กของเฒ่าซกเล็ก

ผู้ใดกันกล้าฉกฉวยอาหารกำลังคาบลูกคาบดอก จวนเจียนจะเข้าปากคนอื่นแบบนี้

ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มคนหลุดปากตะโกนดังๆออกมาว่า

“จอมมารคอหอย!!!!”

“อา....”

เสียงอุทานอย่างแตกตื่นทันที

จอมมารคอหอยกลับมาอีกแล้ว

นามของคน เงาของไม้ ข่มผู้คน จอมมารคอหอยผู้มีพฤติกรรมเป็นมารคอหอย ท่านกำลังจะคีบลูกชิ้นผิวนวลเนียนราบลื่นเข้าปาก มันจะเสนอหน้ามาฉกฉวยจังหวะยื่นหน้ามาอ้าปากงับลูกชิ้นของท่านไปต่อหน้าต่อตา ถ้าจะมีใครชอบขัดคอคนอื่น โผล่เสนอหน้ามาเป็นก้างขวางคอ มาในที่ไม่ควรมา ไปในที่ไม่ควรไป มันผู้นั้นย่อมเป็น จอมมารคอหอย คนนี้

จอมมารคอหอยหัวร่อ กลืนซกเล็กบางส่วนลงไป กลืนความฝันและความหวังของเฒ่าซกเล็กลงไปด้วย ทำลายความมั่นใจของมันลงไปด้วย

เฒ่าซกเล็กมีสีหน้าบิดเบี้ยว อาหารในช้อนของตัวเองถึงกับถูกคนอื่นลอยหน้าลอยตาโฉบมางับเอาไปจากช้อนแบบหน้าไม่อายเช่นนี้ ยังมีผู้ใดทานทน

ลูกผู้ชายฆ่าได้ ยืมเงินไม่ได้ ดังนั้นมันกระโดดปราดขึ้นจากเก้าอี้ราวพลุไฟ ลอยเกือบถึงเพดานก่อนถาโถมลงมาสองมือสองเท้ากวัดแกว่งคลุ้มคลั่งฟั่นเฟือน ราวจะบดขยี้มารคอหอยให้แหลกเหลวเลอะเลือน

จอมมารคอหอยหัวร่อค่าก ๆ อีกครั้งเงยหน้าพ่นอะไรบางอย่างออกจากปาก

ซกเล็กไร้เงา

ซกเล็กความจริงเป็นอาหารชั้นสูง แต่พอพ่นออกมาจากปากของเฒ่าลาบเลือด ก็กลับกลายเป็นอาวุธไม่ลับชนิดหนึ่ง พ่นออกมาด้วยความเร็วเป็นประกายไฟในเสียงขวับเคี้ยวหวิดหวิว ซกเล็กคำนั้นยิงใส่คอหอยของเฒ่าซกเล็กอย่างรุนแรง

เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วไม่มีใครครุ่นคิดคำนวณ จู่ ๆ ก็มีคนมาอาละวาดวุ่นวาย แถมยังเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่งของยุทธภพ

เฒ่าซกเล็กกำลังลอยตัว พลันใจหายวาบ เมื่อถูกจู่โจมกลางอากาศ แต่ไม่เสียทีเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์พิสดาร มันหงายหลังตีลังกาปราดออกไปหลบรอดอย่างหวุดหวิด แต่พอหลบพ้นลมปราณกลับแตกซ่าน ร่างร่วงหล่นโครมครามลงบนโต๊ะอาหาร

เฒ่าซกมกตะลึงลาน

มันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีคนมาก่อกวน  มีคนหมายปองสินค้าสำคัญ โทสะของมันพลันปะทุครืนครั่น ลุกขึ้นยืนตระเตรียมถาโถมแลกชีวิต

แต่ประกายเย็นยะเยียบสองสายสว่างวาบมาจากด้านข้างจนมันต้องหดหัวลงราวเต่าในกระดองท่ามกลางเสียงปะทะกันของโลหะเหนือหัวไปเล็กน้อย

เป็นดาบยาวสองเล่ม คนสองคน ซ้ายคนขวาคน

ดาบยาวพอปะทะ คนถอยปราดออกไป ซ้ายคนขวาคน พอจู่โจมผิดพลาด เท้าแตะพื้น ต่างหมุนตัวพุ่งออกไปทางหน้าประตู

พวกลงมือคล้ายแฝงกายอยู่ในห้องอาหารมาก่อนแล้ว

แต่พวกมันไปยังไม่ถึงประตู จอมมารคอหอยพลันมาปรากฏขวางประตูราวภูตพราย ต่อยหมัดขวา เตะเท้าซ้าย หมัดต่อยถูกดั้งจมูก เตะถูกยอดหน้า คนถูกต่อยถูกเตะทยอยล้มฟาดลง ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คน จอมมารคอหอยแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนถอยปราดออกไปจากร้าน

