ที่ห้องฝีกกิจกรรมบำบัดอันแสนจะวุ่นวาย มุกล้อมกำลังฝึกมือให้ผู้ป่วยสองคน เธอจัดให้ทั้งคู่นั่งประจันหน้ากันแล้วก็หยิบพุตตี้มาวางตรงกลาง พุตตี้นี้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกการใช้มืออย่างหนึ่งมีลักษณะคล้ายดินน้ำมันแต่มีความเหนียวหนืดหลายระดับ แต่ละระดับจะมีสีต่างกัน ผู้ป่วยทั้งสองเอื้อมมือไปคว้าพุตตี้กล่องที่เหนียวที่สุดและแข่งกันดึงอย่างเอาเป็นเอาตายทันที
ระหว่างนั้นกานพลูก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เธอพูดคุยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว (แต่เพื่อความสะดวกของคนอ่านและคนเขียน เราจะพากษ์ไทย ไม่ใช้ซาวด์แทรค)
ชายคนนั้นชะงักกึกเมื่อเห็นมุกล้อม กานพลูหันมามองแล้วยิ้ม เธอเดาว่า เขาคงแปลกใจที่เห็นการแข่งขันของผู้ป่วยสองคนนั้น ไม่ต้องแปลกใจนะคะ คนไข้สองคนนี้เขามาโรงพยาบาลพร้อมๆกัน อาการเหมือนกันทุกอย่าง ผิดกันแค่ คนหนึ่งเป็นข้างซ้าย แต่อีกคนเป็นข้างขวา มุก โอที เอ่อ ขอโทษนะคะ ดิฉันชินกับการเรียกย่อๆไปนิด ดิฉันหมายถึงนักกิจกรรมบำบัดที่กำลังฝึกคนไข้อยู่ตรงนั้น เธอเห็นว่าอาการคนไข้เหมือนกันเกือบทุกอย่างก็เลยให้คนไข้ฝึกด้วยกันน่ะค่ะ
เอ่อ หรือครับ ดูเขาจริงจังกันนะครับ ชายคนนั้นตั้งข้อสังเกตหลังจากที่ยืนมองคนไข้สองคนนั้นประลองกำลังแย่งกันดึงพุตตี้จนเกร็งไปทั้งแขน
ก็ธรรมดาค่ะ ธรรมดาของคนที่ขี่รถชนกันจนต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งคู่ กานพลูพูดหน้าตาเฉย พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหรอหรา เธอก็อธิบายต่อ สองคนนี่เขาซิ่งมอเตอร์ไซค์สวนทางมาเจอกันค่ะ รถรุ่นเดียวกัน แต่งมาเหมือนกัน บิดสุดๆกันทั้งคู่ กานพลูหันไปมองคู่สนทนาก่อนจะเล่าต่อ พวกเขาขี่ชิดเส้นกลางถนนมากันทั้งคู่ ตอนประมาณตีสอง ถนนว่างโล่งตลอดแนว แต่ต่างฝ่ายต่างวัดใจกับอีกฝ่ายว่าใครจะเป็นคนหลบ
แล้วไงต่อครับ คนฟังชักสนใจ
ใจสิงห์กันทั้งคู่ค่ะ ไม่มีใครหลบใคร ก็โครมสิคะ มือประสานมือ ขาเจอขา ก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปคนละทาง กระดูกมือ กระดูกหน้าแข้ง หักแบบเดียวกันเปี๊ยบ แต่คนละข้าง กานพลูเล่าเสียงเรื่อยๆ
อ้าว แล้วก็ให้มาฝึกด้วยกันหรือครับ คนฟังชักจะนึกออกว่าทำไมบรรยากาศการฝึกมันตึงเครียดขนาดนี้ เป็นเขา เขาคงไม่อยากเห็นหน้าคนที่ซิ่งรถชนเขาจนเข้าโรงพยาบาลเท่าไร
ค่ะ เราให้อยู่ด้วยกันตั้งแต่รับตัวไว้เป็นคนไข้แล้วล่ะค่ะ หลังผ่าตัดก็ให้นอนข้างๆกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัดด้วยกันตลอดเวลาเลยค่ะ อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงมาเป็นเดือนแล้วล่ะค่ะ กานพลูเล่าไปยิ้มไปเหมือนเป็นเรื่องสนุก แต่คนฟังกลืนน้ำลาย
