Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รัตติลวง บทที่ 20 - 21 (บทจบ) ติดต่อทีมงาน

เพิ่งสังเกตเห็นว่า คคห. ที่ 5 หายไป เลยพยายามหาคำต้องห้ามและคิดว่าเจอแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ค่ะ ทำให้ คคห. ที่ 3 - 4 ที่เอาส่วนที่หายไปแปะใน คคห. ที่ 3 - 4  หายไปด้วย เลยต้องมาหาใหม่ และทำให้ทราบว่่าคำที่ติดจริงๆ คือว่าที่เรียกว่า "เรือหาย" =_____=

ตอนนี้แก้เรียบร้อยแล้วนะคะ
ใครที่อ่านก่อนหน้าแล้วงง เพราะมันหายไปเยอะนั่นเองค่ะ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รัตติลวง บทที่ 20

สำนักงานของห้างสรรพสินค้ามิราเคิลส์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า วโรณิกาหันกลับไปและเห็นห้างพาราไดซ์ไลฟ์...คู่แข่งของมิราเคิลส์อยู่ไม่ไกล อาคารขยับเคลื่อนห่างไปเรื่อยๆ ก่อนจะหายลับสายตาเมื่อภควขับรถเข้าไปในที่จอดรถของมิราเคิลส์ เขาจอดรถในซองจอดส่วนตัว และพาวโรณิกาเข้าไปภายในซึ่งค่อนข้างร้างผู้คนเนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งสำนักงานใหญ่ปิดทำการ พวกเขาผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปอย่างง่ายดาย เพราะภควเป็นคนจัดการอำนวยความสะดวกโดยตลอด

โครงสร้างของมิราเคิลส์ดูไม่ค่อยแตกต่างจากของพาราไดซ์สักเท่าไหร่ สำนักงานแบ่งแยกออกจากห้างสรรพสินค้า แต่อยู่เคียงข้างกัน ทำให้ไปมาหาสู่กันและจัดการงานได้โดยง่าย อาจจะต่างกันเล็กน้อยตรงที่มิราเคิลส์แบ่งแผนกต่างๆ ออกเป็นชั้นๆ เป็นสัดส่วน แผนกสินค้าของภควอยู่ชั้นที่เจ็ด ถัดขึ้นไปเป็นส่วนของผู้บริหาร ทั้งชั้นเงียบและเกือบมืด มีแสงไฟสลัวๆ เปิดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แผนกรักษาความปลอดภัยเท่านั้น

ภควสแกนลายนิ้วมือที่กล่องอิเล็กทรอนิกส์ข้างประตูกระจก เสียงแหลมเล็กดังพร้อมไฟสีเขียวกะพริบ เขาผลักประตูกระจกและเปิดให้วโรณิกาเดินนำเข้าไปก่อน

เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาเหยียบถิ่นของคู่แข่ง เธอเก็บรายละเอียดตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น ชายหนุ่มที่เดินเคียงคู่ไปกับเธอก็สังเกตได้จนต้องออกปาก

“ว่ายังไงครับ มิราเคิลส์เป็นยังไงบ้าง”

“ก็...งั้นๆ”

คำพูดของเธอทำให้เขาระเบิดหัวเราะ ภควทราบว่าหญิงสาวล้อเล่น เพราะแววตาและน้ำเสียงของเธอบ่งบอกความนัย เขาหยุดเดินเมื่อถึงห้องทำงานส่วนตัว และหยิบกุญแจมาไขล็อก

“เชิญครับณิกา หวังว่าห้องของผมคงจะไม่งั้นๆ นะครับ” ชายหนุ่มดันบานประตูให้เปิดกว้าง มือผายออกเชิญชวน ตามองเธอยิ้มๆ

วโรณิกายิ้มตอบ และเดินเข้าไปด้านใน ตามองประเมินห้องทำงานขนาดสองคูณสามเมตรที่ตกแต่งเรียบๆ ด้วยสีขาวและเทา สมกับเป็นห้องของผู้ชาย...และเกือบจะคล้ายกับบ้านชายทะเลของเขาที่เน้นการตกแต่งแบบเรียบเก๋ จะผิดกันนิดหน่อยก็ตรงห้องทำงานของเขามีเอกสารตั้งรกๆ อยู่บนโต๊ะทำงานและบนตู้เอกสารด้านหลัง คาดว่าคงเป็นงานปัจจุบันที่เขากำลังสะสาง เลยวางหมกไว้ใกล้ระยะมือหยิบฉวย เพราะโต๊ะทำงานของเธอก็รกแบบนี้เหมือนกัน