มีใครคนหนึ่งถาโถมตามออกไปเป็นพายุ เฒ่าซกเล็กนั่นเอง

มันถูกคนอื่นงับซกเล็กไปต่อหน้าต่อตา นับว่าถูกหมิ่นหยามหยันจนสุดจะทานทน ซกเล็กช้อนนั้นมันคำนวณแล้วว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุด อร่อยที่สุดในจาน เช่นนี้ใครยังจะสามารถทนทานได้

นอกร้านดูยามนี้เวิ้งว้างเงียบเหงามีเปลวแดดและฝุ่นควัน เห็นหลังของจอมมารผู้อื้อฉาวเลี้ยวหายลับไปหัวมุมถนน เฒ่าซกเล็กไม่เสียเวลาขบคิดแม้เพียงเล็กน้อย ออกวิ่งปราดตามไปทันที


ภายในร้านความจริงเฒ่าซกมกกำลังคิดจะติดตามเฒ่าซกเล็กไป เสียดายว่ามันถูกสองนักดาบพัวพันไว้ ทั้งสองแม้จะถูกเตะต่อยล้มลงแต่พอตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง  แต่ถูกเฒ่าซกมกเตะต่อยลงไปนอนอีกครั้งเช่นกัน ครั้งนี้พวกมันทั้งสองไม่ยอมลุกขึ้นอีก

เฒ่าซกมกยืนจ้องมองหน้าพวกมัน แน่ใจว่าไม่ลุกขึ้นมาอีกจึงเค้นเสียงถามว่า

“พวกเจ้าเป็นพวกของมัน”

สองนักดาบหันไปมองหน้ากัน ส่ายหน้าพร้อมกัน และตอบพร้อมเพรียงกัน

“พวกเราไม่ได้เป็นพวกของผู้ใด”

“อยู่ต่อหน้าเราอย่าบังอาจโกหก”

“อยู่ต่อหน้าท่าน พวกเราไม่อาจโกหก”

เฒ่าซกมกตาวาวดังสายฟ้า ทำท่าจะต่อยจะเตะออกไปได้ทุกขณะ นักดาบทั้งสองยังไม่ถูกต่อยถูกเตะก็คล้ายถูกต่อยถูกเตะไปแล้วสามสิบหกครั้ง

“เช่นนั้นพวกเจ้าทำไมลงมือกับเรา”

หนึ่งในจำนวนสอง ฝืนยิ้มบอกว่า

“พวกเราเพียงกินแล้วเห็นโอกาสชักดาบ เพียงคิดชักดาบ เมื่อชักดาบย่อมมีเป้าหมายสักอย่าง ท่านลองคิดดูว่าเราสองลุกขึ้นมาชักดาบออกจากฟักอย่างอาจหาญทะยานฟ้า แล้ววิ่งปราดออกไป ยังจะเหลือภาพใดให้พวกเราภูมิใจ ดังนั้นจึงจู่โจมท่านเพื่อความนวลเนียนในการชักดาบ”

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมเดินชดช้อยมามองหน้าพวกมัน นางย่อมไม่ตีสีหน้าบูดบึ้ง คนทำการค้าไม่อาจบูดบึ้งได้ง่ายดายจ้องมองครู่หนึ่งแล้วบอกอย่างยิ้มแย้มว่า

“พวกท่านลุกขึ้น”

สองนักดาบได้ฟังแล้วค่อยลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ต่างบาดเจ็บไม่น้อย คนหนึ่งดั้งจมูกหัก คนหนึ่งปากแตก เลือดยังคงไหลรินคล้ายกลับกลายเป็นซกเล็กไปแล้ว

“ท่านรู้หรือไม่” โฉมสะคราญประจำร้านกล่าวต่อไปช้าๆ

“พวกท่านกินแล้วชักดาบ เมื่อชักดาบไม่สำเร็จเสร็จสิ้นพวกท่านจะถูกปรับสิบเท่าของราคาปกติ”

ทั้งสองฟังแล้วล้มหงายหลังลงไปทันที

ความจริงพวกมันตระเวนกินแล้วชักดาบไปทั่วยุทธ์ภพ ล้วนสำเร็จเสร็จสิ้นอย่างอาจหาญภาคภูมิใจ แต่เสียดายครั้งนี้มาเจอมารคอหอย จอมมารผู้ชื่นชอบการขัดจังหวะขัดขวางภารกิจของผู้คน

แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 09:35:28

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 08:32:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com