ที่นี่โรงพยาบาลเอกชนไม่ใช่หรือครับ น่าจะมีห้องพิเศษที่อยู่คนเดียวได้ เขาคิดในใจว่า ถ้าเป็นเขาต้องขอแยกห้องตั้งแต่วันแรกแน่
มีค่ะ แต่เราคิดว่า สองคนนี่อยู่คู่กันจะดีกว่า กานพลูตอบยิ้มๆ
ทำไมหรือครับ
ก็เขาสองคนใส่หมวกกันน็อคนี่คะ พื้นฐานเดิมน่าจะพอมีความคิดดีๆอยู่บ้าง สมองก็น่าจะยังอยู่ครบพอที่จะเรียนรู้ว่า ถ้าซิ่งอย่างเดิมแล้วจะเกิดอะไรขึ้น กานพลูยิ้ม
แล้วญาติของพวกเขา.. คนถามถามได้ไม่จบประโยค กานพลูก็พูดต่อ
อ๋อ เห็นด้วยกับทีมรักษาทุกประการค่ะ
---------------------------------------------------------------
มุก เสียงเรียกของกานพลูทำให้มุกล้อมเงยหน้าจากกิจกรรมที่เธอเพิ่งจัดให้คนไข้ฝึก พอผู้คุมไม่ว่าง คนไข้ทั้งสองก็เอามือดีดึงมือที่ใส่เครื่องดามอยู่ออกจากโต๊ะ แล้วหันหน้าไปคนละทางทันที มุกล้อมมองตามอย่างขำๆ ผ่านมาตั้งเดือนแล้วยังไม่เลิกอีกแฮะ แต่พอมุกหันไปทางกานพลูแล้วมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอก็เป็นอันต้องตะลึง ต๊าย หน้าตาดีแถมมีน้ำใจคนนั้นนี่นา
มุก มุกเป็นอะไรหรือเปล่า กานพลูถามอย่างเป็นห่วง เมื่อลูกน้องเงียบไปนานผิดปกติ
อ๋อ เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าคะ มุกล้อมตั้งตัวได้ในทันใด แม้จะหวั่นไหวที่ได้เจอคนที่เธอเก็บไปเพ้อหาตั้งหนึ่งคืนกระทันหัน
พี่ขอแนะนำ คุณจอห์น วอน นะมุก กานพลูเปลี่ยนไปเป็นภาคภาษาอังกฤษแล้วนะคะ
จอห์น วอน มุกล้อมทวนชื่อ เพราะรู้สึกคุ้นๆ ก่อนจะยื่นมือไปให้จับ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
คือคุณจอห์นเขาเป็นพี่ชายของเจฟฟรี่ย์ คนที่กระดูกข้อมือหักนั่นไง เขาอยากจะขอปรึกษาเรื่องการรักษาน้องชายเขา กานพลูบอกมุกล้อมก่อนจะหันไปหาจอห์น วอน มุกเป็นเจ้าของไข้ มีอะไรคุณคุยกับเธอได้เลยนะคะ
จากนั้นโลกของมุกล้อมก็เป็นสีชมพู จนกระทั่ง
พี่มุก พี่ต้องรับผิดชอบหมอนี่นะ เสียงวรรณจันทร์ลอยเข้าโสตประสาทอย่างไร้ที่มา ทำให้มุกล้อมขัดเคืองที่มีใครมาบังอาจขัดจังหวะ
ใคร อะไร เมื่อนึกได้ว่าเสียงห้วนไปหน่อย มุกล้อมก็หันไปบอกจอห์น ขอตัวสักครู่นะคะ
เชิญครับ จอห์นบอกยิ้มๆ และพอหันไปเห็นวรรณจันทร์เขาก็ทักเป็นภาษาอังกฤษ เจอกันอีกแล้วนะครับ
ใครเหรอ วรรณจันทร์ฉีกยิ้มให้ก่อนจะแอบถามมุกล้อม
คนที่บอกทางเราเมื่อวานไง มุกล้อมกระซิบ
อ๋อ ชะ.. วรรณจันทร์ไม่สามารถหลุดคำว่าช่างออกจากปากได้ เพราะโดนมุกล้อมเหยียบเท้า ช..ใช่ แต่ทำไมวันนี้คุณพูดอังกฤษล่ะ วรรณจันทร์แอบโล่งอกที่หาทางรอดจนได้
ผมพูดไทยได้แค่คำพื้นๆครับ จอห์นยังตอบเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แม่ผมเป็นคนไทย เลยพูดได้นิดหน่อย