“นั่งสิณิกา” เขาพยักพเยิดไปยังเก้าอี้ว่างใกล้ๆ ก่อนจะหันไปยกลังกระดาษบนตู้เอกสารมาวางตรงหน้าเธอ

วโรณิกาเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงถาม

“โน้ตกับจดหมายของคนอื่นๆ ที่ผมแยกออกมา” ชายหนุ่มอธิบาย “ความจริงผมควรจะหยิบพวกมันติดมือไปหัวหินด้วย จะได้เปรียบเทียบกับจดหมายฉบับนั้นและสรุปตัวคนทำตั้งแต่เมื่อคืน” เขาถอนหายใจ แววตาสลดลง

“บอกตามตรงนะณิกา ใจนึงผมไม่อยากรู้ตัวคนทำเลย มัน...มันคงจะเจ็บปวดน่าดูที่รู้ว่าคนใกล้ตัวกล้าทำแบบนี้กับผม...กับเรา” เขาคิดว่าเธอก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน

หญิงสาวเลื่อนมือไปกุมมือเขาและบีบเบาๆ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ เราเลี่ยงไม่ได้หรอก เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่เราต้องเป็นคนจบมัน...ด้วยมือของเรา ไม่ใช่มือของคนๆ นั้น อย่าปล่อยให้เขาทำลายเรา”

“นั่นสิ” เขาเห็นด้วย

“แล้วถ้าเมื่อคืนเรามัวแต่ตรวจจดหมาย เราคง...” วโรณิกาไม่ได้พูดต่อ เธอหน้าแดงเมื่อนึกถึงคืนที่แสนหวาน

“คุณภาคคงไม่ได้เสียใจใช่ไหมคะ”

ภควสั่นหน้า “ไม่ครับ ไม่เสียใจ ดีใจเสียด้วยซ้ำที่ณิกาไว้ใจผม ผมสิเป็นฝ่ายกลัวว่าณิกาจะเสียใจ” เขาหยุดพูดและช้อนตามองเธอ

“ณิกาคงไม่ได้...เอ่อ...ไม่ได้ตัดสินใจ...ชั่ววูบใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ ณิกาแน่ใจ” หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ “ถ้าไม่แน่ใจ...คงไม่ได้...ไม่ได้...” แก้มของเธอแดงยิ่งกว่าเดิม เธอหลบตาเขาด้วยความขวยเขิน

“ขอบคุณครับณิกา” ชายหนุ่มเชยคางเธอขึ้นและประทับจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากอ่อนนุ่ม

วโรณิกาผละออกห่าง เธอกระแอมเบาๆ ก่อนจะบอกว่า “เราเริ่มงานกันดีกว่าค่ะ” เพราะถ้าไม่เริ่มตอนนี้ เธอกลัวว่าพวกเขาจะไม่ได้เริ่มกันน่ะสิ

ภควมองเธออย่างรู้ทัน เขายังคงยิ้มขณะที่ดึงจดหมายลวงมาวางบนโต๊ะแล้วหันไปจัดการกับกองกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือของผู้ต้องสงสัย

หญิงสาวถือวิสาสะหยิบซองจดหมายมาเปิดดู จดหมายยังคงเหมือนเดิม ซองที่มีรอยยับนิดๆ กับกระดาษสีครีมที่มีตัวอักษรเล็กๆ เขียนอยู่ตรงกลาง ข้อความนั้นก็เป็นข้อความเดิม หากมีบางอย่างที่ผ่านแวบเข้ามาในความคิด...อีกครั้ง เธอนิ่วหน้า จมูกขยับดมฟุดฟิด ก่อนจะสูดลมหายใจลึกและยาว วโรณิกากะพริบตาปริบๆ หน้าผากย่นยู่ ตาของเธอค่อยๆ ปิดลง ความสงบเข้ามาครอบคลุมพื้นที่สมอง เธอทบทวนถ้วนถี่ แล้วความมืดมนก็เริ่มกระจ่างใส หญิงสาวพลันลืมตา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

ชายหนุ่มซึ่งเพิ่งจะแยกกองกระดาษโน้ตเป็นรายคนเสร็จมองเธออย่างงุนงง และยิ่งไม่เข้าใจเมื่อเห็นเธอแนบจมูกติดจดหมาย

“ณิกาทำอะไรน่ะ”

“คุณภาคได้กลิ่นไหมคะ” เธอจ่อจดหมายที่จมูกเขา “กลิ่นน้ำหอม”

“ผม...ผมไม่...” เขากำลังจะปฎิเสธ แต่เธอสั่งเสียงแข็ง

“หลับตาแล้วสูดลมหายใจลึกๆ สิคะ”