วรรณจันทร์ผงกหัวรับทราบก่อนที่จะลากมุกล้อมให้ไปสนใจใครอีกคนที่กำลังร้องโอดโอยจะเป็นจะตายอยู่กับธารระริน
อะ อะ โอ๊ย เจ็บครับ เจ็บ คุณพยาบาลเบาๆหน่อย คุณรินคร้าบอย่าทิ้งโผม... ไอ้คุณชิตร้องลั่นเมื่อผู้ช่วยพยาบาลจะเข้ามาช่วยย้ายตัวเขาจากล้อเข็นไปไว้ที่เตียงผู้ป่วย
เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เมื่อเช้ายังเดินได้ดีๆอยู่เลย ธารระรินถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่ประโยคสุดท้ายทำให้ผู้ช่วยพยาบาลหนุ่มหันขวับมาถามธารระริน
เมื่อเช้ายังเดินได้เองหรือครับ
เอ่อค่ะ ธารระรินยืนยันข้อมูลแบบงงๆ ก่อนจะให้รายละเอียดเพิ่ม ไปเจอที่รถเข็นหมูปิ้งหน้าปากซอย ถ้าเดินออกมาจากบ้านก็คงราวๆครึ่งกิโลค่ะ ธารระรินเล่าให้มุกล้อมฟังในภายหลังว่า เธอกับวรรณจันทร์ชวนกันมาซื้อหมูปิ้งหน้าปากซอยจึงไปเจอไอ้คุณชิตเข้า และเนื่องจากเขาทำท่าเหมือนหลังจะหักที่ตรงนั้น เธอกลัวว่าเขาจะพิการจึงรีบไปเอารถออกมาเพื่อส่งไอ้คุณชิตมาโรงพยาบาล
คุณผู้ช่วยพยาบาลพยักหน้า ที่แท้ก็อ้อนสาว ปวดหนึ่งร้องร้อย เขาหันไปหาไอ้คุณชิต คุณครับยืนขึ้น ไอ้คุณชิตยืนขึ้นตามเสียงดุๆอย่างลืมตัว เดินไปที่เตียงด้วยครับ ไอ้คุณชิตมองหน้าธารระรินกับพยาบาลแล้วคิดได้ว่า พยาบาลที่นี่โคตรดุเลย ก็เลยยอมเดินไปที่เตียงเองดีๆ แต่ก็ทำเป็นจับหลังจับเอว เดินตัวแข็งเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากสาวอยู่ดี
ไหน คนไข้อยู่ไหน มุกล้อมเดินมาถึงพอดี
ไอ้คุณชิตชูมือหราราวเป็นเด็กอนุบาลขานชื่อ อยู่นี่คร้าบ
เป็นอะไร มุกล้อมกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
ปวดหลังคร้าบ ไอ้คุณชิตบอกด้วยท่าทางร่าเริงผิดปกติ แต่พอเจอตาดุๆขอวมุกล้อมก็เลยลดมือไปจับบั้นเอว แอ่นหลังราวกับปวดเสียเต็มประดาเหมือนเดิม
พี่มุก เขาปวดหลังเพราะพี่มุกใช้ให้เขายกทีวี พี่มุกช่วยเขาหน่อยสิ เป็นแค่คนขับรถ ไม่มีเงินรักษาตัวหรอก ธารระรินช่วยเรียกร้องสิทธิให้คนปวดหลัง
อะไร ยกทีวีนิดเดียว เจ็บปางตายเลยรึ ความจริงมุกล้อมตกใจไม่น้อย แต่เธอทำเสียงดุเข้าข่มไว้ก่อน หลังจากนั้น มุกล้อมก็กวาดตาสำรวจไอ้คุณชิตจนทั่ว พอเจอสายตาดุๆ คนแกล้งป่วยก็ชักจะประหม่าเริ่มวางมือวางไม้เปะปะ และอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่เขาวางมือประกอบการร้องโอดโอยได้ไม่ค่อยจะตรงตำแหน่งเดิมสักเท่าไร มุกล้อมหรี่ตามองแล้วก็สั่งเสียงเข้ม ไป ขึ้นไปบนเตียง จะได้ตรวจร่างกาย เสียงดุๆของมุกล้อมทำให้ไอ้คุณชิตกลืนน้ำลายเอื้อก เขาพึมพำเบาๆ อันที่จริง ผมมีตังค์ไปรักษาที่อื่นนะคุณริน ถ้าคุณรินจะไปส่ง...