ภควทำตาม เธอพูดต่อ

“กลิ่นน้ำหอมจางๆ แทบจะไม่ได้กลิ่นแล้ว”

โสตนาสิกของเขาเริ่มจับสัมผัสได้ ใช่ กลิ่นของมันเกือบจะจืดจาง เขาแทบไม่ได้กลิ่นมัน ว่าแต่มันเป็นกลิ่นอะไร วโรณิกาสงสัยอะไร

“คุณภาคได้กลิ่นไหมคะ” หญิงสาวถามซ้ำ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้น และพยักหน้าช้าๆ “ครับ กลิ่นอะไรสักอย่าง”

“ไม่ใช่กลิ่นอะไรสักอย่าง กลิ่นน้ำหอม...น้ำหอมที่ติยาไม่ก็พี่สาวของคุณใส่” น้ำเสียงของเธอทั้งตื่นเต้นตกใจและไม่คาดคิด

“วันนี้ ตอนที่เจอกันเมื่อกลางวัน คุณภาคไม่ได้กลิ่นเหรอคะ กลิ่นน้ำหอมหวานๆ ฉุนมาก ปรกติติยาไม่ใส่น้ำหอมเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่กลิ่นนี้ด้วย แต่กลิ่นนี้เหมือนกับกลิ่นที่ติดอยู่ในจดหมาย ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมโหลๆ เสียด้วยสิ” วโรณิกาพอจะรู้จักน้ำหอมหลายยี่ห้อ ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าแยกแยะกลิ่นได้ถูกต้อง และที่สำคัญ เธอเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน จากจดหมายนี้นี่แหละ แต่ตอนที่เห็นมันครั้งแรก เธอไม่สะกิดใจสักนิด จนกระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมรุนแรงเมื่อกลางวัน

“และ คนเขียนคงจะใส่น้ำหอมเยอะดีเดียว ไม่งั้นกลิ่นน้ำหอมก็ไม่น่าจะติดในเนื้อกระดาษอย่างนี้หรอก หรือไม่...ก็อาจจะเผลอทำน้ำหอมหยดใส่ หรืออาจจะ...ใส่น้ำหอมระหว่างเขียนจดหมาย” เธอหยุดสันนิษฐานแล้วถาม

“พี่บัวของคุณภาคใส่น้ำหอมหรือเปล่า...น้ำหอมกลิ่นนี้”

“พี่บัวไม่ใส่น้ำหอม” ในฐานะผู้ชาย ภควไม่ได้สังเกตสังกาอะไรมากนัก กระนั้นเขาก็พยายามคิด

“แต่...แต่กลิ่นเมื่อกลางวัน...” เขาชะงัก เมื่อจู่ๆ ประโยคที่ภัคเคยเอ่ยเมื่อในคืนนั้นที่พาราดิสวาบขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

‘คงแอบนัดหนุ่มไว้มั้งครับ เลยบอกให้พวกเรารู้ไม่ได้ วันนี้แต่งตัวเสียสวยเช้ง แถมยังใส่น้ำหอมซะฟุ้งเลย’

“บางทีอาจจะเป็นน้ำหอมของพี่บัว” ภควพูดเสียงเบา

“คืน นั้น...ภัคพบพี่บัวโดยบังเอิญ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะคิดว่ามีนัด...กับผู้ชาย เลยแต่งตัวสวยและใส่น้ำหอมเป็นพิเศษ” แต่จากสิ่งที่เห็นด้วยตาวันนี้ บัวบุษย์คงจะไม่ได้มีคนรักเป็นผู้ชายอย่างที่ใครๆ เข้าใจเสียแล้ว

“น้ำหอมของพี่บัว” ชายหนุ่มพึมพำ

“บางที...อาจจะมาจากทั้งคู่เลยก็ได้” วโรณิกาแสดงความเห็น เธอรู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมอวลอยู่รอบตัวของทั้งสอง

หากพูดออกไปแล้ว ก็ต้องตกใจในข้อสันนิษฐานนั้น

กันติยากับบัวบุษย์...เป็นสองคนนี้ใช่ไหม

ภคว ไม่พูดต่อ มือเลื่อนกองกระดาษโน้ตกองหนึ่งมาตรงหน้า เปรียบเทียบพวกมันกับกระดาษเบาะแสที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง อีกนานเขาจึงกล่าวขึ้นมาเสียงพร่า

“ณิกา ผมคิดว่าผมพบคนเขียนจดหมายนี้แล้ว”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 14:20:49

แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 12:06:16

แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 10:00:37

แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 54 09:58:33

จากคุณ : มิถุนายน
เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 23:40:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com