ฉันบอกให้ขึ้นไป อย่าโอ้เอ้ มุกล้อมขัดจังหวะด้วยความรำคาญความใจดีของน้องเล็ก ยายรินนี่ก็... มัวแต่ใจดี คนแกล้งทำเป็นเจ็บหนัก ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไม่เห็นหรือไง การเคลื่อนไหวกับการเจ็บปวดที่บ่นๆอยู่ มันไม่สอดคล้องกันสักนิด มุกล้อมบ่นอุบอิบอยู่ในใจ ลืมไปสนิทว่า ธารระรินเป็นครูอนุบาล ไม่ใช่นักกิจกรรมบำบัด
ระหว่างที่มุกล้อมกำลังตรวจและทดสอบไอ้คุณชิตด้วยวิธีการต่างๆนาๆ เพื่อจับผิดไอ้คุณชิต วรรณจันทร์ก็บรรยายให้ช่างแอร์ เอ๊ย จอห์น วอน ฟังไปว่ามุกล้อมกำลังทำอะไรอยู่ทั้งๆที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก เธอเน้นอย่างเดียวว่ามุกต้องเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่สวย เก่งและฉลาดสุดๆ เผื่อพี่มุกได้ควงกับช่างแอร์แล้วจะไม่มีเวลาหาวิธีโยนคนโน้นคนนี้ส่งมาให้เธอต้องปวดหัว
ตรวจเสร็จแล้ว มุกล้อมบอก มุกล้อมมองคนไข้ใหม่อย่างประเมิน ปวดหลังน่ะคงปวดจริงนิดหน่อย แต่ครางเสียเว่อร์ไปอีกสักสิบเท่า มุกล้อมตัดสินใจรักษาให้ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ผิดจรรยาบรรณ แต่คนแกล้งเจ็บอาจจะได้เจ็บจริงเท่าที่แสดงออกมาเลยทีเดียว และในขณะที่เธอกำลังจะบันทึกผลอยู่นั่นเอง เธอก็เห็น อ้าว นี่มันชาร์ทเปล่านี่ ยังไม่ได้ทำบัตรคนไข้เลยหรือ
เอ่อ ผม ไอ้คุณชิตพยายามจะบอกว่า เขามีประวัติที่นี่อยู่แล้ว แต่ไม่ทันธารระริน
พี่มุกขา หนูขอโทษ หนูผิดเอง หนูเห็นเขากำลังเจ็บเลยไม่ทันคิดเรื่องทำบัตรโรงพยาบาล พามาหาพี่มุกก่อนเลย พี่มุกช่วยทำย้อนหลังได้ไหมคะ
มุกล้อมถอนหายใจเอือก เล่นพูดมาแบบนี้จะให้ว่ายังไงได้เล่า เธอหันไปหาไอ้คุณชิต ชื่ออะไร แล้วเตรียมจด ในขณะเดียวกัน วรรณจันทร์ก็อธิบายเหตุการณ์เป็นภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง รักษาภาพพจน์ให้มุกล้อมสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นช่างแอร์คงจะกระเจิงไปเสียก่อน
ไอ้คุณชิตฟังเสียงภาษาอังกฤษแจ้วๆของวรรณจันทร์จนคิ้วขมวด ชื่อชิตของเขา พูดเป็นภาษาอังกฤษยังไง๊ยังไงก็ไม่เพราะ ขืนคุณคนนี้แปลให้ไอ้หนุ่มนี่ฟังต่อหน้าคุณคนสวย เขาต้องเสียภาพพจน์อย่างแรงแน่ๆเลย
ว่าไง ชื่ออะไร มุกล้อมชักขัดใจที่ไอ้คุณชิตไม่ตอบสักที
ณรงค์ครับ ไอ้คุณชิตตัดสินใจบอกชื่อย่อแทนชื่อเล่นในทันที หลังจากนั้น โรงพยาบาลก็มีประวัติของไอ้คุณชิตเพิ่มอีกฉบับ ฉบับแรกในนาม ชิตณรงค์ทรงกลด ภูวนาถ กับนายณรงค์ ภูต๊ะคำ ซึ่งถึงแม้ว่าความจริงแล้ว ไอ้คุณชิตจะไม่เค๊ย ไม่เคย คิดจะทำตัวเป็นพระเอกหนังไทย ปลอมตัวเป็นคนขับรถไปจีบสาวเลย แต่โชคชะตาก็บันดาลให้ไอ้คุณชิตกลายเป็น นายณรงค์ไปเสียแล้ว ไอ้คุณชิตก็เลยอดที่จะตามน้ำไป และฝันว่า จะสุขสมหวังกับคุณคนสวยในตอนจบเหมือนหนังไทยน้ำเน่ายุงชุมทั่วๆไปไม่ได้
นี่ชีวิตจริงนะ ไม่ใช่หนัง เสียงมุกล้อมดังแทรกขึ้นมาในโสตประสาท ของจริงน่ะ ถ้าไม่ระวัง เบาะๆก็แค่เดี้ยง หนักหน่อยก็พิการตลอดชีวิต มุกล้อมขู่ก่อนที่จะสอนหลักการและท่าทางการยกของหนักที่ถูกต้องให้กับคนไข้เจ็บปลอมๆเพื่อที่ทีหลังจะได้ไม่เจ็บจริง
แม้คุณคนสวยจะวางใจที่มุกล้อมเข้ามาดูแลด้วยตนเองจนหันไปคุยกับหนุ่มแปลกหน้าแล้ว ไอ้คุณชิตก็ยังเหม่อ คุณคนสวยจะใจร้ายไหมหนอ ถ้ารู้ความจริง
อ๊าก ไอ้คุณชิตร้องลั่น เมื่อมุกล้อมปรับการ์เม้นท์ หรือเสื้อที่ช่วยพยุงหลังแน่นไปหน่อยอย่างจงใจนิดๆ เพราะหลังจากที่สอนสิ่งที่ควรจะสอนแล้ว มุกล้อมก็เริ่มสั่งสอนไอ้หนุ่มที่บังอาจมาทำเป็นปวดหลังเพื่อจีบน้องของเธอ ถ้าแกล้งพิการ ก็จงรู้รสของการเดี้ยงจริงๆหน่อยก็แล้วกัน
โวยอะไรหนักหนาฮึ บอกแล้วว่า โลกแห่งความเป็นจริง มันเจ็บจริง แล้วฉันแค่ลองปรับสายนิดหน่อย ร้องอย่างกับวัวถูกเชือด อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว ถ้าร้องอีก คราวนี้แม่เชือดคอให้จริงๆด้วย มุกล้อมขู่ด้วยความสะใจ
แต่ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง วรรณจันทร์ยืนฟังจอห์น วอน พูดถึงมุกล้อมอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
พี่สาวพวกคุณนี่น่าทึ่งจังนะครับ สวย เก่ง ทำงานเอาจริงเอาจัง ช่างเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่น่าสนใจจริงๆ
และในเย็นวันนั้น เมื่อวรรณจันทร์ถ่ายทอดคำพูดนี้ให้ทุกคนในบ้านดอกไม้รู้ มุกล้อมก็อายม้วนจนผิดวิสัย ส่วนคนอื่นก็ได้แต่มองมุกล้อมแล้วก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เหลือแต่ดอกเตอร์อาณาเขตที่ยังตาสว่างไม่มีอะไรปิดปากสรุปเรื่องทั้งหมดด้วยเสียงซาวด์แทรคเพียงประโยคเดียว
บักจอห์นเอ๊ย วอนเสียแล้ว
--------------------------------------------
จากคุณ |
:
Deckard
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเถลิงศก 54 09:01:08
|
|
|
|